บริบทสุขภาวะแห่งจิตใจ ****

อ่าน: 2787

เรื่องที่จะเล่าในวันนี้นะเธอ เป็นตอน:จากห่วงโซ่อาหารมาเป็นความห่วงใย

มาจะกล่าวบทไป ถึงเรื่องอาหารการกินของมนุษย์เรา ชนชาติที่สนใจเรื่องนี้น่าจะยกให้คนจีน เจอหน้ากันก็จะทักทาย กินข้าวแล้วหรือยัง ส่วนคนไทยเราจะเน้นที่ความสุขสบาย สบายดีไหม ความห่วงใยแสดงออกถึงความเป็นไปของสังคมนั้นๆ คนไทยนั้นโชคดีนัก ไม่ค่อยจะเดือดร้อนเรื่องอาหารการกินสักเท่าไหร่ พิจารณาดูสำรับกับข้าวของคนไทย จะแตกต่างกว่าคนอื่นเขา มีอาหารคาวและของหวาน ตามด้วยน้ำปรุงรสปรุงใจอีกไม่น้อย คนไทยเสียเวลากับการประกอบอาหารแต่ละมื้อไม่น้อยเลย สังเกตดูรายการอาหารบนโต๊ะดูเถิด ของคาวก็ใช่ว่าจะมีชนิดเดียว ประเภทต้มยำตำแกงครบครันไม่มีตกหล่น วัฒนธรรมทางอาหารของไทยนั้นบ่งบอกถึงความหมายในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แผ่นดินของเราอุดมสมบูรณ์

คนไทยจะมีผักสวนครัวหลังบ้าน มีนิยามมากมาย ผักริมรั้ว ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก สวนครัวหมายถึงในสวนมีสิ่งที่ครัวต้องการครบถ้วน ไม่ต้องวิ่งไปซื้อหาให้เมื่อยตุ้ม เห็นว่าจำเป็นต้องมีพืชผักอะไรก็ปลูกเหน็บไว้ที่โน่นที่นี่ ในตู้เย็นมีอะไร ในสวนครัวมีมากกว่า แถมยังสดๆอีกต่างหาก

การเด็ดพริกขี้หนูเด็ดมะนาวสดๆจากต้นมาตำน้ำพริกกะปินี่นะเธอ

เราจะได้รสของความอร่อยจากความสดแตกต่างจากของซื้อค้างคืนมากนัก

ถึงจะมีวิธีถนอมอาหาร มีตู้แช่ต่างๆ..มันก็ชดเชยไม่ได้หรอก

เป็นแต่ข้อจำกัด หรือมีความจำเป็น..ก็หยวนๆกันไป

ทำให้คนสมัยนี้ลืมเสน่ห์ของคำว่า..ผักสวนครัวไปอย่างน่าเสียดาย

ในวาระที่คณะวิทยากรจัดโครงการเรื่อง การบริการความรู้สุขภาวะเชิงรุก ปลุกกระแสให้ประชาชนดูแลตัวเองและอนามัยสิ่งแวดล้อม มาจัดที่มหาชีวาลัยอีสานคล้ายกับกินยาถูกโรคเลยทีเดียวละครับ เพราะประเด็นและปัจจัยแวดล้อมพร้อมอยู่แล้ว คณะวิทยากรที่ประกอบด้วยแพทย์หญิงรุ่นใหญ่-อาจารย์พยาบาล-นักจัดการความรู้-ครูอาจารย์นักบริหาร-ผสมผสานกับนักกายภาพบำบัด-แม่ครัวหัวป่าส์-คุณป้าชาวบ้านที่รักการปลูกผักเป็นชีวิตจิตใจ เรามีคุณชายซึ่งเป็นชาวกรุงทั้งแท่ง ที่สัมผัสวิถีชีวิตชนบทแบบถึงลูกถึงคนน้อยมาก แต่ในสมองเต็มไปด้วยโจทย์ที่ตกคลักมานาน..ได้นำพาตัวเองมาเรียนรู้เรื่องสุขภาวะของชนบทอย่างถึงลูกถึงคน ถึงเป็นคณะเล็กๆแต่คุณภาพคับครัวด้วยประการละฉะนี้นะเธอ เพราะเขาเหล่านี้มีความเข้าใจในจุดประสงค์ตรงกันอย่างยิ่ง จะคิดจะชวนกันทำกิจกรรมเชิงรุกเรื่องอะไร มันดูเป็นปี่เป็นขลุ่ยลื่นไหล ไม่ต้องมานั่งประชุมคัดเลือกเรื่องที่จะทำ ใครเสนออะไรมามันเข้าที่เข้าทางแลดูง่ายๆไปเสียหมด

แต่ก็นั่นแหละเธอ..กว่าที่ขบวนการจะเดินทางมาถึงตรงจุดนี้ได้

มันมีที่ไปที่มาของการสะสมต้นทุนในเรื่องเหล่านี้

เธอรู้ไหม? กว่าจะเกิดกว่าจะเป็นคณะที่มีศักยภาพครบเครื่องเรื่องการวิจัยอัตลักษณ์สังคม มันไม่ใช่ว่าจะเกิดจะมีกันง่ายๆ ใช่ว่าคณะวิทยากรเพิ่งจะเจอกันครั้งสองครั้ง เราขลุกกันมานานจนมองตาก็รู้ใจ ได้แลกเปลี่ยนความรักความรู้ทั้งทางตรงทางอ้อม หลายปีมาแล้วที่นัดมาซ้อมฝีมือกันเป็นระยะๆ ถ้ า ท่ า น ติ ด ต า ม อ่ า น ก ร ะ บ ว น ก า ร ข อ ง ช า ว เฮฮาศาสตร์ในลานปัญญา ก็จะเข้าใจเข้าถึงในบริบทที่กล่าวถึงนี้ จากบทความที่เกริ่นถึงความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง”  ตัวนี้แหละสำคัญนัก คนเราถ้าชอบพอชอบใจคบกันจนคุ้นเคยกันอย่างญาติ ทุกอย่างก็เปิดโล่งสะดวก การทำกิจกรรมที่เส้นทางสว่างโล่ง มันจึงได้เรื่องได้ราวระดับมีชีวิตชีวาก้าวกระโดดโลดเต้นได้ ทุกเรื่องที่ทำ..

§ เราใช้ดุลยพินิจเสวนาภาคปฏิบัติแบบไม่ได้แยกส่วน

§ เรามองถึงต้นทุนชีวิตและบริบทของสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง

§ เรามองถึงความเป็นไปในมิติของชีวิตโดยรวมแห่งยุคสมัย

§ เรามองถึงความเป็นอยู่ที่เป็นสุขภาวะทั้งมวล

เรามองจาก-ก้นครัวไปหา-สวนครัว-ไปสู่กระบวนของการกินอยู่กับปาก-ความลำบากไปอยู่ที่ท้อง-“คนเราเอาอะไรใส่ปาก ผลก็ออกมาเป็นอย่างนั้น การชี้ให้เห็นจุดพลิกผันที่เปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนดีและส่วนด้อย ยกตัวอย่างเช่น การคุยกันถึงเรื่องยา มีผู้สันทัดกรณีให้ข้อมูลในวงกว้าง ว่าประเทศนี้บริหารหยูกยากันอย่างไร นับตั้งแต่ต้องพึ่งพาอาศัยนำเข้ายาจากต่างประเทศ การกำหนดเงื่อนไขให้แก่ผู้รับบริการ กฎเกณฑ์การใช้ยาในสภาพและสภาวะต่างๆ ประเทศเราต้องมีรายง่ายเพิ่มขึ้นปีละหลายหมื่นล้านบาท

การดูแลรักษาและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บมันไปโยงกับความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย

คนไทยมีชุดความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะในระดับใด?

