พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 18 กันยายน 2011 เวลา 20:51 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 3694

ถ้ำหิน

พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถุ้ำหิน  ตั้งอยู่บ้านถ้ำหิน  หมู่ที่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  อยู่ในหุบกระท้อน  มีลำห้วยน้ำขุ่นไหลผ่าน  ห่างจากชายแดนประมาณ 10 กม.

เนื่องจากมีการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรียงตามแนวชายแดนไทย-พม่า  ด้านอำเภอสวนผึ้ง  รวมผู้หนีภัยจากการสู้รบจำนวนประมาณ 8,000 คนในพื้นที่ 40 ไร่

กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) และ NGO ต่างๆ เช่น TBBC (Thailand Burmese Border Consortium), IRC (International Rescue Committee)  ฯลฯ   มีการจัดระเบียบประชากร  จัดทำทะเบียน  จัดระบบการอยู่อาศัย  มีการคัดเลือกกรรมการบริหารผู้หนีภัยจากการสู้รบ  มีชุดรักษาความปลอดภัยประจำพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน  มีการจัดระบบสุขาภิบาล  การรักษาพยาบาล  การรักษาความสงบเรียบร้อย  ดำเนินการด้านการศึกษาแก่ผู้หนีภัยจากการสู้รบ  มีการจัดโครงการนำร่องการคัดกรองผู้หนีภัยสัญชาติพม่าที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อส่งไปประเทศที่ 3

มีการส่งไปประเทศที่ 3 แล้วเป็นจำนวนมากแต่จำนวนก็ไม่ได้ลดลงเลย บุตรที่คลอดในประเทศไทยในกรณีผู้หลบหนีเข้าเมือง แรงงานต่างด้าว และผู้หลบหนีภัยการสู้รบไม่ได้สัญชาติไทย

ข้อสังเกตของนักศึกษาต่อการศึกษาดูงานพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหินคือ

  • ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศที่ 3 ที่รับผู้หนีภัยจากการสู้รบก็มักจะเลือกคนที่มีความรู้  มีการศึกษา  แล้วที่เหลือปล่อยให้เป็นภาระของประเทศไทยต่อไป  ภายในที่พักพิงก็ขาดคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะช่วยดูแลกันเอง
  • ระบบราชการไทยดูแลไม่ไหว  มี NGO 9 องค์กรมาช่วยกันดูแล  แบ่งกันดูแลด้านสุขภาพ  ระบบสุขาภิบาล  การศึกษา ฯ
  • ประเทศไทยจะเป็นม้าอารี  ช่วยเหลือผู้อื่นทั้งๆที่ตัวเองก็มีปัญหา  มีโรคระบาดมากับกลุ่มแรงงานต่างชาติ  ผู้หนีภัยการสู้รบ
  • ระบบบริหารจัดการในอนาคตจะเป็นอย่างไร?
  • มีการอพยพเข้ามาเพิ่มไหม?
  • มีความแตกต่างระหว่างผู้หลบหนีเข้าเมืองกับผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบอย่างไร?
  • อนาคตทางการเมืองของพม่าจะมีผลต่อนโยบายด้านนี้  เช่นกลุ่มที่ต้องการเป็นอิสระ  ถ้าเหตุการณ์ในพม่าสงบลง  มีการอพยพกลับประเทศ  จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย?

Post to Facebook Facebook


พูดคุยซักถามภาครัฐ - สวนผึ้งโมเดล

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 18 กันยายน 2011 เวลา 16:43 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2676

ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

ขอถาม 2 ข้อ

  1. ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จะดำเนินการอย่างไร?
  2. ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มต่อต้านอะไรไหม?

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มี

  1. นักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
  2. นายทุน
  3. กลุ่มข้าราชการ - มีทุกเหล่าทัพ

แต่ตอนนี้ทั้งหมดเริ่มถอย  เริ่มมีการยอมรับกันเพราะใช้กฏหมายเป็นหลัก  มีหลักฐานชัดเจนภาพถ่ายทางอากาศ  ภาพถ่ายดาวเทียม  ที่ยังดื้อๆก็มี  ก็ไปหาท่านผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ

สุดท้ายศาลจะเป็นผู้ที่ชี้ความถูกผิด  แต่ก็อยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน  ผู้มีอืทธิพลสุดท้ายก็มีการจัดการแน่ๆ  แต่ช้าเร็วต่างกัน  ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรม

กลุ่มต่อต้านมีการรวมกลุ่มปิดถนน  ต่อต้าน  กลุ่มต่อต้านมีการใช้วิทยุสื่อสาร  แจ้งเหตุ  กรณีมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ก็มการส่งข่าวกัน

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัท การบินไทย จำกัด

  1. มาตรการการผลักดันผู้ที่บุกรุกออกจากพื้นที่ใช้แบบเดียวกันไหม?  …..คนไทย  คนไม่ปรากฏสัญชาติ
  2. การพิจารณาพื้นที่ส่วนต่างๆเช่นแนวลาดเอียง 19 องศา  หรือ 35% ทำอย่างไร?

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

  1. การดำเนินคดี  ถ้ามีการตัดสินของศาลก็จะมีผลกระทบ  มีการเปลี่ยนแปลงโดยรอบ  มีการเจรจา  ถ้าเชื่อก็จบ  ถ้าไม่เชื่อก็ดำเนินการ  กรณีคนไม่ปรากฏสัญชาติใช้ศาลคือจับส่งตำรวจ ศาลก็ให้ออกจากประเทศ  แต่อีก 3 เดือนก็กลับเข้ามาใหม่  มีปัญหาการระบุตัวบุคคล
  2. การดูความลาดเอียง  กรณีความลาดเอียงสูงก็ไม่ให้ใช้ทำการเกษตร  ถ้าใช้แผนที่ 1:50,000 ก็จะมีเส้น Contour  ต่างกันที่ระดับ 20 เมตร

มุม 45 องศา  คือ 100 %

มุม 19 องศา  คือ  35%

จะสัมพันธ์กับเรื่องลุ่มน้ำด้วย

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัท การบินไทย จำกัด

มีการใช้เครื่องจักรปรับความลาดเอียงในพื้นที่ไหม?

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

ให้ดูหลักเขตพื้นที่กายภาพปี 2538 ก่อน  ดูเรื่องลุ่มน้ำด้วยถึงจะมาใช้ความลาดเอียง  แต่ก็มีหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียมเป็นหลักฐาน

กฤษณะเดช โสสุทธิ สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง

ถ้ามีการเลือกปฏิบัติกรณีมีผู้บุกรุก  กระทำผิดก็ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี  การโต้แย้งสิทธิ  มีการพิสูจน์สิทธิอย่างไร?

กรณีสวนผึ้งโมเดลการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นอย่างไร?  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมไหม?

พ.ต.ท. วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม

ประชาชนเป็นผู้บุกเบิก?  นายทุนเป็นผู้บุกรุก  หน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแล  หน่วยงานที่บังคับใช้กฏหมายน่าจะเน้นที่นายทุนมากกว่าประชาชน

นิพนธ ตั้งแสงประทีป บรรณาธิการข่าว ศูนย์ข่าวอันดามัน สำนักข่าวไทย บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)

ทำไมไม่มีการดำเนินการที่จอมบึง ?

ดร. แสนศักดิ์ ศิริพานิช รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและชุมชนสัมพันธ์  มห่วิทยาลัยราชภัฏสงขลา

เยาวชนไปศึกษาแล้วกลับมาท้องถิ่นเดิม  ถ้าพื้นที่มีปัญหาแบบนี้  เยาวชนจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้อย่างไร?  มีการมองเรื่องนี้ไหม?

กชวรรณ เขมะประสิทธิ์ อุปนายกสมาคมรถร่วมบริการประชาชน

กชวรรณ1

อยากให้ชี้แจงระยะเวลาในสัญญาการเช่า  ทำไมให้ 3 ปี  ทำไมไม่ให้นานกว่านี้

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

เกณฑ์การกำหนดลุ่มน้ำชัดเจน  ชั้น 1 A,  ชั้น 2……ชั้น 4 ก็ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยได้  กฏหมายตั้งแต่สมัยอยุธยาก็ห้ามการใชีพื้นที่บนเขา  ในการชี้แจงประชาชนจะถูกก่อกวนตลอด  ในพื้นที่ต้องแยกแยะ  ประชาชนจะมีส่วนร่วมได้อย่างไร? เมือส่วนหนึ่งก็เป็นผู้บุกรุกเสียเอง  แต่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ

มีทั้งที่ถูกต้อง  มีกลุ่มอนุรักษ์ที่ถูกคุกคาม  แต่ก็เป็นพลังเงียบที่มีมากขึ้นทุกที ที่ปากช่องจะรุนแรงกว่านี้  มีทหารนอกแถวด้วย  จอมบึงก็มีการดำเนินการแต่ส่วนมากเป็นพื้นที่ราบ

ณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

มีการต่อต้านจากชาวบ้าน  แต่ก็มีพลังเงียบที่ช่วยอนุรักษ์  พยายามดำเนินการรายใหญ่ที่บุกรุกบนเขาก่อน  รายเล็กทีหลัง  พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำว่าผู้บุกรุก

ระยะหลังนี้การต่อต้านน้อยลง  รอการเช่าและรอกฏหมายใหม่  เริ่มมีสภาประชาชน  เป็นการเปิดให้มีส่วนร่วม  แต่คณะกรรมการพิจารณาการเช่าก็ยังมีแต่ภาครัฐอยู่

นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็เริ่มให้ความร่วมมือดีขึ้นมาก  มีการตักเตือนเจ้าหน้าที่ทหารบางคนที่แตกแถว

เรื่องของเยาวชนที่กลับใส  ก็จะมาทำธุรกิจร้านกาแฟ  รีสอร์ท  กลับมาเป็นครู อาจารย์ มีเครือข่าย  มีการตั้งมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์  - www.rabbitinthemoon.org

ปัญหาเกิดจากชาวป่าหรือชาวเรากันแน่?

คุณวิเชียร คุตตวัส

เครือข่ายเยาวชนต้นกล้า เริ่มจากปัญหาในโรงเรียน  3 ปีแรก  ปีที่ 4 เริ่มออกสู่ปัญหาภายนอก  มีกลุ่มที่ได้รับรางวัล”ลูกโลกสีเขียว”  ดูได้จากรายการ “ทุ่งแสงตะวัน”

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

พื้นที่ป่าหวาย มีชาวบ้านกว่า 400 ราย  ไม่ประสงค์จะเช่า  มี พรฎ. ตั้งแต่ปี 2481  แผนที่เริ่มมีมาตั้งแต่ปี   2495

ช่างสำรวจจากกรมธนารักษ์

สัญญาเช่าชั่วคราว 3 ปีเป็นอำนาจท่านผู้ว่าราชการจังหวัด  รีสอร์ทไดรับการผ่อนปรนอาจขอทำสัญญา 10 ปีได้  ตอนนี้ก็ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม  ถ้าจะนำไปค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารก็ยินดีขยายสัญญาเป็น 20 ปีให้

เผ่าพงษ์ เต็มสัมฤทธิ์ ผู้อำนวนการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

อยากถามกรมธนารักษ์  ด้านเทคนิค  วิธีคิดมุมลาดชัน  ถ้าคิดจากการยิงจากยอดเขา  จะได้ความแม่นยำมากกว่า

พันเอก ดร. พิเชษฐ คงศรี นายทหารปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทย

สวนผึ้งโมเดลอยู่ในความดูแลของทหาร  ไปอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ  ปัญหาในอนาคตจะมีการไหลเข้ามาของประชาชน  จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น  เป็นห่วงพลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ในปัญหางบประมาณ  สวนผึ้งโมเดลน่าจะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณ  รวมทั้งการวางแนวเขตที่ชัดเจน

นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

เราเพิ่งมีภาพถ่ายดาวเทียมของเราเอง  ใช้ประโยชน์ได้ไหม?  มีการสำรวจข้อมูลประเด็นความเสี่ยงในพื้นที่ไหม?  เปรียบเทียบกับการเข้าทำกินของประชาชน

พล.ต.ต. นายแพทย์ อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ

ค่าเช่า 4 บาท/ตารางเมตรถูกไปไหม?  (ความจริงเป็นค่าเช่าต่อเดือนซึ่งค่อนข้างแพง..สุธี)  ผู้ประกอบการน่าจะมีประเด็น CSR

น้ำตกทหารมีส่วนช่วยดูแลไหม?

เกียรติเกริกไกร ใจสมุทร รองเลขาธิการมูลนิธิอัศนี พลจันทร(นายผี)

กรณีการร่างพรบ.การบริหารจัดการที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐ พ.ศ….  ทหาร  ฝ่ายปกครอง  ประชาชน  มีส่วนร่วมไหม?

พ.อ. มนิต ศิริรัตนกุล เสนาธิการกองพลพัฒนามี่ 1

ประเด็นน้ำตกเก้าชั้นทางจังหวัดกับกองพลพัฒนาที่ 1 ก็จะเริ่มเข้ามาดูแลเรื่องน้ำ   การต่อท่อนำน้ำไปใช้ในระดับบนๆจะไม่ให้ทำ

ขุมเหมืองเดิมจะให้เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ  ให้ อบต. ดำเนินการดูแล

ณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

ประเด็นการไหลเข้ามาของนายทุน  หลักเกณฑ์ต้องทำประโยชน์มาก่อนจึงจะเช่าได้  โอกาสคนใหม่เข้ามาน้อยมาก  แต่โอกาสเปลี่ยนมือมีสูง

มีการจัดโซนนิ่ง  พื้นที่เสี่ยงภัยก็จะไม่ให้เช่า  น้ำป่าไหลหลาก  ดินถล่ม  มีการเฝ้าระวังและมีการซ้อมแผน

การดูแลน้ำตกจะมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์

ดาวเทียมไทยที่ทำการสำรวจอยู่ค่อนข้างหยาบ  แต่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารจะมีความละเอียดสูง

พรบ.การบริหารจัดการที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐ พ.ศ….ที่กล่าวถึง  หน่วยราชการต่างๆรวมทั้งทหารก็มีส่วนร่วม  ตอนนี้ผ่าน สส. ไปที่วุฒิสภา  เสนอก่อนยุบสภาฯ 10 วัน

ท่านเจ้าคุณบุญมา พระราชปฏิภาณมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส

อำเภอสวนผึ้งเปลี่ยนไปหมดแล้ว  ปี 2511 มาเยี่ยมลูกศิษย์แถวนี้  ซึ่งนิยมคอมมิวนิสต์  สมัยก่อนพระต้องฝึกเดินธุดงค์ก็มาเดินธุดงค์แถวนี้  ก็มีโอกาสชักชวนผู้ที่นิยมหลักการให้เข้าไปช่วยในเมือง

เดิมคนจะเดินข้ามเขามา  สภาพชีวิตไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า  ไม่มีการระเบิดภูเขา

สมัยปี 16  นักธุรกิจเริ่มเข้ามา  มีการตัดไม้ทำลายป่า  เห็นรถบรรทุกไม้  มีคนมาทำเหมืองแร่  นำแร่จากสวนผึ้งไปญี่ปุ่น

การล่องน้ำภาชีต้องใช้แพ  เดิมมีต้นผึ้ง  มีผึ้งหลวง  มีน้ำผึ้งแต่ปัจจุบันไม่มีเหลือแล้ว

“ถ้าจะเอาน้ำผึ้ง อย่าไปเตะรวงผึ้ง  ถ้าเตะรวงผึ้งจะอดกินหมด”

Post to Facebook Facebook


สวนผึ้ังโมเดล: โมเดลเพื่อการจัดการปัญหาบุกรุกที่ดิน - มุมมองภาครัฐ

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 18 กันยายน 2011 เวลา 10:55 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2156

9.30-12.00 น.  วันที่ 24 สิงหาคม 2554  โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ ผู้แทนเจ้ากรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี

สวนผึ้งโมเดล (Small)

เป็นการดูแลพื้นที่ราชพัสดุทะเบียน รบ. 553  เป็นพื้นที่ป่าถึง 80% และมีผู้ที่อาศัยอยู่เดิม  ทางกองทัพบกได้ใช้เป็นพื้นที่ฝึกซึ่งพื้นที่ฝึกมีน้อยลงทุกวัน  พื้นที่นี้มีปัญหาด้านความมั่นคงด้วย

