ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (2)

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 18:05 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 2538

ภูวเดช  มังสาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูพญาบิวดิ้ง จำกัด

ภูวเดช

ปัญหาเรื่องน้ำยังไม่น่าถึงวิกฤต ถ้าทุกฝ่ายร่วมจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์กัน  ชุมชนและธุรกิจรีสอร์ทหาทางออกร่วมกันก็คงจะพอใช้อยู่  ไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดความเจริญ  ความเจริญที่เข้ามาในท้องถิ่นเป็นโอกาสของคนในชุมชนท้องถิ่น  แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี

ดร. แสนศักดิ์ ศิริพานิช รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและชุมชนสัมพันธ์  มห่วิทยาลัยราชภัฏสงขลา

เป็นเรื่องของพื้นที่เฉพาะ  พื้นที่ชายขอบ  พื้นที่จังหวัดชายแดนจะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง  เป็นเรื่อง Buffer Zone

ทางใต้ก็มี  ไม่ว่าสตูล ยะลา มี Buffer Zone หมด  นาทวีทั้งอำเภอ  การอยู่ร่วมกัน  การแบ่งประโยชน์กันลงตัวก็ไม่มีปัญหา  อาจจะมีปัญหาของนายทุนที่เข้ามาลงทุนมาก  ต้องการความมั่นคงในเรื่องเศรษฐกิจมาก

ขอเสนอทางด้านสังคม  ถ้าเยาวชนมารับรู้ปัญหาเหล่านี้แล้วเกิดทัศนคติที่ไม่ดี  ไม่สามารถอยู่ร่วมกันก็จะเกิดปัญหาในอนาคต  ได้พูดคุยกันเรื่องที่จัดอบรมมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยว การพัฒนาเยาวชนต่างๆ  การศึกษา   อยากฟังเสียงสะท้อนจากเด็กๆว่าคิดอย่างไรบ้าง อาจจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำกันในปัจจุบัน

การพูดคุยกันต้องพูดคุยกันจริงๆ  เรื่องความมั่นคงก็ว่ากันไป  แต่เรื่องของเศรษฐกิจก็ต้องมาคุยกัน  ชายแดนประเทศไทยไม่ว่าทางพม่า ลาว  มาเลเซีย เขมร ก็พูดคุยกันให้ไปแนวทางเดียวกัน

พล.ต.ต. อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ

น้ำตกในประเทศมันเป็นของชุมชนหรือของคน 60 ล้านคนหรือของคนทั้งประเทศ  ถ้ามาเที่ยวน้ำตกแล้วไม่มีน้ำตก  น้ำหายไป  มีคนสูบไป  ไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชน คนนำไปทำมาหากิน เมื่อวานฟังดูแล้ว น้ำตกเป็นของชุมชนก็แบ่งกันดูด  ชุมชนก็แบ่งกับผู้ประกอบการรีสอร์ท  คนอื่นมาเที่ยวก็ไม่มีน้ำตก  ใครจะรับผิดชอบ

น้ำตกเป็นทรัพยากรที่ไม่มีผู้ใดเอาไปได้  ต้องให้เป็นธรมมชาติตลอดไป  ถ้าจะเอาจริงๆก็ต้องเป็นน้ำที่ลงมาล่างสุดแล้ว

เรื่องเขตที่ดินต้องมีความชัดเจน  ใครก็ตามที่มาซื้อที่ดินที่ไม่ใช่โฉนดก็ต้องยอมรับความเสี่ยง  ซื้อไปแล้วต่อมาทหารมาเป็นผู้ชี้เขตว่าเป็นเจ้าของ  ก็ต้องยอมรับ  ผู้ที่มีสิทธิจะกำหนดกฏกติกามารยาทอย่างไร?  กฏกติกามารยาทต้องชัดเจน  ไม่คลุมเครือ  มิฉะนั้นจะมีปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด

ใครมาใช้ทรัพยากรของชาติ  ต้องมีการชดใช้  ไม่ว่าจะครอบครองและทำประโยชน์มานานเท่าใด มิฉะนั้นคนทั้งชาติก็จะขาดทุนเรื่อยไป ใครมาก่อนใช้ก่อนโดยที่ไม่มีสิทธิชัดเจนเพราะไม่มีโฉนด  ใช้มาตั้งนาน  พอมีคนอ้างสิทธฺิก็เริ่มต้นใหม่ ไม่มีการชดใช้  ได้ประโยชน์ไปแล้วไม่มีการพูดถึง  เป็นการเอาเปรียบประเทศไทย

คธาทร อัศวจิรัฐติกรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์สี กองทัพบก ช่อง 7

คธาทร1

เพิ่งมารับทราบเรื่องราวสวนผึ้งเป็นครั้งแรก  ประทับใจอำเภอสวนผึ้ง  สวนผึ้งมีความได้เปรียบ  อย่างแรกที่สุดก็คือโมเดลในการแก้ไขปัญหา การสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมและการรับรู้ปัญหาของชาติได้อย่างเป็นระบบ  ถ้ามีการแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจังจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นโมเดลที่จะแก้ไขปัญหาในทำนองเดียวกัน

ปัญหามีหลากหลาย  มีหลายมิติ มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาปากท้องอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของคนไทยในภาวะโลกาภิวัฒน์ที่ต้องต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจโลก

ปัจจุบันนี้ถ้าเราจิ้มมือลงในแผนที่ประเทศไทย  แทบทุกส่วนล้วนมีปัญหาที่ดินทำกิน  ปํญหาสภาพแวดล้อม ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติซึ่งตำตาตำใจ เป็นหนามยอกอกประชาชนไปแทบทุกหย่อมหญ้า

ถ้าโมเดลของสวนผึ้งซึ่งมีข้อได้เปรียบ  คือมีปราชญ์ชาวบ้าน มีผู้นำชุมชนที่แข็งแกร่ง มีการจัดตั้งที่ค่อนข้างจะดี และเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม  รวมทั้งภาครัฐที่พยายามที่จะเข้ามารับรู้ปัญหา เปิดใจกว้าง และพยายามที่จะแก้ไขปัญหา    ถ้าทุกภาคส่วนได้ร่วมกันและพยายามแก้ไขปัญหา  น่าจะเป็นโมเดลที่จะแก้ไขปัญหาของชาติได้

อ. มีชัย เคยมีการปฏรูปกฏหมายใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง เป็นการปฏิรูปกฏหมายของการบริหารราชการที่แต่ละฝ่ายมีกฏหมายวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป  กฏหมายของแต่ละหน่วยงานที่ขัดแย้งกันก็เคลียร์เสียให้เรียบร้อย  เช่นกฏหมายป่าไม้  กฏหมายที่ดิน ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทั้งหลายซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ  ถ้าที่สวนผึ้งทำตรงนี้ได้  ชาวบ้านก็น่าจะยิ้มแย้มแจ่มใสได้มากกว่านี้

ผศ. ว่าที่ ร.ต. สุรพล สินธุนาวา อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์

ระยะเวลาเช่า 3 ปีน้อยเกินไป  ควรจะแก้ระยะเวลาการเช่าเป็น 20-30 ปี  ไปจดทะเบียนให้ถูกต้องกับสำนักงานที่ดิน

อวยชัย คูหากาญจน์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

เรามีปัญหาที่ดินและน้ำมานานแล้ว  แก้ไม่ได้ง่ายๆ  ต้องใช้ระยะเวลา  แต่ปัญหามีแนวโน้มจะเกิดเพิ่มมากขึ้น  จะป้องกันได้อย่างไร?

ปัญหาเกี่ยวกับกฏหมายที่มีอยู่หลายฉบับ  และมีหลายหน่วยงานหลายกระทรวงเกี่ยวข้อง  มีความพยายามแก้ไขปัญหาอยู่มากแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ

พูดถึง นอมินี ก็ไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนว่า นอมินีคืออะไร  การถือครองที่ดินห้ามต่างชาติถือครองที่ดิน  แต่ก็มีการเลี่ยงในรูปของบริษัท   มีการให้คนถือหุ้นแทน  แต่ไม่เคยมีการดูไปถึงผู้ถือหุ้นชั้นสุดท้ายที่เป็นบุคคลธรรมดาว่ามีต่างชาติถืออยู่เท่าไหร่?   มีพูดถึงเหมือนกันแต่ไม่มีเกณฑ์มาตรฐาน

ประเทศเราขาดความชัดเจน  ข้าราชการไม่รู้จริง  มีการจัดทำคู่มือ  แต่คู่มือก็ไม่ละเอียดในแนวทางปฏิบัติ  การบังคับใช้กฏหมายให้เกิดความชัดเจนมีปัญหา  ไม่ค่อยเห็นด้วยกับ สปก. มีความพยายามให้คนเข้าไปปลูกป่า มีความพยายามเอาที่ป่าเสื่อมโทรมมาออกเป็น สปก. 4-01  แต่ปัจจุบันลองดูว่าคนที่ถือครอง สปก. 4-01 เป็นใคร

พ.ต.อ. ดร. ภาดล ประภานนท์ รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


มองความต้องการ  แรงดึงดูดใจให้คนมาท่องเที่ยว  เป็นบรรยากาศ  อากาศดีมาก  เรื่องของฮวงจุ้ยดีมากเหมือนกัน  มีน้ำ มีเขา มีธรรมชาติ

มองถึงการทำลาย  คนมามากก็เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เกิดปัญหาความขัดแย้ง เป็นผลต่อเนื่องกันมา

ต้องหาคำตอบว่าระหว่างความต้องการกับการทำลาย  ทำอย่างไรให้อยู่ในภาวะสมดุล  ในสังคมมันอยู่คู่กันไป

ดร. สุนทรียา เหมือนพะวงศ์ ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์

ถ้าศึกษาเรื่องกฏหมายด้านสิ่งแวดล้อมจะมี Keyword สำคัญว่า   โศกนาฏกรรมส่วนรวม(Tragedy of the Common)  อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกที่ในประเทศไทย  เมื่อไหร่ที่ดินที่ถูกเรียกว่าเป็นของรัฐ รัฐก็ไม่ได้ดูแล  มันมีคำว่าสิทธิเป็นของผู้บุกรุก ก็จะต่อสู้กันไปทุกที่

ในมุมมองของนักกฏหมายหรือด้านความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมจะตีกันตลอดระหว่าความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม  ผลประโยชน์ของธรรมชาติ  ระบบนิเวศน์ต่างๆ  เหมือนสวนผึ้งจะทำอย่างไรให้รักษาป่า  ลุ่มน้ำ  ความสมบูรณ์ของธรรมชาติต่างๆ  กับประเด็นความเป็นธรรมด้านสังคม (Social Justice)  มันเป็นเรื่องความเป็นหนึ่งของมนุษย์ ของชุมชน ของชาวบ้าน  เมื่อชาวบ้านต้องต่อสู้กับภาคเศรษฐกิจจะสู้กันอย่างไร  มีหลายมิติที่ต้องมอง

