ศึกดวลตะหลิวทอง

อ่าน: 1727

พี่น้องครับ  ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก..ก็พี่แต๋วของเรานะสิครับ ชวนพรรคพวกจะบุกสวนป่าปลายเดือนนี้ พี่เขาก็ธรรมดาที่ไหนเล่า ในรัศมี50ตารางกิโลเมตรนี่ลุยไปชิมอาหารร้านดังๆมาหมดแล้ว ไม่เชื่อก็ลองชวนคุยเรื่องนี้ดูเถิด ทุกซอกทุกซอยร้านไหนฝีมือเป็นยังไง พี่เขาไปชิมยิ่งกว่าแฟนพันธุ์แท้

ไม่ได้บอกแค่ว่า “อร่อยหรือไม่อร่อย”

แต่รู้ทะลุก้นครัวไปจนกระทั้งบอกได้ว่า

“อร่อยเพราะอะไร”

ไอ้ตรงนี้ละสำคัญ..ที่บ่งบอกว่า..เชลชวนชิมเรียกเจ๊ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

ผมเคยได้ฟังกับหูตัวเองมาแล้ว

ระหว่างเซียนเจี๊ยะขาใหญ่ กับ พี่แต๋วคนสวยของชาวFB.

อึ้งกิมกี่ตาค้างลิ้นไก่แห้งเลยละครับ

หลังจากพบปะกันครั้งนั้น..พี่แต๋วก็มุ่งมาดปราถนาจะบุกมาสวนป่าให้ได้ ทำการบ้านมาตลอด ถ้าเราสังเกตุจะเห็นว่าพี่แต๋วขู่ผมอยู่เรื่อย ..จะบุกเต็มที่ กระโดดกอดบ้างละ ปลุกระดมสมาชิกของพี่เขาอยู่เรื่อยๆ ทำเอาผมหวาดหวั่นมิใช่น้อย ต้องเร่งทำการบ้านบ้างเหมือนกัน เพราะโปรแกรมทองของนักชิมระดับภาคพื้นเอเซียมา ถ้าตั้งรับไม่ดีมีหวังตกม้าตาย

กิจกรรมสัมพันธ์หนึ่งที่ออกแบบไว้

ก็คือการดวลทำอาหารระหว่างทีมเมืองกรุง กับ ทีมลูกทุ่ง

ฝ่ายพี่แต๋วก็ทำอาหารตามถนัดมื้อละ 2 อย่าง

ฝ่ายครัวบ้านป่าก์ก็จะทำอาหารพื้นถิ่นมื้อละ 2 อย่าง

ตั้งชุดครัวแยกอยู่คนละฝั่งของป่าไผ่ จ้องหน้ากัน แอบดูกันได้ อิ อิ..

จัดโต๊ะอาหารไว้ตรงกลาง แล้วรับประทานอาหารร่วมกัน แลกเปลี่ยนความรู้กัน แบบจะๆ ต่อหน้ากะทะและกาละมัง เอาตะหลิวเป็นพะยาน ส่วนกรรมการผมจะเชิญขาใหญ่เพื่อนผมมาด้วย ตะกี้คุยกันแล้ว..ยังโต๋เต๋อยู่เมืองจีน ยืนยันว่าจะกลับมาทันแน่นอน อยากจะเชิญอ.แป๋วกับป้าหวานมาเป็นกรรมการด้วย ไม่ทราบว่าจะมาได้หรือเปล่า ให้รอกอดส์เป็นผู้คุมระฆังเวลา และทำการบันทึกคลิปวีดีโอไว้ทุกระยะ เพื่อส่งขึ้นFB.ให้แควนๆได้ชม ส่วนเจ้าแห้วกันเอาไว้เป็นลูกมือผม ไม่งั้นจะออกไปเต้นเชียร์จนป่าแตก