พื้นที่นี้เป็นต้นน้ำของแม่น้ำภาชี  เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การดำเนินการสวนผึ้งโมเดล  แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน  คือ

  1. ขั้นเตรียมการ
  2. ขั้นดำเนินการ
  3. ขั้นฟื้นฟู

ขั้นเตรียมการ

มีการปรึกษาข้อกฏหมาย  ทางอัยการเป็นที่ปรึกษาทางกฏหมาย  มีการหาข้อมูล  ประวัติที่ดิน  แผนที่ประกอบรวมทั้งภาพถ่ายทางอากาศ  มีการอบรมให้ความรู้ด้านกฏหมายและการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์  การทำงานเป็นการทำงานแบบบูรณาการ  มีหน่วยราชการเกือบทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

ขั้นดำเนินการ

มีการบอกกล่าว  แจ้งเตือน  ให้ออกจากพื้นที่ ปักหลักหมุดเขตพื้นที่กายภาพในสถานที่จริง  มีการรวบรวมพยานหลักฐาน  ร้องทุกข์กล่าวโทษ  การดำเนินคดีมีทั้งการเจรจาไกล่เกลี่ย  และต่อสู้คดี  คดีทั้งหมด 25 คดีมียกฟ้องไป 1 คดี  ตัดสินไปแล้ว  18 คดี

ขั้นฟื้นฟู

มีการปลูกต้นไม้หรือปลูกป่าทดแทน  มีการสร้างฝายชะลอน้ำ  การเฝ้าระวังและการใช้ประโยชน์จากป่า

ปัจจุบันร่าง พรบ.การบริหารจัดการที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐ พ.ศ….  ก็ผ่านสภาแล้ว  ต้องเดินสายชี้แจงหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก  เกี่ยวกับสวนผึ้งโมเดลเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป

พ.อ. มนิต ศิริรัตนกุล เสนาธิการกองพลพัฒนามี่ 1

กองพลพัฒนาที่ 1 เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1  รับผิดชอบฝั่งซ้ายของถนนไปจนถึงแนวชายแดน  พื้นที่รับผิดชอบทั้งหมดประมาณ 170,000 ไร่

ในปี พ.ศ. 2536-2538  ทางกองทัพบกกับกรมธนารักษ์ได้ร่วมกันปักหมุดเขตพื้นที่กายภาพ  มีการอนุโลมให้ทำกินได้ถ้าทำกินมาก่อนที่จะประกาศ  แต่ประชาชนไม่ยอมรับวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ซึ่งในข้อเท็จจริงอาจมีการตกสำรวจ  ซึ่งก็สามารถมาแจ้งได้  ก็จะมีการพิสูจน์สิทะฺกัน  แต่ก็ไม่มีคนมาแจ้ง

ปัญหาที่เกิดขึ้น  ประชาชนจะอ้างภบท. 5 หรืออ้างว่ากำลังจะยื่นเช่า  รวมทั้งการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่ได้เป็นแนวทางเดียวกัน

ข้าราชการต้องปฏิบัติตามระเบียบกฏหมาย  ถ้าอยู่ในเขตพื้นที่กายภาพมาก่อนก็สามารถมายื่นเช่าได้  มีการออกชี้แจงทำความเข้าใจ  ถ้าเชื่อฟังก็ไม่มีปัญหา  ถ้าขัดขืนก็ใช้กฏหมาย

ในการขอยื่นเช่าจะให้ผู้ยื่นเช่ามารับฟังคำชี้แจงเพื่อแก้ปัญหา “ ขาดเจตนา” ระยะหลังนี้ทัศนคติของประชาชนก็เปลี่ยนไป  ยอมรับการเช่าแต่ต้องการให้สัญญาเช่ามีระยะเวลาที่นานขึ้น  คือมีตั้งแต่ไม่ยอมเช่า  อ้างสิทธิจะเอาเอกสารสิทธิอย่างเดียวกับยอมเช่าแต่ขอสัญญานานขึ้น

ณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

พื้นที่ที่พูดถึงคือ รบ.553 หมายถึงพื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน รบ.553 อ.จอมบึง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  ซึ่งทางราชพัสดุได้มอบให้กรมการทหารช่างและกองพลพัฒนาที่ 1 ดูแล

คนที่อยู่ดั้งเดิมมากับธุรกิจเหมืองแร่ซึ่งเลิกไปแล้ว  ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวและทำการเกษตรกัน  จึงมีปัญหาเรื่องที่ดิน น้ำ  ในสังคมพหุวัฒนธรรม

ปัญหา

  1. การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.๕)
  2. การตีความ “ขาดเจตนา”
  3. ประชาชนไม่ทราบแนวเขตพื้นที่กายภาพ
  4. การทำงานของทางราชการไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
  5. กลุ่มนายทุนต้องการพื้นที่ประกอบธุรกิจ
  6. ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ พรฎ. 2481
  7. ขาดการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ข้อเท็จจริงมีการใช้พื้นที่ในทางเกษตรกรรมซึ่งใช้ปลูกสวนยางและปาล์มน้ำมันมากกว่ารีสอร์ท  สวนผึ้งมีปัญหาจำนวนมากกว่า 4,000 ราย  พื้นที่มากกว่า 100,000 ไร่

แนวทางการแก้ไขปัญหา

  1. ให้ผู้ที่ถือครองที่ดิน (1,029) รายพิสูจน์สิทธิ  ถ้ามีสิทธิก็ออกเอกสารสิทธิให้
  2. ถ้าไม่มีสิทธิก็ต้องแจ้งขอเช่า  ซึ่งสามารถดำเนินการได้
  3. ถ้าไม่ยอมพิสูจน์สิทธิ  ไม่ขอเช่าก็ต้องดำเนินคดี

มีคณะกรรมการและมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เช่า  มีการจัดทำเสาหลักเขต แนวเขตพื้นที่กายภาพ  ส่วนมากก็จะให้เช่าถ้าถูกต้องตามหลักเกณฑ์  อาจมีการให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าให้ตรงกับข้อเท็จจริงเพราะอัตราค่าเช่าแตกต่างกันมาก  และในกรณีที่บุกรุกพื้นที่ต้นน้ำก็ไม่สามารถให้เช่าได้  ต้องให้ออกจากพื้นที่ไป

พ.ต.อ. ศิรเมศร์ พันธุ์มณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี

ก่อนหน้าสวนผึ้งโมเดล  มีการยกฟ้องคดีจากประเด็น”ขาดเจตนา”

ในการซื้อขายที่ดิน  คนซื้อก็มีสัญญาซื้อขาย  มีกำนันผู้ใหญ่บ้านเซ็นเป็นพยาน  มีใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.๕)   ก่อนที่จะเปลี่ยน นส. 3 เป็นโฉนด  เริ่มจาก ภบท.๕

เดิมมีปัญหาจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  สวนผึ้งโมเดลก็ยังมีปัญหาเพราะมีการดำเนินการแต่เฉพาะรายเล็ก    ถ้าดูหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศและหลักฐานจาก อบต.ก็พอจะทราบเจ้าของทีแท้จริง

ในทางปฏิบัติ กำนันผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนชี้จุด  ไม่ได้ใช้ GPS  ในการดำเนินคดีต่อไปต้องมีหลักฐานข้อมูลที่ชัดเจน

ช่างสำรวจจากกรมธนารักษ์

เวลามีคดีต้องทำแผนที่ประกอบคดีและไปให้การในศาล  สวนผึ้งโมเดลมีแนวทางการเจรจาประนีประนอม  ใช้ทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์  มีการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน  มีการบูรณาการ

คนที่อ้างสิทธิการครอบครองต้องการเอกสารสิทธิก็สามารถพิสูจน์สิทธิ  ทั้งนี้ก็มีหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียม  ภาพถ่ายทางอากาศ  ถ้าถูกต้องก็ออกเอกสารสิทธิให้

ถ้าไม่สามารถออกเอกสารสิทธิให้ได้ก็สามารถขอยื่นเช่า  ถ้าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมมือแรกค่าเช่าจะถูก เช่น 20 บาท/ไร่/ปี  ถ้าเปลี่ยนมือค่าเช่าจะเปลี่ยนเป็น 200บาท/ไร่/ปี  เป็นต้น

รีสอร์ทอัตราค่าเช่าคิดเป็นพื้นที่ใช้สอย  ที่ตั้งอาคารคิด 4บาท/ตารางเมตร/เดือน  ที่เหลือก็คิด 75 สตางค์/ตารางเมตร/เดือน  แต่ก็มีการต่อรองอัตราค่าเช่า

Post to Facebook Facebook


ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (3)

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 16 กันยายน 2011 เวลา 1:19 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1838

กิจจา อาลีอิสเฮาะ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

มีความเห็นต่าง  เมื่อวานที่ฟังจะมี 2 ส่วน  ส่วนแรกก็เป็นภาคธุรกิจ  ภาคผู้ประกอบการ 3 ท่านมาพูดให้เราฟัง  ส่วนที่ 2 ก็เป็นภาคพลเมือง  ภาคประชาชนในพื้นที่

มองลึกลงไปจะเห็นความกังวลของทั้ง 2 ฝ่าย

ฝ่ายผู้ประกอบการเข้ามาตั้งแต่ปี 2538  หลังจากนั้นก็มีปัญหากับกรมธนารักษ์  เคยทำคดีประเภทนี้  เช่นที่กองบิน  ประจวบคีรีขันธ์  และคดีที่ดินที่จังหวัดกาญจนบุรี   เดิมกรมธนารักษ์ก็เข้ามาประกาศเวนคืนที่ดิน สักพักทางทหารก็มาขอใช้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ที่มีผู้ประกอบการเกษตรก็ดี  เลี้ยงสัตว์ก็ดี  ผู้ที่ทำกินอยู่เดิมก็จะถูกขับไล่โดยฝ่ายทหารอ้างว่าจะใช้ประโยชน์  เมื่อประกาศลักษณะแบบนี้ผู้ประกอบการจะเสียประโยชน์  เมื่อวานพอพูดถึงเรื่องทหาร  แต่ละคนเกิดความกังวล  บอกว่าผมไม่ได้พูดนะ  ฉันไม่ได้พูดนะ

ปัญหาของชาวบ้าน ถ้าเป็นแค่เรื่องของกรมธนารักษ์  เป็นเรื่องของการเช่าก็ยินดี  แต่อยากให้ผูกพันเรื่องค่าเช่าหลายๆปี  แต่ถ้า 3 ปีนี่มีปัญหาแน่นอน

สุวิมล เทวะศิลชัยกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ  สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

เมื่อวานนี้ประทับใจที่มีการพูดคุยกันท่ามกลางปัญหาและตกลงกันได้ในที่สุดว่า จะหาทางออกด้วยกัน  เป็นวิธีการที่ดี  ปัญหาคือเมื่อตกลงกันได้จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร?  ในระหว่างที่นำไปสู่การปฏิบัติ  จะเกิดปัญหาความขัดแย้งอะไรกันอีกหรือไม่?  จะจัดการอย่างไร?

นายแพทย์เล็ก ทวีเติมสกุล เลขาธิการมูลนิธิสหพันธ์สันติภาพสากล (ประเทศไทย)

เล็ก

ปัญหาทั้งหมดเป็นปัญหาของการใช้ทรัพยากร

ทรัพยากรทั้งหลายโดยธรรมชาติเป็นของส่วนรวม  ไม่มีใครมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของเพราะเราไม่ได้เป็นคนสร้าง  ในการที่จะแบ่งสรรปันส่วนและการจะอยู่ร่วมกันของคน  ถ้าจะให้เกิดสันติสุขได้และไม่ขัดแย้ง  มีพื้นฐานอยู่ 3 ประการด้วยกัน

  1. การอยู่ร่วม (Coexcistence)
  2. การเติบโตพัฒนาร่วมกัน (Co-Prosperity)
  3. ความชอบธรรมร่วมกัน (Corighteousness)

การอยู่ร่วม  เราทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน  มีชีวิตรอดอยู่ร่วมกันได้อย่างพอเพียงบนพื้นฐานร่วมกัน

การเติบโตพัฒนาร่วมกัน  ไม่มีใครอยากอยู่อย่างยากจน  ทุกคนต้องการความเจริญ  การพัฒนาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ทุกคนมีสิทธิที่จะเติบโตและพัฒนาไปร่วมกัน

ความชอบธรรมร่วมกัน  ถ้าปราศจากความชอบธรรมโดยถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักแล้ว  ปัญหาก็จะเกิดขึ้น  ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน  ความขัดแย้งมันมาในมิติของอำนาจ  คือของที่เป็นธรรมชาติ  ใครจะมีสิทธิที่จะไปครอบครอง  คนที่ครอบครองเป็นคนที่มีอำนาจ  มันมาบนพื้นฐานของอำนาจรัฐและอำนาจรัฐก็จะถูกใช้เพื่อตั้งกติกา

บริบทของอำนาจและความมีสิทธิในการเป็นเจ้าของต้องมาบนพื้นฐานของความเป็นธรรม  ถ้าหากว่าไม่มีคุณธรรมหรือไม่มีธรรมะเป็นแก่นโดยใช้ความเห็นแก่ตัวเป็นหลัก  ก็จะเกิดความขัดแย้ง  ประเด็นที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือคนที่จะสามารถบริหารจัดการความขัดแย้ง  จะต้องเริ่มจากคนที่มีอำนาจและบริหารอำนาจและใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม

ถ้าไม่มีการแก้ไขในระบบของกฏหมาย   กฏหมายเป็นกติกาที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดระเบียบที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย    ถ้ากฏหมายมีปัญหา  โครงสร้างมีปัญหา  ผู้ใช้กฏหมายหรือใช้อำนาจไม่ยืนอยู่บนความเป็นธรรม  ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้น

ต้องมองดูว่าธรรมชาติหรือทรัพยากรทั้งหมดทุกคนมีสิทธิใช้ร่วมกันเพื่ออยู่อย่างมีความสุข  และพัฒนาไปร่วมกันอย่างมีความสุขและบนกติกาของความเป็นธรรม

ปัญหาที่มีการรวมตัวของชุมชนและเรียกร้องเพราะไม่มีอำนาจอยู่ในมือ  จึงต้องเริ่มต้นจากตรงนั้น  การแก้ไขปัญหาถ้าภาครัฐซึ่งถืออำนาจอยู่ในมือ  สามารถกำหนดกฏกติกาได้  ไม่เข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ก็จะเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไปเรื่อยๆ

ภาครัฐก็ดี  ภาคเอกชนผู้ประกอบการก็ดีจะต้องเข้ามามีเวทีร่วมกัน  ภาครัฐควรจะต้องเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้  จัดการให้มีการพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาในการปฏิบัติต่อไป

ลุงเอก

พูดเรื่องพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งให้ไว้เรื่องที่ดินที่ประชาชนอยู่ติดกับที่มานานแล้วมาออกกฏหมายครอบที่ดินต่างๆ  เดิมที่ดินไม่มีใครเป็นเจ้าของแต่มีผู้จับจองทำกินมาตั้งแต่ดั้งเดิมแล้ว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสไว้ว่า

“ …กฏหมายมีไว้สำหรับให้มีความสงบสุขในบ้านเมือง  มิใช่ว่ากฏหมายมีไว้สำหรับบังคับประชาชน  ถ้ามุ่งหมายที่จะบังคับประชาชน  ก็กลายเป็นเผด็จการ  กลายเป็นสิ่งที่บุคคลหมู่น้อยจะต้องบังคับบุคคลหมู่มาก  ในทางตรงข้าม กฏหมายมีไว้สำหรับให้บุคคลหมู่มากมีเสรีและอยู่ด้วยความสงบ  บางทีเราตั้งกฏหมายขึ้นมาก็ด้วยวิชาการที่ได้จากต่างประเทศ  เพราะว่าวิชาการกฏหมายนี้  ก็เป็นวิชาการที่กว้างขวางจึงต้องมีอะไรทำอย่างหนึ่ง  แต่วิชาการนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือท้องที่ของเรา  บางทีเคยยกตัวอย่างมาเกี่ยวกับที่ดิน  เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินของประชาชนที่อยู่ห่างไกล  ซึ่งเราเอากฏหมายไปบังคับประชาชนเหล่านั้นไม่ได้เพราะว่า…เป็นความผิดของตัว เอง เพราะการปกครองไม่ถึงประชาชนที่อยู่ห่างไกลจึงไม่สามารถที่จะทราบถึงกฏหมาย  ความบกพร่องก็อยู่ที่ทางฝ่ายที่บังคับกฏหมายมากกว่าฝ่ายที่ถูกบังคับ  ข้อนี้ควรจะถือเป็นหลักเหมือนกัน  ฉะนั้น…ต้องหาวิธีที่จะปฏิบัติกฏหมายให้ถูกต้องตามหลักของธรรมชาติ…