ถ้าถามว่าลุ่มน้ำหรือน้ำตก เป็นของประชาชนทุกคน  แปลว่าชุมชนไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์? หรือใช้มากเกินไปหรือเปล่า?  ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ตามมาตรา 66 และ 67 ดีกรีของการใช้สิทธิต่างกันระหว่างคนกรุงเทพฯ กับคนในพื้นที่  คนในพื้นที่มีสิทธิใช้ประโยชน์เป็น Direct Use  ในขณะที่คนกรุงเทพฯ มาตรา 67 บอกว่ามีสิทธิได้ประโยชน์  ตรงนี้เป็นประเด็นที่จะตีความขอบเขตของกฏหมายนี้อย่างไร?

ในแง่ของการปฏิรูปกฏหมายควรปฏิรูปกฏหมายที่ดินทั้งหมดมาเป็นประมวลกฏหมายที่ดินและป่าไม้  เพื่อรวม พรบ. ราชพัสดุ  พรบ.ที่สาธารณะทั้งหลาย  พรบ. ป่าไม้ที่มีมากกว่า 5-6 ประเภท  อุทยาน  สงวนพันธุ์สัตว์ป่าหรือพันธุ์พืช  ให้มันเป็นหนึ่งเดียว  จะได้ให้คนเห็นภาพว่าแต่ละประเภทของที่ดินควรจะถูกใช้อย่างไร?

ศาลที่ทำงานพิเศษเกี่ยวกับที่ดิน ป่าไม้ควรมีหรือไม่?  ปัจจุบันในส่วนของศาลปกครองและศาลยุติธรรมก็ทะเลาะกันตลอด คดีที่ดิน  ป่าไม้  ศาลก็มีข้อขัดแย้งเรื่องนี้ ควรมีศาลพิเศษ  ที่ดิน ป่าไม้ไหม?  เพราะเป็นวิกฤตของประเทศ

ทรงจิต มุขดี ผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานสินค้าส่งออก บริษัท เบลเซอร์เวย์ จำกัด

ทรงจิต1

อยากเล่าเรื่องอดีตของสวนผึ้ง  เพราะเคยมีความสัมพันธ์ในพื้นที่นี้ตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว  จากบ้านป่าหวายถึงสวนผึ้งเป็นป่า  สวนผึ้งก็ยังไม่เจริญ  ชาวกะเหรียงได้ทำการหักร้างถางพงโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนและผู้นำชุมชนในเขตนี้  ได้นำที่ดินไปเสนอขายถึงกรุงเทพฯ นครปฐม  จนเจริญขึ้นมา  ก็มีนายทุนเข้ามากว้านซื้อ  แต่เมื่อวานก็ไม่ได้พูดถึงเลย

ไม่มีการพูดถึงเลยว่าเข้ามาอยู่กันตั้งแต่ปีไหน ตอนซื้อที่ดินก็ยอมรับสภาพนั้นกันอยู่แล้ว  เพราะทางเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือฝ่ายปกครองก็ทำได้อย่างเดียวคือให้เสียภาษีเหยียบย่ำ

……ยังมีต่อ………

Post to Facebook Facebook


บทเรียนจากเชียงใหม่

9 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 1 กุมภาพันธ 2009 เวลา 21:10 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ, เฮฮาศาสตร์, แลกเปลี่ยนเรียนรู้ #
อ่าน: 1685

เรื่องการอบรมเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรต้องถือว่าเป็นมือใหม่มากๆ เพราะที่ทำบ่อยๆจะเป็นการอบรมเรื่องการจัดการขยะมูลฝอยโดยชุมชน –CBM Community Based solid waste Management (เป็นหลักสูตรที่เทศบาลนครพิษณุโลกพัฒนาร่วมกับ GTZ) เป็นการอบรมแบบมีส่วนร่วม วิทยากรก็ทำหน้าที่เป็นวิทยากรกระบวนการ(Facillitator) จอมป่วนนั้นเขาจัดให้เป็น Resource Person แค่นั้นเอง ผู้เข้าอบรมก็จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเอง และร่วมระดมสมองเพื่อหาปัญหา สาเหตุ และวางแผนแก้ปัญหากันเอง
อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


หลวงพี่อำนวย

อ่าน: 2109

เคยเจอแต่พระเทศน์เก่ง  เคยไปเยี่ยมค่ายอบรมธรรมะ ค่ายปฏิบัติธรรมของเด็กนักเรียน  เคยไปปฏิบัติธรรมครั้งนึงที่ผาซ่อนแก้ว  ก็คิดเอาเองว่าพระคงดีแต่พูด  ไม่ได้หมายความว่าพูดแต่ไม่ทำ    หมายความว่าคงสอนแบบเทศน์  ถ้าพูดเก่ง  สอนเก่ง  สนุก  ขบขำ  คนก็ชอบ  ไม่เคยมีความคิดเลยว่าพระก็เข้าใจคำว่าคุณอำนวย  กระบวนกร  การเรียนรู้เชิงประจักษ์ (ขอยืมคำศัพท์ของอาจารย์วรภัทร์  มาใช้หน่อยนะครับ) อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


