ใครๆ ก็ทำกัน..
อ่าน: 2498จำได้ว่า เมื่อเป็นเด็ก นานๆ ทีจะได้ยินเสียงประทัดดังรัวมาจากท้องฟ้า ในยามกลางวัน
และแล้ว จะมีคนตาดี ชี้บอก โน่นๆๆๆ โคมลอยๆๆ ให้พากันแหงนเงยมองโคมลอยลูกกลมใหญ่
ลอยช้าๆ มีหางแกว่งไกวไปมา และจะมีเสียงประทัดตามมาอีกสักชุด
เป็นโคมลอยที่แถวบ้านเรียกว่า โคมลอยควัน ทำจากกระดาษเนื้อเบาและแป้งเปียก ไม่มีวัสดุอื่นใดอีก
ลอยตัวได้ด้วยควันร้อนจากคบไฟที่จุดจนลุกโชน สอดเข้าไปในช่องด้านล่าง
อัดควันร้อนจนเต็มแล้ว จึงปล่อยให้ลอยขึ้นไป โดยไม่มีส่วนใดที่ติดไฟห้อยตามไปด้วย
โคมลอยควันที่ว่านี้ บางปี ช่วงวันลอยกระทง เด็กๆ จะมาขออนุญาตปล่อยโคมลอยกลางสนาม
เป็นโคมลอยที่เด็กผู้ชายทำกันเอง ช่วงเทศกาลก็ให้ปล่อยสักลูกสองลูก
ปล่อยกันทีก็มีทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ทั้งครู มาดู มาลุ้น ว่าจะลอยได้สำเร็จไหม
ต้องใช้คนหลายคนช่วยกันจับ ช่วยกันรมควันให้ร้อนได้ที่
พอลอยขึ้นได้ ก็เฮกันลั่น พี่ๆ คนทำก็หน้าบานกับความสำเร็จ และดูจะเป็นฮีโร่ขึ้นมาในทันใด
ช่วยกันกระพือลมให้พองตัว ติดหางประทัด ก่อนจุดไฟใส่ควันร้อน
พองตัวเต็มที่ ลอยได้แล้ว.. แต่ละคนมองตามด้วยความภูมิใจ
ระยะหลังเห็นโคมลอยไฟ มาแทนที่โคมลอยควัน เห็นขายกันให้เกลื่อน
เป็นโคมที่ลอยได้ง่าย จุดไฟไว้ใต้ฐาน ถ้าชำนาญ ปล่อยคนเดียวก็ยังลอยได้
ยามลอย ส่งแสงพริบพรายในท้องฟ้า ดูสวยทีเดียว
คงเป็นด้วยเหตุนี้ ถึงเป็นที่นิยมกันนัก
ในช่วงวันลอยกระทงจึงได้เห็นแสงพราวเกลื่อนฟ้าไปหมด
เวลายืนอยู่กลางสนาม จะเห็นโคมลอยเป็นสายขึ้นแทบจะรอบทิศ นับร้อย นับพัน
ก็แต่ละ อบต. เทศบาล หมู่บ้าน ที่จัดงาน ล้วนพร้อมใจกันลอย..ลอย..และ ลอย โดยพร้อมเพรียงกัน
พอเริ่มนิยม เริ่มขายเป็นอาชีพได้ โคมลอยก็ชักกลายพันธ์
สองสามปีก่อนโน้น เห็นมีโคมลอยทำจากถุงพลาสติก!!!!
แต่โชคดีที่คงไม่เป็นที่นิยม จึงค่อยหายไป
อีกไม่นานก็มีโคมลอยโดเรม่อน แองกรี้เบิร์ด น้องกระต่าย หมีแพนด้าตามมาเป็นแถวๆ
มีช่องทางให้คนทำมาหากินได้ ก็เป็นเรื่องดี หากมีกติกา และช่วงเวลาที่เหมาะสม
แต่ในความสวยงาม ก็มีผลตามมาเสมอ..