ถ้ามีความรู้ถูกต้องและพอเพียง ก็จะช่วยให้กระแสการดูแลตนเองในภาคประชาคมมีความเป็นไปได้มากขึ้น

ปัญหาอยู่ที่จะ ค้นหาความรู้ดังกล่าวได้จากที่ไหน?

ใครเป็นเจ้าภาพหลัก เจ้าภาพรอง เจ้าภาพร่วม

ประเทศนี้ จะต้องหางบประมาณมาสร้างสุขภาวะสังคมเท่าไหร่มันถึงจะพอ ถ้าเรายังให้น้ำหนักกับการพึ่งพาภายนอกจนสุดโต่งในสภาพเตี้ยอุ้มค่อยเช่นนี้ การที่ ดร. จันทรัตน์ เจริญสันติ แห่งคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ใส่ใจในเรื่องนี้ มันจึงเสมือนการจุดคบเพลิงในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั่นแหละเธอ เรื่องนี้ไม่ใช่จะสรุปอะไรได้ง่ายๆ เป็นแต่ขอเปิดประเด็นให้ฉุกคิดในมุมสร้างสรรค์ เราคนไทยเราสามารถจะทำอะไรช่วยเหลือตัวเองและช่วยกันเองได้

ถ้าพิจารณาให้ดี เรามีบริบทที่เป็นทุนในเรื่องนี้ไม่น้อยหรอก ถ้ารู้จักเอาวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาไทยมาเคาะสนิมโดยผู้ที่เข้าใจ เรื่องความเป็นไปของโลกเก่าและวิทยาการใหม่ๆ อนึ่ง ท่านเหล่านี้ต่างก็มีบทบาทเกี่ยวข้องในหน้าที่การงานอยู่แล้ว จึงพอจะมองเห็นแผนภูมิของสุขภาวะเชิงรุก ว่าจะรุกคืบกันอย่างไร?

เจอหน้ากันตอนเช้าก็รำพึงถึงเรื่องมุมมองเกี่ยวกับยาของคนสมัยนี้

คนยุคนี้รู้จักยาในลักษณะของ-เม็ด-ผง-แค็ปซูล-ในหลอดยาฉีด หรือที่เรียกว่ายาสำเร็จรูป อ้าว! แสดงว่ามียาที่ไม่สำเร็จรูปอยู่ด้วยสิ มันอยู่ที่ไหนละ ในเมื่อเกิดมาก็เห็นแต่ยาสำเร็จรูป เจ็บป่วยไปโรงพยาบาลก็เจอการตรวจการจ่ายยาใส่ซองเล็กๆ ยาที่เป็นใบไม้ดอกไม้รากไม้แก่นหรือกระพี้ไม่รู้จัก ทั้งๆที่ตนเองก็สัมผัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผักผลไม้ที่รับประทานไม่ได้รู้สึกรู้สาว่ามันเป็นยารักษาอะไร นึกว่ากินเข้าไประงับความหิว บางครั้งไม่หิวก็ต้องกินเพราะเป็นเรื่องค่านิยมไปแล้ว ไม่ได้ฉุกคิดว่า..ร่างกายไม่หิว..อาจจะประเมินได้ว่า..ร่างกายยังไม่ต้องการอาหาร ฝืนกินเข้าไปตามความอยากความอร่อย มันก็พุงโย้สิเธอ ..วินัยในการรับประทานอาหารเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันยาว ถ้าคลิกตรงจุดนี้ได้ สุขภาพของคนไทยก็เดินมาถูกทางหน่อยหนึ่งและเธอ

เรื่องกินเรื่องใหญ่ ทำให้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ต้องสร้างความตระหนัก

เพราะมันเป็นบ่อเกิดและต้นเหตุสำคัญของการดำรงชีวิตและการมีคุณภาพของชีวิตที่ดี เรามาพิจารณาการกินอยู่ของคนไทยยุคนี้ดูสิเธอ มีจุดไหลที่จะตะล่อมเข้าทางตามหัวข้อเสวนาปฏิบัติการครั้งนี้ได้ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราก็เอาช่วงที่เรามาอยู่ร่วมกันนี้และเปิดบทเรียนสารบัญหน้าแรก

มื้อเช้าชวนกันเข้าสวนครัว ผมพาไปเดินชมผักพื้นที่ถิ่นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ช่วงฝนดีอย่างนี้ ยอดอ่อมแซบ ยอดตำลึง ยอดโสม ยอดกระดุมเงิน ยอดมะรุม ยอดมะกล่ำ ยอดชะอม ยอดมะระขี้นก ยอดน้ำเต้า ถ้าจะเขียนทั้งหมดก็เสียเวลา มะ..ชวนกันถือตะร้ากับกรรไกรเดินกันฉับๆไปข้างบ้าน เลือกตัดเอาสิ เขียวพรึดเต็มสวนอย่างนี้ อยากจะชิมอะไรก็ตัดฉับๆๆไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ครบสารพัดผักที่จะผัดไฟแดงกินกับข้าวต้ม เวลาที่เหลือก็โม้ชี้ชวนกันให้ดูสภาพสวนครัวธรรมชาติ นี่ๆๆๆไม่ได้ปลูกเองสักกะหน่อย ที่เดินลุยมานั้นย่ำบนผักทั้งนั้น มันเหลือเฟือไหมละบรรณาการจากจากธรรมชาติ  อ่อมแซบที่เห็นตรงหน้านี้ตัดไปผัดกระทะร้อนได้สัก500กระทะมะละมัง เลี้ยงคนได้เป็นพันใช่ไหมละเธอ

นอกจากจะได้ชิมผัดผักสดๆอร่อยแล้ว

ผักพวกนี้ปลอดสารพิษปลอดมลภาวะใดๆ

เป็นอาหารอันโอชะที่เข้าข่ายสุขภาพท้องไส้ยิ่งนัก

จุดสุดท้ายขึ้นอยู่กับฝีมือการควงตะหลิวของแม่ครัวแล้วละเธอ

อยากจะอร่อยแค่ไหนพลิกแพลงอย่างไรก็เชิญ

นอกจากข้าวต้มแล้ว ผัดผักกระทะร้อนแล้ว ยังมียำผลไม้ที่หนูฝนบรรจงแสดงฝีมือ เธอเก็บผลไม้นานาชนิดมาลงจาน ตบแต่งสวยงามด้วยใบชะพลูและดอกอัญชัน ได้รับคำชมอื้ออึงว่าอร่อย..ยังมีน้ำซุปผักและอาหารที่เป็นบรรณาการจากสวรรค์อีกนะเธอ ป้าสอนนะสิ.. ตื่นไปเก็บเห็ดมาให้เต็มตะกร้า มีเห็ดหลายชนิด แต่ครูอารามสนใจเห็ดผึ้งขมยูคาฯ จึงชวนป้าสอนไปทำลาบเห็ดยูคา ใส่เครื่องลาบตำรับชาวเหนือที่เตรียมมา แค่นี้แหละเธอเอ๋ย ได้เรื่องเลยยย..เห็ดยูคาที่ต้มเอาความขมออกคลุกเล้ากับเครื่องลาบ โดยผู้สันทัดกรณีอาหารพื้นถิ่นเมืองลำพูน กินกับแคบหมูกรอบที่เอามาด้วย ตามได้ผักจิ้มลาบอีสาน มันเป็นอะไรที่ต้องเขียนไปน้ำลายหยดแม๊ะ มันเข้าเครื่องเข้ารสเด็ดสระระตี่จนเล่าไม่ถูก

