อินกับหัวอกชาวนา
อ่าน: 1782ช่วงนี้คนรอบข้างแอบนินทาแม่ใหญ่ว่า แกไม่พูดเรื่องอื่น นอกจากเรื่องทำนา ใครจะนินทา ก็ชั่งเขาเถอะ เรากำลังได้เรียนรู้จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่วิธีการปลูกข้าวต่างๆที่ทำการศึกษามาโดยลำดับเท่านั้น แต่ตอนนี้กำลังเรียนรู้ความรู้สึกของชาวนาจริงๆ ไม่ได้มาทำแล้วไม่รู้หรอก เหมือนคนไม่เคยกินน้ำตาล ไม่เคยกินมะดัน ใครบอกว่ามันหวาน มันเปรี้ยว ก็คงนึกไม่ออก
ตั้งแต่เริ่ม ปลูกต้นกล้า ในกระบะพลาสติค เฝ้า รอดูมันงอกวันละเล็กละน้อย จนครบสิบห้าวัน จนถึงวันที่พานักเรียนไปโยนเรียบร้อยไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รู้สึกโล่งไปหนึ่งเปลาะ แต่ก็ยังติดตามไปดูทุกเย็น จนเห็นว่า กล้าที่โยนไป เริ่มตั้งตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่พบว่า พื้นนาที่เราให้เขาเอารถแทร๊กเตอร์มาไถและคราดนั้น ยังทำพื้นไม่ได้ระดับ เมื่อฝนตกมาคืนก่อนวันโยนกล้า จึงเกิดเป็นแอ่งตื้นๆ ไม่เป็นเทือกเรียบๆอย่างที่เราต้องการ ทำให้ต้นกล้าโผล่ขึ้นมาไม่เสมอกัน ( เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันในการทำนาคราวหน้า)
แต่เมื่อคืนนี้ ฝนตกหนักจริงๆ ตื่นกลางดึก พอรู้ว่าฝนตก ใจมันแว๊บไปที่นาทันที ข้าวเพิ่งตั้งตัว ฝนตกขนาดนี้ กล้าจะลอยไหมหนอ หรือว่ามันจะจมน้ำไปเลย ขณะที่เขียนนี้ ยังเช้าอยู่จึงยังไม่ได้ไปดู ประเดี๋ยวคงต้องออกไป แต่ได้รับความรู้สึกของชาวนาขึ้นมาเต็มๆว่า ”ฝนตกน้อยก็กลัวข้าวไม่ขึ้น พอฝนตกมาก ก็กลัวน้ำท่วมข้าว” เขาคงต้องมีความรู้สึกแบบนี้มาทุกครั้ง ทุกปี ที่เขาลงมือปลูกข้าว เพราะขั้นตอนแทบทุกอย่างของเขา ต้องขึ้นกับดินฟ้าอากาศเท่านั้น น่าเห็นใจจริงๆ