ปลาบปลื้ม

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 17 กรกฏาคม 2011 เวลา 8:23 (เย็น) ในหมวดหมู่ เพื่อน #
อ่าน: 1368

ได้ส่งหนังสือให้เพื่อนรักคนหนึ่ง อ่าน   คือเรื่อง  “สิบวันเปลี่ยนชีวิต”  และ  “สุนทรียสนทนาในครอบครัว”  เพราะเมื่อแม่ใหญ่ ได้อ่านแล้ว ก็เกิดคิดถึงครอบครัวของเพื่อนขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะส่งหนังสือไปให้อ่าน

ครอบครัวของเพื่อนเป็นครอบครัวเล็กๆมีพ่อแม่และลูกสาว 1 ลูกชาย 1    มองดูเหมือนเป็นครอบครัวที่มีความสุข เพราะทั้งสี่คนมีนิสัยดีและน่ารัก   รักใคร่กลมเกลียวและเอื้ออาทรกันดี  จนถึงเกือบดีมาก  ด้วยความรักและหวังดีอย่างล้นเหลือนี่เอง  จึงเกิดการเข้าไปแทรกแซง พื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนอยู่บ่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว  และ ทำให้ทุกคนอยู่ในภาวะที่น้ำท่วมปาก พูดไม่ออก  ด้วยอาจจะเกรงใจซึ่งกันและกัน     โดยมีม่านของความรักมาเป็นตัวบดบัง 

แม่ใหญ่สนิทสนมกับทุกคน  มาตั้งแต่ลูกทั้งสองของเพื่อนยังเล็กๆ      จึงกลายเป็นที่ปรึกษากลายๆ ของแม่บ้าง  ลูกบ้าง   โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้   ปัญหาที่เกิดขึ้น  ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ แต่เกิดขึ้นเพราะความ “ไม่เข้าใจ” ใน “ตัวตน” และ “มุมมอง” ของแต่ละคน   แต่มันก็เรื้อรังจนบางครั้ง  คนกลางที่รับฟังมีความรู้สึกขึ้นมาว่า  เขาต่างมีความทุกข์จากการไม่เข้าใจกัน  และไม่ฟังกัน 

หนังสือทั้งสองเล่ม เป็นประสบการณ์ของคนเขียนที่มีนามปากกาว่า “เรือรบ”  เขาได้เขียนถึงการที่เขาไปมีประสบการณ์เกี่ยวกับ  วงสนทนาที่เรียกว่า dialogue หรือสุนทรียสนทนา  และได้นำกลับมาใช้กับพี่ๆน้องๆของตนเอง  ที่เคยรักกันมากมาตั้งแต่เด็ก  แต่เมือเริ่มเติบโตขึ้น ไปมีวิถีชีวิตในแบบของตนเอง ต่างก็ไปมีกรอบชีวิตในแบบของตน  จนรู้สึกว่า สิ่งดีดีที่เคยมีในอดีตระหว่างพี่น้องมันถูกลบเลือนไป  เมื่อพี่ชายใหญ่…  เรือรบ …ได้นำเอาการสนทนา แบบมีคุณค่านี้กลับมาใช้กับน้องๆ เพียง อาทิตย์ละครั้ง โดย ใช้วิธี “ฟังกันอย่างลึกซึ้งตั้งใจ โดย แขวนคำพิพากษา ไม่ด่วนตัดสินหรือขัดแย้งในขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังพูด”  ก่อให้เกิด ปาฏิหารย์ ในวงสนทนา  ม่านที่บดบังความรักความเข้าใจเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ได้ถูกตัดขาดลงได้ในเวลาไม่ถึงปี

ผู้เขียน บรรยายได้ชัดเจน  อ่านง่ายและชวนให้ติดตาม   แม่ใหญ่อ่านแล้วคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวของเพื่อนรักแน่ๆ จึงตัดสินใจส่งไปให้เพื่อนอ่าน  แล้วให้เขาคิดเอาเองว่ามันจะมีประโยชน์ หรือไม่

เมื่อสักครู่นี้เอง  เพื่อนโทรกลับมาหา  บอกว่าขอบใจมากที่ส่งหนังสือนี้มาให้  เธอคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์มาก  และคิดว่าจะนำไปใช้กับครอบครัวของตัวเองได้แน่ๆ

