Todo Tag: ห้องเรียนลูกรัก
อ่าน: 3325ตั้งแต่ได้รับ Tag จากน้องครูปูเจ้าของลานเรียนชีวิต
ก็ปล่อยให้น้องรออยู่นั่นแล้ว ตามประสาคนคิดช้า
เมื่อได้เวลามาทบทวนถึงสิ่งที่อยากจะทำ
ก็ยังเป็นเรื่องราวที่ไม่พ้นจากเด็ก
ดูแลเด็กอยู่หลายวัย ตั้งแต่หัดตั้งไข่ ไปจนถึงวัยเริ่มแรกรุ่น
แต่ละปี ต้องมีเรื่องวุ่นๆ กับขาประจำวัยโจ๋อยู่ไม่ว่างเว้น
จนเป็นเหตุให้ต้องมีห้องเรียนลูกรักอยู่ทุกปี
เป็นห้องที่บรรดาคุณครูต้องทุ่มเทกายใจให้เป็นพิเศษ
ทั้งความอดทน อดกลั้น ทั้งผ่อนปรนเรื่องวิชาการ และหางานให้เหมาะกับแต่ละคน
กว่าจะส่งให้ผ่านพ้นไปได้ ทั้งพ่อแม่และครูก็ถอนหายใจกันหลายเฮือก
เฝ้ามองกันอยู่หลายปี จึงอยากหาวิธีที่จะแก้ไข
ทั้งหนักใจกับวิธีใช้ชีวิตของวัยวุ่นในยุคนี้ ที่ก้าวไปอย่างชวนให้ใจหายใจคว่ำ
เมื่อได้เห็นวิธีเรียนและคะแนนที่ร่องแร่งชวนหวาดเสียวของหนุ่มๆ กลุ่มหนึ่ง
จึงริเริ่มโครงการห้องเรียนลูกรักแบบใหม่ขึ้น
โดยความยินยอมพร้อมใจของทั้งครู ผู้ปกครองและหนุ่มๆ สิบเจ็ดคน
เป็นกลุ่มที่จะเรียนโดยวิธีพิเศษ เพื่อช่วยให้เรียนจบได้พร้อมเพื่อนร่วมรุ่น
เตรียมตัว เตรียมใจครู ให้ลดความคาดหวังทางวิชาการ
ให้เหลือเพียงมาตรฐานขั้นต่ำของหลักสูตร
ใช้การพูดเล่าเรื่องราวแทนการเขียนที่เด็กไม่ถนัด
ทั้งจัดให้สอนไปอย่างช้าๆ ตามพื้นฐานสติปัญญาและความเข้าใจของเด็ก
เตรียมเด็ก ด้วยการแวะเวียนไปให้กำลังใจทุกเช้า
เอาใจด้วยการให้อิสระในบางเรื่อง
ครูก็คอยเฝ้าติดตาม ยามหลบลี้หนีจากห้องเรียน
ทั้งเชิญพ่อแม่มาพูดคุย เยี่ยมเยือนถึงห้องเป็นบางครา
ดูแล้วก็น่าจะไปได้ด้วยดี
แต่ช่องว่างระหว่างอุดมคติกับความจริงก็มีสิ่งให้ต้องเรียนรู้อยู่มากมาย
รายละเอียดในชีวิตของเด็กแต่ละคนหล่อหลอมมาแต่ละรูปแบบ
สองหนุ่มมีสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
อีกสี่ห้าหนุ่มเหนื่อยหน่ายกับการเรียนแต่เพียรสร้างจุดเด่นด้วยความซ่าท้าทายครู
บางหนุ่มเป็นคุณหนูที่ไม่ยอมทำงาน
บางหนุ่มมีปัญหาที่บ้านและครอบครัว
บางหนุ่มพร้อมจะเลื่อนไหลไปตามเสียงส่วนใหญ่ในห้อง
ภาคเรียนแรกผ่านไปด้วยสภาพห้องเรียนที่กระพร่องกระแพร่งแหว่งวิ่น
บันทึกวีรกรรมและการพบครูฝ่ายวินัย ดูจะเป็นเรื่องประจำสัปดาห์
ทั้งปัญหาพฤติกรรมของบางหนุ่มเริ่มรุนแรงขึ้นในปลายภาค
ปิดเทอม คุณครูจึงร่วมกันคิดพิจารณาหาวิธีใหม่
