กลอยในใจ
หมู่นี้ทำท่าจะเป็นโรคกลัวน้ำไปกับเขาด้วย
ได้ยินแต่ข่าวประกาศ พื้นที่จุดโน้นอพยพ จุดนี้ต้องอพยพ
จะพากันไปกระจุกตัวอยู่จุดไหนของโลกใบนี้หนอ
ตอนบ่ายเลขา อาจารย์วรภัทร กริ๊ง! มาให้คุยกับอาจารย์
เสียงหัวเราะต้นฉบับคิ๊กๆคั๊กๆ มาก่อน
หลังจากเจรจาต้าอวยกัน ..อาจารย์บอกว่าบางทีวันศุกร์นี้อาจจะแวบมาหา
ผมเตรียมเรื่องเจรจา และพาไปดู
ให้เห็นว่ามีแง่คิดอะไรผุดพรายขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะพืชหัวใต้ดิน
บ่ายแก่ๆชวนป้าสอนกับลูกมือลากรถเข็นและจอบเสียม ไปยังสวนข้างบ้านที่ปลูกต้นกลอยไว้2-3ปีแล้ว กลอยเป็นพืชอายุปีต่อปี ปีแรกๆที่ปลูกแต่ละกอจะให้ผลผลิตไม่มากนัก ประมาณหลุมละ 10 ก.ก. ถ้าปล่อยไว้ปีที่2 บางต้นที่สมมบูรณ์อาจจะให้ผลผลิตได้ถึง50 ก.ก. เรื่องอย่างนี้ต้องขุดให้เห็นกับตา แม่เจ้าโวย..ทำไมมันง่ายอย่างนี้ หัวกลอยจะจับก้อนอยู่เรี่ยผิวดิน อยู่ตื้นๆแต่หัวใหญ่ บางหัวก็แทรกเข้าไปใต้รากไม้ เล่นเอาจอบกับเสียงหักไปอย่างละด้าม ขุด 3 ต้นได้กลอยมา 1 รถไสน้ำ
เหลือเชื่อจริงๆ ไม่นึกมาก่อนว่าผลผลิตจะมากขนาดนี้
พอที่จะแข่งกับการปลูกพืชอาหารอย่างอื่นได้เลยละครับ
ผมได้คืบจะเอาศอก >> แล้วยังไงต่อ
1 ขยายปลูกกลอยกับมันเลือดมาก
2 เอาปุ๋ยคอกไปใส่ต้นต้นละ 1 กระสอบ
3 ทดลองหาวิธีล้างพิษใหม่ ทำให้แห้งเก็บไว้นาน ลองทำอาหารเมนูใหม่
4 ทดลองเอากลอยมาผลิตเป็นแป้งไว้ทำขนม ผสมอาหารอื่นๆ หรือทำเป็นข้าวเกรียบ
5 ทดลองเอาน้ำหมักกลอยไปรดไล่ปลวก ผมอาจจะผลิตยาฆ่าปลวกยี่ห้อใหม่ก็ได้นะ อิอิ
เท่าที่ประเมินผลหยาบๆ
ไม้ยืนต้น 1 เอาต้นกลอยไปปลูกได้ผลผลิตต้นละ 20 ก.ก
ถ้าปลูกไม้ยืนต้นไร่ละ 60 ต้น X20 ก.ก. = 1,200 ก.ก.
ถ้าปลูก10 ไร่ 600 ต้น X 20 ก.ก. =12,000 ก.ก .
ถ้าช่วยกันปลูก 100 ไร่ = 100X60X20 =120,000 ก.ก.
ถ้าปลูกบริโภคเองไว้แบ่งปันเพื่อนบ้าน ก็ไม่ต้องไปปลูกแบบเป๊ะๆก็ได้ มีต้นไม้ข้างบ้านตรงไหนก็ไปปลูกแทรกลงไว้ ผสมผสานไปทั้งพื้นที่ อย่างที่ผมทดลองทำกับเสาวรสเพียงไม่กี่ต้น แห้วก็เก็บมาคั้นน้ำจนเอวหวานตาหวานไปแล้ว ถ้าเปลี่ยนให้มาขุดเผือกขุดมันสลับบ้างเอวคงกลับคืนสภาพเดิม จุดสำคัญอยู่ที่ การปลูก ช่วยการปลูก ปลูกๆๆ ทุกอย่างก็จะมีเรื่องให้ทำต่อๆๆไปอีกเยอะแยะ
ผมสังเกตเห็นว่าพื้นที่รอบๆหัวกลอย ที่ดินจะร่วนซุยไม่ได้แข็งกระด้างอย่างพื้นที่ทั่วไป เป็นไปได้ไหมที่กลอยกับต้นไม้จะมีส่วนเอื้อต่อกัน ที่สำคัญมันช่วยสนับสนุนเรื่อง “การปลูกต้นไม้แล้วจะกินอะไร” ให้แง่มุมต่างๆไปบ้างแล้ว แต่ยังไกลตัวไกลความคิด ไม่ง่ายๆตรงๆ ไปขุดมันขุดกลอยมาเจี๊ยะทำได้ทั้งอาหารคาวและของหวาน มันโยงคิดให้เห็นว่า ในยามปกติพืชหัวเหล่านี้ผลิตขายเป็นรายได้เสริมอย่างดีเชียวแหละ ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแล ปราศจากโรครบกวน ยกเว้นชาวบ้านแอบมาขะโมย แต่ก็มีข้อดีอีก คนยุคใหม่ไม่รู้จักกลอย ไม่รู้วิธีทำกิน จึงยังไม่เป็นปัญหามากนัก งานนี้เป็นการสร้างงานในช่วงว่าง จะขุดพืชหัวได้ตั้งแต่เดือน ตุลาคม-มีนาคม
ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ
กลอยหรือมันเลือด 1 หลุม ที่บำรุงใส่ปุ๋ยดีๆ จะได้ผลผลิตเท่ากับข้าวสาร 20 ก.ก.