…ในป่าสงวนซึ่งทางราชการได้ขีดเส้นไว้ว่าเป็นป่าสงวนหรือป่าจำแนก  แต่ว่า เราขีดเส้นไว้ประชาชนก็มีอยู่ในนั้นแล้ว  เราจะเอากฏหมายป่าสงวนไปบังคับคนที่อยู่ในป่าที่ยังไม่ได้สงวนแล้วไปสงวนที หลัง  โดยขีดเส้นบนเศษกระดาษก็ดูชอบกลอยู่  แต่มีปัญหาเกิดขึ้นที่เมื่อขีดเส้นแล้ว  ประชาชนที่อยู่ในนั้นก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฏหมายไป  ถ้าดูในทางกฏหมายเขาก็ฝ่าฝืนเพราะว่าตรามาเป็นกฏหมายโดยชอบธรรม  แต่ว่า…ถ้าตามธรรมชาติ ใครเป็นผู้ทำผิดกฏหมาย ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั่นเอง  เพราะว่า  บุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่ก่อน  เขามีสิทธิในทางเป็นมนุษย์  หมายความว่า…ทางราชการบุกรุกบุคคล  ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฏหมายบ้านเมือง…”

ฟังแล้วก็เป็นความบกพร่องของทางราชการเอง  เป็นผู้ที่ออกกฏหมายโดยไม่รับฟังเสียงของประชาชน  ไม่ได้ฟังข้อมูลอย่างถ่องแท้แล้วออกกฏหมาย  รองอธิบดีกรมที่ดินคนก่อนได้รับมอบให้ทำแผนแม่บทเรื่องที่ดินแห่งชาติ  คือให้ทำเรื่อง Mapping ที่ดินทั้งประเทศตั้งแต่รัฐบาลนายกทักษิณ  พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ไม่มีแผนที่จะทำต่อเนื่อง  ถ้าทำก็จะรู้ว่าในที่ดินทั้งหมดเป็นที่ราชพัสดุตรงไหน อย่างไร?  ที่ไหนออกเอกสารอะไรไปบ้าง?  เริ่มจากหาข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อนก่อนแล้วมาดูแผนแม่บทว่าจะจัดการที่ดินต่างๆอย่างไรในอนาคต?

กรณีตรงนี้เป็นแผนภาพจำลองซึ่งมันเกิดทั้งประเทศเลย  เป็นแบบนี้หมดทั่วประเทศ  แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1

เจ้าของคนที่ถือครองที่ดินคือคนที่อยู่ติดที่ดั้งเดิม กลุ่มเผ่าพันธุ์  หมายถึงคนที่อยู่ในป่าเขาตั้งแต่ดั้งเดิม เช่นกะเหรี่ยงอยู่ไล่มาตั้งแต่แม่สอดยันประจวบฯ ระนอง

จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ  แต่ในอดีต  ในประวัติศาสตร์กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในผืนแผ่นดินประเทศไทย  เพราะประเทศไทยสมัยก่อนเรายาวไกลไปถึงอินเดีย  แคว้นอัสสัม  ติดกับพม่าคือไทยอาหม   ทางเหนือก็ไปถึงเชียงตุง สิบสองปันนาเลย  เกาะกงก็คือคนไทย  วันนี้เขาเริ่มเรียกร้องขอสิทธิการเป็นคนไทย

ล่าสุดมีการเดินขบวนมาจากด่านสิงขร  มาขอให้รัฐบาลยอมรับสิทธิเค้า  มีการผ่านกฏหมายไปแล้วยอมรับให้มาเป็นคนไทย สัญชาติไทยห้าสิบคน  ปัญหาใหญ่ก็คือกลุ่มคนเหล่านี้อยู่มาตั้งแต่ดั้งเดิม  จึงขอที่ดินที่อยู่มาแต่ดั้งเดิมเป็นกรรมสิทธิ  จะให้ได้ไหม? เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์สิทธิ  แล้วจะให้เป็นสองส่วนคือให้เป็นสิทธิในที่ดินกับให้เป็นกรรมสิทธิ  สิทธิซื้อขายต่อไม่ได้  ได้สิทธิไม่เป็นไรขายต่อไม่ได้  แต่ปัจจุบันสิทธิเหล่านี้เอาไปขายต่อๆกันไปเลยเป็นปัญหาใหญ่

กลุ่มที่ 2

กลุ่มที่เข้ามาทีหลัง  บางคนก็เข้ามา 20 ปี  บางคนก็เข้ามา 30 ปี

กลุ่มที่ 3

คนใหม่เอี่ยม  เพิ่งเข้ามาลงทุน

มีบุกรุกเพื่อไปเอาที่ดินใหม่แล้วขายที่ดินเก่า  บางคนว่าเป็นปัญหาเศรษฐกิจแต่เป็นปัญหาโรงพักมากกว่า  ถ้าเป็นแบบที่พระเจ้าอยู่หัวว่าให้อยู่ตามธรรมชาติก็อยู่กันได้  แต่วันนี้มันไม่ใช่อยู่ตามธรรมชาติแล้ว  คนที่อยู่เดิมแทนที่จะทำตามวิถีที่พออยู่พอกินพอใช้  ไม่ใช่แล้วเปลี่ยนวิถี เปลี่ยนบริบท  ต้องการที่จะได้มากๆ  เลยเป็นปัญหาโรงพัก

ยกตัวอย่างที่ปาย  เปลี่ยนบริบทของชุมชนหมดเลย  สังคมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  จะหาอาหารเหนือทานยากมาก  ไม่มีหรอกครับ  อยากทานลาบก็จะเจออาหารฝรั่ง  อยากฟังเพลงสะล้อ ซอ ซึงก็จะเจอแต่เร้กเก้ คาราบาว  เพลงเพื่อชีวิต  เมืองปายเปลี่ยนวัฒนธรรมหมด  คนในพื้นที่ต้องการเอาวัฒนธรรมเดิมกลับคืนมา  ก็ต้องต่อสู้กับคนพวกนี้

ถนนคนเดินไม่ใช่ถนนคนเดินเชิงวัฒนธรรมของดั้งเดิม  แต่เป็นถนนคนเดินแบบตรอกข้าวสาร

ท้องถิ่นและระบบการปกครองของเราขาดความรับผิดชอบมาก  เห็นคนบุกรุกที่ เห็นคนเข้ามาก่อสร้าง  ตามระเบียบก็ต้องขออนุมัติ  แต่ก็ให้ก่อสร้างไปเรื่อยๆโดยที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ เพียงแต่ประวิงเวลาไว้เพื่อให้ตัวเองผ่านพ้นตำแหน่งไปเท่านั้นเอง  ถือว่าเป็นความบกพร่องของราชการ

ทหารก็มาแล้วพร้อมจะรับฟัง เมื่อกี้ใครพูดอะไรไว้ไม่ต้องบอก? (ฮา)

ทหารเป็นจำเลยในหลายๆเรื่อง  กรณีราชประสงค์ก็เป็นจำเลย นึกอะไรไม่ออก  ใช้ใครไม่ได้ก็ชอบใช้ทหาร  ที่ราชพัสดุมาเยอะมาก  ไม่มีคนดูแลก็มอบให้ทหารดูแล  ทหารก็รับอะไรง่ายมาตลอด  ให้เป็นอะไรก็ยอมรับทั้งหมด  พอรับไปดูแลแล้วดูแลไหวมั๊ย?  ไม่ไหวหรอกครับ ที่กาญจนบุรีแสนกว่าไร่   เอาคนมาหารแล้วต้องใช้คนมากมายก็เลยไม่ไหว  ไม่ไหวก็ต้องคืนไป

ทหารใช้บางส่วน  ช่วยดูแลพื้นที่ให้และใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์ต่อการฝึก  ตอนนี้ก็ใกล้จะหมดไม่เหลือหรอแล้ว  ต้องไปฝึกในป่าช้าเพราะไม่มีใครไปบุกรุกที่ดิน  อยู่ในนั้นก็สดวกดี  สุดท้ายต้องคืนให้รัฐและรัฐก็ต้องให้ภาคประชาชนต้องมาช่วยดูแล  ทหารก็เหลือที่ที่จะใช้ประโยชน์ทางการทหารจริงๆ

เรื่องที่ดิน  เรื่องน้ำ  แล้วสุดท้ายก็เป็นเรื่องโน้นศาลนี้  ถ้าตั้งศาลเฉพาะท่านโด่งจะต้องตั้งประมาณ 100 ศาล(ฮา)   ตั้งศาลเดียวพอเลย  ตั้งศาลเตี้ยอย่างเดียว(ฮา)

นพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)

นพณัฏฐ์1

ส่วนใหญ่เราจะพูดกัน อบต. อบจ. รัฐบาล ทหาร  ในอนาคตต้องสร้าง Generation แต่ละ Generation  ให้มีความรักหวงแหนในธรรมชาติ  เยาชน นักเรียน เด็กต้องใส่ลงไปหนักๆ  ตรงนี้เราขาด  ไม่ว่าเรื่องอะไรเรามาแก้กันปลายเหตุ  ต้องเตรียมสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้รองรับ

นิพนธ ตั้งแสงประทีป บรรณาธิการข่าว ศูนย์ข่าวอันดามัน สำนักข่าวไทย บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน)

นิพนธ

เมื่อวานฟังครูวุฒิพูด  จะเห็นว่าเขาใช้คำว่าผู้บุกเบิกไม่ใช่ผู้บุกรุก  สองคำนี้ต่างกันมาก  ความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง  มีประสบการณ์การทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เยอะมาก  จะมีกฏหมายทับซ้อน  ชาวบ้านร้องเรียนมา  อุทยานประกาศเขตทับที่  ป่าสงวนประกาศเขตทับที่  กฏหมายเกิดมาหลังจากชาวบ้านเข้ามาอยู่

กรณีปายที่ลุงเอกว่า  ปายมีชุมชนมุสลิม  มีมัสยิดเล็กๆอยู่ด้วย  ไปคุยด้วยกับอิหม่ามที่นั่น  จากเดิมที่อยู่อย่างมีความสุข  ปัจจุบันต้องให้ลูกหลานคลุมศีรษะและใบหน้า  คนที่เข้ามาเป็นอันตรายต่อลูกหลานมาก  ไม่ว่าจะเป็นผับ เป็นเธค  สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่กำลังเข้าไปและเกิดปัญหากับพื้นที่ที่อยู่กันมาดั้งเดิม   ถ้ายึดตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก้ปัญหาได้แน่นอน

วิธีการที่จะแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บท หรือนำกฏหมายที่เกี่ยวกับที่ดินทั้งหมดมาปฏิรูปใหม่น่าจะแก้ปัญหาที่จะเกิดในอนาคตได้

ลุงเอก

ถ้าไทยกับพม่ามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้น ปัญหาคนกลุ่มแรกก็จะหมดไป  ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆคนที่อยู่ในกลุ่มแรกต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งคือ

  1. เลือกว่าเป็นคนไทย
  2. เลือกว่าเป็นคนพม่า
  3. ไม่ต้องการเป็นไทยหรือพม่า  ต้องการเป็นประเทศ(พวกคะฉิ่น)  ไม่เคยอยู่กับพม่ามาก่อนเลยในการปกครอง  อังกฤษมาปกครองก็จับมารวมกับพม่า  พอส่งคืนกลับไปส่งคืนให้กับพม่า  นี่คือปัญหาที่สร้างโดนอิทธิพลของชาติตะวันตกที่ทำเอาไว้

Post to Facebook Facebook


ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (2)

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 18:05 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 2464

ภูวเดช  มังสาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูพญาบิวดิ้ง จำกัด

ภูวเดช

ปัญหาเรื่องน้ำยังไม่น่าถึงวิกฤต ถ้าทุกฝ่ายร่วมจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์กัน  ชุมชนและธุรกิจรีสอร์ทหาทางออกร่วมกันก็คงจะพอใช้อยู่  ไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดความเจริญ  ความเจริญที่เข้ามาในท้องถิ่นเป็นโอกาสของคนในชุมชนท้องถิ่น  แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี

ดร. แสนศักดิ์ ศิริพานิช รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและชุมชนสัมพันธ์  มห่วิทยาลัยราชภัฏสงขลา

เป็นเรื่องของพื้นที่เฉพาะ  พื้นที่ชายขอบ  พื้นที่จังหวัดชายแดนจะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง  เป็นเรื่อง Buffer Zone

ทางใต้ก็มี  ไม่ว่าสตูล ยะลา มี Buffer Zone หมด  นาทวีทั้งอำเภอ  การอยู่ร่วมกัน  การแบ่งประโยชน์กันลงตัวก็ไม่มีปัญหา  อาจจะมีปัญหาของนายทุนที่เข้ามาลงทุนมาก  ต้องการความมั่นคงในเรื่องเศรษฐกิจมาก

ขอเสนอทางด้านสังคม  ถ้าเยาวชนมารับรู้ปัญหาเหล่านี้แล้วเกิดทัศนคติที่ไม่ดี  ไม่สามารถอยู่ร่วมกันก็จะเกิดปัญหาในอนาคต  ได้พูดคุยกันเรื่องที่จัดอบรมมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยว การพัฒนาเยาวชนต่างๆ  การศึกษา   อยากฟังเสียงสะท้อนจากเด็กๆว่าคิดอย่างไรบ้าง อาจจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำกันในปัจจุบัน

การพูดคุยกันต้องพูดคุยกันจริงๆ  เรื่องความมั่นคงก็ว่ากันไป  แต่เรื่องของเศรษฐกิจก็ต้องมาคุยกัน  ชายแดนประเทศไทยไม่ว่าทางพม่า ลาว  มาเลเซีย เขมร ก็พูดคุยกันให้ไปแนวทางเดียวกัน

พล.ต.ต. อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ

น้ำตกในประเทศมันเป็นของชุมชนหรือของคน 60 ล้านคนหรือของคนทั้งประเทศ  ถ้ามาเที่ยวน้ำตกแล้วไม่มีน้ำตก  น้ำหายไป  มีคนสูบไป  ไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชน คนนำไปทำมาหากิน เมื่อวานฟังดูแล้ว น้ำตกเป็นของชุมชนก็แบ่งกันดูด  ชุมชนก็แบ่งกับผู้ประกอบการรีสอร์ท  คนอื่นมาเที่ยวก็ไม่มีน้ำตก  ใครจะรับผิดชอบ

น้ำตกเป็นทรัพยากรที่ไม่มีผู้ใดเอาไปได้  ต้องให้เป็นธรมมชาติตลอดไป  ถ้าจะเอาจริงๆก็ต้องเป็นน้ำที่ลงมาล่างสุดแล้ว

เรื่องเขตที่ดินต้องมีความชัดเจน  ใครก็ตามที่มาซื้อที่ดินที่ไม่ใช่โฉนดก็ต้องยอมรับความเสี่ยง  ซื้อไปแล้วต่อมาทหารมาเป็นผู้ชี้เขตว่าเป็นเจ้าของ  ก็ต้องยอมรับ  ผู้ที่มีสิทธิจะกำหนดกฏกติกามารยาทอย่างไร?  กฏกติกามารยาทต้องชัดเจน  ไม่คลุมเครือ  มิฉะนั้นจะมีปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด

ใครมาใช้ทรัพยากรของชาติ  ต้องมีการชดใช้  ไม่ว่าจะครอบครองและทำประโยชน์มานานเท่าใด มิฉะนั้นคนทั้งชาติก็จะขาดทุนเรื่อยไป ใครมาก่อนใช้ก่อนโดยที่ไม่มีสิทธิชัดเจนเพราะไม่มีโฉนด  ใช้มาตั้งนาน  พอมีคนอ้างสิทธฺิก็เริ่มต้นใหม่ ไม่มีการชดใช้  ได้ประโยชน์ไปแล้วไม่มีการพูดถึง  เป็นการเอาเปรียบประเทศไทย

คธาทร อัศวจิรัฐติกรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์สี กองทัพบก ช่อง 7

คธาทร1

เพิ่งมารับทราบเรื่องราวสวนผึ้งเป็นครั้งแรก  ประทับใจอำเภอสวนผึ้ง  สวนผึ้งมีความได้เปรียบ  อย่างแรกที่สุดก็คือโมเดลในการแก้ไขปัญหา การสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมและการรับรู้ปัญหาของชาติได้อย่างเป็นระบบ  ถ้ามีการแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจังจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นโมเดลที่จะแก้ไขปัญหาในทำนองเดียวกัน

ปัญหามีหลากหลาย  มีหลายมิติ มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาปากท้องอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของคนไทยในภาวะโลกาภิวัฒน์ที่ต้องต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจโลก

ปัจจุบันนี้ถ้าเราจิ้มมือลงในแผนที่ประเทศไทย  แทบทุกส่วนล้วนมีปัญหาที่ดินทำกิน  ปํญหาสภาพแวดล้อม ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติซึ่งตำตาตำใจ เป็นหนามยอกอกประชาชนไปแทบทุกหย่อมหญ้า

ถ้าโมเดลของสวนผึ้งซึ่งมีข้อได้เปรียบ  คือมีปราชญ์ชาวบ้าน มีผู้นำชุมชนที่แข็งแกร่ง มีการจัดตั้งที่ค่อนข้างจะดี และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม  รวมทั้งภาครัฐที่พยายามที่จะเข้ามารับรู้ปัญหา เปิดใจกว้าง และพยายามที่จะแก้ไขปัญหา    ถ้าทุกภาคส่วนได้ร่วมกันและพยายามแก้ไขปัญหา  น่าจะเป็นโมเดลที่จะแก้ไขปัญหาของชาติได้

อ. มีชัย เคยมีการปฏรูปกฏหมายใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง เป็นการปฏิรูปกฏหมายของการบริหารราชการที่แต่ละฝ่ายมีกฏหมายวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป  กฏหมายของแต่ละหน่วยงานที่ขัดแย้งกันก็เคลียร์เสียให้เรียบร้อย  เช่นกฏหมายป่าไม้  กฏหมายที่ดิน ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทั้งหลายซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ  ถ้าที่สวนผึ้งทำตรงนี้ได้  ชาวบ้านก็น่าจะยิ้มแย้มแจ่มใสได้มากกว่านี้

ผศ. ว่าที่ ร.ต. สุรพล สินธุนาวา อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์

ระยะเวลาเช่า 3 ปีน้อยเกินไป  ควรจะแก้ระยะเวลาการเช่าเป็น 20-30 ปี  ไปจดทะเบียนให้ถูกต้องกับสำนักงานที่ดิน

อวยชัย คูหากาญจน์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

เรามีปัญหาที่ดินและน้ำมานานแล้ว  แก้ไม่ได้ง่ายๆ  ต้องใช้ระยะเวลา  แต่ปัญหามีแนวโน้มจะเกิดเพิ่มมากขึ้น  จะป้องกันได้อย่างไร?

ปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายที่มีอยู่หลายฉบับ  และมีหลายหน่วยงานหลายกระทรวงเกี่ยวข้อง  มีความพยายามแก้ไขปัญหาอยู่มากแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ

พูดถึง นอมินี ก็ไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนว่า นอมินีคืออะไร  การถือครองที่ดินห้ามต่างชาติถือครองที่ดิน  แต่ก็มีการเลี่ยงในรูปของบริษัท   มีการให้คนถือหุ้นแทน  แต่ไม่เคยมีการดูไปถึงผู้ถือหุ้นชั้นสุดท้ายที่เป็นบุคคลธรรมดาว่ามีต่างชาติถืออยู่เท่าไหร่?   มีพูดถึงเหมือนกันแต่ไม่มีเกณฑ์มาตรฐาน

ประเทศเราขาดความชัดเจน  ข้าราชการไม่รู้จริง  มีการจัดทำคู่มือ  แต่คู่มือก็ไม่ละเอียดในแนวทางปฏิบัติ  การบังคับใช้กฏหมายให้เกิดความชัดเจนมีปัญหา  ไม่ค่อยเห็นด้วยกับ สปก. มีความพยายามให้คนเข้าไปปลูกป่า มีความพยายามเอาที่ป่าเสื่อมโทรมมาออกเป็น สปก. 4-01  แต่ปัจจุบันลองดูว่าคนที่ถือครอง สปก. 4-01 เป็นใคร

พ.ต.อ. ดร. ภาดล ประภานนท์ รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


มองความต้องการ  แรงดึงดูดใจให้คนมาท่องเที่ยว  เป็นบรรยากาศ  อากาศดีมาก  เรื่องของฮวงจุ้ยดีมากเหมือนกัน  มีน้ำ มีเขา มีธรรมชาติ

มองถึงการทำลาย  คนมามากก็เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เกิดปัญหาความขัดแย้ง เป็นผลต่อเนื่องกันมา

ต้องหาคำตอบว่าระหว่างความต้องการกับการทำลาย  ทำอย่างไรให้อยู่ในภาวะสมดุล  ในสังคมมันอยู่คู่กันไป

ดร. สุนทรียา เหมือนพะวงศ์ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์

ถ้าศึกษาเรื่องกฏหมายด้านสิ่งแวดล้อมจะมี Keyword สำคัญว่า   โศกนาฏกรรมส่วนรวม(Tragedy of the Common)  อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกที่ในประเทศไทย  เมื่อไหร่ที่ดินที่ถูกเรียกว่าเป็นของรัฐ รัฐก็ไม่ได้ดูแล  มันมีคำว่าสิทธิเป็นของผู้บุกรุก ก็จะต่อสู้กันไปทุกที่

ในมุมมองของนักกฏหมายหรือด้านความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมจะตีกันตลอดระหว่าความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม  ผลประโยชน์ของธรรมชาติ  ระบบนิเวศน์ต่างๆ  เหมือนสวนผึ้งจะทำอย่างไรให้รักษาป่า  ลุ่มน้ำ  ความสมบูรณ์ของธรรมชาติต่างๆ  กับประเด็นความเป็นธรรมด้านสังคม (Social Justice)  มันเป็นเรื่องความเป็นหนึ่งของมนุษย์ ของชุมชน ของชาวบ้าน  เมื่อชาวบ้านต้องต่อสู้กับภาคเศรษฐกิจจะสู้กันอย่างไร  มีหลายมิติที่ต้องมอง

ถ้าถามว่าลุ่มน้ำหรือน้ำตก เป็นของประชาชนทุกคน  แปลว่าชุมชนไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์? หรือใช้มากเกินไปหรือเปล่า?  ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ตามมาตรา 66 และ 67 ดีกรีของการใช้สิทธิต่างกันระหว่างคนกรุงเทพฯ กับคนในพื้นที่  คนในพื้นที่มีสิทธิใช้ประโยชน์เป็น Direct Use  ในขณะที่คนกรุงเทพฯ มาตรา 67 บอกว่ามีสิทธิได้ประโยชน์  ตรงนี้เป็นประเด็นที่จะตีความขอบเขตของกฏหมายนี้อย่างไร?

ในแง่ของการปฏิรูปกฏหมายควรปฏิรูปกฏหมายที่ดินทั้งหมดมาเป็นประมวลกฏหมายที่ดินและป่าไม้  เพื่อรวม พรบ. ราชพัสดุ  พรบ.ที่สาธารณะทั้งหลาย  พรบ. ป่าไม้ที่มีมากกว่า 5-6 ประเภท  อุทยาน  สงวนพันธุ์สัตว์ป่าหรือพันธุ์พืช  ให้มันเป็นหนึ่งเดียว  จะได้ให้คนเห็นภาพว่าแต่ละประเภทของที่ดินควรจะถูกใช้อย่างไร?

ศาลที่ทำงานพิเศษเกี่ยวกับที่ดิน ป่าไม้ควรมีหรือไม่?  ปัจจุบันในส่วนของศาลปกครองและศาลยุติธรรมก็ทะเลาะกันตลอด คดีที่ดิน  ป่าไม้  ศาลก็มีข้อขัดแย้งเรื่องนี้ ควรมีศาลพิเศษ  ที่ดิน ป่าไม้ไหม?  เพราะเป็นวิกฤตของประเทศ

ทรงจิต มุขดี ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานสินค้าส่งออก บริษัท เบลเซอร์เวย์ จำกัด

ทรงจิต1

อยากเล่าเรื่องอดีตของสวนผึ้ง  เพราะเคยมีความสัมพันธ์ในพื้นที่นี้ตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว  จากบ้านป่าหวายถึงสวนผึ้งเป็นป่า  สวนผึ้งก็ยังไม่เจริญ  ชาวกะเหรียงได้ทำการหักร้างถางพงโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนและผู้นำชุมชนในเขตนี้  ได้นำที่ดินไปเสนอขายถึงกรุงเทพฯ นครปฐม  จนเจริญขึ้นมา  ก็มีนายทุนเข้ามากว้านซื้อ  แต่เมื่อวานก็ไม่ได้พูดถึงเลย

ไม่มีการพูดถึงเลยว่าเข้ามาอยู่กันตั้งแต่ปีไหน ตอนซื้อที่ดินก็ยอมรับสภาพนั้นกันอยู่แล้ว  เพราะทางเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือฝ่ายปกครองก็ทำได้อย่างเดียวคือให้เสียภาษีเหยียบย่ำ

……ยังมีต่อ………

Post to Facebook Facebook


ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (1)

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 17:17 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2291

เนื่องจากการเรียนการสอนเป็นแบบ Active Learning หรือ Participatory Learning  หลังจากศึกษาดูงานที่ สวนผึ้ง  รับฟังปัญหาและแนวทางแก้ไขจากมุมมองของผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว  และจากภาคประชาสังคมแล้ว  ก็ต้องมานั่งพูดคุย  แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ถอดบทเรียนกัน

เช้าวันที่ 14 สิงหาคม 2554  08.30-09.30 น.  ก็มีการพูดคุยกันที่โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

สวนผึ้ง

พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ ลุงเอกของเราก็กล่าวนำ

ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน  สิ่งแวดล้อม  เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์  ก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆพื้นที่ของประเทศไทย  สวนผึ้งเป็นพื้นที่ติดชายแดนพม่า  มีกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ตั้งแต่แม่ฮ่องสอนถึงระนอง  วันนี้บ่ายก็จะได้ไปดูพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน (Tham Hin Temporary Shelter) ซึ่งเป็นศุนย์อพยพที่ไม่มีรั้ว  ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง  เพราะมีผู้อพยพอยู่ถึง 6,000 คน  อยู่ต้นน้ำ  รอการอพยพไปอยู่ประเทศที่สาม  เช่นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย  เพราะนโยบายของสหรัฐอเมริกา  ไม่อยากให้ส่งกลับไปประเทศเดิม  อยากให้อพยพไปอยู่ประเทศที่ 3

ลุงเอกเปิดโอกาสให้พูดคุยกัน  แต่ขอคนละ 3 นาที

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัทการบินไทย จำกัด

จากข้อมูลที่ได้รับเมื่อวาน  ตัวเองสรุปได้ว่ามีปัญหาที่สวนผึ้งมีปัญหาเรื่องน้ำกับที่ดิน  นำไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรงก็ตามมา  ทั่วโลกก็มีปัญหาแบบนี้  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเยอะ  ผลประโยชน์ก็เยอะด้วย

แก้ปัญหาควรเป็นเชิงอนุรักษ์ ให้หยุดทุกอย่างไว้ก่อน  รีสอร์ทที่มีอยู่ก็ไม่ให้มีเพิ่ม  จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว  สื่อให้สังคมข้างนอกได้รับรู้ปัญหา  ให้ภาคประชาสังคมในท้องที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

ภักดี ภักดิ์นรา ทนายความหุ้นส่วน บริษัท วีระวงค์, ชินวัฒน์ และเพียงพนอ จำกัด

เรื่องที่ดินน่าจะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่ายที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่จับต้องได้  ควรจะมีภาพถ่ายดาวเทียมที่สามารถบอกได้ว่ามีการใช้พื้นที่ตั้งแต่เมื่อไหร่?  ใช้พิสูจน์สิทธิได้

เรื่องให้เช่าของกรมธนารักษ์ควรคิดค่าเช่าตามประเภทการใช้  คนเป็นคนสร้างกติกาขึ้น น่าจะแก้ไขได้  โดยคำนึงถึงความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สิ่งที่ต้องติดตามดูคือพอให้สิทธิไปแล้วจะเปลี่ยนมือได้หรือไม่?  เพราะไม่ว่าจะกำหนดเกณฑ์อย่างไร  เช่น สปก. ที่กำหนดว่าห้ามเปลี่ยนมือ  ในที่สุดนักกฏหมายหรือคนที่เกี่ยวข้องก็หาทางเลี่ยงได้อยู่ดี  ถ้าเปลี่ยนสัญญาเช่าเป็น 30 ปี  จะเปลี่ยนมือได้หรือไม่?    มองที่ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย  คนใช้ที่ดินก็จะมีความมั่นคงในการใช้ที่ดินระยะยาว  กรมธนารักษ์ก็จะได้หลักเกณฑ์ว่าใครบ้างเข้ามาใช้

ลุงเอก

บางพื้นที่ไม่ยอมเช่ากับกรมธนารักษ์  แต่จะเอาเอกสารสิทธิอย่างเดียว

ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

เรื่องที่ดินมีกฏหมายหลายฉบับ  พื้นที่ต้องชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใด  ที่ดินเองก็มีปัญหาในการรังวัด ที่ในโฉนดบางทีก็ไม่แน่นอน ทางแก้ที่ตรงที่สุดคือต้องรังวัดให้ชัดเจนก่อน แล้วดูว่าใช้กฏหมายไหน  เพราะจะไม่เหมือนกัน

การจัดการน้ำ คนในพื้นที่จะรู้ดีที่สุด  ถ้าทำประชาคมแล้วยอมกัน  บ้านเฉลี่ยสุขก็ดูจะอุดมคติไปหน่อยแต่ถ้ายอมรับกันก็เป็นไปได้  เป้าหมายคือเฉลี่ยความสุขให้ทุกคนอยู่ได้ ถ้าจำกัดจำนวนคนไม่ได้  ก็มีปัญหาทรัพยากรน้ำแน่ๆ  ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาก็จะแก้ปัญหาได้

ลุงเอก

เราไปลงพื้นที่ที่ตรังกันมา  ตรังกำลังจะทำเรื่องป่าชุมชน  เขามีพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดเอาไว้  เอามาให้ดูจะได้เห็นว่าความเป็นจริงที่แท้จริงเป็นอย่างไร?  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงทราบดีเพราะท่านดูแลประชาชนมา   มันเป็นเรื่องการจัดการของรัฐที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น

“ …กฏหมายมีไว้สำหรับให้มีความสงบสุขในบ้านเมือง  มิใช่ว่ากฏหมายมีไว้สำหรับบังคับประชาชน  ถ้ามุ่งหมายที่จะบังคับประชาชน  ก็กลายเป็นเผด็จการ  กลายเป็นสิ่งที่บุคคลหมู่น้อยจะต้องบังคับบุคคลหมู่มาก  ในทางตรงข้าม กฏหมายมีไว้สำหรับให้บุคคลหมู่มากมีเสรีและอยู่ด้วยความสงบ  บางทีเราตั้งกฏหมายขึ้นมาก็ด้วยวิชาการที่ได้จากต่างประเทศ  เพราะว่าวิชาการกฏหมายนี้  ก็เป็นวิชาการที่กว้างขวางจึงต้องมีอะไรทำอย่างหนึ่ง  แต่วิชาการนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือท้องที่ของเรา  บางทีเคยยกตัวอย่างมาเกี่ยวกับที่ดิน  เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินของประชาชนที่อยู่ห่างไกล  ซึ่งเราเอากฏหมายไปบังคับประชาชนเหล่านั้นไม่ได้เพราะว่า…เป็นความผิดของตัวเอง เพราะการปกครองไม่ถึงประชาชนที่อยู่ห่างไกลจึงไม่สามารถที่จะทราบถึงกฏหมาย  ความบกพร่องก็อยู่ที่ทางฝ่ายที่บังคับกฏหมายมากกว่าฝ่ายที่ถูกบังคับ  ข้อนี้ควรจะถือเป็นหลักเหมือนกัน  ฉะนั้น…ต้องหาวิธีที่จะปฏิบัติกฏหมายให้ถูกต้องตามหลักของธรรมชาติ…

