นโยบายคลานขึ้นจากน้ำท่วม ฉบับบ้านนอก

อ่าน: 1476

งานแถลงนโยบายงบประมาณของรัฐบาลเมื่อวานนี้ หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ใช้งบประมาณครอบคลุมไปทุกย่อมหญ้า รัฐฯจะกระจายเม็ดเงินให้ทั่วถึงทุกรายหัว เพราะเป็นรัฐบาลสนองความต้องการประชาชน ทุกตัวอักษรล้วนเป็นเจตนาดีที่โดนใจเหล่าประชานิยมทั่วหน้า ตามด้วยท่านประธานฝ่ายเศรษฐกิจประกาศลั่น เราจะไม่ยอมให้น้ำมาท่วมเสียหายยับเยินอย่างนี้อีกแล้ว ฉิบหายเท่าไหร่ก็ต้องควักเงินมาทำให้ได้ เราต้องเรียกความเชื่อมั่นของต่างชาติมาให้ได้ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งต้องมีมาตรการป้องกันน้ำได้อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องตาลีตาเหลือกกระเสือกกระสนเสียหายปี้ป่นอีกต่อไป เป็นเจตนาดีที่มุ่งมั่นอย่างยิ่งเลยใช่ไหมครับ ใครได้ฟังก็ขอเอาใจช่วยให้เป็นจริง ไม่ใช่ราคาคุยอย่างที่ผ่านมาๆ

รอเชียร์ รอดู รอรับบริจาคข้าวห่อ ต่อๆๆไป

หลังจากรู้สึกยินดีกับพี่น้องที่ตกน้ำ..ไม่เป็นท่าไปแล้ว

ไม่รู้จะทำอะไรได้

ผมมาสนใจระบบของรถใต้ดิน

อ ยู่ ใ ต้ ดิ น แ ท้ ๆ แ ต่ ไ ม่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก น้ำ ท่ ว ม

แปลกไหมละครับ ทางรถไฟอยู่ต่ำยิ่งกว่าที่ลุ่มมากมายนัก น้ำไม่ได้สะกิดผิวสักเอ๊ะ ถ้าของเขาดีและปลอดภัยอย่างนี้ ทำไมรัฐบาลไม่เสนอนโยบายสร้างเมืองใต้ดินละครับ จะได้ขุดดินใต้กรุงเทพออก แล้วอพยพเมืองลงไปอยู่ใต้ดิน แบ่งทำทีละเขตๆ ค่อยๆต่อเชื่อกันไป


ถ้าทำกันอย่างขนาดใหญ่ ดิ น ที่ ขุ ด ขึ้ น ม า จำ น ว น ม ห า ศ า ล ก็เอามาเทเป็นคันคูดินขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร สูง 8 เมตร ปลูกต้นไม้สวยๆ2ข้าง จะเกิดทิวทัศน์สวยงามปลกตาไม่ซ้ำแบบประเทศอื่น นักท่องเที่ยวก็จะแตกตื่นมาบ้านเราเพิ่มขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวก็จะแจ่มใส ยิงนกโป้งเดียวได้หลายตัว

จัดการวางผังเมืองใหม่ ขยับขยายหลีกทางให้มีพื้นที่สำหรับทำทางไฮเวย์น้ำผิวดิน เพิ่มขึ้นจากเขื่อนดินถาวรริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ตรงไหนตัดขัดก็เวนคืนทำระบบสาธารณูปโภค ไล่มาจากเหนือจรดภาคกลาง นอกจากเราจะได้ทางระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพแล้ว ช่วงที่ไม่มีพายุฝนกระหน่ำ เราก็ยังกักเก็บน้ำขากแหล่งนี้มาทำประปา มาทำการเกษตร เสริมระบบน้ำที่มีอยู่เดิม ถ้าพิจารณาให้เห็นคุณประโยชน์ครอบคลุมอย่างนี้ จะเห็นจุดคุ้มทุนคุ้มค่าได้อย่างสมเหตุสมผล

