ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (1)

โดย จอมป่วน เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 17:17 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 2412

เนื่องจากการเรียนการสอนเป็นแบบ Active Learning หรือ Participatory Learning  หลังจากศึกษาดูงานที่ สวนผึ้ง  รับฟังปัญหาและแนวทางแก้ไขจากมุมมองของผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว  และจากภาคประชาสังคมแล้ว  ก็ต้องมานั่งพูดคุย  แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  ถอดบทเรียนกัน

เช้าวันที่ 14 สิงหาคม 2554  08.30-09.30 น.  ก็มีการพูดคุยกันที่โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

สวนผึ้ง

พลเอก เอกชัย ศรีวิลาศ ลุงเอกของเราก็กล่าวนำ

ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน  สิ่งแวดล้อม  เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์  ก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆพื้นที่ของประเทศไทย  สวนผึ้งเป็นพื้นที่ติดชายแดนพม่า  มีกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ตั้งแต่แม่ฮ่องสอนถึงระนอง  วันนี้บ่ายก็จะได้ไปดูพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านถ้ำหิน (Tham Hin Temporary Shelter) ซึ่งเป็นศุนย์อพยพที่ไม่มีรั้ว  ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง  เพราะมีผู้อพยพอยู่ถึง 6,000 คน  อยู่ต้นน้ำ  รอการอพยพไปอยู่ประเทศที่สาม  เช่นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย  เพราะนโยบายของสหรัฐอเมริกา  ไม่อยากให้ส่งกลับไปประเทศเดิม  อยากให้อพยพไปอยู่ประเทศที่ 3

ลุงเอกเปิดโอกาสให้พูดคุยกัน  แต่ขอคนละ 3 นาที

วิชชุกร คำจันทร์ นักบิน บริษัทการบินไทย จำกัด

จากข้อมูลที่ได้รับเมื่อวาน  ตัวเองสรุปได้ว่ามีปัญหาที่สวนผึ้งมีปัญหาเรื่องน้ำกับที่ดิน  นำไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรงก็ตามมา  ทั่วโลกก็มีปัญหาแบบนี้  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเยอะ  ผลประโยชน์ก็เยอะด้วย

แก้ปัญหาควรเป็นเชิงอนุรักษ์ ให้หยุดทุกอย่างไว้ก่อน  รีสอร์ทที่มีอยู่ก็ไม่ให้มีเพิ่ม  จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว  สื่อให้สังคมข้างนอกได้รับรู้ปัญหา  ให้ภาคประชาสังคมในท้องที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

ภักดี ภักดิ์นรา ทนายความหุ้นส่วน บริษัท วีระวงค์, ชินวัฒน์ และเพียงพนอ จำกัด

เรื่องที่ดินน่าจะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่ายที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่จับต้องได้  ควรจะมีภาพถ่ายดาวเทียมที่สามารถบอกได้ว่ามีการใช้พื้นที่ตั้งแต่เมื่อไหร่?  ใช้พิสูจน์สิทธิได้

เรื่องให้เช่าของกรมธนารักษ์ควรคิดค่าเช่าตามประเภทการใช้  คนเป็นคนสร้างกติกาขึ้น น่าจะแก้ไขได้  โดยคำนึงถึงความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สิ่งที่ต้องติดตามดูคือพอให้สิทธิไปแล้วจะเปลี่ยนมือได้หรือไม่?  เพราะไม่ว่าจะกำหนดเกณฑ์อย่างไร  เช่น สปก. ที่กำหนดว่าห้ามเปลี่ยนมือ  ในที่สุดนักกฏหมายหรือคนที่เกี่ยวข้องก็หาทางเลี่ยงได้อยู่ดี  ถ้าเปลี่ยนสัญญาเช่าเป็น 30 ปี  จะเปลี่ยนมือได้หรือไม่?    มองที่ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย  คนใช้ที่ดินก็จะมีความมั่นคงในการใช้ที่ดินระยะยาว  กรมธนารักษ์ก็จะได้หลักเกณฑ์ว่าใครบ้างเข้ามาใช้