…ในป่าสงวนซึ่งทางราชการได้ขีดเส้นไว้ว่าเป็นป่าสงวนหรือป่าจำแนก  แต่ว่า เราขีดเส้นไว้ประชาชนก็มีอยู่ในนั้นแล้ว  เราจะเอากฏหมายป่าสงวนไปบังคับคนที่อยู่ในป่าที่ยังไม่ได้สงวนแล้วไปสงวนทีหลัง  โดยขีดเส้นบนเศษกระดาษก็ดูชอบกลอยู่  แต่มีปัญหาเกิดขึ้นที่เมื่อขีดเส้นแล้ว  ประชาชนที่อยู่ในนั้นก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฏหมายไป  ถ้าดูในทางกฏหมายเขาก็ฝ่าฝืนเพราะว่าตรามาเป็นกฏหมายโดยชอบธรรม  แต่ว่า…ถ้าตามธรรมชาติ ใครเป็นผู้ทำผิดกฏหมาย ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั่นเอง  เพราะว่า  บุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่ก่อน  เขามีสิทธิในทางเป็นมนุษย์  หมายความว่า…ทางราชการบุกรุกบุคคล  ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฏหมายบ้านเมือง…”

กฤษณะเดช โสสุทธิ สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง

เราได้รับชุดข้อมูล 3 ชุด  จากผู้ประกอบการ  จากภาคประชาสังคมและจากภาครัฐ  ชุดข้อมูลทั้ง 3 ชุดมีข้อมูลที่ไม่สอดรับกัน มันแย้งกันอยู่  ชุดข้อมูลทั้ง 3 ชุดนี้เคยเอามานั่งดูแล้วนั่งคุยกันไหม?

สภาพปัญหาที่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดินและเรื่องน้ำ  มีปัญหาเรื่องความเป็นธรรมในการพิสูจน์สิทธิ  ระหว่างที่กาญจนบุรีกับที่สวนผึ้ง

ที่สนใจมากที่สุดเป็นเรื่องของแนวคิดกับกระบวนการการจัดการความขัดแย้ง  กรอบความคิดของเขาอยากให้มีเวทีที่เอาทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันเพื่อนำไปสู่การจัดการความขัดแย้ง

เริ่มเห็นกระบวนการที่ถูกนำมาใช้

  1. สภาพลเมือง เป็นตัวหนึ่งที่จะนำไปสู่กระบวนการการจัดการความขัดแย้ง
  2. ท้องถิ่นเริ่มมีกรอบความคิดที่ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเรื่องน้ำ จึงเกิดคณะกรรมการขึ้น  ถ้านายกฯ ไม่ได้เป็นแล้ว  การบริหารจัดการน้ำภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมจะยังอยู่ต่อไปไหม?  ถ้าชุดใหม่เข้ามา

ข้อมูลเชิงลึก  ภายหลังที่คณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาบริหาร  เงินรายได้เหลือเยอะ  ประมาณ 2-3 แสน จัดเป็นสวัสดิการได้  นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ?

เวทีที่ว่ายังไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ลุงเอก

จะเริ่มเกิดขึ้นเพราะทาง 4ส2  ภาคพลเมืองที่ราชบุรีและสำนักสันติวิธีฯ  จะเริ่มทำเวทีนี้  ใครสนใจก็มาร่วมได้

ณัฏฐ์ วัลลิโภดม ผู้อำนวยการพรรคกิจสังคม

ที่รับฟังเมื่อวานจากบุคคลที่ตำแหน่งหน้าที่แตกต่างกัน  แต่ก็เป็นปัญหาเรื่องน้ำและที่ดิน  แต่ละท่านยังมีอคติในตัวเอง  ยังรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

บรรพบุรุษชาวกระเหรี่ยงก็ได้สร้างปัญหาไว้  แล้วจะมาแก้ปัญหาในปัจจุบัน  หนทางยังอีกยาวไกล

การดูแลเรื่องน้ำ  ก็มีผลประโยชน์เกี่ยวกับร้านค้า

ด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่

แต่โดยภาพรวมแล้วก็ต้องการปกป้องผืนดินและน้ำ  ต้องดูเวลานี้  ใครเป็นผู้มีอำนาจ  ใครเป็นคนของใคร  ใครใกล้ชิดผู้ใหญ่มากกว่ากัน  ชาวบ้านไม่สามารถอ้าปากใดๆได้   นอกจากรวมกลุ่มประชาคม

ใครมีอำนาจ ณ เวลานั้น  คนเหล่านี้ก็จะได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวเอง  โฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก.  ก็จะตามมาภายหลัง

ถ้ามีการบริหารจัดการน้ำที่ดี  สวนผึ้งก็จะมีน้ำใช้ เช่นการเจาะน้ำบาดาล  อยู่ที่ผู้นำชุมชนด้วย

พันเอก ดร. พิเชษฐ คงศรี นายทหารปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ตลอดระยะเวลา 60 ปีพระองค์ทรงทำอยู่ 2 เรื่องคือเรื่องดินกับน้ำ

ประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสวนผึ้ง  ซึ่งเป็นที่มาของสวนผึ้งโมเดล  เป็นปัญหาในเชิงแนวความคิดที่แตกต่างกัน หรือมโนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

มิติของชาวบ้านมองว่าเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิในที่ดิน  โดยอ้างชาติพันธุ์  การเคยทำกินในที่นี้มาโดยตลอด  เป็นมิติใหม่ที่สังคมไทยที่กำลังขับเคลื่อนเข้าสู่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน  หรือการเมืองภาคพลเมือง  ซึ่งเป็นมิติที่ภาครัฐจะปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป

มโนทัศน์หรือแนวความคิดของผู้ประกอบการจะอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง จะมองในมิติที่มีผลประโยชน์เป็นตัวเงิน

ในขณะที่ภาครัฐจะมีมโนทัศน์หรือมุมมองในด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย  เพราะภาครัฐมองว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของภาครัฐมาโดยตลอด  กฏหมายเป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐ  เจ้าหน้าที่รัฐก็จะยืนอยู่บนกรอบของกฏหมาย   มีกฏหมายที่ภาครัฐต้องปฏิบัติเยอะแยะไปหมด

สามกระบวนทัศน์ที่แตกต่างกันกันในพื้นที่ของสวนผึ้งนี้นำมาซึ่งความขัดแย้ง ถ้าย้อนไปหาสมุทัยของปัญหา  เราจะทำอย่างไรให้วิธีคิดนี้ตกผลึก เกิดการยอมรับร่วมกัน  แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่จะแก้ปัญหาเรื่องน้ำกับดิน  และเรื่องสมดุล  การดำรงอยู่ของคนในสังคมที่หลากหลายตามภูมิภาคต่างๆ

อับดุลอซิซ ตาเดอินทร์ ประธานฝ่ายสิทธิมนุษยชน  สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย

ปัญหาที่ดินมีกฏหมายหลายฉบับและมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องเกี่ยวข้อง  ยิ่งปัญหาที่ดินชายแดนจะมีปัญหาความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  มีการเสนอการปฏิรูปกฏหมายที่มีความสำคัญมากแต่ยังไม่ผ่าน  มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอำนาจของกฏหมาย  ต้องปฏิรูปกฏหมายเรื่องที่ดินที่มีปัญหามายาวนานมาก  มีเรื่องการสืบทอดการครอบครองในระบบศักดินา  จนกระทั่งตกทอดมาถึงปัจจุบัน

การปฏิรูปกฏหมายต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม  ต้องกระจายอำนาจมาสู่ท้องถิ่นให้ท้องถิ่นจัดการปัญหาที่ดินของตัวเอง ประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างอำนาจ  ต้องเป็นแบบชุมชนจัดการตนเอง

…..มีต่อ…..

Post to Facebook Facebook


พูดคุยกับชาวบ้านที่สวนผึ้ง

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 12 กันยายน 2011 เวลา 23:13 ในหมวดหมู่ การจัดการขยะมูลฝอย, จอมป่วน #
อ่าน: 4077

หลังจากที่ภาคประชาสังคมเล่าเรื่องราวของสวนผึ้งจากมุมมองของชาวบ้าน  ซึ่งก็แตกต่างไปจากมุมมองของผู้ประกอบการ  วันรุ่งขึ้นก็จะได้ฟังจากภาคราชการ

เริ่มเปิดประเด็นโดย พล.ต.ต. นายแพทย์ อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ

ดูจาก VDO มีการทำฝายชะลอน้ำ แล้ววางท่อนำน้ำไปใช้  เป็นการโขมยน้ำไปใช้  ทำไมจัดการไม่ได้  หลักฐานเห็นชัดๆ  เห็นมีตั้ง 4 ท่อ

ณัฐสม ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สเปคการ์ด จำกัด

ณัฐสม1

ในพื้นที่สวนผึ้งขุดบาดาลในพื้นที่ได้ไหม?  ทำไมต้องพึ่งน้ำตกอย่างเดียว

นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

นิชา

อยากให้คุณพรทิพย์เล่าเรื่องแผนการจัดการน้ำตกเก้าชั้นให้ฟัง  เพราะทราบมาว่าเป็นการจัดการโดยชุมชนเอง

คุณพรทิพย์ สำเภา

การนั่งพูดคุยกัน  การทำความเข้าใจกันสามารถแก้ปัญหาได้  เช่นในช่วงสงกรานต์  ก็พูดคุยกันสามารถแบ่งน้ำมาใช้ช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากๆได้

คุณสมศักดิ์ เหลืองจรุงรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง

การใช้น้ำตกมีการใช้มาเดิม  แต่ในอนาคตคงจะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุย  ตกลงกติการ่วมกัน  ขอความเห็นของคนในหมู่บ้าน  ทาง อบต. ก็พยายามบริหารจัดการน้ำอยู่  มีแผนงานที่จะก่อสร้างบ่อเก็บน้ำเพื่อนำมาทำประปาผิวดิน

ดร. แสนศักดิ์ ศิริพานิช รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและชุมชนสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

แสนศักดิ์1

เห็นด้วยที่ว่าเรื่องผลประโยชน์เป็นเรื่องที่ตกลงกันยาก  เรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติก็จะมีปัญหาทั่วประเทศ  ทั่วโลก  การใช้ข้อกฏหมายก็มีปัญหา

มีประสบการณ์กับการวิจัยเรื่องการมีส่วนร่วม  การจัดการตนเอง  คิดว่ามาถูกทางแล้วที่พยายามหาข้อยุติ  มีการจัดการเจรจาพูดคุยกัน  มีการพัฒนากลุ่มอาชีพ  เห็นความสำคัญกับการให้การศึกษากับคนรุ่นใหม่  และเยาวชน

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่มีการฝึกมัคคุเทศน้อย  ใช้การท่องเที่ยวนำ  generation นี้เราขัดแย้งกันก็จริง  เราต่อสู้กันในข้อกฏหมาย  แต่ไม่อยากให้ข้อขัดแย้งนี้ลงไปสู่เยาวชน  ให้ทำงานอย่างสร้างสรร  ใช้การท่องเที่ยวเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

ชอบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแนวคิดให้ชุมชนช่วยจัดการ

พ.ต.ท. วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม

วิชัย1

ค่อนข้างเป็นห่วงสวัสดิภาพของนักต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม  ไม่ทราบว่าในกรณีที่ถูกทำร้าย  มีการดำเนินคดีหรือไม่? อย่างไร?  เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาช่วยเหลืออย่างไรบ้าง?  กลุ่มของเราก็มี network มีผู้ใหญ่หลายท่าน มีนายพลตั้งสองสามท่าน  น่าจะมีการประสานงานที่จะดูแล

อยากทราบว่าสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา  กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม  มีบทบาทที่จะช่วยเหลืออย่างไร?

ปิติกาญจน์ สิทธิเดช ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา  กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  กระทรวงยุติธรรม

ก็อยากถามคุณพรทิพย์อยู่เหมือนกันว่ามีการแจ้งความดำเนินคดีมั๊ย?  เรื่องที่ถูกทำร้าย  และได้รับการเยียวยาอย่างไรบ้าง?

คุณพรทิพย์ สำเภา

ก็แจ้งข้อหาพยายามฆ่า  ตอนนี้ก็มีคดี 2 คดี  คือคดีแพ่งวันที่ 31 นี้จะขึ้นศาล  ส่วนคดีอาญา  อัยการสั่งฟ้องแล้ว  จะขึ้นศาลประมาณเดือนตุลาคม

ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

เรื่องน้ำตก เอกชนไม่สามารถนำไปใช้ได้  อยากจะนำเสนอว่าน่าจะทำประชาคมเพราะคนในพื้นที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุด  อีกประเด็นหนึ่งที่นั่งรถผ่านมาเห็นท่อน้ำประปาขนาด 1 นิ้ว สีฟ้า  อยู่ในท่อน้ำทิ้งขนาดประมาณ 5 นิ้ว  ซึ่งเป็นการที่ไม่ถูกต้อง  แสดงว่าการบริหารน้ำยังไม่ชัดเจน  ขอช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ด้วย

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัทการบินไทย จำกัด

เท่าที่รับฟังมารู้สึกว่าปัญหาและความขัดแย้งในพื้นที่ซับซ้อนมาก  เป็นเรื่องการแย่งชิงทรัพยากรน้ำและที่ดิน  จุดที่อยากจะเสนอแนะและขอทราบความเห็นของคนที่อยู่ในพื้นที่ก็คือ  ในภาพรวมมีความขัดแย้งสูงในการแย่งชิงทรัพยากรในพื้นที่  และการจัดการก็เกี่ยวข้องกับกฏหมายและข้อบังคับหลายตัว

เรามาหยุดปัญหานี้ก่อนในเชิงอนุรักษ์จะดีไหม?  เช่น จำกัดจำนวนรีสอร์ทที่จะเข้ามาเปิดในพื้นที่ของอำเภอสวนผึ้ง  ในขณะเดียวกันถ้าจำกัดในส่วนนี้ไม่ได้  เราก็ลองดูที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในสวนผี้งนี้ว่าควรจะให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามากี่คน  เพื่อที่ว่าเราจะสามารถบริหารจัดการทรัพยากร  ในเรื่องของการขาดแคลนน้ำ  ให้มันมีประสิทธิภาพ  ไม่เกิดปํญหาการขาดแคลนน้ำที่กำลังรุนแรงในภายหลัง  ไม่ทราบว่าองค์การบริหารส่วนตำบลมีนโยบายจะจำกัดจำนวนของรีสอร์ทของสวนผึ้งที่จำนวนเท่าไหร่?  และจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในสวนผึ้งจำนวนเท่าไหร่?

ครูวุฒิ บุญเลิศ

อยากให้คำนิยามกับคำบางคำ  เอกสารรายงานของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  รายงานจะพูดถึงการปฏิบัติการที่ผ่านมา  กล่าวถึงชนกลุ่มน้อย  และชนกลุ่มน้อยที่เกี่ยวข้องกับ KNU มียาเสพติด  เป็นแหล่งพักพิง  มีการพูดถึงกะหร่าง  กะหร่างก็คือกะเหรี่ยง

พอใช้คำว่าชนกลุ่มน้อยมันไม่มีสัญชาติ  พอโยงกับ KNU  และเหตุผลอื่นๆก็จะนำไปสู่ความรุนแรง  พี่น้องแก่งกระจานตั้งแต่ที่ ฮ. ยังไม่ตก  ในวันที่บ้านเรือนถูกเผา เหตุการณ์เป็นอย่างไร?  เด็กบอกว่าเขาเอาหนูขึ้น ฮ.  ฮ.ยังไม่ทันขึ้นจากพื้นดิน บ้านก็มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ  เพราะถูกไฟไหม้  พยายามหาข้อมูลต่างเพื่อเปิดให้สังคมได้รับทราบ  เพื่อให้รู้ว่าเราจะแก้ปัญหาจุดนี้อย่างไร?

