บ้านชานเมือง (21) สัตว์ที่ชื่นชอบ

2 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 4 ธันวาคม 2009 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ สัตว์ พืข สิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 2747

        สัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่มาเยี่ยมเยือนบ้านเราหลายอย่างเราไม่อยากให้มาโดยเฉพาะสัตว์เลื้อยคลานอย่างงู  แต่มีสัตว์อีกหลาย ๆ อย่างที่เราอยากเห็นเขาให้บ่อยเท่าไหร่ยิ่งดี อย่างเช่นพวกแมลงต่าง ๆ โดยเฉพาะพวกผีเสื้อ ที่มีหลากหลายในขนาดและสีสรรอันสวยงามต่าง ๆ กัน  เขาจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเยี่ยมบ้านเรา  ผมชื่นชอบและได้เพลิดเพลินไปกับเหล่าผีเสื้อเหล่านี้ ที่ได้เห็นเขาบินชื่นชมดอกไม้ใบไม้จากดอกนี้ไปดอกนั้น  บางทีก็เห็นเขาบินโฉบเฉี่ยวเหมือนกับไล่ตามกันเป็นคู่  เห็นแล้วทำให้มีความสุขและสบายใจไปกับเหล่าผีเสื้อเหล่านี้ด้วย  ดูเขาช่างมีความสุขเหลือเกิน บินจากดอกโน้นไปดอกนี้ ได้ดมกลิ่นหอมของดอกไม้และชิมน้ำหวานจากดอกไม้เหล่านั้นอีกด้วย เรียกว่าได้ทั้งอาหารกายและอาหารใจไปพร้อม ๆ กัน  นึกถึงว่าถ้าเราเป็นผีเสื้อได้คงมีความสุขสุดยอดจริง ๆ 

(หมายเหตุ : ภาพล่างซ้าย เป็นภาพโดย ท่าน Lin Hui)

      อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่คนโบราณหรือศิลปิน มักเปรียบเทียบว่า ผู้ชายเหมือนผีเสื้อส่วนผู้หญิงเหมือนดอกไม้ เป็นของคู่กัน  แต่คิดไปอีกทีไม่น่าจะใช่นะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  ผีเสื้อจะเป็นฝ่ายเลือกดอกไม้ข้างเดียว  ดูดดมชมดอกไม้หลาย ๆ ดอกได้ตามใจชอบ  แต่สำหรับผู้ชายกับผู้หญิง (ในปัจจุบัน)  ต่างมีสิทธิในการเลือกชื่นชมซึ่งกันและกันได้อย่างเท่าเทียมกัน  หรือว่าในสมัยโบราณ  ผู้ชายมีสิทธิเลือกผู้หญิงฝ่ายเดียวและสามารถมีผู้หญิงได้หลาย ๆ คนอีกด้วย…..

       ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับการเปรียบเทียบว่า  ”ผีเสื้อกับดอกไม้ เหมือน ผู้ชายกับผู้หญิง”  ทั้งในอดีต ปัจจุบัน


บ้านชานเมือง (20) สัตว์ไม่ได้เลี้ยง

ไม่มีความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 3 ธันวาคม 2009 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ สัตว์ พืข สิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 2975

      นอกจากสัตว์(ไม่)เลี้ยงที่ไม่มีขาอย่างพวกหอยทากแล้ว ในบางโอกาสเรายังมีสัตว์ไม่ได้เลี้ยงที่ไม่มีขาอีกอย่างดังในรูปที่มาเยี่ยมเยือนเรา  มีหลายขนาดและหลายสี จะมาบ่อยในช่วงหน้าฝน มันอาจจะต้องการหลบฝนหรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงหน้าฝนมีอาหารอุดมสมบูรณ์ แถวบริเวณต้นไม้ที่เจริญงอกงามดีเป็นพิเศษ

 

เป็นงูอะไร ? มีพิษหรือไม่ ? ท่านใดทราบบ้างครับ

       ถ้าเป็นสมัยเมื่อหลายปีก่อน เมื่อพบสัตว์พวกนี้ในบริเวณบ้าน ก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อกำจัดมัน   กรณีที่เป็นตัวโตมากก็ต้องไปตามเพื่อนบ้านมาช่วยกัน  แต่ในระยะหลังได้เรียนรู้ธรรมชาติมากขึ้น เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น มีจิตใจที่มีความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น เมื่อพบมันอยู่ในบริเวณบ้านก็จะแผ่เมตตาให้มัน พยายามไม่รบกวนมัน ปล่อยให้มันค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปที่อื่นเอง ท่านผู้ชำนาญการ (ผบทบ) บอกว่า  สัตว์พวกนี้โดยธรรมชาติจะกลัวเรา และจะไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ไปทำให้เขาตกใจหรือทำให้เขาเข้าใจว่าเราจะไปทำร้ายเขา ดังนั้นการแผ่เมตตาและไม่รบกวนเขา เขาก็จะค่อย ๆ หลบไปตามทางของเขาเอง….สาธุ ๆ….ขออย่าได้มาให้เห็นบ่อยก็แล้วกัน….อิอิ