น้ำมา น้ำต้องมีที่ไป ไม่ใช้น้ำมา ต้ อ ง ม า ร อ รั บ บั ต ร คิ ว

มาจัดสรรน้ำตอนที่ทะลักเข้าเมืองแล้ว..สะอื้น อ่วม กระอัก เหลือทน

ถ้ากรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆทำกันอย่างนี้ หน้าตาที่ดินและเมืองจะได้รับการยกเครื่องบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งประเทศครั้งใหญ่อย่างแท้จริง อาจจะมีคำถาม เราจะทำได้รึเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ ทำได้สิเธอ รถไปใต้ดินเรายังทำสำเร็จมาแล้ว ประเทศฮอลแลนด์เขายังค้นพบวิธีสร้างประเทศจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ประเทศเรามีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเก่งไม่แพ้ชาติไหนในโลกหรอกนะเธอ เลิกเสียทีวิ่งไปลอกกากเดนวิธีการของต่างชาติมาก็อปปี้ทำ ประเทศเขาก็ออกแบบให้สอดรับกับสภาพปัญหาของเขา

สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำชลประทานอย่างในแถบภาคกลาง ถ้าดูภาพบนเครื่องบิน เราจะเห็นรูปที่ดินวางเป็นแถวเป็นแนวอยู่แล้ว แทบทุกแห่งเชื่อมต่อกับคลองส่งน้ำ ถ้าใช้รถเม็คโครขุดคันดินกว้าง6เมตร สูง3เมตร ทั่วทุกพื้นที่ ด้านบนตบแต่งเป็นถนน ปลูกต้นไม้สองข้าง

เราจะได้แก้มลิงเป็นตารางหมากรุกเต็มพื้นที่

เราจะได้น้ำสำรองทำการเพาะปลูกช่วงแล้ง หรือทำประมงแบบพอเพียง

ถ้าพื้นที่มีปัจจัยเอื้ออวยอย่างนี้ พื้นที่นาจะหมุนเวียนไปปลูกพืชอื่นได้อีก

ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาทำแต่นาอย่างเดียว

เป็นการยกระดับการใช้ประโยชน์ที่ดินได้หลากหลายวัตถุประสงค์

ส่วนพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำฝน ภาคอีสานเคยมีคนคิดเรื่องจะสูบน้ำโขงมาทำการเกษตร พิจารณาดูแล้วเป็นความคิดครึ่งเดียว ไม่สมประโยชน์กันการลุงทุน ถ้าเอารถแมกโครมาขุดแหล่งน้ำตามพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ดินของแต่ละราย ค่อยๆขายความคิด เลือกจุดที่สนใจและมีความพร้อม เรื่องนี้ลงทุนไม่มาก เป็นการปรับสภาพพื้นที่ทำกินการเกษตรขนาดใหญ่ ทุกพื้นที่มีถนนหนทางเข้าไปถึง มีแหล่งน้ำสำรองใช้ยามฝนทิ้งช่วง และหลังจากการเก็บเกี่ยวสามารถที่จะทำกิจกรรมในท้องไร่ท้องนาเพิ่มขึ้นหลากหลายรูปแบบ

การสร้างงานที่เป็นรูปธรรม

คำตอบอยู่ที่ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้น

ชาวบ้านจะบอกเราเองว่าเขาความเป็นอยู่เขาดีขึ้นอย่างไรด้วยเหตุอันใด

การแจกเงินใครๆก็ชอบ

แต่ถ้ามีแต่เงินไปไม่มีความรู้กำกับไปด้วย

มันไม่ต่างอะไรกับสามล้อถูกหวย

คิดครึ่งเดียวทำครึ่งเดียวผมที่ได้ก็ จิ๊ดเดียว

ถ้าทุกข์ของชาวนาเป็นทุกข์ของแผ่นดิน

ไม่เปลี่ยนไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น..ทุกข์ถาวรจึงเกิดขึ้น

ถ้าแผนฟื้นฟูชาวไร่ชาวนาแบบดั่งเดิมใช้ได้..