โห ชาวบ้านกว่าจะทำนาได้ข้าวเปลือก 1 กระสอบปุ๋ย
เราปลูกกลอยต้นเดียวก็ได้คาร์โบไฮเดรทเท่ากันหรือมากกว่า
ข อ ยื น ยั น นั่ ง ยั น ว่ า เ ป็ น ไ ป ไ ด้ แ น่ น อ น
ปลูกทิ้งปลูกขว้างหลุมเดียวยังได้หัวกลอย 40-50 ก.ก.
ถ้าจะมาพิสูจน์ก็พร้อมนะอุ้ย จะแจกจอบแจกเสียมขุดให้เห็น
ผมจะได้ชวนทีวีรายการอาหารบ้านทุ่งมาถ่ายทำ
เร็วๆนี้ ทีวีช่องไทยบีเอส จะมาถ่ายเตาหลุมฟืนที่คอนแนะนำ
โจทย์ที่ชวนระรี่ระริก
เนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกไม้ยืนต้น ประดู่ แดง กระถินเทพา ยางนา ฯลฯ
ต้นไม้มีอายุ 2 ปี ก็ลงมือเอากลอย มันมะพร้าว มันมือเสือ ไปปลูกที่โคนต้น
ปีที่3 ขุดขึ้นมาประเมินผลผลผลิต ทดลองการแปรรูปในแบบต่างๆ
ปี 2455 ทำจะทำแปลงสาธิต/วิจัย (รวบรวมพันธุ์ทั่วประเทศมาปลูก/เจาะหลุมใส่ปุ๋ย/ขุดต้นเล็กปลูกให้เต็มแปลง)
ปี 2555 เป็นต้นไป รวมรวมเมล็ดมาเพาะชำในถุง
จะได้รู้ว่า ..ปลูกกลอย เผือก มัน ก็มีของกิน มีงาน มีรายได้ ไม่แพ้การทำนา บางที่จะดีกว่าด้วยในแง่ที่ไม่เสี่ยงเหมือนการทำนา ไม่ทำนาก็มีอาหารบริโภค บางท่านอาจจะแย้งว่าไม่กินข้าวอยู่ได้รึ โธ่ มนุษย์ในส่วนอื่นเขา กินขนมปัง กินแป้ง กินบะมี่ กินมาม่า แต่คนไทยไม่คุ้นชินจะต้องกินข้าวๆๆ ก็ไม่ว่ากัน ทุกวันนี้พฤติกรรมการบริโภคอาหารของมนุษยชาติเปลี่ยนไป อะไรๆก็จะเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น หลากหลายขึ้น ยามเกิดวิกฤติถึงจะรู้สึก >>
มาช่วยกันทำเรื่อง กลอยเฉยๆ ให้เป็นเรื่อง สาวน้อยกลอยใจ ดีไหมครับ
ปีหน้า เจอกันแน่ การทำนาในป่าไม้ แข่ง กับการทำนาในท้องทุ่ง
ไม่แน่นะครับ >> ปลูกต้นไม้ เลี้ยงแพะ ปลูกพืชหัวต่างๆนี่แหละ
จะเป็นทางเลือกทางวิจัยไทบ้านที่จ๊าบส์สุดๆเด้อนางเด้อ อิ อิ..
ปล.ท่านให้มีข้อมูลกลอย กรุณาอุปการะข้อมูลด้วยนะครับ
« « Prev : กลอย
Next : นโยบายคลานขึ้นจากน้ำท่วม ฉบับบ้านนอก » »
1 ความคิดเห็น
ผมว่ามันเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพึ่งตนเองนะครับ ปลูกก็ง่าย โรคภัยก็ไม่มี ผลผลิตก็ดี ยังแปรรูปเป็นสารพัดอย่าง หากนักโภชนาการ นักเภสัชเอาไปเข้าห้องแลปวิเคราะห์คุณค่าทางอาหาร ทางยาคงได้เรียนรู้อะไรมากทีเดียว หรือศึกษาแล้วแต่เราไม่รู้ก็ได้นะครับ