๒๐. สันติวิธีกับความมั่นคงแห่งชาติในมิติใหม่ ๓

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 20 กรกฏาคม 2008 เวลา 10:40 ในหมวดหมู่ เสริมสร้างสังคมสันติสุข #
อ่าน: 7402

วันนี้ผมขอต่อให้จบที่พี่แจ๋ บรรยายนะครับ นำสรุปบรรยายขึ้นติดๆกันทุกวัน กลัวว่าผู้อ่านจะเบื่อ และอ่านไม่ทัน สังเกตดูว่าถ้าเขียนแล้วอีกสองวันค่อยเพิ่มบันทึกจะมีคนอ่านมากกว่าเพิ่ม บันทึกทุกวัน แต่ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ต้องการคือมีบทสรุปให้ทุกท่านได้ติดตามอย่างไม่ขาดครับ

หากเราสังเกตสังคมเราปัจจุบันจะเห็นว่ามีความเห็นต่างขั้วกันมากมายและลุกลาม ฝ่ายหนึ่งก็อ้างว่าเพราะความชั่วของอีกฝ่ายหนึ่งจึงทำให้เกิดปัญหา อีกฝ่ายหนึ่งก็ว่าเรื่องเล็กไปกระพือให้เป็นเรื่องใหญ่ รักชาติจริงหรือเปล่าหรือทำให้ชาติเสียหายกันแน่ พี่แจ๋เลยบอกว่า…

ความเห็นที่ต่างขั้ว สามารถทำให้ทุกคนไม่เป็นคนละพวกต้องรู้สึกเป็นพวกเดียวกันพูดคุยกันได้ พูดถึงดุลยภาพหรือความสมดุล

ความทุกข์สุขของคนเล็กคนน้อย ความเจ็บปวดเมื่อถูกได้รับการเยียวยา ก็จะสุข ให้อภัย ไม่เจ็บแค้น

สังคมไทยมีหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์จะมีประวัติศาสตร์ความจริงของท้องถิ่น และทุกกลุ่มก็จะภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติพันธ์ของแต่ละกลุ่ม หากแต่ละกลุ่มยอมรับความหลากหลาย ความต่าง การอยู่ร่วมแผ่นดินเกียวกันก็จะง่ายมาก สังคมไทยต้องยอมรับว่าเราเป็นพหุวัฒนธรรม จิตนาการของความเป็นไทยไม่ใช่จินตนาการเดียว   เมื่อ หลายปีมาแล้วถูกมองว่ากระทบต่อความเป็นชาติ เช่น ลูกจีนในอดีต แต่มาถึงปัจจุบัน นโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคงเปลี่ยนไป ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อสาย เป็นสิ่งสวยงามที่พัฒนาความมั่นคงความเป็นไทยดีกว่าวัฒนธรรมเดียว การรวมกันสะสมมาหลากความแตกต่างหลากวัฒนธรรมจึงเป็นปัญญาที่สร้างสรรค์สังคม ได้ เรื่องของภาษาที่บอกความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย เราพูดถึงจินตนาการถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย  ถ้าเราจะเดินออกจากความขัดแย้งทั้งมวล จำเป็นต้องเริ่มต้นจากภาคส่วนที่ไม่ใช่รัฐ และทำงานด้วยกัน

เราต้องมีการเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์จากความจริงทั้งหมด ทั้งสวยงามและเจ็บปวด แต่อย่าเอาความเจ็บปวดมาเป็นกับดักของการอยู่ร่วมกันไม่ว่าปัจจุบันหรือ อนาคต และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ต้องหลุดจากโจทก์เดิม มีโจรแยกดินแดน ก่อความไม่สงบ มีภาพฉายที่จอเป็นภาพ นศ.รามคำแหง สโมสรนิสิตนักศึกษา ร่วมกันเปิดพื้นที่สันติวิธีที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องราวของผู้หญิงถูกข่มขืนที่ปะแต นศ.เปิดพื้นที่คนประมาณ ๓,๐๐๐ คน เรียกร้องให้รัฐทำความจริงให้ปรากฏ และทำสำเร็จด้วยความเรียบร้อยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงกับรัฐ แต่การเปิดพื้นที่ครั้งนั้นถูกระแวงว่าเป็นกลยุทธิ์ใหม่ที่กลุ่มโจรให้นศ. ทดลองทำดู นศ.กลุ่มนี้จึงถูกจับจ้องเพื่อหาข่าวเชิงยุทธวิธี จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงมีพื้นที่เรียกร้องน้อยมาก เพราะจะเกิดการระแวง ถูกจับจ้อง เป็นที่มาของการเกิดความระแวงไว้วางใจสะสม  มีการเสนอการปกครองท้องถิ่นภาคใต้ เดิมมีคำว่าพิเศษ พอเอาคำว่าพิเศษออกก็ดูดีขึ้น