ชาวนาไม่เปลี่ยนจาก เ ก ษ ต ร ก ร ไปเป็น ก ร ร ม ก ร หรอกนะเธอ

ลองคิดและทำด้วยสติของปัญญาไทยดีไหมครับ

ไ ป ต า ม ก้ น เ ข า ก็ เ ห มื อ น กิ น ทุ เ รี ย น ทั้ ง เ ป ลื อ ก

ในโลกนี้จะมีผู้ใดศึกษาปัญหาระบบน้ำของประเทศไทย

เท่ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ในกะโหลกคนไทยมีก้อนสมองคุณภาพดีไม่แพ้ใครหรอก เพียงแต่ต้องยอมรับความสามารถคลังสมองของคนไทย วางแผนศึกษาวิจัย ระดมความรู้ความคิดเห็นให้เกิดเป็นพลังแห่งชาติ ไม่อย่างนั้นเราจะไปตั้งต้นวางรากฐานของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าแข่งกับอาเชียน แข่งกับสังคมโลกเขาด้วยเรื่องอะไรละครับ ถ้าเลิกวิธีคิดและวิธีทำแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด มาเป็นการตัดเสื้อผ้าให้พอดีตัว เมื่อนั้น ประเทศไทยชาติเชื้อไทยจะเริ่มตั้งไข่จริงๆเสียที

อ ย่ า ช ว น ค น ไ ท ย ..ข า ย ขี้ ห น้ า ช า ว โ ล ก อี ก เ ล ย

ถ้าทำเป็น..ประเทศเรายังไงๆก็ไม่ยากจนอยู่แล้ว

คนที่มีประเทศเป็นของตนเอง จะเรียกว่าคนจนได้อย่างไร

คนที่มีศาสนาสร้างวินัยและยึดเหนี่ยวจิตใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

คนที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจุดรวมใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

ขอแต่คนไทยเรียนรู้วิธีที่จะไม่เหยียบตาปลากัน

อย่าถือโทษ ให้อภัย เคารพการทำหน้าที่ของกันและกัน

จุดนี้ ..จะเป็นการเปิดนโยบายประเทศที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา


กลอยในใจ

อ่าน: 2403

หมู่นี้ทำท่าจะเป็นโรคกลัวน้ำไปกับเขาด้วย

ได้ยินแต่ข่าวประกาศ พื้นที่จุดโน้นอพยพ จุดนี้ต้องอพยพ

จะพากันไปกระจุกตัวอยู่จุดไหนของโลกใบนี้หนอ

ตอนบ่ายเลขา อาจารย์วรภัทร กริ๊ง! มาให้คุยกับอาจารย์

เสียงหัวเราะต้นฉบับคิ๊กๆคั๊กๆ มาก่อน

หลังจากเจรจาต้าอวยกัน ..อาจารย์บอกว่าบางทีวันศุกร์นี้อาจจะแวบมาหา

ผมเตรียมเรื่องเจรจา และพาไปดู

ให้เห็นว่ามีแง่คิดอะไรผุดพรายขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะพืชหัวใต้ดิน

บ่ายแก่ๆชวนป้าสอนกับลูกมือลากรถเข็นและจอบเสียม ไปยังสวนข้างบ้านที่ปลูกต้นกลอยไว้2-3ปีแล้ว กลอยเป็นพืชอายุปีต่อปี ปีแรกๆที่ปลูกแต่ละกอจะให้ผลผลิตไม่มากนัก ประมาณหลุมละ 10 ก.ก. ถ้าปล่อยไว้ปีที่2 บางต้นที่สมมบูรณ์อาจจะให้ผลผลิตได้ถึง50 ก.ก. เรื่องอย่างนี้ต้องขุดให้เห็นกับตา แม่เจ้าโวย..ทำไมมันง่ายอย่างนี้ หัวกลอยจะจับก้อนอยู่เรี่ยผิวดิน อยู่ตื้นๆแต่หัวใหญ่ บางหัวก็แทรกเข้าไปใต้รากไม้ เล่นเอาจอบกับเสียงหักไปอย่างละด้าม ขุด 3 ต้นได้กลอยมา 1 รถไสน้ำ