เพื่อความไม่ประมาท วันนี้ผมลองซ้อมทำแกงบ้านๆป่าๆพื้นถิ่น กว่าจะถึงวันดวลกันผมคงซ้อมไว้ได้หลายเมนู วันนี้ทำแกงอ่อมประยุกต์ ไม่ใส่เนื้อนะครับ อาจจะมีปลาป่นที่ติดมากับพริกแกงบ้าง ชูรสด้วยผักประจำถิ่นใส่ แมงลัก ชะอม ใบมะกรูด และน้ำสลัดโฉมยงที่มีรสขามเปียก ความหวานมีในผักสดๆอยู่แล้ว ยังได้จากมะเขือเทศและต้นหอม เรื่องต้นหอมกับแกงอ่อมอีสานนี่ยังกะกิ่งทองใบหยก จึงไม่ใส่หัวหอมหรือหอมหัวใหญ่ เพราะจะหวานเกินไป

ความกลมกล่อมที่ภาษาอีสานเรียกว่า “อำลำ” นั้น ผมใช้ยอดชะอม ยอดมะระขี้นก และยอดอ่อนยอ แม่ครัวหัวป่าบางแห่งจะตำข้าวสารใส่เพื่อให้แกงข้น ภาษาพื้นถิ่นบอกว่า “ให้มันนัว” บางถิ่นก็ใส่ข้าวคั่ว แต่เมื่อเราแกงไม่ใส่เนื้อ ผมจึงใส่เผือกแทน เผือกยักษ์ที่ใส่มีคุณสมบัติพิเศษ ต้มกับผักแล้วจะเปื่อยยุ้ยแทนข้าวสารตำได้ดี อาหารอีสานยังนิยมใส่น้ำปลาร้า บ้างก็ใส่ปลาทูเค็ม ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นปลาเค็ม แต่ผมเห็นว่าแค่นี้ก็อร่อยจนสะอื้นแล้ว จึงตัดของเค็มๆออกไป

ผมเป็นเศรษฐีผักตามที่อาจารย์สมบูรณ์ตั้งให้

จะแกงแต่ละหม้อมีผักให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว

แต่แกงหม้อนี้จะเน้นผักพื้นถิ่นเป็นหลัก

เท่าที่เลือกมาวันนี้มี มะเขือพวง หน่อไม้ ยอดตำลึง ยอดมะกล่ำ ยอดมะรุม ยอดผักปลัง ยอดน้ำเต้า ดอกชมจันทร์ ผักอ่อมแซบ ยอดกระดุมเงิน ก้านตูน ใส่ฟักทองอ่อน ส่วนผลน้ำเต้าอ่อนยกยอดไปทำเมนูอื่น รสแซบแบบอีสานต้องเผ็ดนิดๆ ผมใช้พริกอ่อน ถ้าพริกแก่จะเผ็ดและไม่หอมเท่าพริกอ่อน ถ้าจะใส่พริกไทยสดกับดีปลีน่าจะเหมาะกับแกงใส่เนื้อแบบแกงป่า

เดี๋ยวเผ็ดมากไป..คนกรุงจะน้ำตาร่วง

ใช้น้ำปลาแทนซ็อสนะครับไม่งั้นรสจะเพี้ยนเกินไป

ถามว่า..ผักชูรสใส่หลากหลายด้วยกันอย่างนี้ ..กลิ่นมันจะไม่เตะกันรึ

ก็แหม..ตอนนี้เราซ้อมใหญ่ลับฝีมือ..เดี๋ยวก็รู้

ปกติแม่ครัวหัวป่าส์ เขาจะรู้คุณสมบัติของผักแต่ละชนิดอยู่แล้ว สุกช้าสุกเร็ว กลิ่นกลางๆหรือกลิ่นเข้มข้น คุณสมบัติออก-รสหวาน-เผ็ด-ขมหน่อยๆ เราต้องรู้น้ำหนัก ใส่มากใส่น้อย ใส่หน้าใส่หลัง แม้แต่น้ำปลา หรือผักชูรสก็มีกำหนดระยะใส่ ไม่งั้นความหอมหายหมด ถ้าไม่รู้รายละเอียดพวกนี้ เสน่ห์ปลายจวักจะเกิดขึ้นได้อย่างไรละครับ