คนกะเหรียงอยู่มาแต่ดั้งเดิม  มีสองกลุ่ม  กลุ่มหนึ่งถูกคนอื่นเรียกว่ากะหร่าง  ก็คือกะเหรียง  อยู่ตรงนี้มาร้อยกว่าปี  ก่อนจะประกาศอุทยานปี 26  คนเหล่านั้นมีอยู่แล้ว  ปี 12  รัฐบาลถือชาวเขาทั่วประเทศว่าเป็นประชากร

ปัญหาคือ

1. รัฐไม่เข้าใจวิถีชีวิตของชุมชนและวัฒนธรรม

2. รัฐไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ของชุมชน  ของคนที่นั่น

3. การใช้นัยยะของคำว่าชนกลุ่มน้อยก็ดี  หรือคำว่าไร่เลื่อนลอยก็ดี  ซึ่งสร้างความชอบธรรมกับการจัดการ  ซึ่งจัดหนัก ซึ่งทางอุทยานฯ ต้องไปชี้แจงกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน  หัวหน้าส่วนที่ไปปฏิบัติการในวันนั้นต้องไปชี้แจง

เมื่อปี 38  อพยพเขาลงมา  แต่ไม่จัดที่ทำกินให้  เมื่อไม่มีที่ทำกิน  คนเหล่านั้นจะอยู่กันอย่างไร?  เขาก็ต้องกลับไปที่เดิม  พอกลับไปที่เดิมก็ทำผิด พรบ. ป่าไม้  จริงๆก่อนที่จะประกาศเป็นอุทยาน  เขาอยู่ก่อนแล้ว  การบูรณาการการแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินที่ทำกิน ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกันแก้

ปีที่แล้ว คณะกรรมการฟื้นฟูวิถีชีวิตกะเหรี่ยง  ทุกจังหวัดที่มีกะเหรียงต้องมีคณะกรรมการฯ  ผู้ว่าฯ เป็นประธาน  แต่ก็ยังไม่มีการขับเคลื่อน

อุ้มผางตั้งแต่แม่ระมาด  ท่าสองยาง  สังขละ ทุ่งใหญ่  แก่งกระจาน ป่าละอู ฯ คนกะดหรียงอยู่มาเกือบสองร้อยปี   ถ้ากะเหรี่ยงอยู่แล้วป่าหาย  มันหายไปนานแล้ว  แต่ระบบการผลิตที่เรียกว่าไร่หมุนเวียน  คือไม่โค่นทิ้งทั้งหมด  ไม่ขุดรากถอนโคน  ไม่นานป่ามันก็ฟื้นขึ้นมาใหม่  การผลิตก็ไม่ได้ผลิตเพื่อขาย  ป่าก็ฟื้นตัวได้  มันถูกตอกย้ำด้วยคำว่าไร่เลื่อนลอย  เป็นวาทะกรรมที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรม

การทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา  ขาดมิติของภาคประชาชนที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา  มีการมองกะเหรี่ยงเหมือนไม่ใช่คน  ความไม่เข้าใจในพหุวัฒนธรรม  มายาคติต่างๆ  การรู้สึกติดยึดในความเป็นชาติจนลืมความหลากหลายทางวัฒนธรรม  ทำให้เลือกปฏิบัติ

เรื่องสวนผึ้ง  พูดถึงเรื่องแม่ค้าน้ำตก  มีคนทำนา  ทำการเกษตร  ใช้น้ำจากลำห้วย  เดิมเป็นคนต้นน้ำ  แต่ตอนนี้รีสอร์ทเข้ามา  คนทำรีสอร์ทเป็นคนต้นน้ำ  คนใช้น้ำเพื่อธุรกิจอย่างหนึ่ง  กับคนใช้น้ำเพื่อทำนา ปลูกพืช  ปัญหาก็เกิดขึ้น  คนทำการเกษตรก็มีปัญหาการช่วงชิงน้ำด้วยเหมือนกัน

ปีที่แล้วมีการเดินสำรวจน้ำกัน  ไปกับ ตชด. ไปกับทหาร เจอฝายน้ำธรรมชาติ  ฝายน้ำคอนกรีตขวางลำน้ำของผู้ประกอบการบ้านพักและรีสอร์ท  เราเจอสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะจัดการ  ปัญหามันใหญ่เกินไป  เกินกว่าที่องค์กรเหล่านี้จะแก้ไข   ภาคประชาสังคมกับท้องถิ่น  เชื่อมโยงกับที่ราชบุรี  เชื่อมโยงกับสื่อ  หรือการที่นักศึกษาได้เข้ามาเรียนรู้ปัญหาน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความตระหนักรู้

สวนผึ้งถ้าไม่มีวิกฤตขึ้นมา  โครงการใหญ่ๆที่สำคัญก็จะไม่มี  ถ้าไม่มีโครงการเหล่านี้  คนในประเทศจะไม่เห็นสวนผึ้ง  โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ของสมเด็จพระราชินี  โครงการของสมเด็จพระเทพฯ  กำลังบ่งบอกถึงวิกฤตของสวนผึ้ง  จะอยู่กันไม่ได้แล้ว  ถ้าวิกฤตประชาชนสวนผึ้งจะอยู่กันอย่างไร?

คุณสมศักดิ์ เหลืองจรุงรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง

คนที่มาที่นี่ก็เป็นห่วงสวนผึ้งว่าจะเป็นแบบปายหรือที่อื่นๆหรือเปล่า?  การท่องเที่ยวบูมก็เกิดปัญหา  การจำกัดจำนวนรีสอร์ท  จำนวนนักท่องเที่ยวคงทำไม่ได้  แต่คงจัดโซนนิ่งได้  คงต้องใช้หลายหน่วยงานมาช่วยจัดโซนนิ่ง

ทั้งอำเภอ  ทั้งจังหวัดและหน่วยงานทหารที่ดูแลพื้นที่  กรมธนารักษ์  คงต้องมีการคุยกันในเรื่องเหล่านี้   คนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะ  การกินการใช้ก็เยอะ  ขยะมูลฝอยก็เยอะ  จะมีการจัดการขยะมูลฝอยเหล่านี้อย่างไร?  ที่นี่ก็มีแผนงานอยู่  จะให้มีการคัดแยกขยะ  ให้ชุมชนมีส่วนร่วม  ส่วนไหนที่นำไปขายได้  ส่วนไหนที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้   ส่วนไหนที่นำมาทำปุ๋ยหมักชีวภาพ

รวมทั้งป่าด้วย  ถ้าให้รัฐดูแลฝ่ายเดียว  ป่าก็หมดไปเรื่อยๆ  ตราบใดที่ชุมชนไม่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ปกป้องผืนป่าจะไม่ได้ผล  การปลูกป่าก็ไม่ได้ผล  อยู่มา 12 ปี  มีหน่วยราชการหลายแห่งมาปลูกป่า  มาปลูกกันในหน้าแล้ง  ใครจะมาดูให้  น้ำก็ไม่มีรด  แถมปลูกทีไรก็ต้องปรับพื้นที่ใหม่  แทนที่ป่าจะอยู่  ป่ากลับหายไปเรื่อยๆ  แต่ถ้าเป็นป่าชุมชน  ป่าก็จะฟื้นตัวได้  ไม่ต้องปลูกป่าใหม่

ผศ. ว่าที่ ร.ต. สุรพล สินธุนาวา อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์  สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์

อยากแนะนำว่า  คดีของคุณพรทิพย์  การดำเนินคดีพยายามฆ่าและเรื่องคดีแพ่งเรื่องละเมิดที่แยกฟ้องกันอยู่  ควรเอาคดีแพ่งขอเข้ามีส่วนร่วมกับอัยการ รวมเป็นคดีเดียว

Post to Facebook Facebook


สวนผึ้ง - จากมุมมองภาคประชาสังคม (2)

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 12 กันยายน 2011 เวลา 0:14 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1659

คุณพรทิพย์ สำเภา

เคยทำงานด้านทรัพยากรที่ กทม. มาสิบกว่าปี   น้ำเป็นสิ่งที่เย็น  แต่เป็นประเด็นที่ร้อนที่สุด  งานด้ารรณงค์ที่กรุงเทพฯ เครียด  รู้สึกว่าชีวิตเสียสมดุล  อย่างอยู่อย่างสงบสุขที่ราชบุรี  สามีเป็นคนที่นี่  เคยมาเห็นที่นี่เมื่อเจ็ดแปดปีก่อน  มาเริ่มทำไร่

พอมาอยู่รู้สึกว่ามีปัญหามาก  น้ำประปาก็ไม่ถึง  ต้องไปหิ้วน้ำจากอ่างเก็บน้ำ เลยคิดว่าทำไมไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่นี่  เลยนั่งคุยกับพี่ๆ  เพื่อนๆ  รวมทั้งหัวหน้าสุเทพที่โครงการอุทยานฯด้วย  มีปัญหาเรื่องไฟป่า  ทำอย่างไรที่จะให้ชาวบ้านรู้สึกว่าไฟป่าเป็นปัญหาของเขา  ต้องเข้ามาช่วยกันดูแล

ตัวเองมาอยู่ที่นี่  มาทำไร่  มาค้าขาย  เริ่มมีความรู้สึกว่าเราจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไรถ้าคนที่มาเที่ยวที่นี่  มาเที่ยวธรรมชาติ  เรามีอาชีพค้าขาย  แต่ธรรมชาติมันไม่น่าเที่ยว  แล้วลูกเราจะอยู่กันได้อย่างไร?

เลยคิดที่จะช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติ  เลยรวมกลุ่มกัน  ต่อมาก็เกิดพัฒนาเป็นโครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่น  ให้ชาวบ้านศึกษาปัญหาของตัวเอง  หาทางออกปัญหาของตัวเอง  เริ่มพูดคุยกับชาวบ้าน  ศึกษาประวัติศาสตร์  จากคนที่มาอยู่ใหม่  เข้าไปรู้จักชาวบ้าน ให้เขาเริ่มคิด เริ่มตั้งคำถามกับปัญหาที่เกิดขึ้น

ขายของอยู่ที่น้ำตก  ก็ชวนกลุ่มแม่ค้าคุยว่าถ้าน้ำตกเจ๊ง  เราที่ค้าขายอยู่ที่น้ำตกจะโดนเป็นคนแรก  ที่นี่ใช้น้ำประปาเป็นพื้นฐาน  ใช้ทำการเกษตรน้อยมาก  ต่างจากสังคมทางภาคเหนือที่มีระบบเหมืองฝาย  ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับน้ำจะมีการรวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหา

แต่ที่นี่ความเชื่อมโยงของน้ำกับคนอาจจะไม่แน่นเหมือนกับทางเหนือ  กลุ่มแม่ค้าที่น้ำตกนี่แหละจะสัมพันธ์กับปัญหาของน้ำตก  ถ้าน้ำไม่มีจะเป็นคนแรกที่เดือดร้อน  เลยเป็นการทำงานของคนสองกลุ่ม  คือกลุ่มชาวบ้านที่ทำการศึกษาวิจัยกับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าน้ำตกซึ่งคิดแต่ปัญหาการค้าขาย  แต่ก็มีคนว่า  ยังไม่เป็นไข้แต่ก็กินยาพาราซะแล้ว  ยังมองว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นเรื่องการคาดเดา  ต้องพยายามทำให้เห็นความเชื่อมโยง  เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก

ปี 53 ต้องยอมรับว่าแล้งมากๆ  ปกติยังไงๆน้ำตกก็มีน้ำ  แต่ปี 53 น้ำตกชั้นล่างไม่มีน้ำ  เลยมีการพูดคุยกันว่าจะหาทางออกกันอย่างไร   คุณวิเชียรก็มาจัดเวทีสภาพลเมือง  เลยนำเสนอปัญหาของเราเข้าสู่สภาพลเมือง  มีการพูดถึงแนวทางและกลไกที่จะหาทางออกของปัญหา

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเรื่องน้ำ อำเภอสวนผึ้ง  นายอำเภอเป็นประธาน  พรทิพย์เป็นเลขาฯ  เป็นงานที่ยาก  กว่าจะประชุมได้แต่ละครั้ง   ตอนนี้ก็ประชุมไปได้แค่ 2 ครั้ง

ทางนายก อบต.ก็ตั้งคณะทำงานชุดเล็ก เรียกว่าคณะทำงานบริหารจัดการน้ำตกเก้าชั้น  มีแม่ค้า  มีชาวบ้าน มีผู้นำหมู่บ้านเข้ามาเป็นคณะทำงาน  เป็นลักษณะการจัดการเชิงพื้นที่  มีการเก็บรายละเอียดของน้ำตก  เป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลน้ำตก

การจัดการน้ำตกที่อื่นอุทยานเป็นผู้ดูแล  แต่ที่นี่ขอบเขตของน้ำตกก็ไม่ชัดเจน ก็ต้องเริ่มด้วยการจัดการพื้นที่  เลยมีปัญหาประสบอุบัติเหตุ (ถูกรถไล่ชนจนบาดเจ็บ)

การทำงานบางครั้งก็ท้อ  ต้องเปลี่ยนตัวเองก่อน  แผนการฟื้นฟูน้ำตก  ปลูกป่า  จัดสร้างฝายชะลอน้ำ  เพื่อจัดระเบียบการใช้น้ำตกร่วมกับหน่วยงานต่างๆ  อยากมีส่วนร่วมในการคิดโครงการร่วมกัน  ทำงานร่วมกัน

ตัวแทนอุทยานธรรมชาติวิทยาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

เป็นมุมมองของหน่วยงานที่ไม่มีส่วนได้เสีย  สมเด็จพระเทพฯ โปรดให้มีการอนุรักษ์และศึกษาวิจัยในบริเวณนี้  โครงการนี้มีผู้ใหญ่ของประเทศเป็นกรรมการ  มีแผนฟื้นฟู  แผนป้องกัน

โครงการของสมเด็จพระเทพฯ  ส่วนมากเป็นโครงการเชิงบวก  แต่ที่สวนผึ้งที่มีเจ้าของหมด  ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ขากประชาชนฝ่ายเดียว  แต่จะเป็นนายทุน  ผลประโยชน์  ส่วนราชการ

งานที่สวนผึ้งไม่ใช่เรื่องหมูๆ  เอาไม่อยู่  เช่นทางราชการจะจับคนตัดไม้  ก็จะบอกว่าโครงการฯ ให้มาจับ  โครงการฯ ต้องปรับตัวให้เป็นเรื่องของการศึกษา

ที่โครงการฯ เป็นห่วงก็คือเรื่องที่เครือข่ายประชาสังคมที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมถูกคุกคาม

ประชาชนในพื้นที่อาจไม่เข้าใจแนวทางการทำงานของโครงการฯ

กำนันตำบลสวนผึ้ง

น่าจะมีการพิสูจน์สิทธิ  แล้วดำเนินการตามกฏหมาย  ปัญหาอยู่ที่การเช่า  สัญญามีอายุการเช่าสั้นไป

ปัญหาโฉนดชุมชน  ก็ต้องเช่าเหมือนกัน  จะทำอะไรก็ต้องผ่านคณะกรรมการที่มีฝ่ายราชการและทหาร

Post to Facebook Facebook


สวนผึ้ง - จากมุมมองภาคประชาสังคม

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 11 กันยายน 2011 เวลา 22:55 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1793

บ่ายวันที่ 23 สิงหาคม 2554

ความจริงเป็นหัวข้อ “สวนผึ้ง: แนวทางการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรจากมุมมองภาคประชาสังคม”

มีคุณวิเชียร คุตตวัส, คุณสมปอง อินทร์ทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ

ภาคประชาสังคมที่มาร่วมพูดคุยมี

  • ครูวุฒิ บุญเลิศ
  • คุณพรทิพย์ สำเภา
  • คุณสกล คุณาพิทักษ์  กำนันตำบลสวนผึ้ง
  • คุณสมศักดิ์ เหลืองจรุงรัตน์  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง
  • ผู้แทนอุทยานธรรมชาติตามพระราชดำริฯ

วิเชียร คุตตวัส

เคยมาที่นี่ 20 กว่าปีที่แล้ว  สวยงามมาก  คิดว่าต้องช่วยกันรักษาธรรมชาตินี้ไว้ให้ลูกหลานของเราคนไทยได้ชื่นชม   อยากให้อาจารย์วุฒิเล่าเรื่องสวนผึ้งในอดีตให้เราฟัง  แล้วปัจจุบันท่านว่าอย่างไร?

