ขอให้มีปาฏิหาริย์..
อ่าน: 2135ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน..
หลานสาวเปรยๆ ให้ได้ยิน..เออเนาะ..เร็วจัง อีกไม่กี่วันก็ขึ้นปีหกแล้ว
ไม่ทันรู้ตัวเลย..จะต้องรักษาคนไข้เองแล้วนะ..นี่ว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือให้มากขึ้น..
ต้องอยู่แผนกอุบัติเหตุก่อนเสียด้วย
อีกไม่กี่วันก็ส่งข่าว..เสาร์นี้กลับบ้านได้ อาจารย์หยุดให้วันนึง
คิดถึง..ไม่ได้นอนที่บ้านตั้งหลายเดือน..
อยากกินข้าวเหนียว..ไม่ได้กินนานแล้ว..
จะอยู่กับพ่อซะหน่อย..ท่าทางคงอยากให้อยู่คุยด้วย ฯลฯ
วันวาน..หลานสาวกลับบ้านหลังการเรียนและการสอบอันเหนื่อยหนักผ่านไป
ใครๆ กลับบ้านกันใหญ่นะอา..นี่มากับเพื่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นก็กลับด้วยกัน
วันหยุดนี้ คงมีเวลาอยู่บ้านกันพร้อมหน้า
ใกล้บ่ายจึงได้โอกาสพาย่าไปหาก๋วยเตี๋ยวทานกันนอกบ้าน ก่อนแยกย้ายกันไป
ส่งบันทึกขึ้นบนลานได้ไม่นาน ยังไม่ทันจะปิดคอมพิวเตอร์
ก็ได้รับเสียงโทรศัพท์ อาๆ.. เพื่อนรถล้ม..เลือดคั่งในสมอง กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดตอนนี้
สงสารมันนะ..สงสารมัน..
ใจวูบ..ด้วยนึกถึงน้ำเสียงสดใสที่ได้ยินครั้งล่าสุด
เสียงที่สั่งหลานผู้มักเร่งทำรายงานให้ส่งทันเวลาอันเฉียดฉิวเสมอ
นี่..ห้ามนอนนะคืนนี้ ทำให้เสร็จล่ะ..
ทั้งเรื่องเล่า อันบอกกล่าวถึงความใส่ใจดูแลผู้คนของสาวน้อย
ที่คอยส่งข้าวน้ำยามดึกแก่เพื่อนผู้เตรียมสอบจนหิวโหย
เข้าใจในความเป็นเพื่อน..จึงอาสาพาหลานกลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
ระหว่างนั้น ก็เห็นการติดต่อสื่อสารกันในหมู่เพื่อน ทั้งส่งข่าว ทั้งไถ่ถามความเคลื่อนไหว
แม้คนเจ็บจะเป็น “คนใน”ของโรงพยาบาล แต่อาการที่ได้ยินก็ชวนให้เป็นห่วง
นึกถึงพ่อ แม่ พี่น้อง จะเศร้าโศกเสียใจอย่างไรหนอ
ก็เพิ่งจะกลับบ้านในยามสาย..และคงจะดีใจกันประสามีวันหยุดที่หายาก
เพียงผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ต้องกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บหนักหนา
รอฟังข่าวอยู่เนิ่นนาน กว่าหลานจะกลับออกมาด้วยหน้าตาไม่เป็นสุข
อาการไม่ค่อยดีนัก ทั้งน้องชายที่พาพี่ไปรถล้มก็เสียใจหนัก
พ่อกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางด้วยรถไฟ..แม่ส่งข่าวไปแล้ว..
นึกถึงใจของคนเป็นพ่อ จะร้อนรุ่มเพียงใดกับข่าวที่ได้รับ
นึกถึงสาวน้อยคนเจ็บผู้อุตส่าห์ตั้งใจเรียน ตั้งใจฝึกงานในสาขาอันมีงานหนัก
ไม่ใคร่ได้พักเป็นเวลาเหมือนใครเขา จนจะเข้าสู่ปลายทางอีกในไม่ช้า
ต้องมารอคอยผลของการรักษาที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
บอกหลานไปว่า..เราไม่อาจรู้ว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้นในชีวิต
นอกจากจะคิดทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ดูแลผู้คนที่เกี่ยวข้องให้ดีที่สุด
นึกถึงถ้อยคำที่เคยได้เรียนรู้..ให้มีชีวิตอยู่เสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสมอ..