รู้แต่ว่า ณ บัดนี้เราค้นเจอเมนูเห็ดจานเด็ดขึ้นแล้ว

ถ้าใส่ข้าวคั่วแบบลาบอีสานเข้าไปด้วยจะเป็นยังไงละ

ถ้านำไปวิเคราะห์ถึงสารอาหารจานนี้จะเป็นยังไงละ

ถ้านำเอาตำรานี้ไปชี้ชวนคนอีสานลาบกินทุกหมูบ้านมันจะอร่อยเหาะขนาดไหน

เราได้เห็นบริบทของคำว่าเชิงรุกหน่อยแล้วใช่ไหมละเธอ

มาถึงมื้อกลางวัน ตั้งใจว่าจะทำอาหารจานเดียว จึงวางแผนทำก้วยเตี๋ยวกัน ระดับแม่ครัวหัวป่าส์จะทำตามก้นคนอื่นได้ไปทำไมละ เราก็พลิกแพลงทำให้อร่อยขึ้นได้รับประโยชน์มากขึ้น ไม่งั้นจะเรียกว่าเชิงรุกเรอะ..โฉมยงกับเจ้าหนูฝนเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ ผมรับหน้าที่เพาะถั่วงอกมาสมทบ โห! ก้วยเตี๋ยวมื้อนี้หอมฉุยตลบไปทั้งบ้านด้วยกลิ่นว่านสาวหลง หมูมักเนื้อนุ่ม น้ำซุปมี2แบบ แบบน้ำซุปกระดูกไก่ กับน้ำซุปเห็ด6ชนิด สำหรับท่านที่จะชิมก้วยเตี๋ยวมังสะวิรัติ ยังมีเส้นให้เลือกอีก3ชนิดนะเธอ  เส้นเล็ก-เส้นหมี่-เส้นก้วยจับ ปรุงกันชุลมุม สุดท้ายก็ชิมกันทั้ง2แบบ ล่อกันจนตาค้างและพุงกางทั่วหน้า ให้รู้ฤทธิ์เสียบ้างว่าก้วยเตี๋ยวภาคพิศดารที่อร่อยที่สุดในโลกนั้นเป็นอย่างไร?

อ้าว! คุณชายยังเอาไก่อบมาสมทบอีก

หลังจากผ่านมื้อเที่ยงไปแล้ว ช่วงบ่ายอย่าให้ไปทำอะไรเลย ปล่อยให้นอนสบายๆสักคนละงีบ เดี๋ยวตื่นมาก็ได้เรื่อง หาเรื่องทำกันเองอีกนั่นแหละ ผมก็งีบเหมือนกันนะ อิ่มในสภาวะอากาศเย็นๆอย่างนี้ ใครจะถ่างตาไหว หลับกันเป็นแถวนะสิเธอ

คนที่ตื่นก่อนไปก่อไฟ เด็ดมะเขือยาวมาปิ้ง หมอเจ๊นัดครูอึ่งตำส้มมะละกอ ได้ยินเสียงโป๊กๆ เสียงแห่งความอร่อยเปิดฉากแล้ว ครูอารามรับอาสาปรุงยำมะเขือยาว ผมช่วยลอกเปลือกมะเขือ ครูอึ่งช่วยปิ้ง อุ้ยเอาเศษอาหารไปเลี้ยงวัว เล่าว่าสนุกมากที่เห็นวัวอร่อยไปพร้อมๆกับเรา

วัวเดินมาหาน้ำลายหยดติ๋งๆเลยนะครูบา

เออ หนอ ถ้าพยาบาลเลี้ยงวัวถ้าจะดี

ย า ม วั ว ท้ อ ง แ ก่ ก็ จ ะ ไ ด้ ทำ ค ล อ ด ใ ห้ ด้ ว ย

เมนูมื้อเย็น มียำมะเขือยาวกับส้มตำรสเด็ดไปนอนเอ้งเม้งอยู่ในท้องเรียบร้อย ทุกอย่างผ่านไปอย่างชื่นมื่น อุ้ยปอกลูกพลับใส่กล่องแช่เย็นไว้ หนูฝนเป็นคนเอามาบริการ อิ่มจนอืดอีกแหละพี่น้อง หลังจากนั่งคุยให้พุงคลายตัว ก็ชวนกันไปชมพระจันทร์ที่สุกสกาวที่หมู่บ้านโลก เราปิดไฟฟ้าได้ทุกดวง ลมพัดเย็นๆอย่างกะอยู่ชายทะเล นั่งเล่นเน็ทบ้าง คุยกันบ้าง เล่นลูกยิงใบพัดที่ติดไฟไอซีดวงเล็กๆให้หมุนติ้วแข่งกัน จนกระทั้งลูกข่างใบพัดวิทยาศาสตร์พุ่งไปค้างอยู่บนยอดไม้ ส่งแสงวับแววเหมือนหิ่งห้อยในเทพนิยาย

ได้เวลาพอสมควรชวนกันไปเยี่ยมคุณชาย

แล้วก็บ่ายหน้ามาอาบน้ำพักผ่อน

ก่อนนอนอุ้ยจับผมฉีดยาที่ก้น

แล้วก็สวดมนต์พร้อมกับนวดไปด้วย

เป็นกรรมวิธีชวนให้นอนหลับที่ดีที่สุดในโลก

ผ ม ฟั ง เ สี ย ง ส ว ด แ ล ะ ค ล้ อ ย ต า ม น้ำหนักมือที่นวดผ่อนคลายเบาๆ

เผลอไปไหว้พระอินท์ตอนไหนก็ไม่รู้

ตื่นกลางดึกเข้าห้องน้ำ..เห็นน้าอึ่งนอนขดบนสื่ออยู่ข้างๆ

ทั้ ง ๆ ที่ มี ที่ ห ลั บ ที่ น อ น บ น ฟู ก สุ ข ส บ า ย

คุณน้าแห่งชาติก็จะมีสไตล์คงเส้นคงวายังงี้แหละ

ม า ส ว น ป่ า ค ร า ใ ด ก็ จ ะ ค ว้ า เ สื่ อ ม า ปู น อ น ห ลั บ ง่ า ย ๆ

ตอนดึกๆก็จะคอยดูว่าผมห่มผ้าดีไหม? ถ้าไอค๊อกๆ จะเอาน้ำอุ่นมาให้

บ ริ บ ท ที่ เ ล่ า ม า โ ด ย สั ง เ ข ป นี้ ก็ เ พื่ อ จ ะ บ อ ก ว่ า

คณะวิจัยชุดนี้นี้ปฏิบัติงานเชิงรุกนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในโครงการมากนัก

เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้นับได้ว่าเป็นสุขภาวะแห่งหัวใจ

รุกเข้าไปจนถึงจิตใจ..เชียวนะเธอ

เรื่องอย่างนี้คนล่าช้า คิดช้า อ้อยอิ่ง ไม่ได้แอ้มหร็อก จะบอกไห่

อย่างเก่งก็ทำได้แค่..เชิงลุกลี้ลุกลน เท่านั้น !!   อิ อิ..


เผือกยักษ์แม่เอ๊ยยย

อ่าน: 4880

ป้าสอนปลูกเผือกยักษ์

ปัญหาของโลกนับวันจะเพิ่มขึ้นๆตามจำนวนพลเมืองโลก เพราะแต่ละชีวิตผู้คนต่างก็พกปากท้องและกิเลสมาด้วย มากน้อยแตกต่างกันไป เท่าที่สดับรับฟังทุกประเทศต้องการเพิ่มจำนวนพลเมือง หรือบางประเทศไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคนเพิ่มขึ้นอัตโนมัติอยู่แล้ว บางประเทศถึงกับส่งเสริมให้พ่อตัวดีมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายได้ 4 คน พวกเจ้าชู้ประตูดินก็พลอยสบายไป แต่บางประเทศที่พลเมืองล้น ได้คิด..กำกับจำนวนพลเมืองโดยตรากฎหมายให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้คนเดียว

ประเทศไทย..คิดเล่นๆทำเล่นๆตามสไตล์พี่ไทย

แจกถุงมีชัย ประโคมข่าวเรื่องทำแท็ง ..แล้วไงต่อละ

มันก็ไอ่แค่นั้นแหละ..