ความคิดของสามชายแดนภาคใต้ มี ๒ ความคิด คือกลุ่มหนึ่งต้องการสันติ กับอีกกลุ่มหนึ่งต้องการใช้ความรุนแรง ภาครัฐก็เช่นเดียวกัน ต้องดูว่าการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ผลแค่ไหน การทำให้แนวร่วมออกมาให้ร่วมมือกับรัฐ ทำมากแต่ได้ผลน้อย แต่ถ้าทำใหม่ คิดใหม่ในรูปแบบสันติวิธี เอาคนที่อยู่ในกระบวนการมาคุยเรื่องการหาทางออกโดยสันติวิธีกับรัฐไทย กำลังขยายผลซึ่งน่าจะง่ายกว่า การที่รัฐจินตการใหม่ การเรียนสองภาษา การให้เกียรติยอมรับ กระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส จะดึงความไว้เนื้อเชื่อใจกลับคืนมา

จะมีกระบวนการ peace talk แต่ยังไม่เปิดเผยในเบื้องต้น และประเทศอื่นที่ได้เคยประสบความสำเร็จ เช่นประเทศสเปน บาเซโลน่า พรรคบาสกับรัฐสเปน ซึ่งใกล้เคียงกับไทยมากที่สุด

จากนั้นพี่แจ๋ก็สร้างบรรยากาศแห่งความมันด้วยการเชิญคุณพิภพ ธงไชย และคุณศุภชัย ใจสมุทร แต่น่าเสียดายที่คุณศุภชัย ไม่อยู่ติดภาระกิจเลยไม่ได้มาเรียนในวันนี้ แต่ก็ยังมัน

คุณพิภพ ธงไชย ยอมรับว่าไม่ได้ใช้สันติวิธีเต็มรูป  แต่ใช้สันติวิธีจริงๆทั้งหมดไม่ได้ ข้อมูลที่ได้มาและพูดบนเวทีตรงมั่งไม่ตรงมั่ง บนเวทีก็มีการแก้ไขปัญหากันตลอดเวลา หากใครพูดก้าวร้าว หยาบ ก็จะต้องจัดการกันห้ามพูด และในพันธมิตรก็มีทั้งซ้ายสุดและขวาสุด และเล่าให้ฟังว่า…พันธมิตรอดทนมาสามครั้ง ที่ธรรมศาสตร์มาก่อกวนมาเปิดอวัยวะเพศ  ครั้งที่สอง ก็โดน ครั้งที่สามโดนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ดังนั้นพอมาถึงสะพานมัฆวานจึงตั้งรับ ในกระบวนการสันติวิธี คุณพิภพให้ความเห็นว่าตำรวจต้องทำงานด้วย การต่อสู้กับการสลายม็อบด้วยการตั้งรับให้นอนหงายเป็นการโต้ตอบความรุนแรง เพราะต้องใช้คนถึงสามคน และอาจเกิดปัญหาลวนลามทางเพศ  มีการตกลงกันว่า ๕ แกนนำจะยอมให้จับ เหล็กแป๊บต่างๆ ไม้เบสบอล เป็นเครื่องมือของความรุนแรง ก็เอาไปเก็บ  ห้ามบุกทำเนียบ  นา ยกฯสมัครพูดถึงการสลายม๊อบ สังคมไทยต่อต้านความรุนแรง อดีต รสช.ก็โทร.ไปหาสมัคร ถ้าใช้ความรุนแรงจะไม่มีที่ดินอยู่ คุณจำลองจะสั่งให้หยุดความรุนแรงตลอด ยุทธวิธีตำรวจกั้นที่ไหนเราก็หยุดที่นั่นและนั่งลง มันก็เกิดปัญหาการจราจรติดขัดรัฐบาลต้องแก้ปัญหาการจราจรเอาเอง  การกั้นจะทำให้เกิดวงกว้างขึ้น เป็นยุทธวิธีให้รัฐบาลตระหนัก

สันติวิธีจะไปที่ไหนก็จะบอกก่อน แล้วไม่เปลี่ยน ต้องตรงไปตรงมา ในคืนที่ศาลสั่งให้รื้อเวที ก็สั่งการภายใน ๑๕ นาที ให้ยึดสะพานมัฆวาน  และก็ทำได้สำเร็จ

ถ้าจะให้เกิดสันติวิธีศึกษาทฤษฎีไม่พอ ต้องฝึกด้วย และต้องมีสัตยาเคราะห์ มีวาจาชอบ ยอมรับว่ามีการด่ากันบ้างบนเวทีซึ่งนั่นไม่ใช่สันติวิธี

ท่านชาติชาย กฤตชาญชัย ถามเรื่อง ใครเป็นกุนซือคิดเรื่องการถอดถอนผู้พิพากษาศาลแพ่ง และถ้าศาลอุทธรณ์ยืนตามจะถอดถอนหรือไม่ และศาลฎีกาพิพากษายืนตามจะถอดถอนผู้พิพากษาฎีกาหรือไม่ ทำไมจึงไม่ใช้วิธีการตั้งข้อรังเกียจตามที่กฎหมายกำหนด