ได้ข้อสรุปว่า ยังเห็นโอกาสที่จะพัฒนา และเชื่อว่าคงต้องแบ่งแยกเพื่อปกครอง
แยกกลุ่มที่เรียนโดยวิธีเดิมที่วางไว้ได้สิบหนุ่ม
อีกกลุ่มที่เหลือแจกจ่ายไปให้แก่ครูดูแลกันใกล้ชิด
ทั้งจัดหลักสูตรใหม่ให้ตั้งเป้าหมายในการเรียนด้วยตัวเองตามถนัด
ก่อนจะนำมาให้ครูจัดให้เข้ากับการวัด ประเมินผลตามระเบียบ
มีเงื่อนไขให้ต้องรับผิดชอบตัวเอง แลกกับอิสระที่จะจัดเวลาเรียนตามต้องการ
จะสอบผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับการทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนด
ต้องค้นคว้า ต้องสร้างงานมาตามที่ตกลงกัน
ทั้งต้องยืนยันร่วมระหว่างครู ผู้ปกครองและเด็ก
ที่จะตรวจเช็คไม่ให้ทำผิดระเบียบเกินกำหนด ซึ่งอาจต้องงดไม่ให้เรียนต่อ
สัปดาห์แรกผ่านไป ด้วยการวัดใจครู
ลองนอนอยู่ในห้องสมุดกันทั้งวัน ครูก็ไม่หันมาดุว่า
ปล่อยจนถึงเวลาตรวจสอบเป้าหมายในวันสุดท้ายของสัปดาห์
จึงมาชี้ชวนให้มองเห็น เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยังไปไม่ถึง
ชวนให้คำนึงถึงเวลาที่เหลือกับการเรียนจบตามเป้าหมาย
สุดท้ายลองเสนอโครงงานที่จะช่วยให้ผ่านการประเมินผลได้หลายเรื่องมากขึ้น
เรื่องที่ทำท่าจะดี กลับมีเรื่องแทรกซ้อน
ด้วยตอนที่ทำข้อตกลงระหว่างกัน
มีขั้นตอนของการต้องทำไม่ผิดระเบียบเกินจำนวนที่กำหนด
ปรากฏว่าสองหนุ่มริเริ่มทำรอยสักมาโชว์หรา หลังจากมีบันทึกมาหลายครั้ง
ตามมาด้วยเรื่องวิวาทชกต่อย
เป็นเรื่องที่ครูผู้ต้องคอยรักษาระเบียบวินัยได้ปวดหัว
จะหาทางออกอย่างไรไม่ให้เป็นที่ครหาจากบรรดาลูกศิษย์คนอื่น
กว่าจะยื่นข้อเสนอให้ปลอดภัยกับทุกฝ่าย ก็ต้องก่ายหน้าผากไปหลายคืน
โชคดีมีครูที่เมตตา ร่วมกันอาสาดูแลแต่ละฝ่าย
ด้วยเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพิ่มงาน เพิ่มภาระ แม้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จได้เพียงใด
ตั้งใจให้เกิดประโยชน์ทั้งครูและเด็ก
ครูก็ได้คิดวิธีสอนแบบใหม่ ได้เตรียมใจให้ยอมรับวิธีเรียนที่แตกต่าง
อาจได้สร้างหลักสูตรที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ในระยะนี้ จึงดูจะมีบรรยากาศการเรียนที่สงบขึ้นบ้าง
ด้วยตัวป่วนมัวแต่ไปสร้างโครงงานเลี้ยงปลาดุก
ที่ต้องคลุกหินทราย ขนย้ายอุปกรณ์ ทุกขั้นตอนต้องใช้เรี่ยวแรง
ทั้งต้องแบ่งเวลามาเฝ้าบ่อ ด้วยน้องๆ มักจะก่อเรื่องรบกวนปลา
แถมยังเที่ยวถามหาลูกค้า ตั้งแต่ปลายังไม่ทันลงบ่อ