ลุงเอก

บางพื้นที่ไม่ยอมเช่ากับกรมธนารักษ์  แต่จะเอาเอกสารสิทธิอย่างเดียว

ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร

เรื่องที่ดินมีกฏหมายหลายฉบับ  พื้นที่ต้องชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใด  ที่ดินเองก็มีปัญหาในการรังวัด ที่ในโฉนดบางทีก็ไม่แน่นอน ทางแก้ที่ตรงที่สุดคือต้องรังวัดให้ชัดเจนก่อน แล้วดูว่าใช้กฏหมายไหน  เพราะจะไม่เหมือนกัน

การจัดการน้ำ คนในพื้นที่จะรู้ดีที่สุด  ถ้าทำประชาคมแล้วยอมกัน  บ้านเฉลี่ยสุขก็ดูจะอุดมคติไปหน่อยแต่ถ้ายอมรับกันก็เป็นไปได้  เป้าหมายคือเฉลี่ยความสุขให้ทุกคนอยู่ได้ ถ้าจำกัดจำนวนคนไม่ได้  ก็มีปัญหาทรัพยากรน้ำแน่ๆ  ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาก็จะแก้ปัญหาได้

ลุงเอก

เราไปลงพื้นที่ที่ตรังกันมา  ตรังกำลังจะทำเรื่องป่าชุมชน  เขามีพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวติดเอาไว้  เอามาให้ดูจะได้เห็นว่าความเป็นจริงที่แท้จริงเป็นอย่างไร?  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงทราบดีเพราะท่านดูแลประชาชนมา   มันเป็นเรื่องการจัดการของรัฐที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น

“ …กฏหมายมีไว้สำหรับให้มีความสงบสุขในบ้านเมือง  มิใช่ว่ากฏหมายมีไว้สำหรับบังคับประชาชน  ถ้ามุ่งหมายที่จะบังคับประชาชน  ก็กลายเป็นเผด็จการ  กลายเป็นสิ่งที่บุคคลหมู่น้อยจะต้องบังคับบุคคลหมู่มาก  ในทางตรงข้าม กฏหมายมีไว้สำหรับให้บุคคลหมู่มากมีเสรีและอยู่ด้วยความสงบ  บางทีเราตั้งกฏหมายขึ้นมาก็ด้วยวิชาการที่ได้จากต่างประเทศ  เพราะว่าวิชาการกฏหมายนี้  ก็เป็นวิชาการที่กว้างขวางจึงต้องมีอะไรทำอย่างหนึ่ง  แต่วิชาการนั้นอาจไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือท้องที่ของเรา  บางทีเคยยกตัวอย่างมาเกี่ยวกับที่ดิน  เกี่ยวข้องกับการทำมาหากินของประชาชนที่อยู่ห่างไกล  ซึ่งเราเอากฏหมายไปบังคับประชาชนเหล่านั้นไม่ได้เพราะว่า…เป็นความผิดของตัวเอง เพราะการปกครองไม่ถึงประชาชนที่อยู่ห่างไกลจึงไม่สามารถที่จะทราบถึงกฏหมาย  ความบกพร่องก็อยู่ที่ทางฝ่ายที่บังคับกฏหมายมากกว่าฝ่ายที่ถูกบังคับ  ข้อนี้ควรจะถือเป็นหลักเหมือนกัน  ฉะนั้น…ต้องหาวิธีที่จะปฏิบัติกฏหมายให้ถูกต้องตามหลักของธรรมชาติ…

