ทำเรื่องเล็กๆ ให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 2
อ่าน: 3513บันทึกนี้เล่าต่อเนื่องจากบันทึกที่แล้วนะคะ
ว่าด้วยเรื่องอยากจะทำเรื่องเล็กๆ ให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่
เมื่อคิดจะร่วมกันทำให้เกิดการพัฒนาให้ต่อเนื่อง
จึงเป็นเรื่องให้ครูต้องเรียนรู้ ทั้งกับเพื่อนครู และพร้อมกับเด็ก
เวลาผ่านไปเกือบใกล้ปิดภาคเรียน
จึงชวนเซียนมือใหม่ทั้งหลายให้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทั้งขอให้ครูสรุปข้อค้นพบที่ได้รับจากประสบการณ์ส่วนตน
และจัดกลุ่มครูที่ปรึกษาโครงงานให้ผสมผสานกันต่างระดับชั้นได้เป็นกลุ่มเล็กๆ ห้าหกกลุ่ม
มอบหมายให้สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
ทั้งนัดวันให้นำเรื่องราวจากการสนทนามาแบ่งปันแก่กัน ตามประเด็นที่กำหนด
ประกอบการยกตัวอย่าง ด้วยภาพ และสื่ออื่นๆ
เกิดบรรยากาศการนำเสนอที่มีสีสัน ด้วยแต่ละกลุ่มเตรียมการมาอย่างตั้งใจ
เมื่อไม่ได้เครียดเคร่งกับความถูก ผิด ความคิดและถ้อยคำก็พรั่งพรู
ได้รับฟังเรื่องเล่าหลากรสประกอบสื่อไอที ที่แทรกด้วยเสียงฮาครืนเป็นระยะ
ครูต่างรู้จักเด็ก และ มีประสบการณ์ร่วม จนนึกภาพตามได้ชัดเจน
จากจุดเริ่มด้วยอาการมึนงง แปรเปลี่ยนเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าแก่กัน
ครูทำอย่างไรให้เด็กสนใจคิดและเลือกประเด็นในการเรียนรู้
บ้างชวนเด็กไปเดินดูสิ่งต่างๆ รอบโรงเรียน พลางตั้งคำถามยั่วยุให้สนใจ ใคร่รู้
บ้างให้คิดคำถามอยากรู้มาคนละ 20 คำถาม ก่อนนำมาคัดเลือกในกลุ่ม
บ้างอธิบายความหมายของโครงงาน และนำเสนอตัวอย่างการเรียนของรุ่นพี่
บ้างเริ่มต้นจากปัญหา และประสบการณ์ที่เด็กพบเจอ
บ้างเริ่มต้นจากการส่งเด็กไปค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
บ้างยังชี้นำด้วยความคิดของครู ให้อยู่ในความมั่นใจว่าจะไม่เกินกำลังเด็ก ฯลฯ
นับจากเลือกประเด็นการเรียนรู้ ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ครูต้องเผชิญ
ตั้งแต่เจ้าตัวแสบไม่มาทำงาน แต่วิ่งเตะฟุตบอลกันพล่านอยู่กลางสนาม
เตรียมอุปกรณ์ไม่ครบ หงุดหงิด งอน ก็เพื่อนมันไม่ช่วยงาน
ไม่คิดแต่จะรอถามครู คิดไม่ได้หลากหลาย คิดไม่เป็นเหตุเป็นผล ไม่ค้นคว้าข้อมูล
ชินกับการทำงานเพียงเพื่อให้เสร็จๆ บ้างก็ท้อถอยเมื่อเจอปัญหา
บ้างหยิบโหย่งทำงานไม่เป็น บ้างเปลี่ยนประเด็นศึกษาอยู่ไม่รู้แล้ว
บ้างสนุกกับการทำงาน แต่ไม่ระวังเรื่องความปลอดภัย ฯลฯ
หลากหลายเรื่องราวที่ครูนำเสนอบอกถึงความสนใจในการพัฒนาความสามารถ
การยอมรับตนเองของครู ทั้งมีข้อค้นพบร่วมกัน
ได้เรียนรู้และเข้าใจวิธีการสอนแบบโครงงานมากขึ้น
ได้รู้ว่าการเรียนรู้จากโครงงานต้อง ต้องยอมแลกกับเวลา
ได้รู้ว่าต้องค้นคว้าข้อมูลที่นักเรียนทำโครงงานมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะได้ให้คำแนะนำแก่เด็กได้
ต้องฝึกฝนการตั้งคำถามที่ก่อให้เกิดกระบวนการคิดให้เด็กตอบ
ทุกขั้นตอนครูควรบันทึก สิ่งที่สังเกต รายละเอียดในการเรียนรู้ ความสำเร็จ ปัญหาของเด็ก
ได้ค้นพบรูปแบบวิธีสอนที่เหมาะสมกับความหลากหลาย
ได้ค้นพบ เทคนิควิธีในการดูแลเด็ก
ได้เรียนรู้วิธีการจัดการเวลาในการทำงานของเด็กแต่ละกลุ่ม
ได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้เรียน ได้มีความใกล้ชิดกันมาก
ได้รู้จัก เข้าใจ ธรรมชาติในการเรียนรู้ของเด็ก
เด็กมีความสามารถ มีความถนัดที่ต่างกัน
ทุกคนมีความสุขกับการได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ
ถ้าสิ่งที่เด็กทำแล้วเห็นผล เด็กจะมีเจตคติที่ดีขึ้นต่องานที่ทำ