ปัญหาไปโผล่ที่ผู้สูงอายุ พวกบ้าตัวเลขGDP.มองว่า..คนแก่เป็นตัวถ่วง..อัตราความก้าวหน้าของประเทศ เห็นพวกคนแก่หนังเหนียวเป็นภาระะของสังคม..สงสัยว่า..พวกนี้มันจะออกมาจากกระบอกไม้ไผ่  เกิดมาถึงเห็นแก่ได้แก่ตัว ทำอะไรเพื่อตัวเอง โคตรเห็นแก่ตัวเลยมนุษย์สายพันธุ์นี้ พวกบ้าGDP.ปลอมๆ..

มันไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป..

สังคมความรู้เสมือนจริงน่ากลัวนัก เขาไม่ตระหนักหรอกว่าชีวิตที่ขาดจิตวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร ผมโชคดีมากที่เป็นคน2เวอร์ชั่น เคยอยู่ทั้งในชนบทและเข้าไปอยู่ในเมือง รู้ใส้รู้พุงทั้ง2มิติ ผมจึงดีใจกับคอนดรั๊กเตอร์อย่างมาก ที่เขาสละชีวิตในเมืองที่อยู่มาจนรู้แทบเป็นเนื้อเดียวกัน มาเติมเต็มการใช้ชีวิตในชนบท ถ้าดำเนินชีวิตครบ2ภาคได้ก็จะสมบูรณ์ในทุกบริบท

ลูกกรุงก็ได้ ลูกทุ่งก็ดี ไปต่างประเทศก็พอไหว

แต่คอนฯเขาไม่ธรรมดานะเธอ พี่น้องทุกคนเรียนวิศวะทั้งบ้าน แถมยังเป็นจอมยุทธแต่ละด้าน คนน้องที่เคยพามาเป็นมือเซียนก่อสร้างระดับโลก น้องอีกคนที่จะพามาเร็วๆนี้ เป็นจอมยุทธทางด้านไฟฟ้า ด้านพลังงาน เธอลองนึกดูเถิด ..ถ้า3พลังบวกลงมาเขย่าหมู่บ้านโลก จะเป็นฉันใด ผมละกระดี๊กระด๊าที่สุด ตามที่ฤาษีอ้นเคยวิพากษ์ไว้..

“เล็กๆไม่ ใหญ่ๆครูบาทำ”

>> พระพุทธเจ้ามีความเพรียบพร้อมทางโลกสูงส่งมหาศาล

พระองค์ก็ยังเสด็จมาแสวงหาความรู้ในธรรมชาติอย่างล้ำลึกจนหยั่งถึงพุทธภูมิ

พระองค์ไม่ได้เสด็จด้วยเครื่องบิน รถทัวร์ รถส่วนตัว หรอกนะ

แอบย่องมากลางดึกกับลูกน้อง2คน

ขี่ม้าบักจ้อนบุกป่าฝ่าดง..เธอเอ๋ยแสนจะลำบาก

พวกเราเองเสียอีก..จะออกไปสัมผัสความรู้อะไรสักอย่าง

ดูมันมากเรื่องเหลือเกิน..ติดโน่นติดนี่..มีข้ออ้างแบบคนขี้โลเล

สุดท้ายก็กลายเป็นพวกด้อยโอกาสไปอย่างน่าเวทนา

ความรู้ไม่พอใช้..หัวใจก็ยังไขว้เขว

..สวยแค่ไหนก็ไม่ปล่อยให้หนุ่มกลัดมันไล่ปล้ำหร๊อกน่า..

เว้นแต่สมภารจะตะบะแตกเสียเอง  อิ อิ..

เอาแค่เรื่องง่ายๆ..เธอนึกบ้างไหมว่า..ที่คนเมืองรับประทานอาหารในสภาพทุกวันนี้ จะหนีรอดไปจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันได้ หมอระบุว่าคนทั้งโลกป่วยตายเพราะ4โรคนี้ในลำดับต้นๆ ยิ่งเจริญก็ยิ่งหาโรคใส่ตัวเอง อยู่กับเปลือกของแสงสี ชีวีแขวนไว้ด้วยเส้นด้าย ไม่มีใครรู้หรอกกว่าตัวเองจะตายวันไหน เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ บางคนอยู่เฉยๆนึกว่าปลอดภัยแล้ว ขับรถไปดีๆเด็กแว๊นยึดเอาเป็นที่กำบังกระสุนยิงกันเฉยเลย ..ตลกนายหนึ่งนั่งรถตู้ไปดีๆก็โดนก้อนหินปากระจกตกมากระแทกศีรษะแตกตาย คนสวยเดินเฉิดฉายซื้อของในห้างสรรพสินค้า เจอลูกหลงระเบิดพวกก่อการร้ายภาคใต้ร่างกระจุ๋ย ศพไม่สวยเอาเสียเลย ทั้งๆปกติรักสวยรักงาม แต่งตัวเช้งวับตลอด อะไรๆมันก็ไม่แน่หร๊อกนาย

บางคนออกมาโอดครวญ รถเพิ่งผ่อนยังค้างส่งเป็นล้านบาท

โดนระเบิดพังยับ..ร้องคร่ำครวญเป็นเต่าเผา..ใครละจะมาปลดทุกข์ให้ได้

วันนี้กดปุ่มเรื่องใกล้ตัว ถามลูกน้องว่าจะหยุดสงกรานต์กี่วัน..จะเริ่มหยุดวันไหน อีก2วันใช่ไหม? นั่งร้านผักนี่จะพอลุยทำให้เสร็จก่อนได้ไหม ในระหว่างพวกเจ้าหยุดงานลุงจะปลูกๆๆและปลูก ทั้ง2รับปาก..ว่าจะลุยให้เสร็จ..แวะไปคุยกับป้าสอน มือฉมังด้านการปลูกผักของที่นี่ ..ขอร้องให้ป้าสอนปลูกเผือกยักษ์ให้ได้มากที่สุด หน่อพันธุ์ที่มีอยู่น่าจะปลูกได้สักครึ่งไร่ ป้าสอนไปขุดต้นพันธุ์มาปลูก เอาขี้วัวโรย และเอาฟางปกคลุมเต็มแปลง คาดว่าจะปลูกเผือกได้ครบตามที่คาดหวัง

เผือกที่ว่านี้ไม่ใช้เผือกธรรมดานะหล่อน

แปลกตรงที่ปลูกบนที่ดอนได้ ต้องการน้ำน้อย

2ปีที่แล้ว ผมพาโฉมศรีไปเที่ยวลาว ช่วงที่เดินชมตลาดชายแดน พบเผือกชนิดนี้วางแบกับดิน สดุดตาตรงที่หัวเผือกรูปทรงยาวๆเท่าแขน เผือกอะไรนะรูปร่างอย่างกับหัวมันสำปะหลัง ไม่มีโอกาสซักไซร้ไล่เลียงมาก ซื้อมาเพราะเห็นว่าแปลก มาถึงก็ขุดปลูกไม่ได้พิถีพิถันอะไร ผมชอบปลูกของได้มาใหม่ใกล้ตัว เพื่อสะดวกต่อการติดตามความเติบโต ..เอาขี้วัวใส่ให้บ้าง..เอาฟางคลุม ต่อน้ำสปริงเกอร์รด

เธอเอ๋ย..เผือกบ้าอะไรต้นสูงท่วมหัว ใบก็ใหญ่ กอใหญ่ สูง3เมตรได้

ใครมาเห็นต่างก็ทึ่งๆๆ..

ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่า..มันดียังไง

ต่อเมื่อโฉมยังกับป้าสอนไปขุดให้พวกทีวีดู

โอ้โห..หัวเผือกหนัก 5 ก.ก. แล้วยังมีลูกแขนงออกรอบๆอีกยุบยับ!

ถ้าปลูกบำรุงๆดีๆกอหนึ่งน่าจะได้ผลผลิต 1 เข่ง

เรื่องมาฮือาตอนเราเอาหัวเผือกมาต้มลองชิม เจ้าหัวใหญ่ไม่อร่อยเท่าใดนัก แต่หัวแขนงนี้สิวิเศษมาก ถ้าใส่รวมกับต้มผักจะเปื่อยยุ่ยน้ำข้น ถ้านึ่งก็จะเนื้อเหนียวเหมือนเผือกทั่วไป เอามาทำของหวานของคาวได้ดี มีมากๆน่าจะทำไอติมเผือกเพราะปลูกได้ปริมาณมาก

  • จากการทยอยเอามารับประทานต่อเนื่อง
  • พบว่าเผือกชนิดนี้ทยอยขุดมาเป็นอาหารได้ไม่น้อยกว่า4 เดือน
  • ถ้าหาวิธีเก็บให้ดีก็อาจจะยืดไปได้ครึ่งปี

เมื่อก่อนเรามองมันเลือดเป็นพระเอก มันมะพร้าว กลอย มีความสำคัญไล่เรียงตามลำดับ เผือกไม่ได้อยู่ในสายตาเลย แต่พอศึกษาเข้าจริงๆ..เผือกแซงขึ้นมาอยู่หัวแถวเฉยเลย ในฐานะพืชหัวปลูกในที่ดอนได้ ให้ผลผลิตมาก โรคแมลงไม่มี รสชาติดี ขยายพันธุ์ได้เร็ว ผมไปยืนดูป้าสอนปลูกเผือกแล้วทึ่งอึ้งกิมกี่

..เผือกหัวประธาน..ป้าเอามีดฟังฉั๊วะๆ..แบ่งออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยสัก 20 ชิ้น

ป้าแกชี้ให้ดู รอบๆหัวมีตาเผือกโผล่เป็นตุ่มเล็กๆ เมื่อผ่าแยกเป็นชิ้นๆจึงเอาไปปลูกขยายพันธุ์ นี่ยังไงละภูมิปัญญาพื้นถิ่น ฉลาด..ช่างสังเกตุ มีเหตุมีผลละเอียดละออครบถ้วน เท่าที่ผมประเมินมานี่นะ ผมจะมีวัตถุดิบที่เรียกว่าความมั่นคงด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรม เผือกกอเดียวผมนำมาทำอาหารรับประทานได้1เดือน จะให้มั่นคงขนาดไหนละครับ

นักวิจัยนักโภชนาการทำเรื่องความมั่นคงอาหารระดับไมโคร

ผมกับป้าสอนทำได้แค่ระดับกะโปโล..

แต่ก็ได้..อะไรเยอะมาก

อย่างน้อยก็ชี้ให้ดูได้ว่า..ความมั่นคงด้านอาหารระดับชุมชนมีหน้าตาอย่างไร?

หมู่บ้านโลกไม่ทำเรื่องมักโลภ

..แต่จะทำเรื่องคลายโรค คลายทุกข์ ประสบสุขเกษมศาสนติ์

โม้ไปก็เท่านั้น..มันต้องมาพิสูจน์

ไม่มีชีวิตใดในโลกที่ไม่มีความเสี่ยง

คุณภาพชีวิตขึ้นอยู่กับคุณภาพของสังคม

พวกเธอต่างคนต่างลอยเพสังคม

สุดท้ายการบริหารสังคมก็ตกไปอยู่ในหมู่มาร

คราวนี้จะทำอย่างไร?

บางคนที่ยังพอกลับตัวได้..แนะนำให้ขึ้นคาน ก็หัวเราะ..

เรื่องนี้แล้วแต่วาสนานะหล่อน…

จะผ่อนส่งดอกเบี้ยความเป็นมนุษย์ที่ปกติอย่างไร  ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย

แค่เขียนแบบชิมลาง..ก็เสี่ยงที่จะโดนไม้คานฟาดหัวแล้วนะ

ชิมิ  ชิมิ..


ชวนฮันนี่มูลจนแก่งั๊ก

อ่าน: 1385

ผมชอบตามใจคนอื่นมากพอๆกับตามใจตัวเองนั่นแหละ

มันจะได้สมดุลย์กันยังไงละครับ

อกเขาอกเรา..เอาใจกันบ้างก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ครับ

ถ้ารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราละเยี่ยมเลย

ปัญหาอยู่ที่ว่า..ถ้าเป็นคนใจแคบ..

หนทางมันคับแคบจะสอดใส่อะไรมันฝืดเคืองไปหมด

แต่ถ้าใจกว้างเป็นแม่น้ำ..ก็อาจจะออกอ่าวไปเลยก็ได้

ทางสายกลาง..ทางสายที่สมดุลย์นี่แหละที่เราต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

 

เมื่อวานนี้ทำให้ลูกศิษย์สาววิ่งฝุ่นตลบ

เพราะใช้คำผิด ระหว่างเต้าหู้ กับเต้าเจี้ยว

2 ตัวนี้เป็นพี่น้องกัน ..บังเอิญมาใช้คำว่า..เต้าหู้เม็ด ..นี่สิ

เธอยังคิดบวก..ว่ามันอาจจะเป็นนวัฒกรรมใหม่

รึญี่ปุ่นเขาค้นคิดได้เต้าหู้ชนิดเม็ด..555..

วันนี้จึงขอไถ่บาปลงภาพประกอบให้ชม

และเล่าเรื่องเป็นของแถม..

หลังจากที่ผมมาปักหลักปลีกวิเวกอยู่กระต๊อบน้อยชายป่า ของหนุ่มใหญ่ใจผ่องแผ้ว รู้สึกสงบสงัดสงบสูขมาก เพราะเป็นการย้อยรอยไปสู่อดีตสมัยเด็กๆ ยุคมราเตี่ยแม่มาบุกเบิกป่าทำไร่ทำสวน ยุคนั้นปัจจัยสมัยใหม่อย่างทุกวันนี้ไม่มีหรอก จะทำอะไรสักอย่างต้องพึ่งพิงจากธรรมชาติทั้งหมด ตัดไม้เนื้อแข็งมาปักเป็นเสาเรือน พื้นใช้ไม้กระดานบ้างฝากไม้ไผ่บ้าง จะมุงที่อยู่อาศัยไปเกี่ยวหญ้าคามากรองเป็นแผ่นๆมุงทับซ้อนกันด้วยตอกไม้ไผ่ กันฝนกันร้อนกันลมได้อย่างดีเชียวละ ของใช้ไม่สอยมีเท่าที่จำเป็น ทำชั้นวางบ้าง เอาแขวนไว้ตามเสาบ้าง ฝาบ้านเต็มไปด้วยตัวเลขยึกยือที่ใช้ถ่านเขียนเตือนความจำ

ทุกอย่างมันลงตัวพอเหมาะพอเจาะยิ่งกว่าสมัยนี้ ที่อ้างว่ามีความพร้อมทุกด้าน แต่อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนหรอกนะเธอ..ช่วงที่น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย ทำให้อุปกรณ์และช่างฝีมือขาดแคลนอย่างมาก