แม้ยังไม่ได้เห็นผลที่เกิดขึ้น  แต่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว  แม่ใหญ่ปลาบปลื้มจนอดมาเขียนลงในลานไม่ได้   ความสุขจากการให้ เกิดผลในทันที  โดยไม่ต้องรอ

 

 


ตกลาน

6 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 13 กรกฏาคม 2011 เวลา 9:31 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก, ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 1718

ไม่ได้เขียนเสียนาน  จนตกลานไปเลย  มัวแต่ไปประคบประหงมต้นกล้าร่วมกับเด็กๆที่ช่วยกันเพาะ  แต่เนื่องจากสถานที่ไม่ค่อยอำนวยเพราะเด็กๆแยกกันเพาะตามข้างๆห้องเรียนบาง กลางสนามบ้าง   ตอนกลางคืน  ฝนและพายุมา ลมแรง  พัดเอาต้นกล้าปลิวออกจากถาดไปก็หลายหลุม  เช้าๆต้องมาซ่อมกัน    ก็เป็นเรื่องโกลาหล   และช่วยกันแก้ปัญหาไปแต่ละห้องไป   เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ และคราวนี้ ต้องเตรียมสถานที่เพาะให้เหมาะกว่านี้   แต่ผลที่ได้ก็ไม่เลวร้ายนัก ตามรูปที่ถ่ายเอามาอวดกัน  ตั้งใจว่าหยุด 4 วันนี้ คงเอาถาดไปไว้ในนาเสียที  รอโยนในช่วงเปิดเรียนหลังวันหยุดยาวเข้าพรรษา  เด็กๆตื่นเต้นที่เห็นต้นกล้าอ่อนๆงอกออกมาจากเมล็ดอย่างรวดเร็ว  แค่สามวันก็เห็นต้นสีเขียวอ่อนกันแล้ว

ส่วนที่นาก็ได้มีการเตรียมหว่านกล้าเพื่อใช้ดำกันในวันที่ 30 แล้ว งานนี้ใช้ชาวนาตัวจริง ลุงพงษ์ กับลุงไหม  เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่า คงได้ผลดีกว่าที่พวกเราทำกันเอง แบบงูๆปลาๆ 

ส่วนการเตรียมการเรื่องนาหยอดหล่นนั้น  ยังไม่ได้ดำเนินการ   คาดว่าจะเริ่มทำลูกกระสุนกล้าสักสามสี่วันก่อนหยอด

ทำนาครั้งแรกในชีวิต  ตื่นเต้นไปพร้อมกับเด็กๆเลย  อุปสรรคก็มีไม่น้อย  นกมาจิกต้นกล้าบ้าง  หนูมาคุ้ยกระบะบ้าง   ยกแผงกล้าหนีลมฝนบ้าง    เข้าใจความลำบากของชาวนา อย่างซาบซึ้งก็คราวนี้  นี่ยังอีกหลายขั้นตอนเชียว กว่าจะถึง ขั้นตอนที่ออกมาเป็นเมล็ดให้ได้ทานกัน


ลองอีกครั้ง

5 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 2 กรกฏาคม 2011 เวลา 11:31 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1276

เขียนขอความช่วยเหลือคุณ Logos ไปแล้ว  แต่แรงฮึดที่จะแก้ไขยังพอมีอยู่ เลยเข้าไปหลังโรงไปคลิกๆคลำๆต่อ  จึงขอลองเขียนอีกครั้ง ถ้าคราวนี้มีทั้งเนื้อหา และหัวข้อก็แปลว่า แก้ไขสำเร็จแล้ว


งงกับลานปัญญา

4 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 2 กรกฏาคม 2011 เวลา 10:42 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1172

เขียนบล๊อกมาเกือบหกสิบบล๊อกแล้ว แต่ วันนี้  งงเล็กน้อย  เพราะพยายามจะเอา forward  mail ของเพื่อนที่ส่งมาให้  เป็น ตัวอักษร word ธรรมดา    แต่ปรากฎว่า เมื่อ copy มา paste  เมื่อเปิดดูเจอแต่หัวเรื่อง   น่าจะต้องมีอะไรผิดปกติ  ไปเปิดดูก็ยังเห็นใครๆเขาส่งบล็อคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  เอ หรือว่าเราจะใช้เนื้อที่ส่วนตัวในหน้านี้หมดแล้ว  เป็นงงจริงๆ   เดี๋ยวจะลองดูอีกครั้ง