ต่อด้วยโครงงานทำไข่เค็ม
ที่ชวนกันไปขุดจอมปลวก คลุกดินพอกไข่
จนสุดท้ายปั้นทีละลูกไม่ทันใจ จนกลายเป็นไข่เค็มหมกกล่อง
ครูก็ปล่อยให้ลองคิด ลองทำตามที่ปรารถนา
ด้วยหวังว่าจะช่วยชักนำให้ชวนกันไปถึงจุดหมายได้ภายในสิ้นปีการศึกษานี้
จึงมีเรื่องราวให้ได้ตั้งความหวัง
ที่จะทุ่มเทพลังใจ พลังความคิด เพื่อประคับประคองลูกศิษย์ไม่ให้หล่นหาย
ให้เรียนจบได้ภายในกำหนด โดยครูก็ไม่หมดเรี่ยวแรงไปเสียก่อน
พยายามคิดถึงตอนจบที่มีความสุขเข้าไว้…^^
และตามกติกา Todo Tag
จึงอยากจะ Tag ถึง เจ้าของลานวัยใกล้เคียงกัน
คือ น้องจิ เจ้าของลานเด็กเหน่อ และเพื่อนรัก น้องอ้าย
เจ้าของลานจอมกวนลูกสาวจอมป่วน ค่ะ
« « Prev : คงเป็นของเล่น..กระมัง..
Next : ตามรู้..ดูใจ..ในสวนป่ามหาชีวาลัยอิสาน » »
10 ความคิดเห็น
น่าสนุกนะครับ
ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณในส่วนตัวที่ได้อ่าน ได้เพิ่มพูน ได้เรียนรู้ตามไปด้วย ขอบคุณแทนเด็กๆและผู้ปกครองค่ะ
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตใคร แต่คุณค่าในเรื่องนั้นๆก็บังเกิดได้ไม่จำกัดว่าต่อชีวิตใคร เอ..วกวนไหมเนี่ย..อิอิ
ขอบคุณคร๊าบบบ… (^___________^)
เลยพลอยได้อานิสงเรื่องกิจกรรมสำหรับเด็กกลุ่มใกล้ชิดที่โรงเรียนไปด้วยเลยค่ะ เพราะตอนนี้กำลังยุ่ง ๆ เรื่องการออกแบบกิจกรรมและการสร้างเครื่องมือประเมินอยู่พอดีค่ะ แต่สงสัยน้องครูปูีคงเลือกวิธีพิเรนกว่าพี่ครูอึ่งหน่้อยนึงแง๋ ๆ คือบางกิจกรรมดูหน่วยก้านแล้วเลือกให้ฉีกแนวไปเลยค่ะ (มีข้อมูลของเขาอยู่บ้างแล้ว) เช่น ส่งขาโจ๋ ขาแร๊ฟทั้งหลายไปฟอร์มทีมเชียร์ลีดเดอร์ นี่ต้องนั่งเปลี่ยนทัศนคติกันแทบตายเพราะขาโจ๋รู้สึกว่าถูกหมิ่นเกียรติ เพราะคิดว่าเชียร์ลีดเดอร์นั้นเป็นได้เฉพาะผู้หญิงกับตุ๊ดตู่เท่านั้น ต้องอธิบายแทบแย่ว่าเชียร์ลีดเดอร์นั้นเป็นการแข่งขันการจัดระเบียบและแสดงสมรรถนะของร่างกาย ปรากฎว่าพอเด็กกลุ่มนี้ได้ทำ กลับมีวินัยมากกว่าสาว ๆ ที่มีอยู่เสียอีก เอาจริงเอาจัง สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้คุมทีมได้เลยมีความคิดสร้างสรรค์ออกแบบท่ามานำเสนอบ่อย ๆ ใครที่ไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้เป็นผู้จัดการทีม เป็นสวัสดิการ ผู้ประสานงานว่ากันไป
แต่ยังไงๆเด็กพิเศษนี่ก็ยังออกแบบเครื่่องมือได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่พิเศษแหล่ะเนอะ พี่ครูอึ่งเนอะ อิอิ