ยุคที่โรงเรียนยังมีโรงเรือนเก็บของมุงด้วยตองตึง
พอถึงเทศกาลโคมลอยทีไร ต้องเฝ้าระวัง บางครั้งโคมลอยหล่นลงมาทั้งที่ไฟยังไม่ดับ
ทั้งเคยได้ยินเรื่องเล่าถึงย่านค้าขายในเมืองใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกไฟไหม้ก็ด้วยโคมลอยหล่น
ในยุคนี้แม้ไม่มีหลังคาตองตึง ก็ยังต้องเฝ้าระวัง
ยังมีโคมลอยหล่นมาติดต้นไม้ ทั้งที่ไฟยังลุกไหม้กระดาษให้ได้เห็น
ฐานโคมยุคนี้ บางทีมีลวดร้อยรัดไว้ เคยเห็นภาพอันตื่นใจ
เมื่อโคมลอยหล่นมาพาดสายไฟแรงสูง เกิดประกายไฟอยู่ผึบผับ
บางปี เคยเจอโคมลอยสะเดาะเคราะห์หล่นกลางสนามให้เจอในยามเช้า
ฐานโคมมีถุงพลาสติกผูกติดมา..เมื่อมีคนอยากรู้ว่าคืออะไร จึงลองแกะดู
เจอทั้งผม ทั้งเล็บ และเงินเหรียญบาท
ให้รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง เมื่อเจอรูปเคารพในเหรียญผูกติดมากับเล็บดำๆ
แต่ก็ช่วยสงเคราะห์เผาทิ้งและแผ่ส่วนกุศลไปให้สิ้นเคราะห์
ยามเช้าหลังเทศกาล จึงมักมีงานคอยเก็บและสอยโคมที่ทั้งหล่นและค้างอยู่ตามต้นไม้
แต่เมื่อนานไป ดูเหมือนว่า ช่วงเวลาและความหมายของการปล่อยโคมดูจะผิดแผก
เริ่มได้เห็นการปล่อยโคมเท่าอายุ ในงานศพ
ปล่อยโคมในวันเกิด ปล่อยโคมฉลองโน่น..นี่..นั่น
เป็นอันว่า..ปล่อยเมื่ออยากปล่อย..
งั้นก็คอยเก็บทุกเวลาที่เจอก็แล้วกัน..
นี่ก็มีอันหนึ่ง..สีแดงด้วยล่ะ..ห้อยอยู่บนยอดไม้ ยังเอาลงไม่ได้..ก็มันสูงงงงง….
ขยะบนบกก็มีแล้ว..
ขยะในน้ำก็มีแล้ว..
ช่วยกันปล่อยขยะลอยฟ้ากันอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง..
ก็ใครๆ เค้าก็ทำกัน…งั้นสิท่า..
p
ข่าวประกอบ
http://www.komchadluek.net/detail/20121113/144633/ขอความร่วมมืองดปล่อยโคมลอยโคมควัน.html#.UPCpY3waySM
« « Prev : คนนี้..คุณครู..สมศ..ใช่มั๊ย..(2)
Next : ปลูกไว้..หื้อ..แก้วมาลูน » »
1 ความคิดเห็น
คิดถึงโคมลอยควันเหมือนกันค่ะพี่ครูอึ่ง แม้ไม่สวยพริบพรายเหมือนโคมลอยใหม่ แต่ไม่อันตรายเท่าและดูจะใช้ฝีมือในการนำขึ้นกว่ากันซะด้วยสิเนาะคะ เห็นที่ค้างอยู่ยอดไม้ในรร.แล้วดีใจที่ไม่ได้ใช้พลาสติกทำ แบบนี้ยังมีหวังว่าสักวันจะร่วงลงมาเพราะเปื่อยเอง ตอนนี้เริ่มเบื่อเจ้าโคมลอยหลายเหตุผลแบบพี่ครูอึ่งเล่าเลยค่ะ เวลาแม่เก็บโคมลอยแม่จะใช้คีมคีบถ่านคีบ เอาไม้กวาดกวาดซ้ำ แถมเอาน้ำมนต์มารดด้วยค่ะ ส่วนเบิร์ดจะเป็นวิ่งแย่งจากปากคุณสำลี+ถ้วยฟูที่พร้อมใจกันวิ่งผลัดสองคูณสี่(ตีน) จนเหนื่อยแฮ่กกันทีเดียว
นึกถึงโคมลอยรูปหัวใจที่พี่หนุ่มทำให้ตอนเฮหกจัง ^ ^