 


บ้านชานเมือง (19) สัตว์เลี้ยงไม่มีขา

อ่าน: 3581

       นอกจากเรามีสัตว์เลี้ยงยอดนิยมประเภท 4 ขาคือ เจ้าเหมียวที่เป็นสุดรักสุดโปรดของเจ้าของแล้ว  ที่บ้านชานเมืองของเรายังมีสัตว์เลี้ยงอีกหลายชนิด วันนี้นำภาพสัตว์เลี้ยงไม่มีขามาให้ชมครับ   อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของเจ้าของบ้านนะครับว่า มันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ไม่ได้เลี้ยง   มันจะทำหน้าที่ควบคุมจำนวนต้นไม้บางชนิดไม่ให้มีมากเกินไป โดยการกินใบและยอดเป็นอาหาร อย่างเช่นต้นสมุนไพร (ง๊อก) ที่เจ้าของนำมาปลูก ตามในรูป (ซ้ายบน)   หลาย ๆ ต้นถูกมันกินใบจนหมด บางต้นก็สามารถแตกใบใหม่ออกมาทดแทนได้ แต่บางต้นก็แห้งตายไป  ทีแรกผมไม่เชื่อนะครับว่าเจ้าสัตว์ไม่มีขานี้สามารถปีนป่ายขึ้นไปถึงยอดต้นไม้สูงเป็นฟุตได้ เพราะส่วนใหญ่เคยเห็นแต่มันเดินอยู่บริเวณพื้นดินหรือพื้นซีเมนต์ข้างบ้าน (ตามรูปล่างขวา)  แต่ท่านผู้ชำนาญการควบคุมปริมาณสัตว์ (ไม่ได้เลี้ยง) ชนิดนี้บอกว่า ต้องออกมาดูตอนดึก ๆ หรือ เช้า ๆ จึงจะได้เห็นมันออกปฏิบัติการ  ผมพยายามเฝ้ามองหาอยู่หลายวัน จึงสามารถเห็นกับตา (ตามภาพ)  โอ้โหมันเป็นสุดยอดนักปีนป่านจริง ๆ ครับ  คราวนี้จับได้คาหนังคาเขาขณะมันกำลังปฏิบัติการกินทั้งใบและยอดจริง ๆ ครับ

         พบว่ามีทั้งหอยเล็กหอยใหญ่ หลายขนาดด้วยกัน เรียกว่าหอยอะไรบ้าง ? มีวิธีกำจัดหอยพวกนี้อย่างไร ? ใครเป็นผู้ชำนาญการ ช่วยด้วยครับ  มันเป็นสัตว์ที่เราไม่อยากจะเลี้ยง….อิอิ

        เอ….แต่มันก็น่าจะมีประโยชน์ เพื่อการสร้างสมดุลย์ในระบบนิเวศน์นะ  และการมองดูมันก็สามารถเตือนสติเราได้เหมือนกันนะ…..มันไม่มีมือมีตีน มันยังสามารถปีนป่าย เดินทาง เพื่อหาเลี้ยงชีพได้  เรามีตั้ง  2 มือ 2 เท้า (ตีน) จะต้องสู้ชีวิต ทำมาหาเลี้ยงชีพให้ได้ จะได้ไม่อายหอยมัน…..5555


บ้านชานเมือง (18) คนกับแมว

อ่าน: 2335

      เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหยิบหนังสือ ทำ(ธุรกิจ)อะไรดีหลังเกษียณ ? ที่ได้รับเป็นของขวัญปีใหม่ปีที่ผ่านมาจากลูก ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง  ได้เห็นข้อที่เหมือนกันของคนสูงอายุ (ญี่ปุ่นและไทย) อีกอย่างคือ การเลี้ยงแมวเป็นเพื่อน  ในหนังสือเขียนไว้ว่าเขามีแมวถึงสองตัวเป็นเพื่อน แต่เรามีเพียงตัวเดียว  แสดงว่าแมวอาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผู้สูงอายุนิยมเลี้ยงเป็นเพื่อนมากที่สุดในญี่ปุ่นก็ได้ผู้เขียนจึงนำมาใส่ไว้  เราก็มีสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของ สว. เหมือนกัน….อิอิ