ผาซ่อนแก้ว - อีกครั้งครับ

8 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2008 เวลา 22:54 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ, เฮฮาศาสตร์, แลกเปลี่ยนเรียนรู้ #
อ่าน: 2805

 

เช้านี้ตื่นแต่เช้า  ชวนแม่นุขึ้นผาซ่อนแก้ว  เอาเป็นว่าไปส่งทีมงานของเทศบาลนครพิษณุโลกตามโครงการพัฒนาบุคคลากร  ซึ่งจะหมุนเวียนพาพนักงานเทศบาลขึ้นไปศึกษาและปฏิบัติธรรมที่ผาซ่อนแก้วครั้งละ 30 คน  แต่ต้องลงมาก่อนเพราะมีงานแต่งงานที่พิษณุโลก

 
ไปถึงที่ผาซ่อนแก้วประมาณ 8 โมงกว่า  ปรากฏว่ามีกลุ่มที่มาจากกรุงเทพฯ  ไม่ได้ติดต่อล่วงหน้า  แต่มานอนที่รีสอร์ท  ตื่นเช้าก็มานั่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่ออำนาจอยู่  ก็เลยได้นั่งฟังด้วย

……
อ๋อ….  หลวงพ่อบอกว่าถ้าเราเข้าใจ  เราอ๋อ (คลิกหรือปิ๊ง)  เราก็จะมีความสุข  แสดงออกทางร่างกาย  สีหน้ามีความสุข
หลวงพ่อบอกว่าเกจิได้ทำนายไว้ว่าการตามดูจิตจะรุ่งเรือง  เพราะปัจจุบันเป็นสังคมข้อมูลข่าวสาร  ไม่ใช่สังคมเกษตรเหมือนเมื่อก่อน  ข้อมูลข่าวสารที่เราเสพย์  ทำให้เกิดตัณหาและฐิติ

อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


แนะนำหนังสือ - สรรนิพนธ์ พุทธทาส ว่าด้วยเต๋า

2 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 สิงหาคม 2008 เวลา 0:15 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 12828

 

วันก่อนไปส่งที่บ้าน  (  แม่นุกับน้องอ้าย )  ไปซื้อครีมกันแดดที่ร้านฟาสซิโน่ ( ร้านขายยา )  ร้านนี้เฮียที่นับถือกันเขาเปิดให้ลูกสาวดำเนินกิจการ   นอกจากยาก็มีสินค้าเพื่อสุขภาพอีกหลายอย่าง  ไม่อยากรอบนรถเลยเข้าไปเดินในร้านด้วย  เจอหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ  ด้านโภชนาการ  การออกกำลังกาย  โยคะ   การเลี้ยงลูก  และหนังสือธรรมะอีกมากมาย  มีหนังสือของท่านพุทธทาสหลายเล่มมาก

 

เลือกมาเล่มนึง  เป็นหนังสือ สรรนิพนธ์  พุทธทาส  ว่าด้วย เต๋า  เป็นหนังสือที่  กวีวงศ์  กลุ่มพุทธทาสศึกษา  รวบรวมจากที่ท่านพุทธทาสไปบรรยายหลายแห่ง  เอามารวบรวมให้อ่านง่ายขึ้น  เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เต๋า   คราวที่ไปสวนโมกขพลารามก็เห็นภาพวาด  และเรื่องราวเกี่ยวกับเต๋ามากพอสมควร

 

อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


นิทานธรรม - ดับทุกข์ผิดทาง อิอิ

2 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:51 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 2840

 

ไปศึกษาธรรมครั้งนี้ไม่ได้เคร่งเครียดมากอย่างที่คิดนะครับ  หลวงพ่อท่านมีเรื่องเปรียบเทียบ  มีนิทานเล่าให้ฟังสลับเหมือนกัน  จะเอามาเล่าให้ฟังเรื่องนึง  ดัดแปลงจากของหลวงพ่อนิดหน่อย  อิอิ

จอมป่วนปวดหัวเป็นประจำ  ทำยังไงก็ไม่หาย  ไปหาหมอ  หมอก็ตรวจหมดทุกอย่างแล้วพบว่ามีผิดปกติอยู่อย่างเดียว  คิออัณฑะกดเส้น  ทำให้ปวดหัว  ลองรักษาทุกวิธีก็ไม่หาย  หมอเลยบอกว่าเหลือวิธีสุดท้ายคือต้องตัดอัณฑะทิ้ง  จอมป่วนคิดอยู่หลายเดือน  กล่องดวงใจน่ะครับ  ไม่คิดมากได้ไง  แต่ในที่สุดก็ทนต่ออาการปวดหัวไม่ไหว  ยอมตัดอัณฑะทิ้ง

หลังผ่าตัด  หายปวดหัวก็เลยไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่ห้างเล่น  สาวห้างนี่เก่งมากเลยครับ  เห็นหน้าจอมป่วนก็บอกได้หมด  เสื้อขนาดเท่าไหร่ ?    คอขนาดเท่าไหร่ ?  แขนยาวเท่าไหร่ ?   แม่นยำมาก

กางเกง  เอวเท่าไหร่ ?  ขายาวเท่าหร่ ?  แถมรู้ด้วยว่าจอมป่วนนี่ประเภทเสื่อผ้าขนาด M  แต่เป้า XXL  อิอิ

