๒๗. การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ตอนที่ ๒

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 6 สิงหาคม 2008 เวลา 22:58 ในหมวดหมู่ เสริมสร้างสังคมสันติสุข #
อ่าน: 1450

ขอต่อให้จบในวันนี้เลยนะครับ เพราะยังมีอีก ๓ หัวข้อที่ยังไม่ได้เขียน คราวนี้จะไม่สนใจ rating ว่าจะมีใครเข้ามาอ่านกี่คน อิอิ วันนี้ก็เพิ่งไปว่าความคดีใหญ่มา ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน นานๆว่าความที อิอิ

อาจารย์เล่าให้เราฟังว่าการร่างรัฐธรรมนูญ จะมีกรอบการร่างหลักๆ ๓ กรอบ คือ

-กรอบสิทธิเสรีภาพของประชาชน

-กรอบการตรวจสอบอำนาจรัฐขององค์กรอิสระของรัฐธรรมนูญ

-กรอบพรรคการเมือง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยไม่เคยมีพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเข้มแข็ง จนกระทั่งถึงปี ๒๕๔๐

๑.ต้องทำให้ประชาชนเข้มแข็ง สิทธิเสรีภาพให้ประชาชนมีส่วนร่วม

๒.ระบบรัฐสภาเมื่อตั้งรัฐบาลได้ รัฐสภาจะอ่อน จึงต้องร่างให้ทำให้ระบบรัฐสภามีความเข้มแข็ง

แนวนโยบายของรัฐ มีการวิพากย์วิจารณ์หลังรัฐธรรมนูญปี ๒๔๙๒ ว่ามีทำไม ใครจะมาเป็นรัฐบาลเขาก็จะมีแนวนโยบายแห่งรัฐ  (แต่ที่มีเพราะไม่ไว้ใจรัฐบาล อิอิ )ตั้งแต่ปี ๒๔๙๒ มาถึงปัจจุบัน ตัดไม่ได้

จนปัจจุบันมีการเมืองภาคประชาชน

รัฐธรรมนูญ ปี ๔๐ มีการพูดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มาตกผลึกเมื่อรัฐบาลขิงแก่ ออกกฎหมายรับรององค์กรที่ไม่ได้จดทะเบียน องค์กรที่เป็นสถาบันทางการเมืองได้รับการรับรองโดยกฎหมายของรัฐ

รัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ขยายมามองถึงผู้ถูกปกครอง นายชวน เป็น ส.ส.ตั้งแต่ ๒๕๑๒ การคุ้มครองผู้ถูกปกครอง การจะจับคนก็ถูกห้ามไม่ให้ทำง่ายๆเพราะต้องการคุ้มครองคนดีแต่มันก็เกิดผล กระทบอย่างที่บรรดาฝ่ายกฎหมายรู้ดี และไม่สามารถเขียนให้สมบูรณ์ได้ทุกจุด

คนที่กำหนดตัวนายกคือพรรคการเมือง

รัฐธรรมนูญเป็นการกำหนดความชอบธรรมแห่งอำนาจ ที่ซึ่งประชาชนยอมรับอำนาจของผู้ปกครอง

หลังจากพักดื่มกาแฟแล้ว ท่านอาจารย์เปิดโอกาสให้ซักถาม

คุณไตรรัตน์ ถาม รัฐธรรมนูญมีโอกาสที่จะไม่ต้องมีตัวรัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ ตัวรัฐธรรมนูญถ้าให้เป็นตามธรรมชาติ เป็นตามทางวัฒนธรรมไม่ต้องเป็นลายลักษณ์อักษร

อ.บอกว่ายากมาก เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงต้องมีการเขียนกติกา โลกที่ไม่มีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรมีน้อยมาก เช่น นิวซีแลนด์ ขนาดเขียนมีกติกาล่วงหน้ายังมีปัญหาเลย….สมัย อ.สัญญา(เป็นนายกรัฐมนตรี) มีการยุบสภา มีปัญหาว่าเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้จะยุบได้อย่างไร ก็ตอบว่ามีตัวอย่างมาก่อนแล้วสองครั้ง ทำได้

คุณกฤตพล ถามทำไมรัฐธรรมนูญไทยจึงมีหลายมาตรา

อ.ตอบ อินเดียเขียนเยอะกว่าเรา แต่หลายเรื่องก็ไม่น่าใส่ แต่เวลาแลกเปลี่ยนความเห็นฝ่ายที่ให้ใส่เป็นฝ่ายชนะ เช่น การปกครองส่วนท้องถิ่น ไทยมี ๔ แบบ

