บทสรุป ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว
อ่าน: 1975
วันนี้ไปสอนหนังสือที่เพชรบูรณ์ ต้องออกไปรอรถของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามที่ปากทางเข้าสถานปฏิบัติธรรม เพราะกลัวจะเสียเวลาเข้าออกประมาณ 20 นาที เดี๋ยวไปสอนสาย อิอิ
สอนหนังสือเสร็จกลับบ้าน แวะเอาหนังสือเซียมซีพุทธไปให้ราณี ราณีเปิดดูเห็นลายเซ็นผู้แต่งหนังสือเขียนว่า ให้ ( ราณี ) ยิ้มแก้มแทบฉีกเลยนะ 55555
ว่างๆก็เลยมานั่งสรุปว่าไปครั้งนี้รู้สึกอย่างไร ได้อะไรมาบ้าง ขืนรออีก 2-3 วันคงจะลืมหมดแน่เลย
ในภาพรวม การเดินทาง ที่พัก อาหาร สถานที่ สดวกดีครับ ไม่หรูหราแต่พอเพียง อาหารมีกับสองอย่าง ของหวาน 1 อย่าง คณะได้รับอนุญาตให้ทานมื้อเย็น ไม่งั้นแย่แน่ๆเลย อิอิ เป็นที่ที่ไปฝึกภาวนา ศึกษาธรรมะครับ
กิจกรรมต่างๆที่ทางสถานปฏิบัติธรรมจัดให้ดีมากๆครับ มองในฐานะที่จัดการอบรม สัมนาอยู่บ่อยๆ บอกได้เลยครับว่ามืออาชีพ
คณะวิทยากร ( ทีมงานของหลวงพ่อและหลวงพี่ครับ ) ออกแบบกิจกรรมได้เหมาะสมกับกลุ่มที่ไป มีการศึกษาผู้ที่ไปศึกษาธรรมเป็นอย่างดี ( ฝ่ายที่ไปต่างหากที่ไม่ทำการบ้านไปเลย ประเภทไปแต่ตัวกับหัวใจ วัดดวงเอาข้างหน้า รวมทั้งคนชอบวิ่งด้วยครับ เพราะกลับจากมาเลย์เซียก็ไม่ได้โงหัวเลย เขามาอุ้มไปตอนเช้ามืดเลย ) กิจกรรมต่างๆสอดคล้อง เหมาะสม ลำดับก่อนหลังสมบูรณ์แบบครับ มีทั้งการสอน การฝึกปฏิบัติ สอนกราบพระ เดินจงกรม การนั่ง การยืน การเดิน การนั่งกรรมฐาน การฝึกภาวนาหรือวิปัสสนาการสนทนาธรรม การให้ไปช่วยสร้างเจดีย์ การทำความสะอาดที่พัก ต้องหอบที่นอนหมอนมุ้งเอง ทานอาหารก็ต้องล้างจาน ล้างช้อน ส้อม ล้างแก้วน้ำเอง กิจกรรมทุกอย่างเป็นการฝึกฝน เป็นบทเรียนให้ถอดหัวโขน ละวาง ฯลฯ ตลอดเวลาที่อยู่ก็สบายใจ ปลอดโปร่ง หลวงพ่อ หลวงพี่มีความรัก ความเมตตาที่อยากจะสอนให้เราเป็นคนดี รู้จักแก่นแท้ของศาสนาพุธ มีทักษะการสอน ลำบากก็เรื่องเดียวครับ คือตอนนั่งพับเพียบนานๆ อายุมากแล้ว แถมไม่ค่อยได้เข้าวัดก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
ในด้านความรู้และประสบการณ์ที่ได้ก็มีประโยชน์มากครับ เพราะเคยอ่านหนังสือธรรมะมาบ้าง ( แก่นพุทธศาสน์ ของท่านพุทธทาสภิกขุเล่มเดียวอ่านตั้ง 5 ปี อิอิ ) การฝึกปฏิบัติเรียกได้ว่าไม่เลย
หลวงพ่อสอนเรื่องแรกก็คือเรื่องสติ ต่อไปเรื่อยๆจนถึงเรื่องการฝึกภาวนาหรือวิปัสสนา ทำให้เข้าใจหลัก ได้แนวทางการปฏิบัติ ที่เคยอ่านเคยเข้าใจมา บางตอนบางช่วงที่ขาดวิ่น ไม่เข้าใจก็กระจ่างขึ้น แต่ยังเหลืออีกมาก ก็คงไม่รีบร้อนอะไร หมั่นฝึกปฏิบัติไป มีข้อสงสัยอะไรก็หาเวลาไปนั่งฟังหลวงพ่อใหม่ ไปซักถามที่ลานธรรมจักรเล็กใหม่ก็ได้
อาศัยที่ได้ฟัง อ. วรภัทร์ ภู่เจริญและได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์มาแล้วบ้าง ได้ไปพบปะอาจารย์วิศิษย์ วังวิญญูที่เชียงราย รวมทั้งได้มีโอกาสศึกษาจาก อ. มนตรี เทพมือกีร์ต้าปากกามารที่สวนป่า ไม่นับที่ได้พบปะนอนคุยกับท่ายครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์อีก ทำให้เข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อสอนได้ง่ายขึ้น อาจพูดได้ว่าพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง จริงๆนะ ไม่ได้โม้