ครูวุฒิ บุญเลิศ

เมื่อเช้าเห็นทุกท่านตั้งใจฟังเรื่องราวของคนที่อยากเป็นพระเอก เป็นระพินทร์ ไพรวัลย์  ผมอยากเป็นแงซาย  เป็นพรานท้องถิ่นในนิยาย  จะดูว่าระพินทร์ ไพรวัลย์เอาอะไรไปจากป่าแห่งนี้  หลักสูตรนี้เป็นการเรียนรู้เรื่องปัญหาความขัดแย้งในสังคม  เราจะจัดการความขัดแย้งอย่างไรในสังคมพหุวัฒนธรรม  คือความหลากหลายของวัฒนธรรม  ของผู้คน  ของความคิด  ของชาติพันธุ์ต่างๆ  ประสบการณ์เหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างสันติสุขในสังคมอย่างไร

ต้องกลับไปมองว่าสังคมสันติสุขในองค์กร ในชุมชน  ประสบการณ์ตรงนี้น่าจะให้อะไรกับหลายๆท่าน เป้าหมายคือ เรียนรู้ความขัดแย้ง ท่ามกลางความหลากหลายของวัฒนธรรม   ความขัดแย้งนั้นจะจัดการอย่างไร? ถ้าเราเข้าใจประเด็นนี้แล้วจะนำไปสู่ความเข้าใจในวันที่จะมีการถอดบทเรียน วันที่ 26 นี้  เวทีนี้น่าเสียดายที่ไม่มีชาวบ้านในเวที  เพราะ 25 หัวหน้าพาไปลงพื้นที่

ในย่ามของผมมีรายงานแผนการปฏิบัติการและสรุปของเจ้าหน้าที่อุทยาน  ท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม ของผู้คน เกี่ยวกับความไม่เข้าใจของวัฒนธรรมและวิถีชีวิต   ถ้าจะแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่เข้าใจความหลากหลายของวัฒนธรรม  สุดท้ายมันก็แก้ไม่ได้   ในการถอดบทเรียนในวันที่ 26  มันไม่ใช่บทสรุป เพราะว่าภาคประชาชนหรือผู้คนที่นี่  ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือมีส่วนร่วมในสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในเวทีนั้น

ความขัดแย้งที่นี่เป็นเรื่องของการจัดการทรัพยากร  การจัดการ ดิน น้ำ ป่า เป็นเรื่องของวัฒนธรรมของคนสองกลุ่ม  ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน  และการช่วงชิงทุนทางธรรมชาติ  ดิน น้ำ ป่า ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง

ทรัพยากรมันเป็นของหน้าหมู่หรือเป็นของสาธารณะ  ของหน้าหมู่ถูกตีความ  ถูกกำกับ ให้ความหมายอย่างไร   การที่ของหน้าหมู่  สมบัติสาธารณะหรือทรัพยากรถูกตีความและให้คำนิยามจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไร  ตัวอย่าง วัฒนธรรมและความคิดของคนดั้งเดิมที่เป็นคนกระเหรี่ยงนั้น  เป็นความคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียง  กินพออิ่ม นุ่งพออุ่น กินพอดี อยู่พอดี  วิธีคิดแบบนี้ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาแบบนี้ก็จะใช้ทรัพยากรอย่างนั้น ให้กับลูกหลานของเราในอนาคต

แต่ความคิด  วัฒนธรรมหรือความคิดอีกส่วนหนึ่งที่ต้องการให้มีคุณภาพชีวิตที่มีความสุข  มันต้องกินดี อยู่ดี การกินดี อยู่ดีก็คือการกินแบบเด็ดขาด  และการกินแบบโอ้อวด  ไม่ใช่กินแค่อาหารเท่านั้นแต่กินเรื่องศักดิศรี  ตรงนี้นำมาซึ่งความขัดแย้ง

พี่น้องคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยงอยู่สวนผึ้งมายาวนาน  ย้อนกลับไป 2311  ที่กรุงศรีอยุธยาแตก กองทัพจากทวายมาตามดูว่าที่ราชบุรีมีอะไรบ้าง  แล้วปะทะกันที่บางแก้ว  สมุทรสงคราม

2438 สมัยรัชกาลที่ 5  เมื่อมีการทำเหมืองแร่  สวนผึ้งก็เป็นจุดกำเนิดของการทำเหมืองแร่  พรบ. เหมืองแร่ปี 2444  ฝรั่งก็เข้ามาที่สวนผึ้ง  ผู้คนก็มีอยู่แล้ว  ตำบลสวนผึ้งก็เกิดขึ้น มีการตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านตกทอดกันมา  คนดั้งเดิมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน  วิถีชีวิตดั้งเดิมคือการทำไร่โดยนอบน้อมต่อแผ่นดินกับธรรมชาติ   การนอบน้อมต่อแผ่นดินและธรรมชาติเราใช้วิธีทำไร่หมุนเวียนที่คนอื่นเรียกว่าการทำไร่เลื่อนลอย

การใช้ทรัพยากรในอดีตและปัจจุบันซึ่งนำมาสู่ความขัดแย้งมีความเป็นมาอย่างไร?  สวนผึ้งทางตะวันตกเป็นแหล่งผลิตไม้ฝาง  ไม้ฝางเป็นของป่าที่ส่งไปยังราชสำนัก  แล้ว็ส่งลงสำเภาไปเมืองจีน  รัชกาลที่ 2 มีตราสารบอกเจ้าเมืองราชบุรีว่าหาไม้ฝางให้ครบตามลำเรือที่จะลงสำเภา  ถ้าหาได้ไม่ตามจำนวนนั้นเจ้าเมืองราชบุรีก็จะมีโทษ  นั่นคือผลผลิตจากทรัพยากรป่าในช่วงนั้น

พอเข้าสู่ปลายรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3  ที่เหมืองแร่จากภูเก็ตเริ่มเข้ามา ชาวจีนเริ่มเข้ามา  นั่นคือเรื่องแรกนับตั้งแต่ไทยเริ่มทำสัญญาการค้ากับต่างชาติ  เหมืองแร่ก็อยู่มาเรื่อยๆ  จนถึงปี 05-07  เครื่องจักรก็เริ่มเข้ามา  เมื่อปี 28  สวนผึ้งมีเหมืองแร่ประมาณ 40 กว่าแห่ง ส่วนมากเป็นดีบุก

ในขณะเดียวกัน ราชบุรีเป็นพื้นที่ที่ดินดำ น้ำดี  ดินของทุ่งเขางูซึ่งเป็นแหล่งผลิตเซรามิก  เครื่องดินเผา  ก็ใช้ไม้จากป่าสวนผึ้งตะวันตกถูกป้อนเข้าสู่โรงงานเพื่อผลิตเซรามิก  โอ่ง  จะเห็นว่าด้านตะวันตก  ระพินทร์ ไพรวัลย์มาเยอะ  มาเอาทอง  เอาแร่  เอาไม้

หลังจากแร่หมดเมื่อปี 28 ก็นิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง  พอยุคชาติชายก็เริ่มบูมขึ้นใหม่ คนก็หลั่งไหลมา  หลังจากปี 40  ระพินทร์ ไพรวัลย์ก็มาเยอะเลย  ตรงนี้มีแรงดึงดูด  มีคนเข้ามาทำธุรกิจรีสอร์ท

ปี 46-47  ถึงต้น 50  ประเด็นของพลังงานทดแทน  พืชน้ำมันก็มีเข้ามา  เป็นนโยบายของรัฐบาล  ทำให้มีการส่งเสริมปาล์มน้ำมัน  และยางพารา  เพราะมีประเด็นความขัดแย้งทางภาคใต้ทำให้ต้องหาพื้นที่ใหม่  ทำให้เข้ามาที่สวนผึ้ง  การใช้พื้นที่ต่างๆก็มากขึ้น

วัฒนธรรมของผู้คนจากข้างนอกกับคนข้างใน  ในการใช้ทรัพยากรมันต่างกัน  จากการกินอยู่อย่างพอดีก็เกิดปัญหาการช่วงชิงกัน

คุณวิเชียร คุตตวัส

ที่ราชบุรีปั้นโอ่งได้เพราะดินเหนียวของราชบุรีมีอลูมิเนียมมาก

คุณสกล คุณาพิทักษ์ กำนันตำบลสวนผึ้ง

เป็นกำนันตำบลสวนผึ้งมาตั้งแต่ปี 2544  เป็นผู้ใหญ่บ้านมาตั้งแต่ปี 2524  อยู่ในพื้นที่สวนผึ้งมาโดยตลอด  บรรพบุรุษก็อยู่มาโดยตลอด  พ่อมารับจ้างวันละบาท  อยู่มาเป็นร้อยๆปี  ต่อมาความขัดแย้งก็เกิดขึ้นในอำเภอสวนผึ้งเกี่ยวกับพื้นที่ทำกินและสิ่งแวดล้อม  พี่น้องชาวสวนผึ้งเป็นผู้ทีหวงแหนสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก  ต้นไม้ทุกต้นจะโค่นหรือจะตัดจะต้องขอขมา  มีการบอกเล่าเจ้าที่เจ้าทาง  แต่ทุกวันนี้ที่เกิดปัญหาขึ้นกับพี่น้องชาวอำเภอสวนผึ้งเกิดจากการที่ทางรัฐบอกว่ามีการบุกรุกทำลายป่า

ชาวอำเภอสวนผึ้งเป็นผู้บุกรุกหรือผู้บุกเบิก  การบุกรุกแสดงว่ามีกฏหมายเข้ามาควบคุมแล้ว  การบุกเบิกแปลว่ายังไม่มีกฏหมายใดมาควบคุมเราเลย  ที่เราทำมาหากินอยู่ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าบุกรุกหรือเปล่า? เพราะกฏหมายไม่ได้เข้ามา   อยู่ๆเข้ามาเมื่อปี 30  บอกว่าที่สวนผึ้งเป็นที่ราชพัสดุ  อ้างพระราชกฤษฎีกาที่ประกาศเมื่อปี 2481  ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี  พวกเราเป็นคนชายขอบเหรอ?   เป็นคนโง่ขนาดนั้นเหรอ ? ที่คิดจะมาขับไล่พวกเรา

รัฐมองเอาผลประโยชน์ของรัฐเป็นที่ตั้ง  ไม่เอาผลประโยชน์ของประชาชน  การมองของรัฐปัจจุบันต้องเปลี่ยนแปลง  ให้เป็นการอยู่ดีกินดี  อยู่อย่างมีความสุข  อยู่อย่างสันติสุข   ไม่ต้องยึดเอาผลประโยชน์ของรัฐ  ไม่ต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชน  ยึดเอาความถูกต้องและความเป็นธรรมในปัจจุบัน  สังคมจะอยู่ได้และอยู่รอด  อยู่อย่างมีความสุข   ไม่ใช่เอาความรู้ เอาความเข้าใจ  เอาความสามารถ  ไปเรียนมาจากต่างประเทศ  เอามาหาประโยชน์ใส่ตัวเอง  เอายศ เอาศักดิ์ศรี เอาบ้านตัวเอง  ไปตีกับพี่น้องประชาชนเพื่อเอาตำแหน่งให้สูงขึ้น  บางคนเรียนดี เรียนสูง  มีความรู้แต่ไม่มีความคิด

มีความคิดแต่จะเอาผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่มองชาติบ้านเมือง ไม่มองทรัพยากรของชาติ

เรื่องป่าไม้  พี่น้องประชาชนรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต  ที่มีข่าวสวนผึ้ง  วังน้ำเขียว  แก่งกระจาน  ไม่อยากให้เกิดขึ้น  พี่น้องประชาชนจะอยู่กันอย่างไร  มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับพี่น้องที่สวนผึ้ง  ที่วังน้ำเขียว  ที่แก่งกระจาน  การบุกรุกเป็นคนจากที่อื่น  มาทำสวนยาง  มาทำปาล์ม

ทุกวันนี้ชาวอำเภอสวนผึ้งกลายเป็นจำเลยของสังคม  ออกมาเรียหร้องสิทธิให้กับพี่น้องประชาชน  กลายเป็นตัวยุ่ง  คล้ายกับมีการประกาศกฏอัยการศึกในเขตอำเภอสวนผึ้ง ทำให้ผู้นำท้องที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไม่ได้เลย

นักกฏหมาย  ผู้มีอำนาจ  ผู้มีบารมีทั้งหลาย  อยากให้หันมามองพี่น้องประชาชนบ้าง  อยากให้พี่น้องชาวอำเภอสวนผึ้งอยู่อย่างมีความสุข  ให้พี่น้องทั้งประเทศอยู่อย่างมีความสุข  อยู่อย่างสันติสุข

อยากฝากให้ช่วยดู ความต้องการของรัฐตรงกับความต้องการของประชาชนหรือไม่?

คุณสมศักดิ์ เหลืองจรุงรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง

มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 40  ได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบต. ตั้งแต่ปี 51 เป็นห่วง มีความกังวล  สวนผึ้งมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก  จากรีสอร์ทสิบกว่าแห่งมาเป็น 70 กว่าแห่ง  ปัญหาของคนในชุมชนมีมากขึ้น  ปัญหาสิ่งแวดล้อม  ปัญหาป่าไม้  ปัญหาแย่งชิงทรัยากรธรรมชาติโดยเฉพาะเรื่องน้ำจะทำอย่างไร?  คนเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณน้ำเท่าเดิม  ต้องใช้ชาวบ้านมามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้

อย่างน้ำตก อบต.เป็นผู้รับผิดชอบ  ก็พยายามโอนให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำตก  เรื่องอื่นๆก็พยายามให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล สวนผึ้งมี 8 หมู่บ้าน  มีพื้นที่266,250 ไร่  ใหญ่กว่าบางจังหวัดอีก  ต้องอาศัยประชาชนมาช่วยดูแล  คนในแต่ละหมู่บ้านก็ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่หมู่บ้านของตัวเอง  อบต. ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ดูแลเรื่องงบประมาณและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ   ทำอย่างไรที่จะให้คนในเขตตำบลมีความสุข

คนที่นี่มีหลายชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยง  เชื้อสายมอญ เชื้อสายพม่า แม้แต่คนไทยเชื้อสายจีนอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่น้อย  ต่อไปจะมีการค้าขายเสรี  ไม่มีพรมแดนระหว่างประเทศแล้ว  เข้าออกได้ตลอด  มีข่าวว่าจะมีการเปิดการค้าชายแดนเกิดขึ้น  ก็ต้องเตรียมความพร้อมประชาชนของเราให้พร้อม  ว่าโลกเปลี่ยนไปแล้วเราควรจะวางตัวอย่างไร?