…ในป่าสงวนซึ่งทางราชการได้ขีดเส้นไว้ว่าเป็นป่าสงวนหรือป่าจำแนก  แต่ว่า เราขีดเส้นไว้ประชาชนก็มีอยู่ในนั้นแล้ว  เราจะเอากฏหมายป่าสงวนไปบังคับคนที่อยู่ในป่าที่ยังไม่ได้สงวนแล้วไปสงวนทีหลัง  โดยขีดเส้นบนเศษกระดาษก็ดูชอบกลอยู่  แต่มีปัญหาเกิดขึ้นที่เมื่อขีดเส้นแล้ว  ประชาชนที่อยู่ในนั้นก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฏหมายไป  ถ้าดูในทางกฏหมายเขาก็ฝ่าฝืนเพราะว่าตรามาเป็นกฏหมายโดยชอบธรรม  แต่ว่า…ถ้าตามธรรมชาติ ใครเป็นผู้ทำผิดกฏหมาย ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั่นเอง  เพราะว่า  บุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่ก่อน  เขามีสิทธิในทางเป็นมนุษย์  หมายความว่า…ทางราชการบุกรุกบุคคล  ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฏหมายบ้านเมือง…”

กฤษณะเดช โสสุทธิ สมาชิกสภาพัฒนาการเมือง

เราได้รับชุดข้อมูล 3 ชุด  จากผู้ประกอบการ  จากภาคประชาสังคมและจากภาครัฐ  ชุดข้อมูลทั้ง 3 ชุดมีข้อมูลที่ไม่สอดรับกัน มันแย้งกันอยู่  ชุดข้อมูลทั้ง 3 ชุดนี้เคยเอามานั่งดูแล้วนั่งคุยกันไหม?

สภาพปัญหาที่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดินและเรื่องน้ำ  มีปัญหาเรื่องความเป็นธรรมในการพิสูจน์สิทธิ  ระหว่างที่กาญจนบุรีกับที่สวนผึ้ง

ที่สนใจมากที่สุดเป็นเรื่องของแนวคิดกับกระบวนการการจัดการความขัดแย้ง  กรอบความคิดของเขาอยากให้มีเวทีที่เอาทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันเพื่อนำไปสู่การจัดการความขัดแย้ง

เริ่มเห็นกระบวนการที่ถูกนำมาใช้

  1. สภาพลเมือง เป็นตัวหนึ่งที่จะนำไปสู่กระบวนการการจัดการความขัดแย้ง
  2. ท้องถิ่นเริ่มมีกรอบความคิดที่ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเรื่องน้ำ จึงเกิดคณะกรรมการขึ้น  ถ้านายกฯ ไม่ได้เป็นแล้ว  การบริหารจัดการน้ำภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมจะยังอยู่ต่อไปไหม?  ถ้าชุดใหม่เข้ามา

ข้อมูลเชิงลึก  ภายหลังที่คณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาบริหาร  เงินรายได้เหลือเยอะ  ประมาณ 2-3 แสน จัดเป็นสวัสดิการได้  นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ?

เวทีที่ว่ายังไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ลุงเอก

จะเริ่มเกิดขึ้นเพราะทาง 4ส2  ภาคพลเมืองที่ราชบุรีและสำนักสันติวิธีฯ  จะเริ่มทำเวทีนี้  ใครสนใจก็มาร่วมได้

ณัฏฐ์ วัลลิโภดม ผู้อำนวยการพรรคกิจสังคม

ที่รับฟังเมื่อวานจากบุคคลที่ตำแหน่งหน้าที่แตกต่างกัน  แต่ก็เป็นปัญหาเรื่องน้ำและที่ดิน  แต่ละท่านยังมีอคติในตัวเอง  ยังรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

บรรพบุรุษชาวกระเหรี่ยงก็ได้สร้างปัญหาไว้  แล้วจะมาแก้ปัญหาในปัจจุบัน  หนทางยังอีกยาวไกล

การดูแลเรื่องน้ำ  ก็มีผลประโยชน์เกี่ยวกับร้านค้า

ด้านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่

แต่โดยภาพรวมแล้วก็ต้องการปกป้องผืนดินและน้ำ  ต้องดูเวลานี้  ใครเป็นผู้มีอำนาจ  ใครเป็นคนของใคร  ใครใกล้ชิดผู้ใหญ่มากกว่ากัน  ชาวบ้านไม่สามารถอ้าปากใดๆได้   นอกจากรวมกลุ่มประชาคม