โรง พยาบาลธรรมชาติ 1.        ไขมันใน เลือดสูง  แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพัง ก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ  ๑๐ กลีบกับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว 
2.        ปวดหัว  ให้หาผักคะน้าหรือ ปวยเล้ง (แมกนีเซียมกินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบ ได้หรือจะชง โกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ 
3.        เป็นหวัด ไอ จามบ่อย  ให้หมั่นแปรงลิ้นและกิน กระเทียม  หอม พริกให้มากเข้าไว้ 
4.        ภูมิแพ้  แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้นกับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี) 
5.        แพ้ฝุ่น ละออง  ไรฝุ่น   หาโยเกิร์ตแบบรส ธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน 
6.        โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง  กินต้มยำไก่กินหัวหอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน 
7.        ไขข้อ อักเสบ   หาปลา เนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทูปลาสวายปลาแซลม่อนปลาซาร ์ดีนปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลา กระป๋อง 
8.        กระเพาะ ปัสสาวะอักเสบบ่อย  ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน (เปรี้ยวจัดมาก) 
9.        ท้องอืด แก๊สมาก ให้ กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ 
10.        ท้องผูก  ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น 
11.        โรคกระเพาะ อาหาร  หากล้วย หักมุกปิ้งกินกินกล้วยหรือกินผักกระ หล่ำปลีให้มาก 
12.        เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย  ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิงน้ำขิงชาขิงหรือเต้าฮวย 
13.        วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน  ให้กินปลาทูน่าให้มาก และกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้ 
14.        หงุดหงิด ง่าย ให้ กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทูน่า 
15.        กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมมากมะม่วงจิ้มกะปิ และ สับปะรด ซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก(แมงกานีส) 
16.        ความจำไม่ ดี ให้ กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้ 
17.        มะเร็งเต้า นม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด 
18.        มะเร็งปอด ทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส  ฝรั่ง  ส้ม  มะนาว  มะขามป้อม มะละกอ  มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่ 
19.        ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย 
20.        เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ  กินปลาทะเล  น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้ มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก ถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย 
21.        ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น 
22.                   เบา หวานถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาล และ กินผักเขียวจัดอย่างคะน้า บร็อคโคลี  ผักโขมให้มาก  ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่งเพราะ มีน้ำตาลอยู่น้อยมาก 


ได้เจอคนใจดี (อีกแล้ว)

4 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 1 กรกฏาคม 2011 เวลา 5:14 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1544

วันนี้ไปรับเมล็ดพันธุ์ข้าวชนิดดีที่คัดแล้ว  จากศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น  โดยอาจารย์ พิศาล  กองหาโคตร  นักวิชาการเกษตร ชำนาญพิเศษ   ได้เตรียมเอาไว้ให้ 3 กิโลกรัม  จริงๆตั้งใจจะไปซื้อ แต่อาจารย์ไม่ยอมรับเงิน  บอกพันธุ์นี้ ไม่ใช่ของหลวง ไม่ขาย    เป็นข้าวหอมชนิดดี  ของอาจารย์เอง  และมอบให้แม่ใหญ่เอาไปทดลองที่โรงเรียน พร้อมทั้งสอนวิธีการเตรียมปลูกกล้าลงกระบะพลาสติคมาด้วย

อาจารย์พิศาล บอกว่า ข้าวชนิดนี้ คัดแล้ว ไม่ต้องแช่น้ำ แล้วนำไปห่อค้างคืนอีก  แบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน  สามารถเอาเมล็ดแห้งๆนี้  ไปโรยใส่ถาดปลูกได้เลย  โรยเสร็จ  เอาดินกลบ  ฉีดน้ำฝอยๆให้ชุ่ม   แล้วก็เอาผ้าหรือกระสอบคลุม      สามวันพอเห็นต้นงอกออกมาจากเมล็ดแล้ว ก็เอาที่คลุมออก รดน้ำฝอยๆเช้าเย็น (ห้ามใช้สายยางฉีด เดี๋ยวเมล็ดข้าวกระเด็นออกหมด)  เพียงสิบห้าวัน   ต้นข้าวก็จะโตพร้อมที่จะนำเอาไปโยนได้เลย  ดังนั้นช่วงกลางเดือน   เด็กๆคงได้ไปโยนกล้ากันแน่ๆ