สาวห้างทายถูกหมดเลย  แต่ทายขนาดกางเกงในของจอมป่วนผิด ?  รึเปล่า ?  เพราะสาวห้างบอกว่า  จอมป่วนนี่แปลก  ต้องใช้กางเกงในขนาด XXL   จอมป่วนเถียงหัวชนฝาว่าผิดๆๆๆๆๆ   ผมใช้ขนาด L  เอง ( จะรู้ดีกว่าเจ้าตัวได้ไง ? )

สาวห้างเลยบอกว่าไม่ผิดหรอกค่ะ  เจอมาเยอะแล้ว   นี่ถ้าใช้กางเกงในขนาด L นะ  มันจะเล็กไป  มันจะรัดแล้วไปกดเส้น  จะทำให้ปวดหัวไม่หาย  แนะนำไปหลายคนแล้วให้เปลี่ยนขนาดกางเกงใน  หายปวดหัวทุกคนเลย  จริงๆนะ

จอมป่วนได้ยินก็เสียใจ  เสียดายเป็นอย่างยิ่ง  ……  นี่ถ้าเจอสาวห้างก่อนก็แค่ซื้อกางเกงในขนาดที่เหมาะสมใส่  ไม่ถึงกับต้องไปตัดลูกอัณฑะทิ้ง  แง…….ๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  การแก้ปัญหามีหลายวิธี  การดับทุกข์ก็มีหลายวิธี  จะเปลี่ยนกางเกงใน  หรือจะตัดลูกอัณฑะทิ้งก็เลือกเอาแล้วกันครับ  อิอิ

คำคม - เรียนธรรมะแบบเฮฮาศาสตร์ 

 

Post to Facebook Facebook


บทสรุป ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว

4 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:44 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 1973

                                               

 

วันนี้ไปสอนหนังสือที่เพชรบูรณ์  ต้องออกไปรอรถของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามที่ปากทางเข้าสถานปฏิบัติธรรม  เพราะกลัวจะเสียเวลาเข้าออกประมาณ 20 นาที  เดี๋ยวไปสอนสาย  อิอิ

สอนหนังสือเสร็จกลับบ้าน  แวะเอาหนังสือเซียมซีพุทธไปให้ราณี  ราณีเปิดดูเห็นลายเซ็นผู้แต่งหนังสือเขียนว่า  ให้ ( ราณี )  ยิ้มแก้มแทบฉีกเลยนะ  55555

ว่างๆก็เลยมานั่งสรุปว่าไปครั้งนี้รู้สึกอย่างไร  ได้อะไรมาบ้าง  ขืนรออีก 2-3 วันคงจะลืมหมดแน่เลย

ในภาพรวม  การเดินทาง  ที่พัก  อาหาร  สถานที่  สดวกดีครับ  ไม่หรูหราแต่พอเพียง  อาหารมีกับสองอย่าง  ของหวาน 1 อย่าง  คณะได้รับอนุญาตให้ทานมื้อเย็น  ไม่งั้นแย่แน่ๆเลย  อิอิ  เป็นที่ที่ไปฝึกภาวนา  ศึกษาธรรมะครับ

กิจกรรมต่างๆที่ทางสถานปฏิบัติธรรมจัดให้ดีมากๆครับ  มองในฐานะที่จัดการอบรม สัมนาอยู่บ่อยๆ  บอกได้เลยครับว่ามืออาชีพ

คณะวิทยากร ( ทีมงานของหลวงพ่อและหลวงพี่ครับ ) ออกแบบกิจกรรมได้เหมาะสมกับกลุ่มที่ไป  มีการศึกษาผู้ที่ไปศึกษาธรรมเป็นอย่างดี  ( ฝ่ายที่ไปต่างหากที่ไม่ทำการบ้านไปเลย ประเภทไปแต่ตัวกับหัวใจ  วัดดวงเอาข้างหน้า  รวมทั้งคนชอบวิ่งด้วยครับ  เพราะกลับจากมาเลย์เซียก็ไม่ได้โงหัวเลย  เขามาอุ้มไปตอนเช้ามืดเลย )  กิจกรรมต่างๆสอดคล้อง  เหมาะสม  ลำดับก่อนหลังสมบูรณ์แบบครับ  มีทั้งการสอน  การฝึกปฏิบัติ   สอนกราบพระ เดินจงกรม  การนั่ง  การยืน  การเดิน  การนั่งกรรมฐาน  การฝึกภาวนาหรือวิปัสสนาการสนทนาธรรม  การให้ไปช่วยสร้างเจดีย์  การทำความสะอาดที่พัก  ต้องหอบที่นอนหมอนมุ้งเอง  ทานอาหารก็ต้องล้างจาน  ล้างช้อน ส้อม  ล้างแก้วน้ำเอง  กิจกรรมทุกอย่างเป็นการฝึกฝน  เป็นบทเรียนให้ถอดหัวโขน  ละวาง  ฯลฯ   ตลอดเวลาที่อยู่ก็สบายใจ  ปลอดโปร่ง  หลวงพ่อ  หลวงพี่มีความรัก  ความเมตตาที่อยากจะสอนให้เราเป็นคนดี  รู้จักแก่นแท้ของศาสนาพุธ  มีทักษะการสอน  ลำบากก็เรื่องเดียวครับ  คือตอนนั่งพับเพียบนานๆ  อายุมากแล้ว  แถมไม่ค่อยได้เข้าวัดก็เป็นอย่างนี้แหละครับ