ใครมีอำนาจ ณ เวลานั้น  คนเหล่านี้ก็จะได้ผลประโยชน์โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวเอง  โฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก.  ก็จะตามมาภายหลัง

ถ้ามีการบริหารจัดการน้ำที่ดี  สวนผึ้งก็จะมีน้ำใช้ เช่นการเจาะน้ำบาดาล  อยู่ที่ผู้นำชุมชนด้วย

พันเอก ดร. พิเชษฐ คงศรี นายทหารปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ตลอดระยะเวลา 60 ปีพระองค์ทรงทำอยู่ 2 เรื่องคือเรื่องดินกับน้ำ

ประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสวนผึ้ง  ซึ่งเป็นที่มาของสวนผึ้งโมเดล  เป็นปัญหาในเชิงแนวความคิดที่แตกต่างกัน หรือมโนธรรมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

มิติของชาวบ้านมองว่าเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิในที่ดิน  โดยอ้างชาติพันธุ์  การเคยทำกินในที่นี้มาโดยตลอด  เป็นมิติใหม่ที่สังคมไทยที่กำลังขับเคลื่อนเข้าสู่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน  หรือการเมืองภาคพลเมือง  ซึ่งเป็นมิติที่ภาครัฐจะปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป

มโนทัศน์หรือแนวความคิดของผู้ประกอบการจะอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง จะมองในมิติที่มีผลประโยชน์เป็นตัวเงิน

ในขณะที่ภาครัฐจะมีมโนทัศน์หรือมุมมองในด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย  เพราะภาครัฐมองว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของภาครัฐมาโดยตลอด  กฏหมายเป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐ  เจ้าหน้าที่รัฐก็จะยืนอยู่บนกรอบของกฏหมาย   มีกฏหมายที่ภาครัฐต้องปฏิบัติเยอะแยะไปหมด

สามกระบวนทัศน์ที่แตกต่างกันกันในพื้นที่ของสวนผึ้งนี้นำมาซึ่งความขัดแย้ง ถ้าย้อนไปหาสมุทัยของปัญหา  เราจะทำอย่างไรให้วิธีคิดนี้ตกผลึก เกิดการยอมรับร่วมกัน  แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่จะแก้ปัญหาเรื่องน้ำกับดิน  และเรื่องสมดุล  การดำรงอยู่ของคนในสังคมที่หลากหลายตามภูมิภาคต่างๆ

อับดุลอซิซ ตาเดอินทร์ ประธานฝ่ายสิทธิมนุษยชน  สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย

ปัญหาที่ดินมีกฏหมายหลายฉบับและมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องเกี่ยวข้อง  ยิ่งปัญหาที่ดินชายแดนจะมีปัญหาความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  มีการเสนอการปฏิรูปกฏหมายที่มีความสำคัญมากแต่ยังไม่ผ่าน  มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอำนาจของกฏหมาย  ต้องปฏิรูปกฏหมายเรื่องที่ดินที่มีปัญหามายาวนานมาก  มีเรื่องการสืบทอดการครอบครองในระบบศักดินา  จนกระทั่งตกทอดมาถึงปัจจุบัน

การปฏิรูปกฏหมายต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม  ต้องกระจายอำนาจมาสู่ท้องถิ่นให้ท้องถิ่นจัดการปัญหาที่ดินของตัวเอง ประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างอำนาจ  ต้องเป็นแบบชุมชนจัดการตนเอง

…..มีต่อ…..

Post to Facebook Facebook

« « Prev : พูดคุยกับชาวบ้านที่สวนผึ้ง

Next : ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (2) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ถอดบทเรียนการศึกษาดูงานภาคกลาง (1)"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.077604055404663 sec
Sidebar: 0.053859949111938 sec