โกติ่ง ถาม รัฐธรรมนูญแก้ไขได้หรือไม่

อ.ตอบ ถ้าแก้ไขจะทำได้ง่ายกว่าการร่างเพราะมันมีหลายเรื่อง น่าจะเป็นเรื่องจรก็เป็นเรื่องหลัก ถ้าจะแก้ จะแก้เรื่องไหน และถ้าถามว่าควรจะแก้หรือไม่ แก้เรื่องอะไร ก็ต้องถามว่าแก้แล้วเกิดประโยชน์แก่ประชาชนหรือไม่

คุณศิริบูรณ์ ถาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ที่มีการรับร่างรัฐธรรมนูญเพราะชาวบ้านอยากให้มีการเลือกตั้ง มากกว่ารับรัฐธรรมนูญเพราะชอบรัฐธรรมนูญ (โพล) ถามว่าใครควรจะเข้าไปแก้

อ.ตอบว่า นักการเมืองนั่นแหละ เพราะรับอาสามาสร้างความสงบสุขให้แก่บ้านเมือง จะไปโทษตัวรัฐธรรมนูญไม่ได้

คุณเทพสิทธิ์ ขอให้วิจารณ์แก้รัฐธรรมนูญ ม. ๒๓๗ วรรคสอง ม.๓๐๙

อ.ตอบ เป็นที่รู้กันการเลือกตั้งซื้อเสียง ฝ่ายที่เสนอต้องใช้ยาแรงคือต้องยุบพรรค มีการอภิปรายกันแต่ในที่สุดฝ่ายที่บอกว่ายุบพรรคเป็นฝ่ายชนะ   แต่ที่สุดแล้วก็คือศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผู้ตัดสิน

ท่านนันทศักดิ์ถาม เรื่องการถอดถอนกรรมการบริหารพรรคว่าผู้ร่างคิดอย่างไรที่เขียนให้ยุบพรรค เพราะกรรมการพรรคผู้ใหญ่บางท่านอาจจะไม่รู้เรื่องแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของส.ส.ที่คนหนึ่งบังเอิญว่าเป็นกรรมการบริหารพรรค

อ.บอกว่าตอนร่างก็พูดกัน แต่ก็เกิดคำถามว่าจะใช้ยาแรงไหม ถ้าใช้ยาแรงก็ต้องเป็นแบบนี้ และในที่สุดก็เป็นยาแรง ก็ถ้าไม่ทำผิดจะไปกลัวอะไร

ท่านนันทศักดิ์ พรรคเล็กตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ เมื่อตั้งพรรคแล้ว ทำโครงการเสนอทำกิจกรรม กกต.ก็จ่ายตังค์ แต่พอถูกเพิกถอนก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ควรจะทำอย่างไรที่จะทำให้พรรคเหล่านี้เหลือน้อยลง

อ.บอกว่า พรรคที่เพิ่งตั้งใหม่ไม่มีเงินทำกิจกรรมเหมือนกัน แต่ว่าต้องตามจับโจรกัน

คุณไตรรัตน์ เสนอว่ารัฐธรรมนูญควรมีการสอนตั้งแต่เด็กนักเรียน

อ.บอกว่า เวลามีปัญหาอย่าเอาไปให้เด็กเรียนทุกเรื่อง อิอิ แต่การศึกษาอย่ามัวแต่นึกสอนอยู่ในห้องเรียน ต้องให้เด็กเรียนรู้นอกห้องเรียน

ลืมจดว่าใครพูด อิอิ (นึกไม่ออกจริงๆ) เราพูดถึงรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าอยากแก้เพราะมาจากเผด็จการ แต่ในความเป็นจริงทหารเข้าไปเป็นกรรมการร่างน้อยมาก และปี ๒๕๔๐ กับ ๕๐  คน ร่างก็เป็นชุดเดียวๆกัน ถ้าชอบผู้หญิงคนหนึ่งคงไม่ไปถามว่าใครทำคลอด สอนเรื่องกฎหมายกับสังคม ให้นศ.วิจารณ์รัฐธรรมนูญปี ๔๐ กับปี ๕๐ นศ. ๙๐ เปอร์เซนต์ วิจารณ์ว่าปี ๕๐ ดีกว่า

เราถามกันเยอะมาจนผมจดไม่ค่อยทัน เอาว่ามันมาก..สนุกกับการเรียนรู้ จนอดใจไม่ไหวเอามาเล่าสู่กันฟังทั้งๆที่มีงานคดีหนักรออยู่ข้างหน้า อิอิ จบแล้วครับ……

« « Prev : ๒๖. การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ตอนที่๑

Next : ๒๘. สภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ตอนที่ ๑ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "๒๗. การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายใต้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ตอนที่ ๒"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.14235591888428 sec
Sidebar: 0.063931941986084 sec