อาหารที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร

อ่าน: 2679

     

      เนื่องจากเสียเวลาสอบถามเส้นทางไปบ้าง ตามที่เล่าไปแล้ว เราจึงเดินทางถึงพิพิธภัณฑ์สิรินธรเกือบบ่ายสองโมง จึงมีความเห็นว่าควรหาอะไรรับประทานกันก่อน หลังจากจอดรถในบริเวณที่จอดรถก็มองหาร้านที่น่าสนใจบริเวณนั้น ซึ่งมีอยู่สองสามร้านและมีร้านอีกส่วนอยู่ด้านหน้าก่อนเข้าสู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ แต่บังเอิญมีผู้มองเห็นป้ายชี้ว่าไป ห้องอาหารพิพิธภัณฑ์  จึงเห็นว่าน่าจะอุดหนุนห้องอาหารของพิพิธภัณฑ์ดีกว่า  เมื่อไปถึงเห็นมีกลุ่มหนึ่งกำลังรับประทานอาหาร อีกกลุ่มกำลังสั่งอาหาร ก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมาว่าได้รับประทานแน่ ๆ แล้ว ก็เขาไปสั่งอาหารโดยเลือกชนิดที่คาดกันว่า เร็วที่สุดและมีแน่นอน คือ ข้าวราดคะน้าหมูกรอบ 3 จาน และ ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว  4  จาน และ สุกี้อีก 1 ที่  โดยเมื่อสั่งแล้วก็จ่ายเงินก่อน แล้วรับบัตรคิว (เราได้เบอร์ 4 ) กลับมานั่งรอที่โต๊ะ  รออยู่สักพักเห็นโต๊ะข้าง ๆ กันที่ถือบัตรเบอร์ 3 เริ่มได้อาหารที่สั่งก็มีความหวังมากขึ้น และพออีกไม่นานก็ได้รับเรียก เบอร์ 4 คะน้าหมูกรอบได้แล้ว   อีกประเดี๋ยวคนรับคำสั่งก็ออกมาบอกว่า ข้าวหมด ได้กะเพราไก่เพียง 2 จานเท่านั้น….แป่ว ๆๆๆ….มีเหลืออย่างเดียวคือ สุกี้ บางท่านจึงต้องกินสุกี้แห้ง แทนกะเพราไก่ไข่ดาว………พวกเราหรืออุตส่าห์จะอุดหนุน ห้องอาหารของพิพิธภัณฑ์ ที่สถานที่ดูดี ใหม่และสวยงาม แต่ก็ต้องผิดหวังครับ.….ระหว่างที่เรากินกันอยู่ก็มีอีกกลุ่มเข้ามาเพื่อกินอาหารเพิ่ม  ก็คงได้กิน สุกี้ อย่างเดียว……….ก็คิดเชิงบวกนะครับว่า เป็นความผิดของเราเองที่มาช้า เกือบบ่ายสองโมงแล้ว ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดยาว คนคงมากันมากกว่าปกติ คนเตรียมหรือแม่ครัวที่กินเงินเดือนก็เลยเตรียมเมือนปกติ….อิอิ


เบิ่งตลาดเพื่อนบ้าน

อ่าน: 4661

     เช้าวันที่ 4 น้องนัดว่าจะมารับไปรับประทานอาหารเช้าประมาณ 8.00 น. แต่ สว. ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเก็บของเสร็จตั้งแต่ยังไม่ทัน 7 โมง มีเวลาอีกกว่าหนึ่งชั่วโมง เลยชักชวนกันลงไปเดินชมบริเวณใกล้ ๆ โรงแรมที่พัก  เมื่อลงมา มองซ้ายมองขวาเห็นด้านตรงข้ามเป็นตลาดสด เลยตัดสินใจเป็น พระยาน้อยชมตลาดเช้า (เห็นป้ายที่จั่วอาคาร เขียนว่า อาคารสมเกียรติ) พอเดินเข้าไปบริเวณตลาดด้านหน้าก็เหมือน ๆ กับตลาดสดทั่ว ๆ ไป มีขายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์และอื่น ๆ แต่พอเดินไปด้านในของตลาดก็ได้พบกับ แม่ค้าพ่อค้าขาย ผักผลไม้ และ ของที่ไม่ค่อยพบเห็นในตลาดสดทั่ว ๆ ไป  เลยเดินดูสอบถามและถ่ายรูปมาหลายรูป แถมได้แลกเงินอีกด้วย  ได้ไม้ดอกติดมือกลับมาด้วยสองชนิด  ไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาขายที่นี่ หลายอย่างผมเข้าใจว่าเป็นไม้ป่าที่ชาวบ้านไปเก็บมาจากธรรมชาติมาขาย บางอย่างน่าจะเป็นไม้สงวน ไม้ใกล้สูญพันธุ์ ดังนั้นการซื้อไม้เหล่านี้ไปปลูกเลี้ยงจะเหมาะสมหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับว่า เป็นการช่วยกันอนุรักษ์หรือช่วยกันทำลายพรรณไม้เหล่านั้น อ่านต่อ »


พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต

อ่าน: 3847

พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต

 

      อ่านต่อ »


ไปไหว้พระธาตุเชิงชุม

อ่าน: 5361

        

       พระธาตุเชิงชุม เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 24 เมตร ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม มียอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุม ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์มีน้ำหนัก 247 บาท มีซุ้มประตู 4 ด้าน ข้างในทึบสร้างครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งหมายถึง กุกสันโธ โกนาคมโน กัสสะโป และโคตมะ   (คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพสักการะบูชาอยู่ทุกวันนี้) สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำจะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุ และหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก งานประจำปีของพระธาตุเชิงชุมจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ) พระธาตุเชิงชุม อยู่ภายในวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ซึ่งมีพื้นที่ 18 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา  ตั้งอยู่ริมหนองหารในเขตเทศบาลสกลนคร อยู่ปลายสุดของถนนเจริญเมือง มีอาณาเขต ทิศเหนือและทิศตะวันออก ติดกับหนองหารหลวงและบ้านเรือนชาวคุ้ม ทิศตะวันตก ติดกับถนนเรืองสวัสดิ์ ทิศใต้ ติดกับ ถนนเจริญเมือง อ่านต่อ »


พิพิธภัณฑ์สิรินธร Thailand’s Top Destinations Awards 2009

อ่าน: 4481

ทำบุญที่หนองหาร

อ่าน: 3120

      หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่หลากหลายแล้ว ในขณะที่ญาติอีกส่วนหนึ่งที่ตามมาทีหลังรับประทานอาหาร เราจึงเดินจากร้านอาหารไปชมสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และชมทัศนียภาพของหนองหารที่อยู่ติดกัน โดยมีไกด์กิตติมศักดิ์ตัวน้อยเป็นผู้นำ รวมทั้งการให้อาหารปลาในสระพังทอง ก่อนจะอ้อมไปด้านหลังเพื่อชมทัศนียภาพของหนองหาร และสวนแม่-สวนลูก ซึ่งบังเอิญได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งกำลังจะเดินทางไปทอดผ้าป่าที่วัดที่อยู่บริเวณหนองหารโดยทางเรือ เขาเชิญชวนให้ขึ้นเรือเพื่อไปร่วมทำบุญกันด้วย โดยบอกว่าวัดอยู่ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร เราสามารถไปด้วยได้ฟรี ๆ  แต่เรามีเวลาน้อยจึงได้แต่ร่วมทำบุญด้วยเท่านั้น ก็เป็นการได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าโดยความบังเอิญจริง ๆ ที่หนองหารครับ อ่านต่อ »


เบิ่งสกลนครในสามชั่วโมง

อ่าน: 3572

ร่วมยินดีที่สกลนคร

6 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 6 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:38 ในหมวดหมู่ สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 4445

กายบริหารด้วยไม้พลองป้าบุญมี : 9 สัปดาห์สู่สุขภาพดี รุ่นที่10 (17)

อ่าน: 16209

     ในสัปดาห์ที่ 5  กิจกรรมเริ่มด้วยการแนะนำท่ากายบริหารด้วยไม้พลองป้าบุญมี ซึ่งเป็นวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังจากกระดูกเสื่อม ที่พบบ่อยมากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ  บังเอิญสัปดาห์นี้ผมไม่ได้นำกล้องติดตัวไปด้วย เลยไม่มีภาพการทำกิจกรรมมาฝากครับ เนื่องจากจำได้ว่า เคยเห็นการแนะนำการออกกำลังด้วยไม้พลองป้าบุญนี้ผ่านทางรายการทีวีมาก่อน จึงลองสอบถาม พ่อกู (Google) ดูและก็ไม่ผิดหวังครับ มีคุณหมอ (นพ. ทายาท บูรณกาล ) เขียนรายละเอียดพร้อมรูปและ VDO ประกอบไว้ให้ดูเรียบร้อยแล้ว  สบายโก๋ครับ…ท่านที่สนใจตามไปดูได้เอง…อิอิ

 

      ท่าว่ายน้ำวัดวา (ซ้าย)    และ      ท่าตาชั่ง (ขวา)