ในด้านความรู้และประสบการณ์ที่ได้ก็มีประโยชน์มากครับ  เพราะเคยอ่านหนังสือธรรมะมาบ้าง ( แก่นพุทธศาสน์ ของท่านพุทธทาสภิกขุเล่มเดียวอ่านตั้ง 5 ปี อิอิ )  การฝึกปฏิบัติเรียกได้ว่าไม่เลย

หลวงพ่อสอนเรื่องแรกก็คือเรื่องสติ  ต่อไปเรื่อยๆจนถึงเรื่องการฝึกภาวนาหรือวิปัสสนา  ทำให้เข้าใจหลัก  ได้แนวทางการปฏิบัติ  ที่เคยอ่านเคยเข้าใจมา  บางตอนบางช่วงที่ขาดวิ่น  ไม่เข้าใจก็กระจ่างขึ้น  แต่ยังเหลืออีกมาก  ก็คงไม่รีบร้อนอะไร  หมั่นฝึกปฏิบัติไป  มีข้อสงสัยอะไรก็หาเวลาไปนั่งฟังหลวงพ่อใหม่  ไปซักถามที่ลานธรรมจักรเล็กใหม่ก็ได้

อาศัยที่ได้ฟัง อ. วรภัทร์ ภู่เจริญและได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์มาแล้วบ้าง  ได้ไปพบปะอาจารย์วิศิษย์ วังวิญญูที่เชียงราย  รวมทั้งได้มีโอกาสศึกษาจาก อ. มนตรี  เทพมือกีร์ต้าปากกามารที่สวนป่า  ไม่นับที่ได้พบปะนอนคุยกับท่ายครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์อีก  ทำให้เข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อสอนได้ง่ายขึ้น  อาจพูดได้ว่าพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง  จริงๆนะ  ไม่ได้โม้

ได้ความรู้สึกดีๆ  ทั้งจากทีมงานของเทศบาลนครพิษณุโลกที่ไปด้วยกัน  ได้ความประทับใจจากคุณตุ้ย  คุณเชอรี่และทีมงานที่มีน้ำใจช่วยสอนการปฏิบัติให้  ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  แถมต้องเดินทางกลับบ้านค่ำๆมืดๆโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ  สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ  ความเต็มใจที่ผู้คนทั้งหลายมอบให้  เป็นแรงบันดาลใจที่จะพยายามทำความดีต่อไป

ก่อนอื่นเลย  หลวงพ่อสอนให้ดูแลตัวเอง  ศึกษาตัวเอง  ศึกษาเข้าไปในตัว  และจิตของเรา

มาทบทวนดูเรื่องของตัวเองกับเฮฮาศาสตร์บ้าง  ที่สวนป่าและทีมงานเฮฮาศาสตร์ที่ไปช่วยงานกันโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ  ทั้งการช่วยอบรมชาวบ้าน  การอบรมนักศึกษา  การอบรมกระบวนกร  รวมทั้งการไปช่วยอบรมกันนอกสวนป่าเมื่อชาวเฮฮาศาสตร์ได้รับการร้องขอ  ก็ไม่ผิดอะไรกับที่ได้ไปเจอที่สถานปฏิบัติธรรม

นึกถีงครูบาที่เต็มใจต้อนรับคณะที่ไปเยี่ยม  พรรคพวกเพื่อนฝูง  ลูกๆหลานๆที่ไปช่วยกันเมื่อทราบข่าว  ใครถนัดด้านไหนก็ไปช่วย  ด้านการอบรมเป็นกระบวนกร  เป็นวิทยากร  ไปทำงาน  ทำความสะอาด  ล้างส้วม  ทำอาหาร  ดูแลเรื่องที่พักให้คนที่มาเยี่ยม  ทีพัก  อาหารก็ธรรมด๊าธรรมดา

นึกถึงลุงแหวง  คนตาดุแต่มีน้ำใจ  ทราบว่าครูบาหรือชาวเฮฮาศาสตร์ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่พูดไม่จา  ทำโดยไม่บ่น ( หรืออาจบ่นบ้างแต่ไม่เคยได้ยิน อิอิ )  ทำมานานแล้ว  และคงจะทำต่อไปอีกนาน

นึกถึงอุ๊ยจั๋นตาที่อุตส่าห์เดินทางไปล้างห้องน้ำ  ทำอาหารให้พรรคพวกจะได้มีเวลาฝึกอบรมกัน  แล้วมานั่งถามเอาเองตอนดึกๆ

นึกถึงหมอเจ๊  ที่มาจากกระบี่  มาเป็นวิทยากรให้ที่สวนป่าโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ  แค่คิดถึงการเดินทางก็ท้อแล้วครับ

นึกถึงน้าอึ่งอ๊อบ  น้าแห่งชาติ  นั่งเครื่องบินมาลงที่ กทม.  แล้วเหมาแท็กซี่มาสตึกพร้อมกับแป๊ด  หรือตอนที่น้านั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่มาลงที่บุรีรัมย์แล้วต้องต่อรถไปสตึกอีก  เพียงแค่มาช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้  เป็นวิทยากรก็เป็นได้ดีด้วย

เคยบอกครูบาว่าถ้าจะไล่ชื่อ  ไล่ไม่หมดเดี๋ยวท้องอืด  แต่วันนี้ขอท้องอืด  ไล่ไม่ครบครับ  ลุงเอก  อัยการชาวเกาะ  ขจิต  นายออต  สายลม  ………

คิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีครับ  ได้เจอแต่คนดีๆ  ทำให้มีแรงบันดาลใจให้ทำความดี  หลวงพ่อถามว่าอายุ 50 เศษแล้ว  คิดว่าเหลือเวลาทำความดีอีกเท่าไหร่  ไม่นับเวลากิน  นอน  ทำธุระอย่างอื่นบ้าง  จะเหลือเวลาทำความดีอีกสักเท่าไหร่  แล้วจะเริ่มทำความดี  ทำประโยชน์ช่วยเหลือคนอื่นบ้างเมื่อไหร่  ถ้ายังไม่ได้เริ่มทำเลย  จะเริ่มเมื่อไหร่  มันจะไม่สายเกินไปเหรอ ?

สรุป

ให้เริ่มสำรวจตัวเอง  เริ่มศึกษาธรรมะ  เริ่มฝึกปฏิบัติ  อาจใช้เวลาอีกนาน  แต่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้  ค่อยๆฝึกไป  ค่อยๆเรียนรู้ไป  ไม่สายเกินไปหรอกครับ

เริ่มคิดดี  ทำความดี  ช่วยเหลือผู้อื่นบ้างตามกำลังสติปัญญา  กำลังทรัพย์  กำลังกาย  แล้วจะพบกับความสุข

ย้ายบ้านมาเขียนบันทึกที่นี่  รู้สึกว่าสบายใจและอยากเขียนมากขึ้น  อิอิ

 

 

Post to Facebook Facebook


ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ( 3 )

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:41 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 4519

 

วันนี้เป็นวันที่สามที่มาที่ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว   ตื่นตีสี่เช่นเคย  ไปสวดมนต์เช้า  ใส่บาตร   ออกกำลังกาย  รับประทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปฟังคำสอนของหลวงพ่ออำนาจต่อ  วันนี้พูดเรื่อง กังขา สอนให้เข้าใจ  หายสงสัยข้อสงสัยต่างๆ    ดับทุกข์อย่างไร ตายแล้วไปไหน ?

 

แล้วก็ปล่อยให้ไปช่วยกันสร้างพระเจดีย์  ช่วยกันแต่งผนังน่ะครับ  เป็นการปฏิธรรมไปด้วยในตัว  หลวงพี่บอยคอยให้คำแนะนำครับ

 

อาจารย์สอนได้ผลดีมากครับ  ตอนกลางวัน  ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันก็มีการสนทนากันหลายเรื่อง  เช่น  ตายแล้วไปไหน ?  ….. ?   แสดงว่าที่เรียนมาเข้าใจดีมาก อิอิ

 

ตอนบ่ายก็ไปช่วยสร้างเจดีย์ต่อ   ห้าโมงเย็นก็ไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่ออำนาจต่อ  ก็มีการถามคำถามอีกครั้งว่า  ตายแล้วไปไหน ? ….?    อาจารย์เลยแถมให้  ด้วยการมานำการทำสมาธิ  และวิปัสสนา  หลังสวดมนต์เย็น  ท่านอาจารย์บอกว่าจะวาดรูปมอบให้เทศบาลนครพิษณุโลก 1 รูป  เพื่อเตือนใจให้ชาวเทศบาลนครพิษณุโลกไฝ่ศึกษาธรรมะ  และฝึกภาวนาต่อไปด้วยครับ

 

ขอตัวนอนก่อนเช่นเคย  เพราะต้องตื่นนอนต่สี่เช่นเคย  และพรุ่งนี้ต้องไปสอนที่เพชรบูรณ์ด้วยครับ  อิอิ

 

เข้าใจอะไรๆมากขึ้น  แต่คงต้องฝึกปฏิบัติอีกนาน  แถมคงต้องหาเวลาไปสอบถาม  เรียนรู้จากหลวงพ่อ  หลวงพี่บ่อยๆครับ

 

Post to Facebook Facebook


ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ( 2 )

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:26 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 2275

 

วันนี้ตื่นตีสี่  สวดมนต์เช้าตอนตีห้า  แล้วใส่บาตร  ออกกำลังกาย  ทานอาหารเช้าแล้วก็เริ่มการอบรมตอนแปดโมงเช้า  หลวงพ่ออำนาจท่านเมตตามาสอนเรื่องของ  สติ  สัมปชัญญะ  หิริ-โอตัปปะ  และการภาวนา  วิปัสสนาต่อ

ติดตามด้วยหลวงพี่โอ๋  มาช่วยแนะนำ  แนวทางการปฏิบัติ

ตอนบ่ายหลังจากจบชั่วโมงของหลวงพี่โอ๋  คณะของเราก็โชคดีอีกเช่นเคย  ได้ทีมงานของคณะเต้าเต๋อ ( มวยจีน ) เทศบาลนครพิษณุโลก  ซึ่งจะยกทีมมาปฏิบัติธรรมเป็นประจำช่วยเป็นวิทยากรฝึกปฏิบัติให้อีก  คุณเชอรี่ซึ่งนำทีมมาบอกว่าเป็นบุญสัมพันธ์ทำให้ได้มีโอกาสเช่นนี้

ทางทีมวิทยากรก็เริ่มด้วยการนอน ( Body Scan )  ต่อด้วยการนั่งวิปัสสนา  การยืน  และการเดิน