ได้ความรู้สึกดีๆ ทั้งจากทีมงานของเทศบาลนครพิษณุโลกที่ไปด้วยกัน ได้ความประทับใจจากคุณตุ้ย คุณเชอรี่และทีมงานที่มีน้ำใจช่วยสอนการปฏิบัติให้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมต้องเดินทางกลับบ้านค่ำๆมืดๆโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความเต็มใจที่ผู้คนทั้งหลายมอบให้ เป็นแรงบันดาลใจที่จะพยายามทำความดีต่อไป
ก่อนอื่นเลย หลวงพ่อสอนให้ดูแลตัวเอง ศึกษาตัวเอง ศึกษาเข้าไปในตัว และจิตของเรา
มาทบทวนดูเรื่องของตัวเองกับเฮฮาศาสตร์บ้าง ที่สวนป่าและทีมงานเฮฮาศาสตร์ที่ไปช่วยงานกันโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งการช่วยอบรมชาวบ้าน การอบรมนักศึกษา การอบรมกระบวนกร รวมทั้งการไปช่วยอบรมกันนอกสวนป่าเมื่อชาวเฮฮาศาสตร์ได้รับการร้องขอ ก็ไม่ผิดอะไรกับที่ได้ไปเจอที่สถานปฏิบัติธรรม
นึกถีงครูบาที่เต็มใจต้อนรับคณะที่ไปเยี่ยม พรรคพวกเพื่อนฝูง ลูกๆหลานๆที่ไปช่วยกันเมื่อทราบข่าว ใครถนัดด้านไหนก็ไปช่วย ด้านการอบรมเป็นกระบวนกร เป็นวิทยากร ไปทำงาน ทำความสะอาด ล้างส้วม ทำอาหาร ดูแลเรื่องที่พักให้คนที่มาเยี่ยม ทีพัก อาหารก็ธรรมด๊าธรรมดา
นึกถึงลุงแหวง คนตาดุแต่มีน้ำใจ ทราบว่าครูบาหรือชาวเฮฮาศาสตร์ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่พูดไม่จา ทำโดยไม่บ่น ( หรืออาจบ่นบ้างแต่ไม่เคยได้ยิน อิอิ ) ทำมานานแล้ว และคงจะทำต่อไปอีกนาน
นึกถึงอุ๊ยจั๋นตาที่อุตส่าห์เดินทางไปล้างห้องน้ำ ทำอาหารให้พรรคพวกจะได้มีเวลาฝึกอบรมกัน แล้วมานั่งถามเอาเองตอนดึกๆ
นึกถึงหมอเจ๊ ที่มาจากกระบี่ มาเป็นวิทยากรให้ที่สวนป่าโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ แค่คิดถึงการเดินทางก็ท้อแล้วครับ
นึกถึงน้าอึ่งอ๊อบ น้าแห่งชาติ นั่งเครื่องบินมาลงที่ กทม. แล้วเหมาแท็กซี่มาสตึกพร้อมกับแป๊ด หรือตอนที่น้านั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่มาลงที่บุรีรัมย์แล้วต้องต่อรถไปสตึกอีก เพียงแค่มาช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้ เป็นวิทยากรก็เป็นได้ดีด้วย
เคยบอกครูบาว่าถ้าจะไล่ชื่อ ไล่ไม่หมดเดี๋ยวท้องอืด แต่วันนี้ขอท้องอืด ไล่ไม่ครบครับ ลุงเอก อัยการชาวเกาะ ขจิต นายออต สายลม ………
คิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีครับ ได้เจอแต่คนดีๆ ทำให้มีแรงบันดาลใจให้ทำความดี หลวงพ่อถามว่าอายุ 50 เศษแล้ว คิดว่าเหลือเวลาทำความดีอีกเท่าไหร่ ไม่นับเวลากิน นอน ทำธุระอย่างอื่นบ้าง จะเหลือเวลาทำความดีอีกสักเท่าไหร่ แล้วจะเริ่มทำความดี ทำประโยชน์ช่วยเหลือคนอื่นบ้างเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่ได้เริ่มทำเลย จะเริ่มเมื่อไหร่ มันจะไม่สายเกินไปเหรอ ?
สรุป
ให้เริ่มสำรวจตัวเอง เริ่มศึกษาธรรมะ เริ่มฝึกปฏิบัติ อาจใช้เวลาอีกนาน แต่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ค่อยๆฝึกไป ค่อยๆเรียนรู้ไป ไม่สายเกินไปหรอกครับ
เริ่มคิดดี ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่นบ้างตามกำลังสติปัญญา กำลังทรัพย์ กำลังกาย แล้วจะพบกับความสุข
ย้ายบ้านมาเขียนบันทึกที่นี่ รู้สึกว่าสบายใจและอยากเขียนมากขึ้น อิอิ
« « Prev : ธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว ( 3 )
Next : นิทานธรรม - ดับทุกข์ผิดทาง อิอิ » »
4 ความคิดเห็น
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับอาจารย์
อิอิ ธรรมะธรรโมเลยนะเดี๋ยวนี้ หรือว่าเห็นแสงสว่างที่กลางใจไปแล้ว อิอิ
คิดถึงจึงตามหาครับ
อนุโมทนาได้บุญมากกว่าคนทำบุญ(ที่ไม่ค่อยตั้งใจ )อีกนะ ถ้าตั้งใจดี อิอิ
ไม่ได้ธรรมะธรรมโมหรอกครับ จำขี้ปากเขามาพูด อิอิ