เห็นความตั้งใจและการออกแบบการเรียนให้คนที่ไม่ตั้งใจวุ่นวายแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะมีหลายเหตุของชีวิตให้เป็นเช่นนี้
นึกถึงโปรเฟชเซอร์ที่มาบรรยายเรื่องเด็กพิเศษแล้วเบิร์ดแกะออกมาได้กระท่อนกระแท่นเพราะภาษาแย่สุด ๆ (ภาษาเบิร์ดเอง 555) ท่านมาจากโคโลราโดค่ะ ท่านมีลูกชายที่เด็กสมาธิสั้น ซึ่งท่านได้ออกแบบ”วิธีเรียนรู้”ของลูกจากการสังเกต เข้าใจ และพัฒนาเขาในทุกย่างก้าวที่เขาทำได้
เบิร์ดชอบที่ท่านบอกว่าไม่เคยคิดว่านี่คือภาระ แต่เป็นการพัฒนารูปแบบในการเรียนการสอนแบบหนึ่งสำหรับคนพิเศษ ถ้าท่านทำได้ก็จะมีแนวทางในการสอนการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ พิเศษอีกหลาย ๆ คนต่อไป
สิ่งที่ยิ้มกว้างคือ “ครูเป็นผู้ทำให้เด็ก ๆ ได้รู้วิธีการเรียนรู้” ไม่ใช่ผู้สอนที่เป็นการให้ข้อมูลเนาะคะพี่ครูอึ่ง เพราะการเรียนการสอนที่ควรเป็นในห้องเรียนคือการนำรูปแบบที่ผ่านการพัฒนาบนฐานการทดลองจริงแล้วมาลองใช้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้นห้องเรียนลูกรักนี่น่าสนใจจริง ๆ ค่ะ และ”วิธีการ”ก็น่าทึ่งมาก ๆ ด้วยทั้งของพี่ครูอึ่งและน้องครูปู
จำได้ว่ารูปแบบการเรียนของอเมริกามี 3 อย่าง
1. สอนแบบให้ข้อมูลเหมือนที่เด็กไทยได้รับ
2. สอนวิธีการเรียนรู้ว่าเด็ก ๆ ที่มีความพิเศษนั้นมีรูปแบบการเรียนรู้อย่างไรบ้าง และเด็ก ๆ ทุกคนจะสามารถหาความรู้ได้อย่างไร
3. Transition Plan คือการส่งต่อข้อมูลของเด็ก ๆ ทุกคนตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนไปจนถึงออกจากการเรียนการสอนทั้งหมด เป็นการบอกถึงรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กคนนั้นว่าเค้าสามารถเรียนรู้ในวิชาอะไรได้ดี และลักษณะการเรียนรู้ของเขาเป็นอย่างไรทำนองนี้น่ะค่ะพี่ครูอึ่ง ซึ่งแบบนี้ยังไม่มีในไทยเพระาเราส่งต่อข้อมูลกันในลักษณะเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ร่าเริง ไม่ทำงาน ฯลฯ มากกว่าจะลงรายละเอียดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจเด็ก
เบิร์ดก็จะลองทำในชร.ดูเหมือนกันค่ะพี่ครูอึ่งว่าจะ่ช่วยเด็ก ๆ พิเศษเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะชร.มีน้องนุชที่เริ่มทำเครือข่ายฅนทำงานเพื่อเด็กพิเศษแล้ว แต่แหมเห็นแถกอันนี้แล้วชอบใจจริงจริ๊ง อิอิอิ