  • คนกรุงก็เร่งซ่อมแซมบ้าน
  • คนต่างจังหวัดที่อยู่บางกอกก็กลับมาสร้างบ้านสำรองไว้
  • วัดวาอารามก็มีงานขยายศาลาสร้างโบถส์กันอีก
  • คนที่ได้เขยฝรั่งก็สร้างบ้านอวดกันใหญ่โต
  • ทุกหมู่บ้านอย่างน้อยๆจะมีบ้านใหม่ผุดขึ้นไม่น้อยกว่า5หลัง

มิน่าละ..บริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้างชื่อดัง ถึงยกทัพมาปักหลักเปิดบริการขายอุปกรณ์กันอย่างคึกคัก ต้องการเครื่องแต่งบ้านระดับไหนไม่ต้องสั่งมาจากบางกอกหร๊อกก. ไปซื้อสั่งเอาในห้างใหม่บ้านเรานี่ แต่..ดูผิวเผินอาจจะเห็นว่ามีสินค้ามากมายก่ายกอง พอกดปุ่มเรียกช่างมาคุย พบว่าปัญหาเหนือความคาดหมายมีเยอะเลย

เช่น วัสดุที่ใช้กันมาก บล็อกซีเมนต์ อิฐแดง ของขาดอย่างเหลือเชื่อ บางทีต้องรอเป็นสัปดาห์ ของมาก็ต้องไปแย่งไปแบ่งกันอีก เหตุการณ์คล้ายกับคนกรุงแย่งซื้อมาม่า-ไข่-น้ำดื่ม จนขาดตลาด ตอนน้ำท่วมใหญ่นั่นแหละ แต่ปัญหาที่ยากจะจัดการก็คือช่างก่อสร้าง คงจะอีนุงตุงนังกันไปอีกนาน

เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ

..ที่คนสร้างบ้านต้องเข้าคิวรอช่างรับเหมา

ผมรู้จักช่างในพื้นที่พอสมควร

แต่ติดต่อไปหาช่างคนไหน..ไม่มีใครว่างเลย

  • ทีมพวกรับปากเลื่อยไม้ซอยไม้ยังมาขอโยกไปหลังสงกรานต์
  • ทีมสร้างเสริมบ้านใต้ดินก็ต่อรองไปหลังสงกรานต์
  • ทีมที่จะสร้างกระต๊อบมีมีสกุลถาวรก็ขอหลังสงกรานต์
  • ทีมTOT.บอกให้ใช้WIFI.ทดลองไปพลางๆก่อน หลังสงกรานต์จะมาปรับให้ใหม่

คำว่าหลังสงกรานต์..หมายถึงวันที่หายอ่อนหล้าจากน้ำเมาแล้วนะ

ยังดีที่ทีมสร้างโครงไม้ปลูกผักพยายามเร่งรุดให้เสร็จก่อนสงกรานต์

 

ปุ่มที่กด..อ่อนแรงเพราะเหตุเหล่านี้เอง

ผมก็บ่ฮู้จะทำฉันใด

อยากจะทำเร็วๆ..ก็ส่ออาการ..แต่ช้าแต่เขาแห่ยายมา..

อีกหน่อยฝนลง..ช่างก็จะไปลงไร่ลงนา..เว้นวรรคงานไปอีกหลายเดือน

จะรออาศัยอาสาสมัครมันก็งานคนละระดับกัน

 

เช้านี้ลองแวะร้านสตึกมินิมาชท์

เจ้าของเป็นชายหนุ่มทำหน้ายู่ยี่..ทั้งๆที่ไม่ได้เปิดขายตลอด24ชั่วโมง

แกเล่าว่า..หาพนักงานยากเหลือเกิน

เปิดรับสมัครมาเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้..

  

เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่คิดทำงาน

ชอบเกาะพ่อแม่กิน..ติดนิสัยมาจากสมัยเรียน

ที่พ่อแม่ไม่ต้องการให้ลูกทำงานช่วยงานอะไร

ทุกอย่างแม่ขออาสาหมด..

ไล่ลูกไปเรียนไปติวบ้าๆบอๆอย่างเดียว

เด็กรักดีมีความสนใจรักการเรียนประมาณ 30%

อีก70%เป็นพวกไม่เรียนไม่ทำอะไร..

เฮไหนเฮนั่นวันยังค่ำ อยู่ร้านเกมส์ได้ตลอด24ชั่วโมง

 

พันธกิจหลักมี3อย่าง

1 แบมือขอเงินไปฟื้นฟูชีวิตให้ซู่ซ่าส์

2 ขี่รถ/แข่งรถมอร์เตอร์ไซด์เลียนแบบเด็กแว๊นในกรุงเทพฯ

3 ยกพวกตีกัน ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับอำเภอ

ใช้เกรดเดียวกับสินค้าโอท๊อปเลยนะเธอ

 

เรื่องนี้ไม่ได้ยกเมฆมากระแหนะกระแหนหรอกนะจ๊ะ

ว่างๆของเชิญมาแหกเนตรดูได้

ว่าบ้านนี้เมืองนี้มันเสื่อมถอยจนไม่รู้จะไถลไปยังไงแล้ว

 

ใครที่กำลังแต่งงาน หรือแต่งงานใหม่ๆ

อย่าเพิ่งมีลูกเลยนะครับ

ดูทีหนีทีไล่ให้ดี..ถ้าไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยงลูกได้ดี

ก็อย่ามีลูกเสียเลยดีกว่า..

ฮันนีมูนไปเรื่อยๆจนแก่งั๊ก !

สงสารเด็กที่ต้องเกิดแปดเปื้อนสังคมห่วยแตก

ถ้าเป็นไปได้..อย่าแต่งงานเป็นดีที่สุด

เอาตัวอย่างหลวงพี่หลวงน้าหลวงลุงก็ได้นี่..

เหตุผลรึ..เอาไว้คุยกันนอกรอบ…

 

  • อยู่ในป่าห่างไกลผู้คน แทบไม่ได้คุยกับใคร เมื่อวานหลังสั่งงานแล้วไม่ต้องพบปะหน้าใครเลย มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครในหมู่บ้านมาแจกซองผ้าป่า และขอไม้ไปใช้ช่วงทำบุญ..ก็เท่านั้น..
  • คนสมัยนี้ไม่ค่อยได้พบหน้า ไม่ค่อยได้คุยซึ่งหน้า
  • เอาแต่บ่นๆๆๆและบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง
  • เอ้า! อ่านเรื่องที่บ่นคลายร้อนไปก่อนนะตัวเอง
  • ส่วนปัญหาใจที่กริ่นไว้ข้างบน
  • ถ้าสนใจก็คงจะต้องวางแผนมาสลายคลื่นใจ ชิมิ ชิมิ//

 


ทุกข์ของคนกินผัก

อ่าน: 2048

กลับจากขอนแก่นพี่น้องเอ๊ย!

