ตั้งแต่เป็นสมภารมา เกือบจะไม่ได้เขียนบล็อกเลย ที่มีลงอยู่บ้างโดยมากก็เป็นเพียงบันทึกประชาสัมพันธ์เท่านั้น… บันทึกนี้จัดว่าเป็นกรณีพิเศษเพื่อฉลองครบรอบขวบปีที่สองและเฉลิมขึ้นขวบปีที่สามของลานปัญญา…
ผู้เขียนเริ่มต้นเป็นบล็อกเกอร์จากโกทูโน โดยเริ่มต้นจากศูนย์ จากไม่รู้จักใครก็ค่อยๆ รู้จักคนโน้นคนนี้ เริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกับใครบางคน เริ่มรักใคร่ มันใส้ หรือนินทาใครบางคนในโกทูโน ตามธรรมดาของคน อีกทั้งค่อยเขื่องหรือขาใหญ่ขึ้นตามความเห็นของใครบางคน นั่นคือ ความเป็นไปในโกทูโน…
ต่อมา เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบชัดในโกทูโน เป็นสาเหตุให้มีกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันมาจัดสร้างลานปัญญาเป็นเวบบล็อกของตนเอง และผู้เขียนก็ได้รับการชักชวนให้มาร่วมด้วยในเบื้องต้น กล่าวได้ว่า ผู้เขียนเป็นรุ่นแรกของลานปัญญาแต่มิใช่ผู้ก่อการจัดตั้งขึ้นมา แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้ทิ้งโกทูโน ยังคงเขียนและตอบอยู่ในโกทูโนเหมือนเดิม เพียงแต่ตอนหลังไม่ค่อยได้เขียนทั้งในโกทูโนและลานปัญญา…
เมื่อมีโอกาสคุยเรื่องลานปัญญาแยกตัวมาจากโกทูโน ผู้เขียนก็มีชุดอธิบายอยู่ชุดหนึ่ง โดยยกพุทธภาษิตว่า ” กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมจำแนกสัตว์ ” นั่นคือ กรรมซึ่งในที่นี้หมายถึงเจตนาความจงใจ จะเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้อยู่เป็นพวกเป็นกลุ่ม… พระเณรที่มาบวชอยู่ในวัด นักเรียนนักศึกษาทุกระดับในสถานศึกษา ทหารในค่าย หรือนักโทษในคุกก็ตาม ตอนแรกอาจไม่รู้จักใคร หรือมาคนเดียว แต่พออยู่ไปสักระยะหนึ่ง กรรมคือเจตนาความจงใจ จะทำให้เค้าจับกลุ่มหรือเข้ารวมกลุ่มในส่วนที่เข้ากันได้กับกรรมของตน…. บล็อกเกอร์ก็เช่นกัน ไม่อาจหลีกหนีพุทธภาษิตนี้ได้ได้… นี้นัยแรก
ขยายความเพิ่มอีกนิด เมื่อเป็นกลุ่มเล็กๆ กรรมหรือเจตนาความจงใจ จะชัดเจนในส่วนที่เข้ากันได้ ในส่วนที่เข้ากันไม่ได้จะไม่ปรากฏหรือไม่ชัดเจน แต่พอกลุ่มค่อยๆ ขยายขึ้น กรรมหรือเจตนาความจงใจในส่วนที่ไม่ปรากฎก็จะค่อยๆ ปรากฎออกมา ที่ไม่ชัดเจนก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา ดังนั้น การแตกตัวเพื่อรวมกลุ่มต่อไป ก็จะตามมาอีกครั้ง และอีกครั้ง… อธิบายทำนองนี้ ค่อนข้างยาก ทำให้นึกถึงสำนวนที่ว่า “พัฒนาจุดร่วม สงวนจุดต่าง” น่าจะเข้าใจง่ายกว่า นั่นคือ จะเกาะกลุ่มกันได้ก็ต้องรักษากรรมในส่วนที่เหมือนกัน และกีดกันกรรมในส่วนที่ต่างกันมิให้ปรากฏ…
นอกจากพุทธภาษิตแล้ว ยังมีสำนวนหนึ่งในเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ว่า “พอดังนิดดังหน่อย ชะทิงน่องน่อย แยกวง……” ที่ใช้ประกอบชุดคำอธิบายนี้ นั่นก็คือโลกแห่งศิลปินนักร้องและนักดนตรี พอเริ่มมีชื่อเสียง มีกำลัง มีความสามารถ ก็มักจะชอบแยกตัวออกไป ซึ่งผู้เขียนมีความเห็นว่า ไม่ว่าจะสังคมใด มักจะเป็นอย่างนี้ โดยที่สุด แม้สังคมเวบบล็อกในปัจจุบันก็ตาม…