แม่ใหญ่ก็เลยกลับมาวางแผนกับคณะครู ว่า วันจันทร์ ที่ 4 นี้  แม่ใหญ่จะแบ่งถาดพลาสติค เตรียมใส่ดินก้นหลุมมาให้  แล้วแจกถาดไปให้แต่ละห้องสักห้องละ 3 ถาด  แล้วให้เด็ก ช่วยกันเอาเมล็ดข้าวมาโรยใส่หลุม หลุมละ 3 เมล็ด  ใช้เวลาไม่นาน  ก็คงโรยข้าวได้ครบทั้งสามถาด  เด็กโตก็จะให้ตักดินกลบเมล็ดข้าวเอง   แต่เด็กสามขวบ  อาจต้องให้ครูช่วยทำต่อจนเสร็จ  แล้วก็ให้ติดชื่อแต่ละห้องไว้ที่ก้นถาด  ให้รับผิดชอบรดน้ำดูแลถาดใครถาดมัน  ตลอดทั้ง 15 วันต่อจากวันที่ปลูกเป็นต้นไป 

โรงเรียนเราทั้งสองโรง   มี นักเรียน 21 ห้อง    ก็จะได้กล้า 63 ถาด   ซึ่งเมื่อต้นข้าวงอกเต็มที่แล้ว  ก็เอาไปโยนได้ 1 ไร่พอดี 

เมล็ดพันธ์ที่เหลือ ส่วนหนึ่ง  จะแบ่งเอาไปให้ลุงโก้ (ช่างไม้) รับผิดชอบ เพราะมอบให้แกอ่านกรรมวิธีเรื่องเจาะรูกระดาน แล้วเอาเมล็ดข้าวคลุกกับดินหยอดลงรูบนไม้กระดาน   แล้วก็นำไปหล่นลงในนา แบบที่อาจารย์ทวิชแนะนำ  ไว้ในเรื่องการทำนาแบบหยอดหล่นแล้ว  แกว่าแกเข้าใจ  แม่ใหญ่จะลงไปร่วมหยอดหล่นกับแกด้วย  เพราะคิดว่า  ไม่น่าจะทำยากสักเท่าไหร่   ส่วนนี้ กะว่าจะทำสักครึ่งไร่ 

ส่วนสุดท้าย อีกครึ่งไร่  จะเอาไปให้คนงาน  เตรียมปลูกกล้าในกระบะ   แต่จะทำทีหลังเพื่อให้กล้าโตทัน  วันที่จะเชิญชวน คณะครูและพนักงาน ที่สมัครใจ     รวมทั้งญาติๆที่จะมาจากกรุงเทพ เพื่อทำบุญครบรอบวันตาย คุณยายจ๋า  วันที่ 30 กรกฎาคม ก็จะได้มาร่วม “ลงแขก” กัน  ในช่วงบ่ายหลังจากทำบุญแล้ว

เฉพาะพันธุ์ข้าวพระราชทานที่ป้าจุ๋มส่งมาให้  แม่ใหญ่จะลงมือปลูกกล้าเอง  เพราะมีอยู่แค่ห้าซอง  ไม่กี่เมล็ด  ลองดูสิว่าจะปลูกสู้พวกเด็กๆ ได้หรือเปล่า  และเมื่อกล้าขึ้นดีแล้ว จะเตรียมแปลง เอาไว้ต่างหากตรง หัวนา   และก็จะ(พยายาม)  ดำเองให้ได้ครบทุกต้น  (พูดแบบนี้ ลูกๆมาอ่าน โดนโห่แน่ๆ) สำเร็จหรือไม่ค่อยว่ากัน ของอย่างนี้ ไม่ลอง ก็ไม่รู้

ก็ขอส่งข่าวมายัง ออต  ป้าจุ๋ม  คุณบางทราย  ป้าหวาน  และท่านอื่นๆ ที่ว่างๆ และนึกสนุก  จะมาร่วมดำนาด้วยกัน  หรือถ้า อาจารย์ทวิชนึกสนุกจะมาหยอดหล่น   ก็จะเลื่อนนาหยอดหล่นไปไว้ในวันเดียวกันกับนาดำ    กำหนดการนี้ คงจะไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว   เชิญทุกๆคนไว้เลยนะคะ

 



Main: 0.055911064147949 sec
Sidebar: 0.064116954803467 sec