เส้นทางคมนาคมทางสำไส้ผิดปกติไปจากเดิม

ทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเนื้อใดๆแม้แต่น้อย

ไม่ว่าเนื้อคนหรือเนื้อสัตว์

ที่เคยสะดวกปรูดปราดก็กลับนิ่งอั้นไปเฉยๆ

ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็ออกกำลังเดินรดน้ำอาบแดดอยู่2ชั่วโมง

แสดงว่าเรื่องการปฏิบัติต่อตัวเองด้านการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพร่างกายอย่างเข้มข้นเพื่อหวังผลอย่างแท้จริง จะต้องมีแปลงผักของตนเอง ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ยากอะไร แต่คนที่อยู่เมืองกรุงอาจจะผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่าคน แล้วเป็นคนปลูกผักปลอดสารด้วยนะ คนเจ้าชู้ไม่เกี่ยว จะได้ตกลงMOU.ว่าจะปลูกจะจัดส่งให้กันอย่างไร หรือใครที่มีญาติอยู่ต่างจังหวัด ถ้าปลูกผักปลอดสารไม่เป็น ก็ชักชวนกันศึกษาทดลอง ไม่ยากหรอกถ้าเห็นประโยชน์คุ้มค่าแล้งลงมือทำจริง 2 เดือนก็อิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจแล้ว

วันก่อนพยาบาลโรงพยาบาลสตึกมาเยี่ยมแม่หวี

พยาบาลส่วนใหญ่ขี้โรคทั้งนั้น

คุยกันไปคุยกันมาถึงรู้ โรคความดัน โรงเบาหวาน โรคไมเกรน โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรควิตกกังวล ทำงานหนัก..เลิกงานก็ชวนกันไปเลี้ยงเป็นการหลายน๊อตที่ศีรษะ อาหารที่เลี้ยงก็ แจ่วฮ้อน ตำยำ ปิ้งย่างเนื้อ หุ่นเจ้าเนื้อกันทั้งนั้น พยาบาลลุงพุงน่าดูที่ไหนละ

จึงตุตะอรชรเป็นส่วนใหญ่ ที่ไหนจะเหมือนพยาบาลแถวเชียงใหม่ พยาบาลกลุ่มที่มาบอกว่าอยากทำงานแบบจิตอาสา ชอบใจรูปแบบการทำแปลงผัก จะรีบเอาไปลงมือที่บ้าน มีความเข้าใจมากขึ้นเมื่อโฉมยงพาไปเดินเด็ดผักสดๆมาทำอาหารกัน บอกว่าจะให้โรงพยาบาลมาติดต่อ

โธ่ ผักอินทรีย์ปลูกกินเอง ไม่ได้ปลูกขาย มีคนเข้าใจว่าผักอินทรีย์ควรราคาถูกเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีและสารเคมี แต่หารู้ไม่ว่าเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อนมาก การลงทุนไปอยู่ที่การเตรียมดินเตรียมน้ำอย่างประณีต ที่สำคัญการขนส่ง ถ้าส่งทางรถทัวร์ตอนเย็นไปถึงเช้า ค่าขนส่งท่านอาจจะคิดว่าแพง แต่ก็ยังถูกกว่าซื้อผักในห้าง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งเท่ากับยิงนกโป้งเดียวร่วงมา2-4ตัว

1 ได้รับประทานอาหารสดๆปลอดภัย

2 ไม่ต้องเสียเวลาไปจ่ายตลาด มารับผักที่รถทัวร์สัปดาห์ละครั้ง

3 ได้ช่วยเหลือเครือข่ายชุมชนมีงานมีรายได้

4 ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมชาติ

· เรื่องนี้ควรจะให้รางวัลแก่สุขภาพตนเองเสียที

· ถึงผักอาจจะดูแพงอย่างไรก็ถูกกว่าสุขภาพของเราเอง

· ช่วยลดละเลิกสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย

· แถมยังประหยัดค่ายาค่าไปหาหมออีก

· ถ้าคิดสารตะถึงคุณภาพชีวิตแล้วถูกมาก

· รีบๆดูแลตัวเองอย่างเอาจริงเถิด

· ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทะนุถนอมตัวเอง

เมื่อเช้านี้เดินไปรดน้ำผัก แล้วเด็ดยอดผักมาอย่างละ2-3ยอดก็ค่อนตะกร้าแล้ว นึกในใจว่าจะรับประทานอาหารมื้อเดียว จึงรวบยอดเอาอาหารเช้ากับอาหารกลางวันมารวมกันไว้ด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าเราต้อง จึงเด็ดเอาผักกินสุกมาลวกด้วย เช่น ยอดมะกล่ำ มะเขือพวง และยอดน้ำเต้า ส่วนผักสดก็เด็ดที่เคยรับประทานประจำ เด็ดไปเด็ดมา..ไอ้นั้นก็จะแก่ ไอ้นี่ก็จะยาว เรื่อยเจี้อยไปจนผักเต็มตะกร้า ล้างแล้วมีปริมาณมาก น่าจะประมาณ 2 .. ได้ คงเคี้ยวมาจนเมื่อยกราม

คราวนี้ก็เกิดความทุกข์นะสิครับ

จะกินยังไงหมดละเนี๊ย

ที่จริงก็ไม่ได้ปลูกมากมายอะไร ส่วนหนึ่งเป็นงานเก็บข้อมูลด้านเมล็ดพันธุ์

ผักที่อยู่รองรับคนได้6-7คน/วัน

ส่วนผักที่เด็ดมากินกัน2คนกำลังดี

คนชอบผักก็อยู่ไกลๆกันทั้งนั้น

จะชวนมาหาร3หาร4ก็ไม่มีทางทำได้

คนน่ารักกับคุณโยโก๊ะติดงานสำคัญมาไม่ได้

แกงขี้เหล็กที่จะทำก็คงต้องนั่งฟาดจนหน้ามืด

ครูสมบูรณ์ก็ไปควงตะหลิวอยู่ที่อินเดียโน่น

ถ้าสอนคนอินเดียกินผักไม่สำเร็จอย่ากลับมานะครับ

เสียชื่อครัวไทยสู่ครัวอินเดียโม๊ด คิคิ


สถานการณ์ตอนนี้ กินก็แล้ว แจกก็แล้ว

ผักสดเหมือนอาหารทะเลที่ไหนละ

ถึงเวลาจวนแก่ก็พุ่งพรวดพราดวันต่อวัน

ถ้าไม่รีบกำจัดจุดอ่อนละแย่เลย

ดังนั้น การวางแผนปลูกผักคงมีหลายระดับที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปล ถ้าตั้งเป้าว่าจะใช้ผักสำหรับ 10-20 คน/วัน, หรือ 30-50 คน/วัน จะมีรายละเอียดมากพอสมควร เรื่องอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้

มีคนจำนวนมากคิดเองเออเองว่าอาหารมังสะวิรัตไม่อร่อย

เพราะตนเองติดรสชาติทั่วไปเสียแล้ว ยังดีที่คนชนบทที่ยังมีน้ำพริกติดถ้วยอยู่บ้าง นักปฏิบัติจะบอกว่า..เรารับประทานเพื่อยังแก่ชีวิต ไม่ได้เพื่อความอร่อย ก็ไม่มีผิดถูกหรอกนะครับ แต่ถ้าจะเสนอแนวทางส่งเสริมให้ได้ผลเร็ว เราต้องมีเมนูเด็ดสิครับ

ทำอย่างไรถึงจะให้อาหารมังสะวิรัตอร่อยสำหรับผู้ที่ริเริ่มรับประทาน

ท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะไหมครับ

ผมจะได้นำมาประกอบการความอร่อยให้อื้ออึงไปทั้งบางยี่ขัน


รายงานผลปฏิบัติการผ่าแตงโม ยกที่ 1

อ่าน: 1797


ช่วงผ่านมาไปหลงสาวๆFB.จนเกือบหลงทางกลับบ้าน วันนี้ได้วับไปดูลานซักล้าง ก็เลยย้อนมากวาดบ้านทำความสะอาดบ้าง โห.ขยะตรึมเลยละครับ แต่ก็มีเรื่องเล่าเคล้าความบรรเจิดมาฝาก เรื่องแรกได้แก่การเข้าคร๊อสธรรมชาติบำบัด ปฏิบัติการมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้วละครับ