นั่นคือ ชุดคำอธิบายที่มักจะนำไปอธิบายเรื่องทำนองนี้ อุปมาอุปไมยทดแทนกันได้ อาทิเรื่องในวัดก็เอาเรื่องเวบบล็อกมาเปรียบเทียบ หรือเรื่องบล็อกเกอร์ก็อาจนำเรื่องในวัดมาเปรียบเทียบ เช่น กลุ่มอุบาสกอุบาสิกาในวันพระ ตอนแรกยังมีน้อยก็สมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกันดี พอเริ่มมากก็เริ่มเกาะกลุ่ม แยกตัวกันออกมา และบางครั้งบางวัด พอไม่ชอบใจสมภารวัดก็อาจเกาะกลุ่มไปอยู่วัดอื่น นั่นคือ วัดก็เหมือนเวบบล็อก อุบาสกอุบาสิกาก็เหมือนบล็อกเกอร์ เป็นต้น
นอกจากใช้อธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว ว่างๆ ผู้เขียนก็ใช้ชุดคำอธิบายนี้เข้าไปกำหนดความเป็นจริงของสังคมนั้นๆ และเมื่อไม่กิ่วันมานี้ก็มีสำนวนในวงธุรกิจผุดขึ้นมาเพิ่มเติม นั่นคือ “โตแล้วแตก แตกแล้วโต” ซึ่งเค้าอธิบายว่า ในบริษัทหรือองค์กรนั้น มีบางคนมีความสามารถเยี่ยมวิสัยทัศน์สูง แต่ไม่อาจทำงานได้เต็มที่ เนื่องจากติดระบบอาวุโส เค้าจึงระดมทุนให้คนหนุ่มไฟแรงทำนองนี้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมา ให้เป็นผู้จัดการบริหารเอง เมื่อบริษัทของเค้าโตขึ้น ก็จะให้โอกาสแก่ใครบางคนแยกตัวไปตั้งบริษัทใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง จนกลายเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มทุนขนาดใหญ่มหึมา… อะไรทำนองนี้
สาเหตุที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เพราะในฐานะสมภารวัด ผู้เขียนต้องแสวงหาแนวทางเพื่อพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรือง… แต่นั่นแหละ “โตแล้วแตก แตกแล้วยุบ” อีกสำนวนหนึ่งในแวดวงการเมืองไทยก็ค่อยผุดขึ้นตามมา นั่นคือ พรรคการเมืองไทยนั้น พอมีผู้แทนมาก ก็มักจะมีความเห็นต่างกันจนไม่อาจรวมกลุ่มกันได้ จึงแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ และไม่นานพรรคใหม่นั้นก็จะถูกยุบไปเพราะไม่มีผู้แทน… วัดก็เหมือนกัน ผู้เขียนพยายามระวังมิให้ในวัดมีมุ้งเล็กที่ใหญ่ขึ้นโดยมีอันตรายแล้วก็ต้องถูกกำจัดออกจากวัดไป มาถึงตอนนี้ คำว่า “มุ้งเล็กมุ้งใหญ่” ก็ผุดขึ้นมา และยังมีคำว่า “ควบรวมกิจการ” ผุดขึ้นมาอีก… ซึ่งสำนวนเหล่านี้ อาจนำมาอธิบายเชืงเปรียบเทียบในสังคมเวบบล็อกได้เหมือนกัน
อันที่จริง ความตั้งใจเติม ต้องการจะเขียนว่าคุณโยมคอนดักเตอร์หรือคุณโยมรอกอดเป็นผู้ชักชวนมา และตั้งชื่อบล็อกผู้เขียนว่า ลานใจธรรมชาติ เพราะอาจเห็นว่าผู้เขียนแสดงเรื่องราวตามใจไม่ค่อยเสแสร้ง… อะไรทำนองนี้ ในโอกาสขึ้นขวบที่สามลานปัญญา แต่ความคิดพาไปนอกเรื่อง หรือความคิดยังวนเวียนอยู่เรื่องที่จะพัฒนาวัด เรื่องราวจึงเป็นดังที่ได้พร่ำบ่นมา
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสขึ้นขวบปีที่สามลานปัญญา ผู้เขียนก็ตั้งใจเขียนจนได้อีกหนึ่งบันทึก (…………..)
ความคิดเห็นใหม่