วิชาในถังปูน อุดมและคับคั่งด้วยสิ่งที่น่าสนใจ อยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง เป็นวิธีกระตุ้นต่อมอยากเรียนให้ระริกระรี้อย่างที่สุด
ชอบมากๆๆ ขอบอก
ช่องว่างระหว่างอุดมคติกับความจริงก็มีสิ่งให้ต้องเรียนรู้อยู่มากมาย
พยายามคิดถึงตอนจบที่มีความสุขเข้าไว้
ขอยืม 2 บรรทัดนี้ไปไว้ที่ ลานความเข้าใจ นะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
ไอแค๊กๆๆ แค๊กๆๆ
ส่งเสียงว่ามาเยี่ยมน่ะ
สวัสดีค่ะ พี่ครูอึ่งประทับใจห้องเรียนเพื่อลูกรักมากค่ะ ท้าทายความสามารถวัยขาโจ๋ได้ดีมากเชียวค่ะ
รักนะ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ….อิอิ
ตั้งใจว่าจะไม่โพสต์แล้วเผ่น..ตามสำนวนของพี่บางทราย แต่ก็พัลวัลกับเรื่องโน้นเรื่องนี้
วันพรุ่งนี้จะมีกีฬาสีค่ะ เด็กๆ ทำอะไรกันหลายอย่างน่าสนใจ ไปติดตามดู ได้เห็น ได้คุย ทั้งกับครูและเด็ก
มีการบ้านกลับมาอีกหลายเรื่องค่ะ
ช่วงนี้หนุ่มๆ ก็เลยมีเหตุให้แวบไปโน่นนี่ บอกจะช่วยเตรียมสนามบ้าง ไปดูน้องบ้างค่ะ
นี่ก็แอบไปชวนคิดโครงการอาหารจากไข่เค็มไว้ บอกจะให้ทดลองทำบนหลุมไฟดาโกต้า (ซึ่งอารามทำตามพี่คอนฯ ริเริ่มไว้)
ไม่รู้จะผลักดันสำเร็จหรือไม่นะคะ
ชวนคุณครูผู้ช่วยฝ่ายวิชาการมาอ่านบันทึกแล้วค่ะ เรื่องราวที่น้องครูปู และน้องเบิร์ดเล่า ทำให้รู้สึกว่า แต่ละแห่งก็พยายามดูแลเด็กตามบริบทของตัวเองนะคะ เห็นด้วยเรื่องการที่ต้องส้งเกตและพยายามทำความเข้าใจเด็กก่อน ทั้งต้องสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจและทำให้วางใจกันและกัน ซึ่งต้องใช้เวลาและมีรายละเอียดที่ต้องเรียนรู้ ครูเองก็ต้องมีทักษะ มีเทคนิค ทึ่จะสร้างสรรค์กิจกรรม ที่สำคัญถ้าเป็นการเรียนในโรงเรียนต้องลากเข้ามาให้สอดรับกับเงื่อนไขของหลักสูตรให้ได้ กำลังพยายามกันอยู่ล่ะค่ะ
#1 ว่างๆ อยากให้แวะมาสนุกกับเด็กๆ ด้วยนะคะ
#3 สู้กันต่อปาย..นะจ๊ะน้องปู แต่เวลาเด็กๆ เหล่านี้เติบโตขึ้น ชื่นใจชะมัดเลยเนอะ
#4 ผลเป็นจะได รออ่านเน้อเบิร์ด
#5 มัวแต่วุ่นกับลูกรัก เลยไม่ค่อยได้ปรากฏกายให้ใครเห็นในลานเท่าไรนะคะพ่อครูฯ จะพยายามเขียนให้บ่อยขึ้นค่ะ
#6 ยินดีเลยนะคะป้าหวาน
#7 ขอบคุณที่แวะมานะคะพี่ ก่อนไปจิบน้ำอุ่นๆ แก้ไอก่อนนะคะ ^^
#8 ขาโจ๋นี่บางทีทำเอาครูปาดเหงื่ออยู่เหมือนกันค่ะ น้องนิด 555
#9 ตกลงรักนะคะ พี่ตา..อิอิ