คุณพิภพ ยอมรับว่าพลาด แต่ก็ถอนทัน และเป็นเรื่องอารมณ์ ระหว่างที่มีการไกล่เกลี่ยก็มีการเสนอแนะให้เปิดช่องทางจราจร แต่คำพิพากษาไม่ออกมาไม่เป็นไปตามที่เสนอแนะกัน โรงเรียนราชวินิตเขาขอเพียงให้รถเข้ามายูเทิร์น ไม่ได้ขอให้ยกเลิกการชุมนุม  คนร้องเรียนเรื่อง กลิ่น มีการเจรจากับรถเมล์ การแก้ปัญหามีความพอใจในระดับบริหาร คุณพิภพบอกว่าที่พันธมิตรยอมไม่ได้คือคือถ้าต่อไปการชุมนุมในที่สาธารณะจะทำ ไม่ได้ คำพิพากษาใช้เวลาสองชั่วโมง แล้วศาลให้รื้อเต้นท์คือเกินกว่าที่ไกล่เกลี่ยกัน

หลักการชุมนุมก็ต้องทำให้เกิดการเดือดร้อนซึ่งละเมิดสิทธิบางอย่าง ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็จะไม่มีปัญหา ถ้าไม่ทำให้เดือดร้อนรัฐจะมาเจรจาด้วยหรือ

คุณเทพสิทธิ์ ประวาหะนาวิน ถามว่า แรงกดดันที่พันธมิตรทำสำเร็จไปหลายเรื่อง ทำไมไม่จบเสียที ถ้ามองในภาพรวมเรื่องเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชน ถามว่าอีกนานไหมที่จะมีข้อยุติ

คุณพิภพ  ตอบเหตุผลว่าที่ไม่ยังไม่ยุติการชุมนุมว่า

-ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าการชุมนุมทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

-การชุมนุมมีสาเหตุมาจากรัฐบาลทั้งพลังประชาชน ประชาธิปัตย์ หรือชาติไทย

-เป้าที่แท้จริง รัฐบาลไม่เคยประกาศจะยุติการแก้รัฐธรรมนูญ

-คนที่มาชุมนุมไม่ลดลง

เกิดดุลยอำนาจของพลังทางฝ่ายประชาชน  จะต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมทำงานได้ ตำรวจทำอะไรอยู่ อัยการทำอะไร คตส.ทำอะไร

ต้องมานั่งฟังในบรรยากาศจริงครับพี่น้อง ผมตัดถ้อยคำที่เห็นว่าอ่านแล้วจะเกิดความรู้สึกรุนแรงออก เพราะคำพูดกับภาษาเขียนถ้าผู้อ่านไปตีความอีกอย่างหนึ่งเดี๋ยวจะกลายเป็นผล กระทบลามไปอีก จึงต้องใช้สันติวิธีโดยไม่เติมเชื้อเหมือนกับคนสองสามคน อิอิ

ในวันนั้น มีการแซวกันว่า สงสัยเราต้องลงพื้นที่ไปหาข้อมูลจริงถึงจุดที่ชุมนุมของพันธมิตร และไปดูที่กลุ่มเสื้อแดง  พอวันอาทิตย์น้องสาวผมโทร.มาหาว่า โก..ได้ข่าวว่าพวกตัวเอง ๘๐ คน จะไปที่เวทีพันธมิตรเหรอ

ผมร้องเฮ้ย….เอามาจากไหน 555

น้องบอกว่าก็คุณพิภพ บอกว่าอีกสักครู่นักศึกษาการเสริมสร้างสังคมสันติสุขจำนวน ๘๐ คนจะไปร่วมกับพันธมิตร

ผมบอกน้องว่าผมเป็นเลขานุการรุ่นชั่วคราว ถ้าจะไปในนามรุ่นทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ และเรากำลังศึกษาเรื่องสันติวิธีกันอยู่แล้วเราจะไปเข้าข้างใครได้อย่างไร เราต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่งั้นจะเท่ากับว่าเราลงไปรบกับเขาด้วยแล้วเราจะแก้ไขปัญหาของชาติกัน อย่างไร แต่ใครจะมีความเห็นส่วนบุคคลอย่างไรก็เป็นสิทธิของเขา เพราะจะให้ทุกคนเห็นตามกันไม่ได้ แต่เราต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติบนความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างหลากหลาย

อืมม์..จริงอย่างที่คุณพิภพว่า เรื่องที่พูดบนเวทีตรงมั่งไม่ตรงมั่ง ฮา…

« « Prev : ๑๙. สันติวิธีกับความมั่นคงแห่งชาติในมิติใหม่ ๒

Next : ๒๑. สันติวิธีในสังคมไทยการรับรู้และความเข้าใจ ๑ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1658 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 2.559228181839 sec
Sidebar: 0.049371004104614 sec