ได้เห็นรอยยิ้ม ความสนุกสนานของผู้เรียน อิสระเสรีในการเรียนรู้โดยไม่ต้องอยู่ในกรอบ
สิ่งที่เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นคว้าด้วยตนเอง จะทำให้เด็กจดจำได้ดีกว่าครูอธิบาย
ได้ค้นพบว่านักเรียนที่เรียนไม่เก่งแต่สามารถเรียนรู้นอกห้องเรียน
โดยการลงมือปฏิบัติจริงและทำได้ดีกว่าเด็กที่เรียนเก่ง
ได้เห็นความก้าวหน้าของเด็ก
ทั้งประสบการณ์ในการทำงาน การแก้ปัญหา ศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง
เห็นความอดทน ความรับผิดชอบ ความสามัคคี การยอมรับฟังกันและกัน
เห็นความสามารถในการเลือกศึกษาในสิ่งที่ตนเองชอบและเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยตนเอง
ทั้งกล้าที่จะลงมือทำ กล้าที่จะสร้างสรรค์
ได้ค้นหาความถนัดและความชอบของตนเอง
นั่งฟัง นั่งคิด นั่งมอง ผองเพื่อนผู้ร่วมงาน
ได้เห็นบรรยากาศของการแบ่งปันประสบการณ์ที่กระตือรือร้นปนเฮฮา
ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งแย่งจองคิวในการนำเสนอ
หรือการหยอกล้อเมื่อเจอประเด็นเด็ด
ได้เห็นการถามอย่างสร้างสรรค์ ที่นำสู่ประเด็นของการเรียนรู้ที่ชัดเจนขึ้น
เป็นการถามที่ไม่ทำให้ผู้ถูกถามรู้สึกต่ำต้อย หรือ จนมุม
เห็นการชื่นชม การเติมความรู้ ให้กันและกัน
เห็นการมองปัญหา ด้วยทัศนะเชิงบวก
ได้เห็นถึงความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นจากการลงมือปฏิบัติของครู
จนเกิด ”วรรคทอง”ของความเข้าใจ ที่บอกผองเพื่อน
ครูอย่าพูดมาก อย่าคิดแทนเด็ก อดทนรอคอยให้เด็กคิดเอง
ถ้าอยากให้เด็กฉลาด ครูต้องทำตัวโง่
ครูไม่ได้รู้ทั้งหมด แต่ว่ามีประสบการณ์มากกว่า
ต้องมองให้ออกว่าเด็กที่อยู่กับเรามีจุดเด่นอย่างไร
เด็กที่ไม่เอาอะไรเลย ต้องช่วยให้หาให้เจอ ถ้าเขาเจอเขาจะภาคภูมิใจ
บางทีเด็กท้อ ครูต้องมองให้ออกและให้กำลังใจ ต้องเติมที่ตัวเองและเติมที่ตัวเด็ก
ต้องพยายามให้เด็กแก้ปัญหาจนถึงที่สุดก่อน
ให้เด็กลองทำอย่างที่คิด และได้เรียนรู้จากประสบการณ์
เราต้องสอนให้เด็กอยู่กับคนที่ไม่พึงพอใจ อยู่กับเพื่อนที่ไม่ช่วยงานได้
ปัจจุบันรู้จักใช้แค่ไม้ไอติม อีกสิบปีข้างหน้า อาจรู้จักใช้สิ่งอื่นให้เป็นประโยชน์ก็ได้นะ
เรื่องเล่าจากประสบการณ์ทำให้เห็นมุมมองที่เป็นจริงของผู้ปฏิบัติ
เห็นวิธีแก้ปัญหาและการพัฒนาต่อยอดของครู
เด็กเพาะเห็ดไม่สำเร็จ ก็พากันไปแสวงหาที่เรียนในชุมชน
แม้ต้องหอบหิ้วกระเตงเด็กกลุ่มโครงงานอื่นที่รับผิดชอบไปด้วยเพราะไม่มีคนดูแล
เห็นการสอนเด็กให้แลกเปลี่ยนแบ่งปันซึ่งกันและกัน
เห็นความช่วยเหลือร่วมมือจากทุกฝ่ายที่ได้ช่วยกันแก้ปัญหา
พ่อช่วยขนดินเหนียวที่ลูกไปขุดจากข้างบ้านมาโรงเรียนวันละถุง
สะสมไว้จนพอทดลองทำงานที่ต้องการ
ลุงสล่าช่วยสอนวิธีคิดเรื่องบล็อกทำอิฐ
ลุงภารโรงช่วยสอนสับใบไม้ด้วยเครื่อง
ของไม่ครบวิ่งไปหากาละมังจากป้าแม่ครัว
ขอแอลกอฮอล์ จากห้องพยาบาล อ้อนขอกาวจาก ห้องธุรการ
บางปัญหาก็แก้ได้ด้วยประกายความคิดจากครูที่บังเอิญเดินผ่าน
และงานของเด็ก ยังทำให้ครูชายสองสามคนแข่งกันทดลองเลี้ยงกบด้วยอาหารต่างชนิด
ทั้งการได้รับฟัง ยังช่วยให้ได้มองเห็นสิ่งที่ต้องเตรียมการเพื่อสนับสนุนการทำงานให้เกิดผล
งานพัฒนาการศึกษา แม้ดูเหมือนว่า เป็นงานที่ไม่มีวันเสร็จสิ้นในเร็ววัน
แต่เมื่อชวนกันยินดีกับสิ่งที่ทำได้ มีความสุขกับการทำงานเล็กๆ ใกล้ตัว
ชวนกันมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
และค่อยๆ ลงมือทำ เก็บเกี่ยวความรู้จากประสบการณ์
แลกเปลี่ยนแบ่งปัน จากหนึ่ง เป็นสอง เป็นสาม.. ต่อเนื่องไป……
สิ่งเล็กๆ จากคนเล็กๆ เช่นเรา อาจรวมกันเป็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ ใครจะรู้..