มื้อเช้ารับประทานผักสดล้วนๆ

มื้อกลางวัน อาหารสุก เช่น ผักลวก ผัดผัก แกงเลียง กินข้าวประมาณเท่าไข่ห่าน

มื้อบ่าย-เย็น รับประทาน มะพร้าวอ่อน1ผล และผลไม้

ทำการฝึกกายบริหาร เน้นการลมหายใจ อาบแดด-เช้าเย็น

เช้าเดินจงกลม ไปเก็บผักสดที่ปลูกไว้ข้างบ้าน เด็ดยอดกวงตุ้ง ถั่วพู ถั่วฟักยาว คะน้า ผักกาดจ้อน ผักสลัด ดอกชมจันทร์ มะขือเทศ ยอดมะยม ยอดนางดำ และยอดอ่อนดอกไม้ที่จำชื่อไม่ได้ เด็ดสะระเหน่ วอเตอเกรส ผักกาดขาว ยอดหญ้าปักกิ่ง ยอดคาวตอง ใบชะพลู ได้ครบแล้วก็มาล้างน้ำในตะกร้า โฉมยงเอาชามไม้มาให้ ชอบอะไรก็เด็ดๆใส่ชาม โรยงาคั่ว ราดน้ำสลัดทำเอง : น้ำมะขาม/น้ำมะสัง/น้ำผึ้ง

หลังจากคลุกๆแล้วก็ตักเข้าปาก

แต่ละคำจะไม่ซ้ำรสเดิม

แล้วแต่เราจะจิ้มผักอะไรมารวมกับชนิดใด

เคียวช้าๆให้ละเอียดแล้วค่อยกลืน

ในระหว่างกลืนก็คุยกันกับโฉมยงเรื่อยเปื่อย

เล่นFB.ไปด้วย

ใช้เวลาช่วงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง

มื้อเที่ยง บางครั้งก็กินผักลวกกับน้ำพริก บางที่ก็ทำแกงแบบง่ายๆ ใช้หม้อหุงข้าวขนาดเล็กใส่น้ำสูงประมาณ 1 นิ้ว ใส่น้ำพริกลาภเมืองเหนือ กะปิหน่อย ใส่ปลาป่น เติมเกลือ ซ๊อสซีอิ้วขาว เติมเกลือนิดหน่อย เอาผักที่เหลือมื้อเช้ามาหั่นๆ หั่นเสร็จน้ำเดือดพอดี ทอดเวลาประมาณ 4 นาที ก่อนจะยกลงใส่ยอดแมงลักขยุ้มหนึ่ง ครั้งแรกๆรับประทานกับข้าวกล้องประมาณเท่าไข่ห่าน อาจจะมีไข่ไก่ต้มแถมอีก 1 ฟอง มาระยะหลังงดข้าว ล่อผักอย่างเดียว ส่วนแกงก็พลิกแพลงทำไปเรื่อยๆ เนื่องจากผักสดจึงออกรสหวานกลมกล่อม

มื้อบ่ายรับประทานน้ำมะพร้าว 1 ผล บางทีก็รับประทานผลไม้ กล้วย ฝรั่ง ส้ม แอปเปิล พักหลังผลไม้รับประทานบ้างงดบ้างตามความขี้เกียจ ตลอดวันรับประทานเพียงเท่าที่ รู้สึกเบากายเบาใจ ปลายเท้าที่เย็นก็มีอุณหภูมิปรกติ คิดเอาเองว่าเลือดลมคงจะเดินตลอดปลอดโปร่ง ท้องไส้เบาสบาย จากที่เคยท้องผูก2วัน/ครั้ง ก็ขับถ่ายสบาย3เวลาหลังอาหาร

กากอาหารมีน้อยมาก

การขับถ่ายกลับมาดีกว่าปกติ

กลิ่นตัวไม่มี

นอนใกล้ใครเขาก็ไม่เขยิบหนี

ที่แปลกๆมากๆคือไม่มีอาการหิวใดๆ ต่างจากสมัยที่บริโภคเนื้อ ทั้งๆที่รับประทานมามาย บางครั้งก็ยังรู้สึกโหยหิว สังเกตตัวเองมาถึงวันนี้ ถ้าจะตัดมื้อเที่ยงออก เหลือเฉพาะมะพร้าวอ่อนตอนบ่ายๆ ก็อยู่ได้สบายมาก จึงหายแปลกใจที่พระฉันวันละ1มื้ออยู่ได้สบาย..มันเป็นเช่นนี้เอง

ช่วงบ่ายจะล้างจมูก คอ ตา ด้วยน้ำมะพร้าว+เกลือ+น้ำมะนาวนิดหน่อย

จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น แต่ยังเหลืออาการภูมิแพ้อยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นมาก

ตามที่หมอกำหนดยังทำไม่ครบทุกอย่าง เช่นการนอนน้ำแช่สันหลัง การแช่ก้นในน้ำ การเอาดินจอมปลวกมานาบท้อง 3 อย่างนี้ยังไม่ได้ปฏิบัติ เพราะการขับถ่ายเป็นแกติแล้ว หลังก็ไม่ได้ปวดตึงแต่อย่างใด ส่วนการเอาดินจอมปลวกมานาบท้องหมอบอกว่าจะช่วยให้แตงโมลดลงเร็วขึ้น เท่าที่เป็นอยู่ก็คิดว่าระบบในร่างกายดีวันดีคืน จึงแหกกฎหมอ ไม่ทำตามเสียทั้งหมด

วัดความดันปกติ

น้ำหนักเคยขึ้นสูงสุด 65 ..

ตอนเริ่มรักษาตัวน้ำหนักตัวอยู่ที่ 60 ..

ขึ้นตาช่างวันนี้ น้ำหนักลดลงเหลือ 58 ..

แค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว

กะว่าจะลดลง55 ..น่าจะพอดี

และคิดว่าคงจะทำได้สบายๆในอีกเดือนข้างหน้า

ข้อห้ามของการบำบัดตามแนวธรรมชาติ ต้องงดเนื้อทุกชนิด งดชา กาแฟ ขนมต่างๆ อนุญาตให้ดื่มน้ำผลไม้แทน ก็ดื่มบ้างไม่ดื่มบ้างตามความสะดวกของโฉมยงจัดให้ รูปแบบของการรับประทานอย่างนี้ นอกจากไม่หิวเบาตัวแล้ว ทำให้ชีวิตประจำวันเรียบง่าย ไม่ต้องเสียเวลาปรุงอาหารและเก็บจานชามไปล้างเป็นโขยง โฉมยงถาม พ่อจะเอาอะไรไหมจะไปตลาด ยังงงตัวเอง ไม่รู้จะซื้ออะไร กาแฟ ขนม ที่เหลือก็ทิ้งค้างเติ่ง เก็บเอาไว้เลี้ยงแขก

ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปในทางที่สะดวกสบาย

มีความสุขกับการปลูกผัก

เห็นผักงามสะพรั่ง

ก็สนุกกับการทดลองเมนูใหม่ๆ

สงสารแต่เตาดาโกต้า คงทำหน้าที่อบไก่ ปลา หมูแดง เฉพาะเวลาที่มีแขกมาเยี่ยมยาม ตัวเองหมดสิทธิ์รับประทาน แต่ก็ยินดี..ไม่ขายสิทธิ์นี้แน่นอน เอาเวลามาเตรียมจัดสถานที่งานเฮปลายเดือนมีนา-ต้นเมษา คณาญาติมาเจอตัวเป็นๆ อาจจะจำไม่ได้ว่านี่ ณเดช หรือครูบา

· จึงมารายตัวประมาณนี้

· ถ้าอยากจะทดลองเมนูนี้ก็มาชิมล่วงหน้าได้นะครับ

· อีกงานหนึ่งที่จะต้องเตรียมการเดินหน้าสร้างหมู่บ้านโลก

· ตามที่คอนฯเกริ่นให้ทราบบ้างแล้ว

· คาดว่างานเฮเที่ยวนี้

· คงต้อนรับพี่ป้าน้าอาในความพร้อมมากว่าที่ผ่านมา



Main: 1.6064898967743 sec
Sidebar: 0.047360181808472 sec