ขอให้มีปาฏิหาริย์..

โดย dd_l เมื่อ กุมภาพันธ 28, 2010 เวลา 1:13 (เย็น) ในหมวดหมู่ กำลังใจ #
อ่าน: 2135

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน..
หลานสาวเปรยๆ ให้ได้ยิน..เออเนาะ..เร็วจัง อีกไม่กี่วันก็ขึ้นปีหกแล้ว
ไม่ทันรู้ตัวเลย..จะต้องรักษาคนไข้เองแล้วนะ..นี่ว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือให้มากขึ้น..
ต้องอยู่แผนกอุบัติเหตุก่อนเสียด้วย

อีกไม่กี่วันก็ส่งข่าว..เสาร์นี้กลับบ้านได้ อาจารย์หยุดให้วันนึง
คิดถึง..ไม่ได้นอนที่บ้านตั้งหลายเดือน..
อยากกินข้าวเหนียว..ไม่ได้กินนานแล้ว..
จะอยู่กับพ่อซะหน่อย..ท่าทางคงอยากให้อยู่คุยด้วย ฯลฯ

วันวาน..หลานสาวกลับบ้านหลังการเรียนและการสอบอันเหนื่อยหนักผ่านไป
ใครๆ กลับบ้านกันใหญ่นะอา..นี่มากับเพื่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นก็กลับด้วยกัน
วันหยุดนี้ คงมีเวลาอยู่บ้านกันพร้อมหน้า
ใกล้บ่ายจึงได้โอกาสพาย่าไปหาก๋วยเตี๋ยวทานกันนอกบ้าน ก่อนแยกย้ายกันไป

ส่งบันทึกขึ้นบนลานได้ไม่นาน  ยังไม่ทันจะปิดคอมพิวเตอร์
ก็ได้รับเสียงโทรศัพท์ อาๆ.. เพื่อนรถล้ม..เลือดคั่งในสมอง กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดตอนนี้
สงสารมันนะ..สงสารมัน..
ใจวูบ..ด้วยนึกถึงน้ำเสียงสดใสที่ได้ยินครั้งล่าสุด
เสียงที่สั่งหลานผู้มักเร่งทำรายงานให้ส่งทันเวลาอันเฉียดฉิวเสมอ
นี่..ห้ามนอนนะคืนนี้  ทำให้เสร็จล่ะ..
ทั้งเรื่องเล่า อันบอกกล่าวถึงความใส่ใจดูแลผู้คนของสาวน้อย
ที่คอยส่งข้าวน้ำยามดึกแก่เพื่อนผู้เตรียมสอบจนหิวโหย

เข้าใจในความเป็นเพื่อน..จึงอาสาพาหลานกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
ระหว่างนั้น ก็เห็นการติดต่อสื่อสารกันในหมู่เพื่อน ทั้งส่งข่าว ทั้งไถ่ถามความเคลื่อนไหว
แม้คนเจ็บจะเป็น “คนใน”ของโรงพยาบาล แต่อาการที่ได้ยินก็ชวนให้เป็นห่วง
นึกถึงพ่อ แม่ พี่น้อง จะเศร้าโศกเสียใจอย่างไรหนอ
ก็เพิ่งจะกลับบ้านในยามสาย..และคงจะดีใจกันประสามีวันหยุดที่หายาก
เพียงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ต้องกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บหนักหนา

รอฟังข่าวอยู่เนิ่นนาน  กว่าหลานจะกลับออกมาด้วยหน้าตาไม่เป็นสุข
อาการไม่ค่อยดีนัก  ทั้งน้องชายที่พาพี่ไปรถล้มก็เสียใจหนัก
พ่อกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางด้วยรถไฟ..แม่ส่งข่าวไปแล้ว..
นึกถึงใจของคนเป็นพ่อ จะร้อนรุ่มเพียงใดกับข่าวที่ได้รับ
นึกถึงสาวน้อยคนเจ็บผู้อุตส่าห์ตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกงานในสาขาอันมีงานหนัก
ไม่ใคร่ได้พักเป็นเวลาเหมือนใครเขา จนจะเข้าสู่ปลายทางอีกในไม่ช้า
ต้องมารอคอยผลของการรักษาที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร

บอกหลานไปว่า..เราไม่อาจรู้ว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นในชีวิต
นอกจากจะคิดทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ดูแลผู้คนที่เกี่ยวข้องให้ดีที่สุด
นึกถึงถ้อยคำที่เคยได้เรียนรู้..ให้มีชีวิตอยู่เสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสมอ..

