สวนผึ้ังโมเดล: โมเดลเพื่อการจัดการปัญหาบุกรุกที่ดิน - มุมมองภาครัฐ

โดย จอมป่วน เมื่อ 18 กันยายน 2011 เวลา 10:55 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2161

9.30-12.00 น.  วันที่ 24 สิงหาคม 2554  โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

พลตรี วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ ผู้แทนเจ้ากรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี

สวนผึ้งโมเดล (Small)

เป็นการดูแลพื้นที่ราชพัสดุทะเบียน รบ. 553  เป็นพื้นที่ป่าถึง 80% และมีผู้ที่อาศัยอยู่เดิม  ทางกองทัพบกได้ใช้เป็นพื้นที่ฝึกซึ่งพื้นที่ฝึกมีน้อยลงทุกวัน  พื้นที่นี้มีปัญหาด้านความมั่นคงด้วย

พื้นที่นี้เป็นต้นน้ำของแม่น้ำภาชี  เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การดำเนินการสวนผึ้งโมเดล  แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน  คือ

  1. ขั้นเตรียมการ
  2. ขั้นดำเนินการ
  3. ขั้นฟื้นฟู

ขั้นเตรียมการ

มีการปรึกษาข้อกฏหมาย  ทางอัยการเป็นที่ปรึกษาทางกฏหมาย  มีการหาข้อมูล  ประวัติที่ดิน  แผนที่ประกอบรวมทั้งภาพถ่ายทางอากาศ  มีการอบรมให้ความรู้ด้านกฏหมายและการติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์  การทำงานเป็นการทำงานแบบบูรณาการ  มีหน่วยราชการเกือบทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

ขั้นดำเนินการ

มีการบอกกล่าว  แจ้งเตือน  ให้ออกจากพื้นที่ ปักหลักหมุดเขตพื้นที่กายภาพในสถานที่จริง  มีการรวบรวมพยานหลักฐาน  ร้องทุกข์กล่าวโทษ  การดำเนินคดีมีทั้งการเจรจาไกล่เกลี่ย  และต่อสู้คดี  คดีทั้งหมด 25 คดีมียกฟ้องไป 1 คดี  ตัดสินไปแล้ว  18 คดี

ขั้นฟื้นฟู

มีการปลูกต้นไม้หรือปลูกป่าทดแทน  มีการสร้างฝายชะลอน้ำ  การเฝ้าระวังและการใช้ประโยชน์จากป่า

ปัจจุบันร่าง พรบ.การบริหารจัดการที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐ พ.ศ….  ก็ผ่านสภาแล้ว  ต้องเดินสายชี้แจงหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก  เกี่ยวกับสวนผึ้งโมเดลเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป

พ.อ. มนิต ศิริรัตนกุล เสนาธิการกองพลพัฒนามี่ 1

กองพลพัฒนาที่ 1 เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 1  รับผิดชอบฝั่งซ้ายของถนนไปจนถึงแนวชายแดน  พื้นที่รับผิดชอบทั้งหมดประมาณ 170,000 ไร่

ในปี พ.ศ. 2536-2538  ทางกองทัพบกกับกรมธนารักษ์ได้ร่วมกันปักหมุดเขตพื้นที่กายภาพ  มีการอนุโลมให้ทำกินได้ถ้าทำกินมาก่อนที่จะประกาศ  แต่ประชาชนไม่ยอมรับวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ซึ่งในข้อเท็จจริงอาจมีการตกสำรวจ  ซึ่งก็สามารถมาแจ้งได้  ก็จะมีการพิสูจน์สิทะฺกัน  แต่ก็ไม่มีคนมาแจ้ง

ปัญหาที่เกิดขึ้น  ประชาชนจะอ้างภบท. 5 หรืออ้างว่ากำลังจะยื่นเช่า  รวมทั้งการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่ได้เป็นแนวทางเดียวกัน

ข้าราชการต้องปฏิบัติตามระเบียบกฏหมาย  ถ้าอยู่ในเขตพื้นที่กายภาพมาก่อนก็สามารถมายื่นเช่าได้  มีการออกชี้แจงทำความเข้าใจ  ถ้าเชื่อฟังก็ไม่มีปัญหา  ถ้าขัดขืนก็ใช้กฏหมาย

ในการขอยื่นเช่าจะให้ผู้ยื่นเช่ามารับฟังคำชี้แจงเพื่อแก้ปัญหา “ ขาดเจตนา” ระยะหลังนี้ทัศนคติของประชาชนก็เปลี่ยนไป  ยอมรับการเช่าแต่ต้องการให้สัญญาเช่ามีระยะเวลาที่นานขึ้น  คือมีตั้งแต่ไม่ยอมเช่า  อ้างสิทธิจะเอาเอกสารสิทธิอย่างเดียวกับยอมเช่าแต่ขอสัญญานานขึ้น

ณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

พื้นที่ที่พูดถึงคือ รบ.553 หมายถึงพื้นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน รบ.553 อ.จอมบึง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  ซึ่งทางราชพัสดุได้มอบให้กรมการทหารช่างและกองพลพัฒนาที่ 1 ดูแล

คนที่อยู่ดั้งเดิมมากับธุรกิจเหมืองแร่ซึ่งเลิกไปแล้ว  ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวและทำการเกษตรกัน  จึงมีปัญหาเรื่องที่ดิน น้ำ  ในสังคมพหุวัฒนธรรม

ปัญหา

  1. การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.๕)
  2. การตีความ “ขาดเจตนา”
  3. ประชาชนไม่ทราบแนวเขตพื้นที่กายภาพ
  4. การทำงานของทางราชการไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
  5. กลุ่มนายทุนต้องการพื้นที่ประกอบธุรกิจ
  6. ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ พรฎ. 2481
  7. ขาดการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ข้อเท็จจริงมีการใช้พื้นที่ในทางเกษตรกรรมซึ่งใช้ปลูกสวนยางและปาล์มน้ำมันมากกว่ารีสอร์ท  สวนผึ้งมีปัญหาจำนวนมากกว่า 4,000 ราย  พื้นที่มากกว่า 100,000 ไร่

แนวทางการแก้ไขปัญหา

  1. ให้ผู้ที่ถือครองที่ดิน (1,029) รายพิสูจน์สิทธิ  ถ้ามีสิทธิก็ออกเอกสารสิทธิให้
  2. ถ้าไม่มีสิทธิก็ต้องแจ้งขอเช่า  ซึ่งสามารถดำเนินการได้
  3. ถ้าไม่ยอมพิสูจน์สิทธิ  ไม่ขอเช่าก็ต้องดำเนินคดี

มีคณะกรรมการและมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เช่า  มีการจัดทำเสาหลักเขต แนวเขตพื้นที่กายภาพ  ส่วนมากก็จะให้เช่าถ้าถูกต้องตามหลักเกณฑ์  อาจมีการให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์การเช่าให้ตรงกับข้อเท็จจริงเพราะอัตราค่าเช่าแตกต่างกันมาก  และในกรณีที่บุกรุกพื้นที่ต้นน้ำก็ไม่สามารถให้เช่าได้  ต้องให้ออกจากพื้นที่ไป

พ.ต.อ. ศิรเมศร์ พันธุ์มณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี

ก่อนหน้าสวนผึ้งโมเดล  มีการยกฟ้องคดีจากประเด็น”ขาดเจตนา”

ในการซื้อขายที่ดิน  คนซื้อก็มีสัญญาซื้อขาย  มีกำนันผู้ใหญ่บ้านเซ็นเป็นพยาน  มีใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.๕)   ก่อนที่จะเปลี่ยน นส. 3 เป็นโฉนด  เริ่มจาก ภบท.๕

เดิมมีปัญหาจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  สวนผึ้งโมเดลก็ยังมีปัญหาเพราะมีการดำเนินการแต่เฉพาะรายเล็ก    ถ้าดูหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศและหลักฐานจาก อบต.ก็พอจะทราบเจ้าของทีแท้จริง

ในทางปฏิบัติ กำนันผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนชี้จุด  ไม่ได้ใช้ GPS  ในการดำเนินคดีต่อไปต้องมีหลักฐานข้อมูลที่ชัดเจน

ช่างสำรวจจากกรมธนารักษ์

เวลามีคดีต้องทำแผนที่ประกอบคดีและไปให้การในศาล  สวนผึ้งโมเดลมีแนวทางการเจรจาประนีประนอม  ใช้ทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์  มีการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน  มีการบูรณาการ

คนที่อ้างสิทธิการครอบครองต้องการเอกสารสิทธิก็สามารถพิสูจน์สิทธิ  ทั้งนี้ก็มีหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียม  ภาพถ่ายทางอากาศ  ถ้าถูกต้องก็ออกเอกสารสิทธิให้

ถ้าไม่สามารถออกเอกสารสิทธิให้ได้ก็สามารถขอยื่นเช่า  ถ้าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมมือแรกค่าเช่าจะถูก เช่น 20 บาท/ไร่/ปี  ถ้าเปลี่ยนมือค่าเช่าจะเปลี่ยนเป็น 200บาท/ไร่/ปี  เป็นต้น

รีสอร์ทอัตราค่าเช่าคิดเป็นพื้นที่ใช้สอย  ที่ตั้งอาคารคิด 4บาท/ตารางเมตร/เดือน  ที่เหลือก็คิด 75 สตางค์/ตารางเมตร/เดือน  แต่ก็มีการต่อรองอัตราค่าเช่า

Post to Facebook Facebook

« « Prev : ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (3)

Next : พูดคุยซักถามภาครัฐ - สวนผึ้งโมเดล » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "สวนผึ้ังโมเดล: โมเดลเพื่อการจัดการปัญหาบุกรุกที่ดิน - มุมมองภาครัฐ"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.58091592788696 sec
Sidebar: 0.067525863647461 sec