ในโทรศัพท์ที่ส่งข่าวกันหลายสาย
ได้ยินหลานชวนกันสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อเพื่อน
และนัดหมายกันไปทำบุญกันในวันรุ่งขึ้น
เช้านี้..มีข่าวคราวมาถึง ซึ่งทำให้หลานรีบกลับไปโรงพยาบาลแต่เช้า
มานะ..ให้รีบมาหน่อย..พลอยทำให้เป็นห่วงสาวน้อยขึ้นมาอีก
จนเกือบเที่ยงจึงได้รับข่าว..ดูดีขึ้นบ้าง พอจะเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบได้แล้ว
ตอนนี้เรามาทำบุญกันที่วัดกันเป็นร้อยคนเลยนะอา..
อนุโมทนา..ขอให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
ขอให้เผชิญกับเรื่องร้ายในชีวิตได้อย่างมั่นคง
ขอให้ได้สาวน้อยคนเดิมกลับคืนสุ่ครอบครัว เพื่อน ผู้ร่วมอาชีพ
ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดแก่ชีวิต..นะจ๊ะสาวน้อย..
Next : อย่ายอมให้ความพินาศมีอำนาจเหนือเรา : โสรีช์ โพธิแก้ว » »
12 ความคิดเห็น
ตั้งจิตนิ่งอธิษฐานด้วยสัจจาใดที่ประพฤติปฏิบัติมา ขอให้ปลอดภัย ค่ะ
อ่านแล้วก็ใจหายเหมือนกัน ได้แต่ส่งกำลังใจให้เขาปลอดภัยค่ะ
เบิร์ดและราณีคะ..
เมื่อคืนก็ตั้งใจไหว้พระสวดมนต์ ขอให้พระคุ้มครองน้องเค้า สงสารพ่อแม่และน้องชายด้วย นอกจากคนเจ็บแล้ว ญาติยังต้องการการดูแลไม่น้อยเลยเนาะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
อ่านแล้วก็สงสาร..คงไม่ใช่หมอที่ไปกินข้าวด้วยกันวันก่อนนะอึ่ง
เป็นเรื่องที่น่าสงสารจริงๆ คนเจ็บเป็นเพื่อนสนิทของสองสาวที่ไปกินข้าวด้วยกันวันก่อนจ้ะสร้อย
บอกเพื่อนๆให้ใช้พรหมวิหาร ๔ ให้มากไว้ พลังแห่งความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาที่เป็นด้านบวกเท่านั้นที่จะช่วยเติมพลังให้คนเจ็บสู้ต่อไปได้ค่ะ
พลังแห่งความเป็นห่วงส่งถึงคนเจ็บเป็นความท้อแท้ได้นะคะ เพราะในพลังแห่งความห่วงใยนั้น มีความหวาดกลัวแฝงฝัังอยู่โดยเจ้าของความรู้สึกอย่างมากมาย และไม่รู้ตัวด้วย
ช่วยกันส่งพลังด้านบวกใ้ห้กับคนเจ็บนะน้องนะ วิธีนี้พลังใจจะช่วยให้คนเจ็บดีขึ้นๆได้เร็วค่ะ
เอาใจช่วยอยู่ค่ะ
-ป้าจุ๋มไม่ได้คุยกับน้องครูอึ่งนานแล้วเหมือนกัน งานยุ่งมากไหมคะ สบายดีนะคะฝากกราบคุณแม่ด้วยค่ะ
-ช่วงนี้ที่กรุงเทพฯอากาศร้อนจัง ไม่จำเป็นไม่อยากออกไปไหนค่ะ ที่บ้านโชคดีหน่อยที่ป้าจุ๋มปลูกต้นไม้ไว้หลายต้นค่ะ ช่วยได้มากๆเลยค่ะ ยามที่อากาศร้อนอย่างนี่ยิ่งเห็นคุณค่าของต้นไม้ใหญ่ค่ะ
-วันนี้หลังจากได้พยายามทำขนมปลากริมไข่เต่าก็นำมาฝากพี่น้องชาวลานฯ แล้วด้วยความคิดถึงก็แวะมาอ่านลานเวลา…ก็ขอเอาใจช่วยเพื่อนหลานด้วยค่ะ นี่ก็เกือบเดือนแล้ว ป่านนี้คงจะดีขึ้นมากแล้วนะคะ และป้าจุ๋มอ่านมาเจอข้อความ “ให้มีชีวิตอยู่เสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเสมอ..” โดนใจมากค่ะ