ในโทรศัพท์ที่ส่งข่าวกันหลายสาย
ได้ยินหลานชวนกันสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อเพื่อน
และนัดหมายกันไปทำบุญกันในวันรุ่งขึ้น

เช้านี้..มีข่าวคราวมาถึง  ซึ่งทำให้หลานรีบกลับไปโรงพยาบาลแต่เช้า
มานะ..ให้รีบมาหน่อย..พลอยทำให้เป็นห่วงสาวน้อยขึ้นมาอีก
จนเกือบเที่ยงจึงได้รับข่าว..ดูดีขึ้นบ้าง พอจะเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบได้แล้ว
ตอนนี้เรามาทำบุญกันที่วัดกันเป็นร้อยคนเลยนะอา..

อนุโมทนา..ขอให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
ขอให้เผชิญกับเรื่องร้ายในชีวิตได้อย่างมั่นคง
ขอให้ได้สาวน้อยคนเดิมกลับคืนสุ่ครอบครัว เพื่อน ผู้ร่วมอาชีพ
ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดแก่ชีวิต..นะจ๊ะสาวน้อย..

« « Prev : มะเขือครูบา..

Next : อย่ายอมให้ความพินาศมีอำนาจเหนือเรา : โสรีช์ โพธิแก้ว » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กุมภาพันธ 2010 เวลา 2:14 (เย็น)

    ตั้งจิตนิ่งอธิษฐานด้วยสัจจาใดที่ประพฤติปฏิบัติมา ขอให้ปลอดภัย ค่ะ

  • #2 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กุมภาพันธ 2010 เวลา 3:39 (เย็น)

    อ่านแล้วก็ใจหายเหมือนกัน ได้แต่ส่งกำลังใจให้เขาปลอดภัยค่ะ

  • #3 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กุมภาพันธ 2010 เวลา 3:59 (เย็น)

    เบิร์ดและราณีคะ..
    เมื่อคืนก็ตั้งใจไหว้พระสวดมนต์ ขอให้พระคุ้มครองน้องเค้า สงสารพ่อแม่และน้องชายด้วย  นอกจากคนเจ็บแล้ว  ญาติยังต้องการการดูแลไม่น้อยเลยเนาะ  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

  • #4 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กุมภาพันธ 2010 เวลา 9:13 (เย็น)

    อ่านแล้วก็สงสาร..คงไม่ใช่หมอที่ไปกินข้าวด้วยกันวันก่อนนะอึ่ง

  • #5 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 มีนาคม 2010 เวลา 7:52 (เช้า)

    เป็นเรื่องที่น่าสงสารจริงๆ  คนเจ็บเป็นเพื่อนสนิทของสองสาวที่ไปกินข้าวด้วยกันวันก่อนจ้ะสร้อย

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 มีนาคม 2010 เวลา 9:11 (เช้า)

    บอกเพื่อนๆให้ใช้พรหมวิหาร ๔ ให้มากไว้ พลังแห่งความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาที่เป็นด้านบวกเท่านั้นที่จะช่วยเติมพลังให้คนเจ็บสู้ต่อไปได้ค่ะ
    พลังแห่งความเป็นห่วงส่งถึงคนเจ็บเป็นความท้อแท้ได้นะคะ เพราะในพลังแห่งความห่วงใยนั้น มีความหวาดกลัวแฝงฝัังอยู่โดยเจ้าของความรู้สึกอย่างมากมาย และไม่รู้ตัวด้วย
    ช่วยกันส่งพลังด้านบวกใ้ห้กับคนเจ็บนะน้องนะ วิธีนี้พลังใจจะช่วยให้คนเจ็บดีขึ้นๆได้เร็วค่ะ

  • #7 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 มีนาคม 2010 เวลา 8:34 (เย็น)
    ขอบคุณนะคะพี่ตา จะส่งต่อข้อแนะนำนี้ไปให้เพื่อนๆ เค้าค่ะ  เห็นว่าผลัดกันเข้าเวรอยู่เป็นเพื่อนคนเจ็บกับช่วยกันบริจาคเลือด
    เอาใจช่วยอยู่ค่ะ
  • #8 ป้าจุ๋ม ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มีนาคม 2010 เวลา 1:22 (เย็น)

