คนสกุลเฮ
ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บแววตาาา นั้นไว้ อย่าเพิ่งใช้ไปมองใคร เก็บไว้มองฉันก็พออออ
ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บสองมืออออ นั้นไว้ อย่าเพิ่งใช้กุมมือใคร เก็บไว้มือฉันอุ่นก็พอออ
ถ้าไม่ลำบาก..ฝากเก็บฉันคนนี้ไว้ ในหัวใจเธอได้ไหมมม แค่ตลอดไปก็พออออ
นะ นะ นะ ขอเธอได้ไหม
วันฟ้าหม่น ฝนโปรยปรอยคอยต้อนเราไว้ไม่ให้ออกไปไหน นั่งทำงานฟังเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อร้องที่คัดย่อไว้ข้างบนนั้น ดนตรีบรรเลงด้วยเมาท์ออกแกน เสียงพริ้วไหวเข้ากับเสียงออดอ้อนของนักร้องที่ชื่อหนูจั๊กจั่น วันวิสา “เมื่อถูกความรักหาเจอ” เป็นเพลงที่บันทึกมากับไอโฟน4 ระบบเสียง ดนตรี คำร้อง สอดพ้องต้องกันอย่างลงตัว นึกต่อไปว่า..เราไม่เคย..ถ้าไม่ลำบาก เพราะตั้งแต่มีพี่ป้าน้าอามาเป็นเครือญาติสายลานปัญญา มีมิตรไมตรีที่ไม่ต้องออดอ้อนใดๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนทำอะไรล้วนได้รับสิ่งที่ดีพิเศษสุดยากจะหาจากที่อื่นได้ ผมดูจะเป็นคนที่ได้รับความห่วงหาอาทรมากกว่าใคร เพราะตกอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยจะดีนัก ถึงกระนั้นก็ยังโลดโผนโจนทะยานมิได้ดูแลสังขารตัวเองเท่าที่ควร ทั้งๆที่มีโรคประจำตัวเกาะกุมอย่างแน่นเหนียว มันทำท่าจะวอแวกับผมมากขึ้นๆ
คิดว่า..ยังไงก็ได้ ตัวเชื้อโรคมาอาศัยอยู่ด้วยก็อยู่ๆกันไป
ถ้าถึงคราที่มันจะชนะก็ไม่เป็นไร
อยู่มาก็นานจนเกินควรแล้ว
อายุมากทำอะไรไม่ได้ อยู่ไปก็เกะกะโลกเปล่าๆ
จึงไม่ลำบากที่จะไปจะมายังแดนอันไกลโพ้น
ซึ่งพวกเราทุกคนก็ต้องไปกันอยู่แล้ว
เพียงแต่ผมไปก่อน..ก็จะไปเตรียมการไว้รอ
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ..
ถึงเวลาพร้อมหน้าไม่ว่าอยู่แดนไหนก็คงจะเฮฮากันเหมือนเดิมนั่นแหละ อิ อิ..
ผมพบความวิไลในชีวิตอย่างอิ่มเอิบ นั่งทวนกระเทาะเรื่องราวเมื่อคราวเราจัดงานเฮฮาศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ นับตั้งแต่ดงหลวง กระบี่ เชียงราย ภูเก็ต หรือแม้แต่สวนป่า ทุกสถานที่เต็มไปด้วยตำนานของหมู่เฮาที่ยากจะเว้าวอนได้หมดจด เด็กๆตัวเล็กที่ไปร่วมงานทำให้พี่ป้าน้าอาสนุกสนานแบบสุดเหวี่ยง นึกถึงภาพขี่ม้าส่งเมือง เด็กๆร้องๆเต้นๆ ผู้ใหญ่ล้อมวงกอดสามัคคี พระอาจารย์เฮ็นดี้วิ่งไปเปิดเพลงให้อย่างทันท่วงที หรือแม้แต่รายการกอดแบบกดปุ่ม มีที่นี่ที่เดียว ขอบอก
สังคมมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างยากที่จะกะเกณฑ์อะไรได้ การที่ได้รู้จักมักจี่เป็นญาติกันก็คุ้มกับการเกิดมาในชาตินี้ ยกให้เป็นเรื่องทึ่งแห่งศตรวรรษได้เลยละครับ เท่าที่ร่วมสังฆกรรมกันมา เป็นอิสระไมตรีที่อยู่นอกเหนือสาระบบใดๆ เอาใจเป็นที่ตั้ง จึงไม่มียังงั้นยังงี้ อะไรดีที่สุดก็จัดสรรให้เครือญาติของตน ผมนึกไม่ออกว่ามีกลุ่มสังคมแห่งยุคนี้ที่ไหนบ้างที่เป็นอย่างของเรา สายญาติที่เป็นหมอนอกจากจะเขียนเล่าวิชาความรู้ให้อ่านกันแล้ว ยังช่วยอ่านรายงานการตรวจวัดโลหิตให้ด้วย ส่วนท่านที่สันทัดกรณีด้านการเจาะโลหิต ก็บริการชนิดที่โรงพยาบาลไหนก็บริการไม่ได้ ยังมีผู้อุปการะคุณคอยแสวงหายาดีๆมาให้อีกเป็นกะตั๊ก อีกทั้งพาไปพบปะแพทย์ที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค เป็นความห่วงใยที่แม้แต่ไรก็ไม่ให้ไต่ให้ตอม
บางคนไม่รู้จะทำอะไร
ซื้อวิตตามินมาให้ขวดใหญ่
ชนิดที่กินยังไงก็ไม่หมด
เหมาะที่จะวางขายทั้งปีนั่นแหละ
ในวาระที่จะเขียนหนังสือสักเล่มหนึ่ง จึงส่งข่าวไปถึงหมู่เฮา ขอเรื่องเล่าดีๆมาช่วยมะรุมมะตุ้มกัน ก็มีมามีให้อย่างทันอกทันใจ ดังนั้นเรื่องที่ท่านอ่านในแต่ละบทต่อไปนี้ ดูจะเป็นกองเชียร์ที่มากด้วยน้ำใจ บรรเจิดอำไพเหลือประมาณ ลองอ่านแล้วจะรู้เองละว่า สังคมคนแซ่เฮนั้นไม่ใช่เอาไหนเอาด้วย แต่ช่วยด้วยใจเต็มร้อย ชนิดที่ไม่ต้องทอนเสียด้วย อย่าว่าแต่ ขอแววตา ขอกุมมือ ขอหัวใจ กลุ่มเรามีให้กันได้ไม่อั้น แบบไม่ต้องมาร้องวิงวอนอ้อนออดเหมือนเพลงข้างบน
ลองอ่านดูนะครับ
ถ้าชอบใจก็ยิ้มได้เลยไม่ต้องขออนุญาติ อิ อิ..
คนไข้บอกจิตแพทย์ว่า “หมอครับ ผมสงสัยว่าตัวเองจะเป็นบ้า”
“จริงหรือ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เพราะผมเริ่มเขียนจดหมายถึงตัวเองน่ะสิ”
“คุณเขียนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
“เมื่อวานนี้ครับ หมอ”
“จดหมายเขียนว่าไง”
“จะไปรู้ได้ไง ผมยังไม่ได้รับเลย”