ตั้งแต่ป้าจุ๋มป่วยครั้งสุดท้ายนี้ ก็คิดอย่างนี้เสมอค่ะ มีอะไรที่คั่งค้างก็รีบทำค่ะ ชีวิตคนเรานี่มันคลิกเดียวจริงๆเลยนะคะ การเฉียดตายเมื่อป่วยครั้งที่แล้วนี่เรียกสติได้มากเลยค่ะ แต่พอสบายดีบางครั้งก็เพลินไปเหมือนกันค่ะ
-คิดถึงน้องครูอึ่งนะคะ
ปล.ดอกไม้ในบันทึกคมชัดและสวยจังเลยค่ะ
ป้าจุ๋มขา ขอบพระคุณที่แวะมานะคะ คิดถึงป้าจุ๋มเช่นกันค่ะหมู่นี้งานยุ่งหลายเรืองและ เป็นช่วงงานยุ่งประจำปีการศึกษาค่ะ เลยหายหน้าไปจากลานเหมือนกัน แวบมาอ่านเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้เขียน
สำหรับ เพื่อนหลาน ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติ แม้จะเป็นห่วงและใจหาย แต่ความจริงของชีวิตก็เป็นเช่นนี้นะคะป้าจุ๋ม อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไรไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลย มีแต่ต้องเตรียมใจให้พร้อมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้
เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้ช่วยหนูก็ป่วย ซ้ำยังเจอจุดที่ตับ เป็นเรื่องให้กังวลกัน แต่โชคดีที่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ก็ค่อยหายใจโล่งกันหน่อย แบบฝึกหัดในการอยู่กับชีวิตอย่างมีสตินี่มีให้เราทุกวันเลยเนาะคะป้าจุ๋ม
รูปดอกไม้ที่เอามาโพสต์เป็นรูปดอกพุทธรักษา กับดอกบัวแถวบ้านค่ะ ตอนเช้าวันหยุดถ้ามีเวลาชอบเดินท่อมๆ ไปถ่ายรูปดอกไม้ เพลินดีเหมือนกันค่ะ
สวัสดีค่ะ เพิ่งได้ผ่านมาอ่านบล็อกในวันนี้ ขอบคุณความห่วงใยของทุกๆคนมากนะคะ ได้อ่านแล้วก็ซึ้งในน้ำใจ ..หลังจากที่ผ่านไปเกือบสองเดือน สาวน้อยคนนั้นก็ยังไม่ตื่นเลยค่ะ ยังอยู่ที่ห้องผู้ป่วยหนักโรคสมอง ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้นมา กลับมาพูดคุยได้เหมือนเดิม อย่างน้อยก็ให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ ถ้ามีข่าวคราวคืนหน้ายังไงจะมาเล่าให้ฟังนะคะ
อ้อ อาอึ่ง พรุ่งนี้เป๋าจะได้ไปออกตรวจกับหน่วยพอสว.ด้วยนะ ตื่นเต้นมากๆ เป็นอะไรที่ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากมีส่วนร่วมกับเค้ามากๆเลย แล้วก็มีอีกข่าวนึงจะเอามาฝาก คือวศินเพื่อนเป๋าเกิดอยากเขียนบล็อกแชร์ประสบการณ์และความคิดบ้าง เลยแนะนำให้มาเขียนที่ gotoknow ด้วย ฝากลิงค์หน่อยนะคะ ตามไปให้กำลังใจเค้าหน่อย ^^
http://gotoknow.org/blog/drvillager (นามปากกา: หมอชาวบ้าน)
ขอให้มีปาฏิหาริย์
ขอให้สาวน้อยปลอดภัยค่ะ
แต่ว่า..ปาฏิหาริย์ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแลผู้ใกล้ชิดให้อยู่กับความเป็นจริงต่อไปล่ะค่ะ