พอห้าโมงเย็นก็มีโอกาสได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่ออำนาจอีกครั้งหนึ่ง  ก็ทำให้กระจ่างขึ้นในหลายๆประเด็น  ที่สำคัญหลวงพ่อสอนว่า  บางเรื่องเป็นเรื่องของการปฏิบัติให้เรียนรู้เอง  เข้าใจเอง  เป็นเรื่องของความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้  อิอิ

ทานมื้อเย็นเสร็จ  ก้ต้องไปสวดมนต์ตอนเย็น  วันนี้หลวงพี่บอยมานำสวด  หลวงพี่บอยเพิ่งลงจากการไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำบนหน้าผาสูงชันนานถึงสามวัน  กลับลงมาตอนบ่ายๆก็ต้องมาช่วยแนะนำพวกเรา

คณะของเราชอบหลวงพี่บอยมากๆ  เพราะใจดี  เป็นกันเอง  สอนสนุกมากๆ  เข้าใจง่าย  แล้วถึงจะนำสวด  สวดสั้นๆ ( ชอบตรงนี้ด้วยครับ )   ไม่นานครับ

นี่ก็ต้องรีบเข้านอน  เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นตีสี่อีกแล้ว  อิอิ

 

Post to Facebook Facebook


ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ( 1 )

ไม่มีความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กรกฏาคม 2008 เวลา 11:11 ในหมวดหมู่ จอมป่วน, ธรรมะ #
อ่าน: 2616

 

รายงานการไปปฏิบัติธรรมครับ

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่  เพราะต้องเตรียมการสอนให้มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  แต่ไปสอนที่ จ. เพชรบูรณ์ในวันอาทิตย์นี้ด้วย  อยู่ปฏิบัติธรรมถึงเช้าวันอาทิตย์  รถของมหาวิทยาลัย ฯ  ก็มารับที่เขาค้อวันอาทิตย์เช้า  คงไม่มีเวลาเตรียมอีกแล้ว  อิอิ

 

รถมารับ 7 โมงเช้า  ไปถึงธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว  อ. เขาค้อ  จ.เพชรบูรณ์  ประมาณ 9 โมง  เพราะแวะกินข้าวแกงที่ อ. วังทองครับ

10 โมงเช้าก็เริ่มรายการเลยครับ  หลวงพ่ออำนาจ โอภาโส  ก็มาปฐมนิเทศก์  แล้วก็เริ่มพูดเรื่องสติให้ผู้บริหารของเทศบาลนครพิษณุโลกฟัง  หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่าปกติจะรับผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรมมาแล้วระดับหนึ่ง  คนที่มาต้องไปอบรมและคัดเลือกที่บ้านอารีย์ก่อน  แล้วรอคิว  อาจต้องรอนานถึง 4-5 เดือน  ครั้งนี้หลวงพ่อท่านเมตตารับผู้บริหารของเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นกรณีพิเศษ  อิอิ

หลังจากทานกลางวันหลวงพี่โอ๋ก็มาสอนเรื่องการฝึกวิปัสสนา  ต่อด้วยคุณตุ้ย ( เธอมาถวายภัตตาหารหลวงพ่อ  กำลังจะกลับ กทม.  แต่คงเป็นเพราะบุญกุศลที่เคยทำร่วมกันมา  เธอก็มีน้ำใจอยู่ต่อช่วยแนะนำ  และพาเราเดินจงกรม  เลยต้องกลับบ้านมืดๆค่ำๆ  )  ถ้าคุณตุ้ยผ่านมาทางพิษณุโลก  ยินดีรับใช้นะครับ

หลังจากนั้นก็ไปนั่งสนทนาธรรมกับหลวงพ่ออำนาจที่ลานธรรมจักรเล็ก  ปกติที่ท่านจะสอนหรือสนทนาด้วยไม่เกิน 45 นาที  บ่ายนี้ท่านสนทนาตั้งแต่สี่โมงครึ่งถึงหกโมงครึ่งเลย  คงเป็นเพราะมือใหม่  ท่านเลยเมตตา  สอนให้นานหน่อย  อิอิ

ต้องรีบทานมื้อเย็น  เพราะทุ่มนึงต้องไปสวดมนต์ ทำวัตรเย็น  เลิกประมาณสามทุ่ม

มาอยู่ที่นี่ได้ 1 วันแล้วครับ  ดีครับ  แนวทางของที่นี่คล้ายๆแนวทางของคนไร้กรอบ ( อ. วรภัทร์ ภู่เจริญ )  และของทางวงน้ำชา ( อ. วิศิษฐ์ วังวิญญู )  ที่เชียงราย  เลยพอจะเข้าใจ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการย้ายมาอยู่บ้านใหม่  หลวงพ่อสอนไว้ว่าถ้าเรามีสติ  ตามดูจิต  รู้ว่าถ้าพูดแล้วทุกข์  อ่านแล้วทุกข์  จำสภาวะได้  ก็ไม่ต้องพูด  ไม่ต้องอ่านให้เกิดทุกข์  ไม่ต้องไปโต้เถียงกับใคร  เราก็เป็นสุข  ใครปล่อยวางไม่ได้ก็เป็นทุกข์เอง  อิอิ  

ต้องขอตัวไปนอนก่อนแล้วครับ  พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครับ  อิอิ

Post to Facebook Facebook



Main: 0.10911393165588 sec
Sidebar: 0.051616191864014 sec