ส่วนคุณค่าทางด้านโภชนาการนั้นไม่ต้องห่วง

คุณหมอสารภีเขียนไว้ผักสดๆไทยๆนี่แหละดีที่สุดในโลก

ไม่มีบ้านไหนเมืองไหมมีผักสารพัดประโยชน์มากเท่ากับบ้านเรา

ถ้าเปลี่ยนแนวคิดมากินผักแทนยา

เราก็จะรู้ว่ากินผักอร่อยกว่ากินยามากมายนัก ใช่ไหมละเธอ

 

ไหนๆที่รักจะมากะตู้วู้กันแล้ว แม่หวีจะทำเมี่ยงคำ ตำน้ำพริกกุ้งให้ชิม มื้อเช้าจะเลี้ยงข้าวต้มมะลิแดงกับขนมครก ชวนแคะขนมครกท่ามกลางแดดอุ่น ใครจะชิมต้องเอายิ้มแลก ชา กาแฟ เลือกได้ ผมจะอาสาอบไก่ อบหมู กับเตาดาโกต้า มีน้ำมะสังใส่น้ำแข็งแถมตอนบ่าย ของหวานนอกจากผลไม้แล้ว จะชวนทำมะตูมไข่หวาน

รายการพี่แต๋วถล่มสวนป่าครั้งนี้ ถ้ามีจำนวนสมาชิกสัก 10 คนกำลังดี ถ้าลูกทีมยังไม่ครบก็ประกาศชี้ชวนสิครับ พี่เล็ก หนูจู หนูกุลฯ ถ้าว่างก็ลองพิจารณาดู เพราะจากนี้ไปสวนป่าก็จะยุ่งๆๆและยุ่งกับการดูงานของคณะต่างๆ และมีงานก่อสร้างติดต่อกัน ไม่สะดวกจัดรายการประชันตะหลิวอย่างนี้ได้อีก ประกอบกับยังมีคิวตะเร๊ดแต๊ดแต๋ค้างอยู่อีก2-3รายการ ถึงเป็นฤๅษี..บางทีก็ต้องออกไปช่วยสุดสาคร..

อ้อ..พี่แต๋วไม่ต้องเตรียมชุดโยคะมาหรอกนะ

ไปเลี้ยงแพะ เลี้ยงนกกระจอกเทศ ปลูกผัก ก็เอวอ่อนเอวหวานแล้ว

ผมเผยไต๋ให้ฟังบางส่วนแล้ว

แต่จุดเด็ดขืนบอก..เกรงว่าต่อมพี่แต๋วจะแตกเสียก่อน นะสิ

จึงเรียนมาด้วยความเคารพรักสม่ำเสมอ ชิมิ ชิมิ  ..

 

 

 


ไม่ใช่แฟนทำแทนได้ แต่ไม่ดีพอ

อ่าน: 1778

(รับอาสาสมัครขุดดิน 100 คน )

 

เมื่อวานเป็นบ้าอะไรไม่รู้ โพสต์ไป4เรื่อง ไม่ทราบว่าอ่านกันตาแฉะ หรือว่าเล่นน้ำจนแฉะ ไม่มีอะไรแปลกหรอกนะครับ มีเรื่องมาก ก็เขียนมาก ก็เท่านั้น ผมมีหน้าที่เขียน ท่านมีหน้าที่คอมเมนท์ แต่ส่วนใหญ่จะคอมเมนท์ในใจ ก็ไม่ว่ากัน จูงใจได้ แต่บังคับใจไม่ได้ อิสระเสรีเป็นสิ่งที่ต้องเคารพกัน ที่เผลอย้ำเรื่องนี้มากไปหน่อย คงเป็นไปตามประสาคนแก่ อย่าถือสาเลย .. 