อืมมม..คงไม่ใช่ความหวังที่ใหญ่โตเกินไปหรอกนะ..
« « Prev : ทำเรื่องเล็กๆ ให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่..
Next : ก็ยังดี..ที่ไม่เสีย “สาว” » »
10 ความคิดเห็น
ครูอย่าพูดมาก ฟังเสียงเด็กๆบ้าง ฮ่าๆๆๆ อิ
เรื่องที่ทำกับเด็ก เป็นเรื่องเล็กๆที่กลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอ….
เพราะเด็กจะกลายเป็นผู้ใหญ่ แล้วเขาหรือเธอเหล่านั้นก็จะมีการขยายเครือข่ายออกไป
เติบโต แตกยอดตัวเองสู่สังคม สิ่งที่ทำวันนี้จึงเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด…
ดีใจที่เด็กๆมีโอกาสเช่นนี้ หวังว่าอีกหลายๆแห่งคงกำลังทำเช่นกัน……..
นึกถึง…แบบฝ้นไป..เด็กเหล่านี้จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่…
รู้จักคิด รู้จักรอ รู้จักเมตตา เท่านี้ก็มากเกินพอเพียงแล้วเน้อะ… ขอบคุณคุณครูค่ะ
อ่านแค่สองตอนอยากเก็บหนังสือที่พิมพ์ไว้คืนกลับมาให้หมด อายๆๆๆๆๆๆ แต่ทำไงได้ แจกๆๆๆ (ขายมั่ง) ไปเยอะแล้ว อิอิ
เค้าเขียนดีจริงๆ อะแอ้ม…อะแอ้ม…
น่ารวมเล่มนะคะ….
แอบตั้งชื่อให้ว่า “เรื่องเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่” ค่ะ
ทั้ง 2 บันทึกอ่านหลายรอบมากค่ะ เพราะน่ารักๆๆ (ส่งให้คนอื่นอ่านด้วย)
นึกถึงสิ่งที่เคยพูดกับผู้ปกครองและครูว่า”จุดสูงสุดของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน” หน้าที่ของเราคือทำให้้เขาพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพที่มี ซึ่งตัวเรเาองก็ได้พัฒนาด้วย…แหม คุณครูโรงเรียนนี้น่ากอดชะมัดเลยค่ะ อิอิอิ
เด็กๆน่ารักนะคะ พี่นิดจะเล่าเรื่องโรงเรียนครูอึ่งให้ลูกฟังเสมอ บอกแม่อยากให้ลูกได้ไปเรียน แกล้งชวนให้ไปเรียนโรงเรียนครูอึ่งด้วแหละค่ะ
คำตอบนี้ทำเอาครู มึนไปเหมือนกันค่ะ
ตามมาอ่านแล้วทั้ง 2 ตอน…ขอบอกว่าชื่นใจค่ะ…(เห็นด้วยว่า”เขาเขียนดีจริงๆ”…ลอกการบ้านท่านจอมป่วนมาค่ะ)
เห็นด้วยว่าบรรยากาศสำคัญจริิงๆค่ะ กิจกรรมแบบนี้คงทำลำบากถ้าครูไม่สร้างบรรยากาศการเรียนที่ผ่อนคลาย ให้เด็กกล้าลองคิด ลองทำ ก็พยายามกันอยู่นะคะ ทำไปปรับไป เรียนรู้ด้วยกันไปนี่แหละค่ะ ว่างๆ มาเยี่ยมโรงเรียนอีกนะคะ
[...] ภาพจาก:http://lanpanya.com/dd190751/archives/368 [...]