    -ป้าจุ๋มไม่ได้คุยกับน้องครูอึ่งนานแล้วเหมือนกัน งานยุ่งมากไหมคะ สบายดีนะคะฝากกราบคุณแม่ด้วยค่ะ
    -ช่วงนี้ที่กรุงเทพฯอากาศร้อนจัง ไม่จำเป็นไม่อยากออกไปไหนค่ะ  ที่บ้านโชคดีหน่อยที่ป้าจุ๋มปลูกต้นไม้ไว้หลายต้นค่ะ ช่วยได้มากๆเลยค่ะ ยามที่อากาศร้อนอย่างนี่ยิ่งเห็นคุณค่าของต้นไม้ใหญ่ค่ะ
    -วันนี้หลังจากได้พยายามทำขนมปลากริมไข่เต่าก็นำมาฝากพี่น้องชาวลานฯ แล้วด้วยความคิดถึงก็แวะมาอ่านลานเวลา…ก็ขอเอาใจช่วยเพื่อนหลานด้วยค่ะ นี่ก็เกือบเดือนแล้ว   ป่านนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วนะคะ และป้าจุ๋มอ่านมาเจอข้อความ “ให้มีชีวิตอยู่เสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสมอ..” โดนใจมากค่ะ
    ตั้งแต่ป้าจุ๋มป่วยครั้งสุดท้ายนี้ ก็คิดอย่างนี้เสมอค่ะ มีอะไรที่คั่งค้างก็รีบทำค่ะ ชีวิตคนเรานี่มันคลิกเดียวจริงๆเลยนะคะ การเฉียดตายเมื่อป่วยครั้งที่แล้วนี่เรียกสติได้มากเลยค่ะ  แต่พอสบายดีบางครั้งก็เพลินไปเหมือนกันค่ะ
    -คิดถึงน้องครูอึ่งนะคะ
    ปล.ดอกไม้ในบันทึกคมชัดและสวยจังเลยค่ะ

  • #9 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มีนาคม 2010 เวลา 7:56 (เช้า)

    ป้าจุ๋มขา ขอบพระคุณที่แวะมานะคะ  คิดถึงป้าจุ๋มเช่นกันค่ะหมู่นี้งานยุ่งหลายเรืองและ เป็นช่วงงานยุ่งประจำปีการศึกษาค่ะ  เลยหายหน้าไปจากลานเหมือนกัน แวบมาอ่านเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้เขียน
    สำหรับ เพื่อนหลาน ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติ  แม้จะเป็นห่วงและใจหาย  แต่ความจริงของชีวิตก็เป็นเช่นนี้นะคะป้าจุ๋ม อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไรไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลย  มีแต่ต้องเตรียมใจให้พร้อมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้
    เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้ช่วยหนูก็ป่วย ซ้ำยังเจอจุดที่ตับ เป็นเรื่องให้กังวลกัน  แต่โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ก็ค่อยหายใจโล่งกันหน่อย  แบบฝึกหัดในการอยู่กับชีวิตอย่างมีสตินี่มีให้เราทุกวันเลยเนาะคะป้าจุ๋ม

    รูปดอกไม้ที่เอามาโพสต์เป็นรูปดอกพุทธรักษา กับดอกบัวแถวบ้านค่ะ  ตอนเช้าวันหยุดถ้ามีเวลาชอบเดินท่อมๆ ไปถ่ายรูปดอกไม้  เพลินดีเหมือนกันค่ะ  

  • #10 PaO ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 เมษายน 2010 เวลา 1:35 (เช้า)

    สวัสดีค่ะ เพิ่งได้ผ่านมาอ่านบล็อกในวันนี้ ขอบคุณความห่วงใยของทุกๆคนมากนะคะ ได้อ่านแล้วก็ซึ้งในน้ำใจ ..หลังจากที่ผ่านไปเกือบสองเดือน สาวน้อยคนนั้นก็ยังไม่ตื่นเลยค่ะ ยังอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนักโรคสมอง ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้นมา กลับมาพูดคุยได้เหมือนเดิม อย่างน้อยก็ให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ ถ้ามีข่าวคราวคืนหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังนะคะ

    อ้อ อาอึ่ง พรุ่งนี้เป๋าจะได้ไปออกตรวจกับหน่วยพอสว.ด้วยนะ ตื่นเต้นมากๆ เป็นอะไรที่ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากมีส่วนร่วมกับเค้ามากๆเลย แล้วก็มีอีกข่าวนึงจะเอามาฝาก คือวศินเพื่อนเป๋าเกิดอยากเขียนบล็อกแชร์ประสบการณ์และความคิดบ้าง เลยแนะนำให้มาเขียนที่ gotoknow ด้วย ฝากลิงค์หน่อยนะคะ ตามไปให้กำลังใจเค้าหน่อย ^^
    http://gotoknow.org/blog/drvillager (นามปากกา: หมอชาวบ้าน)

  • #11 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 พฤษภาคม 2010 เวลา 8:23 (เย็น)

    ขอให้มีปาฏิหาริย์
    ขอให้สาวน้อยปลอดภัยค่ะ

  • #12 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2010 เวลา 9:36 (เย็น)
    #11 ขอโทษนะคะ Freemind  ที่เอาความเห็นไปติดอยู่หลังโรงเสียนานค่ะ  ละเลยลานนานไปหน่อย  ไม่คิดว่าจะมีใครมาเยี่ยม
    แต่ว่า..ปาฏิหาริย์ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ  เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแลผู้ใกล้ชิดให้อยู่กับความเป็นจริงต่อไปล่ะค่ะ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.76384687423706 sec
Sidebar: 0.4620680809021 sec