ช่วงนี้ฝนตก ดินชุ่ม น่าขุดดินปลูกๆๆ..เรื่องที่จะเพาะปลูกก็มีมากทำไม่ทัน ที่น่าสังวรณ์ก็คือสังขารเราไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานหนัก ขืนฝืนทำตามใจเกินกำลัง ก็ไม่คุ้มค่ายาเสียเวลาไปหาหมอ ได้แต่เจ็บใจ..ทำไมอีตอนเราแข็งแรง ทำไมเราไม่ทำงานให้มากกว่านี้ เราเอาเวลาไปเอ้อระเหยจนเกินควร มาถึงวันนี้ต้องอาศัยแรงคนอื่นช่วยทำ ซึ่งยังไงๆมันก็ไม่เหมือนที่เราได้ลงแรงเอง ยืดเส้นยืดสายเอง เหงื่อตกแล้วมันภูมิใจนะ ร่างกายก็ได้ประโยชน์ไปพร้อมๆกับผลลัพธ์ที่ออกมา

เรียกว่าได้ ทั้งภายนอก ภายใน

สถานการณ์ปัจจุบัน มันเสมือนเพลงๆหนึ่ง

ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้

ถ้ารอให้หมดแรง จะทำภาระกิจอะไรก็ยาก

ตอนนี้ยังดีเฉพาะที่แรงใจ ยังไวไฟ ซู่ซ่าส์ ส่วนแรงกายปล่อยปะละเลยมานาน จนสังขารเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บอยู่เนื่องๆ ตอนที่ร่างกายยังหนุ่มแน่นเราก็ประมาท ไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่รักตัวเอง จนท้องโย้ กว่าจะหาวิธีผ่าแตงโมออกมาได้แทบตาย ผ่าแตงแล้วกว่าจะมาพักฟื้นเรียกคืนพละกำลังให้กลับคืนมาอีกมันไม่ง่าย ไม่เหมือนอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาวที่ร่างกายฟื้นฟูตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นธรรมดาของโลก คนเราจะอยู่ในภาวะเสื่อมตลอดเวลา แต่มากระโตกกระต๊ากช่วงที่สังขารชำรุดนี่มันยุ่งยากนะน้อง จึงฝากไว้ว่า

เมื่อยังอยู่ในวัยแสวงหา ก็ขอให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กันหน่อย

ช่วยนำพาตัวเองเข้าสู่สนามเรียนรู้อย่างสง่าผ่าเผย

ตั้งอกตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้มากๆ ทำงานให้มาก เที่ยวให้น้อยลง

เอาไว้มาเที่ยวตอนโรยราจะดีกว่า

เพราะการท่องเที่ยวพักผ่อนเหมาะกับวัยบ่ายคล้อย

เราจึงควรบริหารเวลาให้ดี

ช่วงวัยไหนควรจะลุย วัยไหนควรจะถอย

ใช้ร่างกายผิดจังหวะ สุดท้ายก็จะเหมือนรถยนต์วิ่งไม่เต็มลูกสูบ

แล้วก็มานั่งโอดครวญ..ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

 

ใช้เวลาสัก5 นาที ถามตัวเองว่า

  • มีเรื่องอะไรบ้างที่คั่งค้างไม่ได้ทำ
  • มีเรื่องอะไรบ้างที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ
  • มีเหตุผลอะไรที่เหนี่ยวรั้งให้ยังไม่ทำ
  • ขาดปัจจัยอะไรบ้างที่ยังไม่พร้อม
  • ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างถึงจะได้ลงมือทำ
  • แรงใจเป็นยังไง แรงกายเป็นยังไง

จากการสังเกตตัวเอง  พบว่า ..แรงใจ สำคัญที่สุด ถ้าเรามีใจอยากจะทำ มันจะเกิดความพยายามอย่างแรงกล้า จะไม่มองหาอุปสรรค แต่พร้อมที่จะฝ่าหรือลุย แต่ถ้าแรงใจอ่อน เราจะคิดถึงข้ออ้างต่างๆนานา

เปรียบเหมือนความคิดของคนอกหัก

มันจะระทดระท้อไปหมด

ตรงกับข้ามกับคนที่กำลังจะพบรัก

แหม  กระดี๊กระด๊าจนน่าถี-

เขียนรอให้ฟ้าเปิด จะได้เดินออกไปเฉิดโฉม

บัดนี้ฟ้าแจ้งจ่างป่างแล้ว

จึงขอเวลาออกจากหน้าจอก่อนนะน้อง

พบกันใหม่..จะเก็บเอาความคิดถึงมาฝากเธอทุกคนๆ

บ๋าย บายยย..

 

 



Main: 0.025377035140991 sec
Sidebar: 0.082060098648071 sec