        ผมขอตัดบางตอนมานำเสนอไว้สั้น ๆ ดังนี้

        “ป้าบุญมี เครือรัตน์ นับเป็นผู้หนึ่งที่ปฏิวัติวิธีการออกกำลังกายของผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังจากกระดูกเสื่อม  คุณป้ามีประวัติที่น่าสนใจมากท่านเป็นหนึ่งในผู้ป่วยที่มีปวดหลังเรื้อรังมานานหลายสิบปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเพชรบุรี คุณป้ามีความทุกข์ทรมาณมากจากการปวดหลังโดยต้องรับประทานยาเป็นประจำจนเกิดปัญหาข้างเคียงจากยาแก้ปวด มีความท้อแท้มากจนไม่อยากทำงาน ไม่อยากออกจากบ้าน จนมาวันหนึ่งท่านเห็นเศษท่อนไม้ที่ถูกทิ้งไว้กองสุมกันอยูู่่ท่านลองเอาไม้มาแกว่งไปมา ลองดัดกับลำตัว ปรากฎว่าวันต่อมาอาการปวดหลังของท่านดีขึ้น ป้าบุญมีจึงลองทำการออกกำลังกายด้วยไม้ต่อเป็นประจำ จนคิดท่าต่างๆได้ถึง 12 ท่า เป็นท่ารำไม้พลองของป้าบุญมี

ผลจากการออกกำลังกายนี้  ทำให้ป้าบุญมีสามารถหยุดยาแก้ปวดหลังได้ทั้งหมดอย่างไม่น่าเชื่อ มีชีวิตกลับมาปกติ ออกไปทำงานนอกบ้านไปอยู่ในสังคมภายนอกได้ ไม่ต้องเสี่ยงต่อปัญหาข้างเคียงของยาแก้ปวด ไม่ต้องถูกผ่าตัด ข่าวการรักษาตัวเองด้วยไม้พลองของป้าบุญมี ได้แพร่หลายขึ้นไปสู่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการวิจัยและพัฒนาจนพิสูจน์ได้แล้วว่าการออกกำลังกายวิธีนี้มีประโยชน์จริงต่อผู้ป่วยปวดหลังในผู้สูงอายุ จนต้องจดลิขสิทธิ์เป็นของไทย เนื่องจากมีต่างประเทศพยายามมาลอกเลียนและจดลิขสิทธ์ว่าเป็นของต่างประเทศ
        ผมในฐานะแพทย์ผ่าตัดทางกระดูกสันหลัง  ขอยืนยันว่าการออกกำลังกายวิธีนี้มีประสิทธิภาพดีมากเพื่อแก้อาการปวดหลังในผู้สูงอายุ   มีผู้ป่วยหลายรายหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้จริงๆครับ  ขอยืนยัน

การบริหารร่างกายโดยการรำไม้พลองของป้าบุญมี เป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อลำตัว หลังและต้นขา เป็นส่วนใหญ่ ช่วยป้องกันและลดอาการปวดหลัง ส่งเสริมคุณภาพชีวิต การบริหารร่างกายอย่างต่อเนื่องประมาณ 20-30 นาที ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานประมาณ 90-120 แคลอรี่ ขึ้นกับความแรงหรือความเร็วที่ทำ ความแรงอยู่ในระดับเบา จึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ควรทำทุกวันหรือเกือบทุกวันเวลาเช้าหรือเย็นแล้วแต่สะดวก
        ไม้ที่ใช้ในการบริหารร่างกายมีความยาวเท่ากับช่วงข้อมือของแต่ละคนในขณะกางแขนออกหรือประมาณ 125-130 ซ.ม. ไม้พลองควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ไม่ควรเกิน 1.5 นิ้ว เพราะจะกำยากและไม่ถนัดในการบริหาร วัสดุทำไม้พลองจะใช้ไม้ไผ่ ไม้หนาด ไม้พลอง ท่อพีวีซี หรือไม้ถูพื้นก็ได้ ควรมีน้ำหนักที่พอเหมาะกับกำลังแขนแต่ละคน การบริหารร่างกายมี 12 ท่า ป้าบุญมีทำท่าละ 99 ครั้ง!! โดยนับในใจไปด้วย ทำให้จิตมีสมาธิ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึก อาจเริ่มทำแต่ละท่าจำนวนน้อยครั้ง และเคลื่อนไหวช้าๆ ก่อน เมื่อเกิดความชำนาญจึงเพิ่มจำนวนครั้งและความเร็ว หากเหนื่อยอาจหยุดพักระหว่างท่าประมาณครึ่งถึงหนึ่งนาทีแล้วทำต่อ จะช่วยให้ปอด หัวใจ กล้ามเนื้อต่างๆดีขึ้นตามลำดับครับ”

 อ่านเพิ่มเติมพร้อมชม VDO clip ได้ที่นี่ ครับ



Main: 0.14220690727234 sec
Sidebar: 0.06110405921936 sec