เหลือเชื่อจริงๆ  ไม่นึกมาก่อนว่าผลผลิตจะมากขนาดนี้

พอที่จะแข่งกับการปลูกพืชอาหารอย่างอื่นได้เลยละครับ

ผมได้คืบจะเอาศอก >> แล้วยังไงต่อ

1 ขยายปลูกกลอยกับมันเลือดมาก

2 เอาปุ๋ยคอกไปใส่ต้นต้นละ 1 กระสอบ

3 ทดลองหาวิธีล้างพิษใหม่ ทำให้แห้งเก็บไว้นาน ลองทำอาหารเมนูใหม่

4 ทดลองเอากลอยมาผลิตเป็นแป้งไว้ทำขนม ผสมอาหารอื่นๆ หรือทำเป็นข้าวเกรียบ

5 ทดลองเอาน้ำหมักกลอยไปรดไล่ปลวก ผมอาจจะผลิตยาฆ่าปลวกยี่ห้อใหม่ก็ได้นะ อิอิ

เท่าที่ประเมินผลหยาบๆ

ไม้ยืนต้น 1 เอาต้นกลอยไปปลูกได้ผลผลิตต้นละ 20 ก.ก

ถ้าปลูกไม้ยืนต้นไร่ละ 60 ต้น X20 ก.ก.  = 1,200 ก.ก.

ถ้าปลูก10 ไร่ 600 ต้น X  20 ก.ก. =12,000 ก.ก .

ถ้าช่วยกันปลูก 100 ไร่  = 100X60X20 =120,000 ก.ก.

ถ้าปลูกบริโภคเองไว้แบ่งปันเพื่อนบ้าน ก็ไม่ต้องไปปลูกแบบเป๊ะๆก็ได้ มีต้นไม้ข้างบ้านตรงไหนก็ไปปลูกแทรกลงไว้ ผสมผสานไปทั้งพื้นที่ อย่างที่ผมทดลองทำกับเสาวรสเพียงไม่กี่ต้น แห้วก็เก็บมาคั้นน้ำจนเอวหวานตาหวานไปแล้ว ถ้าเปลี่ยนให้มาขุดเผือกขุดมันสลับบ้างเอวคงกลับคืนสภาพเดิม จุดสำคัญอยู่ที่ การปลูก ช่วยการปลูก ปลูกๆๆ ทุกอย่างก็จะมีเรื่องให้ทำต่อๆๆไปอีกเยอะแยะ

ผมสังเกตเห็นว่าพื้นที่รอบๆหัวกลอย ที่ดินจะร่วนซุยไม่ได้แข็งกระด้างอย่างพื้นที่ทั่วไป เป็นไปได้ไหมที่กลอยกับต้นไม้จะมีส่วนเอื้อต่อกัน ที่สำคัญมันช่วยสนับสนุนเรื่อง “การปลูกต้นไม้แล้วจะกินอะไร” ให้แง่มุมต่างๆไปบ้างแล้ว แต่ยังไกลตัวไกลความคิด ไม่ง่ายๆตรงๆ ไปขุดมันขุดกลอยมาเจี๊ยะทำได้ทั้งอาหารคาวและของหวาน มันโยงคิดให้เห็นว่า ในยามปกติพืชหัวเหล่านี้ผลิตขายเป็นรายได้เสริมอย่างดีเชียวแหละ ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแล ปราศจากโรครบกวน ยกเว้นชาวบ้านแอบมาขะโมย แต่ก็มีข้อดีอีก คนยุคใหม่ไม่รู้จักกลอย ไม่รู้วิธีทำกิน จึงยังไม่เป็นปัญหามากนัก งานนี้เป็นการสร้างงานในช่วงว่าง จะขุดพืชหัวได้ตั้งแต่เดือน ตุลาคม-มีนาคม

ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ

กลอยหรือมันเลือด 1 หลุม ที่บำรุงใส่ปุ๋ยดีๆ จะได้ผลผลิตเท่ากับข้าวสาร 20 ก.ก.