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วม การต้องดูแลผืนป่าของเราที่นี่  ถ้าเมื่อไหร่สวนผึ้งไม่มีป่า  ไม่มความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ  ก็จะไม่มีใครมาเที่ยวสวนผึ้งแน่นอน  ถึงจะใกล้กรุงเทพฯ เพราะจุดขายของเราคือเรื่องของธรรมชาติ

มีการช่วยกันสร้างฝายชะลอน้ำที่ต้นน้ำแล้วเพื่อป้องกันปัญหาน้ำป่าไหลหลาก  เคยมีข่าวน้ำป่าไหลหลากแล้วนักท่องเที่ยวต้องติดอยู่ในที่พัก  สมัยก่อนมีน้ำป่าก็มีการชะลอโดยต้นไม้  ปัญหาแก้ได้ อยู่ที่ความร่วมไม้ร่วมมือของคนในชุมชนและภาครัฐด้วยที่จะมาช่วยกันแก้ไข

ปัญหาเรื่องที่ดินซึ่งเป็นเรื่องใหญ่  ชาวบ้านคงเรียกร้องสิทธิในที่ดินทำกินในพื้นที่กายภาพ  ในปี 2538 ที่กรมธนารักษ์ได้เข้ามาสำรวจไว้  คงจะเรียกร้องเป็นเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน  หลัง 2538 แล้วกรมธนารักษ์จะให้เช่าอย่างไร?  ชาวบ้านก็ข้องใจว่าทำไมไม่มีการแจ้งว่าจะเข้ามาทำกินต้องไปขอเช่ากรมธนารักษ์ก่อน  ตอนนี้พัฒนาจนสวนผึ้งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ

ถ้าต้องไปเช่าก็คงขอให้มีความมั่นคงหน่อยได้มั๊ย  เพราะว่าถ้าให้เช่า 3 ปี  ความมั่นคงของที่ดินไม่มี  อยากจะเรียกร้องว่าขอให้เช่านานกว่านี้ได้รึเปล่า?  ทำไมคนต่างชาติมาเช่าที่ดินในเมืองไทย เช่าได้ 30 ปี 90 ปี   แต่ในฐานะประชาชนคนไทย  ขอเช่า 30 ปีไม่ได้เหรอ ?   3 ปีนี่ปลูกต้นไม้ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวเลย  หน่วยงานของรัฐก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  เช่าไปเลย  เขาต่อให้อยู่แล้วชั่วลูกชั่วหลาน  ใครจะรับรองได้ว่าจะได้เช่าตลอดไป  กู้ธนาคารก็ไม่ได้  สุดท้ายบางส่วนก็ต้องขายที่ดินไป

เหมือนวังน้ำเขียวที่ว่าอยู่ในป่าสงวน  ถ้าไม่ขายก็จะถูกยึดพื้นที่ไปก็เลยต้องขาย  น่าจะทำความเข้าใจระหว่างชาวบ้านกับหน่วยงานของรัฐ  เราน่าจะมานั่งโต๊ะกลมคุยกัน  เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่  เวลาทำประชาคมกับชาวบ้าน  ชาวบ้านจะไม่ค่อยรู้  และหลังทำประชาคมแล้วก็ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง  ที่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้านเรา  เร็วๆนี้ก็มีการพูดคุยกัน  แต่ก็ไม่มีข้อสรุป

มีการพูดถึงสวนผึ้งโมเดล  สวนผึ้งโมเดลหมายความว่าทุกคนต้องมาเช่ากับกรมธนารักษ์  แต่ชาวบ้านรับไม่ได้  ตรงนี้  ทำกินอยู่ในที่ของตัวเอง  อยู่ดีๆก็มีคนมาบอกว่าต้องมาเช่าผมนะ  อันนี้เรารับไม่ได้จริงๆ น่าจะมีการพูดคุยกันมากขึ้น น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้  อยากให้กำหนดให้ชัดเจนว่าตรงไหนควรอนุรักษ์ไว้ให้สมบูรณ์  ไม่ให้เช่า

คุณวิเชียร คุตตวัส

เปิด VDO ให้ชม  แสดงถึงปัญหาน้ำจากน้ำตกเก้าชั้นที่ลดลง  มีคนสูบน้ำไปใช่ส่วนตัว  มีการจัดเวทีสภาพลเมือง  มี สส. (สามารถ พิริยะปัญญาพร) มาร่วมด้วย  หลังการพูดคุยก็มีคณะทำงานเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำตกเก้าชั้น

………

Post to Facebook Facebook


เสวนากับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว - สวนผึ้ง- 2

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 3 กันยายน 2011 เวลา 17:19 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2377

ภกญ. เบญจางค์ เคึยงสุนทรา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอัฟฟีฟาร์ม จำกัด

เบญจางค์ 2

ขอถาม 2 ข้อ  ข้อแรกสุขภาพคุณแม่  ทำอย่างไรถึงดีขึ้นหรือว่าหายได้ยังไง?  ข้อที่ 2  เคยทราบมาว่ารีสอร์ทที่นี่ขุดและใช้ท่อต่อน้ำแร่มาใช้ จะถูกกฏหมายหรือไม่ ?

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

คำถามแรกเรื่องสุขภาพคุณแม่  หลังให้เคมีบำบัดหมอก็แนะนำให้ไปอยู่ที่ที่อากาศดีๆ อยู่สวนผึ้งมาตั้งแต่ปี 38  รู้ว่าอากาศที่นี่ดี เลยให้มาพักฟื้นที่นี่

คุณวิเชียร คุตตวัส

เรื่องที่มีการใช้น้ำแร่และให้การรักษาพยาบาลด้วยไม่ได้อยู่ที่สวนผึ้ง  แต่อยู่ที่อำเภออื่น  ทางราชการกำลังดำเนินการอยู่  ว่าจะปิดสถานประกอบการดังกล่าวเพราะว่ามันไม่ได้ผลอย่างที่โฆษณา

ผศ. ว่าที่ ร.ต. สุรพล สินธุนาวา อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์  สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์

สุรพล1

อยากถามเรื่องเอกสารสิทธิ์  ที่ สปก. ที่นำมาทำรีสอร์ท “อนเปลี่ยนมือไม่ได้  อยากทราบความเห็นที่วังน้ำเขียวจะมีทางออกอย่างไร?  มีเพื่อนฝากถามข้อนึงเกี่ยวกับการบุกรุกที่ป่า  ที่นี่ใช้วิธีถางป่าหรือเผาป่าครับ ?

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

การบุกรุกแถวนี้เป็นเรื่องของคนที่ไม่ธรรมดา  คงจะผิดมารยาทมากถ้าจะไปวิจารณ์คนที่ไม่ธรรมดา  วิจารณ์ชาวบ้านอาจจะกล้าวิจารณ์  แต่คนที่บุกรุกสวนผึ้งบอกได้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา  ที่ที่เดิมชาวบ้านทำกินแล้วถูกจับแต่กลายมาเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ได้  แต่ก็มีภาคประชาสังคมกำลังทำงานอยู่

สวนผึ้งปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าการบุกรุกของผู้ประกอบการจะเป็นปัญหาใหญ่มาก  แต่การบุกรุกทำรีสอร์ทไม่น่าจะเกิน 15%  นอกนั้นเป็นการบุกรุกเพื่อทำการเกษตร

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัทการบินไทย จำกัด

มาสวนผึ้งครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว  มาหากระเหรี่ยง  แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจการท่องเที่ยวโดยตรง   วันนี้มาอีกที่ก็ค่อนข้างจะประทับใจกับการได้สัมผัสบรรยากาศโดยรวม เป็นครั้งแรกที่ได้ยินความเห็นจากผู้ประกอบการ     ได้ยินว่าผู้ประกอบการไม่ได้มองแต่ในเรื่องของธุรกิจ  แต่มองในเรื่องจิตวิญญาณ  มองในเรื่องของความรู้สึก  ทำอย่างไรที่เราจะสามารถอยู่กับป่าได้อย่างสมดุล  ชื่นชมตรงนี้

เคยไปมาหลายที่   ไม่เฉพาะเมืองไทยแต่ที่ต่างประเทศด้วย เกี่ยวกับการอนุรักษ์สวนป่า  ต่างประเทศเขามองว่า  การใช้รถออฟโรดที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเข้าไปในป่าในเขา  เสียงมันค่อนข้างจะดัง  แต่ในเมืองไทยเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลหมดเลย  จะรบกวนวิถีธรรมชาติของสัตว์ป่า อยากถามว่ามีแนวทางอย่างไรในเรื่องนี้

กลุ่มออฟโรด

ออฟโรดดีเซลที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน  ใช้ในการเข้าป่า  ขึ้นเขา  เครื่องดีเซลมีประสิทธิภาพของแรงบิดดีกว่า  เครื่องเบนซินจะดังกว่าเพราะเครื่องเบนซินต้องเร่งเครื่องส่งในการขึ้นที่ชัน

การไปจะเป็นการไปในกลุ่มก๊วนที่เล็กๆ  ไม่ได้ไปตลอดหรือไปเป็นประจำ  ส่วนใหญ่ก็จะไปในทางเก่าที่เจ้าหน้าที่ใช้  ไม่ได้บุกเบิกเส้นทางใหม่  ผลกระทบกับสัตว์ป่าก็คงจะไม่เท่าไหร่

กิจจา อาลีอิสเฮาะ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

ฟังจากวิทยากรทั้งสามท่าน  ผู้ประกอบการไม่ใช่คนในพื้นที่เลย  อยากจะทราบว่าภาคพลเมือง  ประชากร  ชาวบ้านที่อยู่ก่อน  หลังจากมีการประกอบการในพื้นที่  ชาวบ้านเดิม  คนในพื้นที่มีความพึงพอใจ  หรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไร?  แค่ไหน?  อย่างไร?

อีกประการหนึ่งที่อยากจะทราบ  คนงานเป็นคนงานในพื้นที่  ดูจากธุรกิจแล้วไม่น่าจะเป็นคนงานในพื้นที่ 100%

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

บ้านสวนหงษ์เหิร  แรงงาน 14 รายเป็นคนในหมู่บ้านเลย  การศึกษาไม่เกิน ม. ปลาย  อีก 2 รายเป็นคนจากหมู่บ้านอื่น  Scenery ก็เหมือนกัน  ส่วนใหญ่เป็นแรงงานในพื้นที่

พันเอก ดร. พิเชษฐ คงศรี นายทหารปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทย

ฟังจากภาคประชาชนแล้ว  ภาครัฐมีเครื่องมือที่สำคัญคือกฏหมาย  สิ่งที่รัฐทำไปไม่สามารถที่จะสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนได้ทั้งหมด  ถ้าดูพัฒนาการการบุกรุกที่ในลักษณะต่างๆ  เราจะพบว่าปัญหาจริงๆก็มาจากทหาร  แต่ทหารทำให้ชาวบ้านได้เดินเข้าป่าได้สดวก

หลักจากนโยบาย 66/23 และ 65/25  ท่านเดินเข้าป่าไหนก็ได้  ป่าอุ้มผาง ป่าสวนผึ้ง  ป่ากาญจนบุรี  เป็นปรากฏการณ์อันใหม่ที่ทหารและภาครัฐไม่ว่าจะเป็นกรมป่าไม้  ท้องถิ่นหรือภูมิภาคคือทางจังหวัดหรืออำเภอ  ก็ไม่ได้เตรียมตัวในเรื่องพวกนี้   ปัญหามันเกิดขึ้นรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง   จะทำให้เราได้ข้อมูลที่ทำให้เห็นว่าบทบาทภาครัฐหาจุดสมดุลของการแก้ปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชนและภาคชุมชน  รวมทั้งผู้ประกอบการต่างๆ   ขยายความไปถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติที่ควรจะได้นั้นอยู่ตรงจุดไหน  ซึ่งตัวแทนภาครัฐจะมาให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้

ขอขอบคุณที่วิทยากรพยายามชี้แจงให้เห็นปัญหาและอุปสรรค  เห็นว่าสิ่งที่เป็นจุดเชื่อมของภาคประชาชนกับภาครัฐก็คือการยอมรับในสถานะที่ตัวเองเข้ามาทำ  ทุกคนทราบว่าสิ่งที่ตัวเองเข้ามาทำอยู่นั้น  สถานะของที่ดินนั้นเป็นอย่างไร?

ขออนุญาตกาญจนบุรีด้วย   ทางฝ่ายทหารมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินไว้ใช้ในราชการทหาร พ.ศ. 2481

ถามว่าก่อนหน้านั้นมีสถานะทางกฏหมายอะไรรองรับความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน  ตอบว่ามี  คือกฏหมายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เรียกว่ากฏหมายบทเบ็ดเสร็จฉบับที่ 42   ที่ดินที่เป็นที่บ้านที่สวน  ถ้าใครได้ทำถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ก็คือเป็นโฉนดนั่นเอง

พ.ศ. 2484  เรามีพระราชบัญญัติป่าไม้เกิดขึ้น  พ.ศ. 2497  มีประมวลกฏหมายที่ดินเกิดขึ้น  พ.ศ. 2504  มีพระราชบัญญัติอุทานแห่งชาติเกิดขึ้น   พ.ศ. 2507 มีพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติเกิดขึ้น   พ.ศ.2518  มีพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเกิดขึ้น  แนวทางในการพัฒนากฏหมายในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่เรียกว่าประโยชน์สาธารณะ  มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง  แต่การดำเนินการของภาคประชาชนก็พึ่งเข้ามาหลังปี 2528

ยุคของน้าชาติคือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ที่ดินจึงเป็นแหล่งต้นทุนการผลิตที่ผู้คนแสวงหา    ดีใจที่วิทยากรซึ่งอยู่ในพื้นที่สวนผึ้งได้พยายามที่จะรักษาจุดยืนอะไรบางอย่าง  เท่าที่ประมวลได้มีอยู่ 2 เรื่อง  คือสภาวะดั้งเดิมของความเป็นธรรมชาติ  กับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในเมืองแล้วมาใช้บริการที่สวนผึ้ง  คงยากการที่จะอยู่ร่วมกันของความต้องการที่แตกต่างกันของ 2 ฝ่ายนี้ได้

แนวทางที่อยากเสนอแนะก็คือการเปิดโอกาสให้ทางภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติร่วมกับภาครัฐและชุมชน  ภาคประชาชนในสวนผึ้งนี้

พันโท ภาคภูมิ ศิลารัตน์ เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ 9 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ

ภาคภูมิ1

อยากทราบว่ายังพอมีที่เหลือให้ทำรีสอร์ทมั่งมั๊ย?  (อยากได้มั่ง…..อิอิ)

ภาคเอกชนท่านได้คืนอะไรกลับคืนสู่พื้นที่บ้าง ?

คุณอดิศัย หงษ์เหิรสถิตย์

Scenery เดิมเจ้าของชื่อลุงกะปุ๊  ลุงกะปุ๊ถ้ายังอยู่อายุก็เกินร้อยแล้ว  ที่หงษ์เหิรเดิมเป็นที่ของพ่อของป้าพัง  ถ้ายังอยู่ก็เก้าสิบกว่า   ยืยยันได้ว่าสวนผึ้งนี่มีคนอยู่แต่ดั้งเดิม  แต่ไม่สามารถไปขอเอกสารสิทธิ์ได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน ไม่ได้บอกว่าไม่ใช่คนไทย  และที่ฝั่งซ้ายลำภาชีที่มีปัญหาดังกล่าว  ปัจจุบันสำรวจแล้วปรากฏว่ามี นส. 3 ก ไม่น้อยกว่า 2,000 แปลง  ของผม 2 แปลง   หมายความว่าขั้นตอน นส.3  แสดงว่าต้องมีการใช้ประโยชน์ก่อน 2497  ยังไม่อยากโต้แย้งไปถึง 2481 ว่าที่นี่มีชุมชนหรือไม่?   ขอเป็นตอนบ่ายซึ่งคุณวุฒิซึ่งเป็นลูกหลานที่เกิดที่นี่เลย  จะมาคุยความเป็นมา   กำนันตำบลสวนผึ้งก็เป็นลูกหลานที่เกิดที่นี่

ในเรื่องของพวกเราทำอะไรบ้างก็อยากให้มองเหมือนกัน  ถ้าเลิกประชุมแล้วพอมีเวลา  อยากให้เดินไปที่ลำธารแล้วมองไปที่ฝั่งตรงข้าม  เป็นที่ดินของบ้านสวนหงษ์เหิร  ซื้อไว้เพื่อปลูกสมุนไพร  ให้คนที่มาเที่ยวเข้าใจว่าที่นั่นคือป่า   ถ้ามองผ่าน Google Earth  จะมีเฉพาะที่บ้านสวนหงษ์เหิรที่ปลูกสมุนไพรไว้เท่านั้นเองที่เป็นป่า  และมีอยู่หย่อมเดียว   เราชอบเราจึงมาอยู่  เรารู้สึกว่าที่นี่เป็นบ้าน

Post to Facebook Facebook



Main: 2.1617619991302 sec
Sidebar: 0.1710000038147 sec