โห ชาวบ้านกว่าจะทำนาได้ข้าวเปลือก 1 กระสอบปุ๋ย

เราปลูกกลอยต้นเดียวก็ได้คาร์โบไฮเดรทเท่ากันหรือมากกว่า

ข อ ยื น ยั น นั่ ง ยั น ว่ า เ ป็ น ไ ป ไ ด้ แ น่ น อ น

ปลูกทิ้งปลูกขว้างหลุมเดียวยังได้หัวกลอย 40-50 ก.ก.

ถ้าจะมาพิสูจน์ก็พร้อมนะอุ้ย จะแจกจอบแจกเสียมขุดให้เห็น

ผมจะได้ชวนทีวีรายการอาหารบ้านทุ่งมาถ่ายทำ

เร็วๆนี้ ทีวีช่องไทยบีเอส จะมาถ่ายเตาหลุมฟืนที่คอนแนะนำ

โจทย์ที่ชวนระรี่ระริก

เนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกไม้ยืนต้น ประดู่ แดง กระถินเทพา ยางนา ฯลฯ

ต้นไม้มีอายุ 2 ปี ก็ลงมือเอากลอย มันมะพร้าว มันมือเสือ ไปปลูกที่โคนต้น

ปีที่3 ขุดขึ้นมาประเมินผลผลผลิต ทดลองการแปรรูปในแบบต่างๆ

ปี 2455 ทำจะทำแปลงสาธิต/วิจัย (รวบรวมพันธุ์ทั่วประเทศมาปลูก/เจาะหลุมใส่ปุ๋ย/ขุดต้นเล็กปลูกให้เต็มแปลง)

ปี 2555 เป็นต้นไป รวมรวมเมล็ดมาเพาะชำในถุง

จะได้รู้ว่า ..ปลูกกลอย เผือก มัน ก็มีของกิน มีงาน มีรายได้ ไม่แพ้การทำนา  บางที่จะดีกว่าด้วยในแง่ที่ไม่เสี่ยงเหมือนการทำนา ไม่ทำนาก็มีอาหารบริโภค บางท่านอาจจะแย้งว่าไม่กินข้าวอยู่ได้รึ โธ่ มนุษย์ในส่วนอื่นเขา กินขนมปัง กินแป้ง กินบะมี่ กินมาม่า แต่คนไทยไม่คุ้นชินจะต้องกินข้าวๆๆ ก็ไม่ว่ากัน ทุกวันนี้พฤติกรรมการบริโภคอาหารของมนุษยชาติเปลี่ยนไป อะไรๆก็จะเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น หลากหลายขึ้น ยามเกิดวิกฤติถึงจะรู้สึก >>

มาช่วยกันทำเรื่อง กลอยเฉยๆ ให้เป็นเรื่อง สาวน้อยกลอยใจ ดีไหมครับ

ปีหน้า เจอกันแน่ การทำนาในป่าไม้ แข่ง กับการทำนาในท้องทุ่ง

ไม่แน่นะครับ >> ปลูกต้นไม้ เลี้ยงแพะ ปลูกพืชหัวต่างๆนี่แหละ

จะเป็นทางเลือกทางวิจัยไทบ้านที่จ๊าบส์สุดๆเด้อนางเด้อ  อิ อิ..

ปล.ท่านให้มีข้อมูลกลอย กรุณาอุปการะข้อมูลด้วยนะครับ



Main: 0.067106008529663 sec
Sidebar: 0.071115016937256 sec