       อ่านต่อ »


คนละชั้น

อ่าน: 2654

        ในงาน BBQ Festival @ Korat  มีผู้มาเที่ยวชม ชิม และ ช๊อป มากมาย หลายระดับ ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งนั่งดื่มกินที่โต๊ะและชมการแสดงอยู่อย่างสนุกสนานอยู่ติดขอบเวที แต่บางคนก็อาจจะมีโอกาสแค่มาชมอยู่อย่างห่าง ๆ  อย่างเดียวเท่านั้น  

ถึงคนละชั้น….ก็…..เหมือนกัน….อิอิ

         บางคนอาจจะถือโอกาสมาขายของที่เป็นหารายได้ประจำของตัวเองด้วยที่ขายอยู่ในงานอื่น ๆ ที่จัดบริเวณนี้เช่นการขายลูกโปร่งสวรรค์  แต่เท่าที่สังเกตุ ดูเหมือนว่าผู้ขายคงจะต้องผิดหวัง เพราะไม่มีใครสนใจเลย  คนเกือบทั้งหมด สนใจการแสดงพร้อมแสงสีเสียงที่อยู่บนเวทีมากกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาขายผิดงานเสียแล้ว  งานนี้ไม่ใช่งานตลาดนัดหรืองานกาชาด ที่อาจจะมีเด็ก ๆ ที่มากับผู้ปกครอง ร้องให้ซื้อลูกโปร่งสวรรค์ถือกลับบ้าน

ดูการแสดงโดยไม่ต้องจ่ายค่าโต๊ะ….อิอิ


ชม ชิม และ ช๊อป

อ่าน: 2615

      งาน BBQ Festival @ Korat  ก็เหมือนกับงานอื่น ๆ ครับ คนที่มานอกจากมา ชม และ ชิม แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือ การช๊อป อย่างกับว่าเป็นของแจกฟรี  ไม่มีวี่แววของการที่ตามข่าวทางสื่อต่าง ๆ บอกว่า เมืองไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ  คนกำลังตกงาน หรือไม่มีงานทำ  อยู่ในสภาพย่ำแย่   ในงานนี้ก็เช่นเดียวกันครับ นอกจากมีการแสดงอันยิ่งใหญ่ ร้านอาหารปิ้ง-ย่าง ชื่อดังจากทั่วประเทศ เสริฟพร้อม คาวเกิร์ลสาวสวย และเบียร์แล้ว ก็มีร้านขายสรรพสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของการจะเป็น คาวบอย คาวเกิร์ล และหนูน้อยคาวบอล (บอย+เกิร์ล)  เพื่อที่เสร็จงานนี้แล้วยังสามารถที่จะทำตัวเป็นคาวบอย คาวเกิร์ล และหนูน้อยคาวบอล ได้ต่อไปเรื่อย ๆ

      ใครที่มางานนี้ ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ เพราะมีแขก VIP มากมาย 

 มางานนี้เหมือนได้มา เรียนรู้จากห…  มาลัยสุรานารี   ขนานแท้จริง ๆ …..อิอิ


The Legend of wild wild west

อ่าน: 2891

        งาน BBQ Festival @ Korat  ซึ่งถือเป็นเทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ที่เน้นอาหารปิ้ง-ย่าง และมีการเนรมิตพื้นที่ทั้งหมดบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นเมืองคาวบอย และโซนชาวอินเดียนแดง การชุมนุมของคาวบอยและอินเดียนแดง  การแสดงโชว์ขี่ม้าโลดโผน เต้นรอบกองไฟ ดนตรีคันทรีและโชว์จากคาวเกิร์ลสาวสวย และ การแสดงชุด “The Legend of wild wild west” ที่เป็นที่สนใจของผู้มาร่วมงานมากอย่างหนึ่ง เท่าที่ทราบจะมีการจัดแสดงคืนละ สองรอบคือ รอบแรกเริ่มเวลา ทุ่มตรง หรือ 19.00 น. และ รอบที่สองเริ่ม 3 ทุ่ม หรือ 21.00 น.

 

         การแสดงชุด The Legend of wild wild west  เป็นการแสดงประกอบแสง สี และเสียง พร้อมฉากประกอบอย่างยิ่งใหญ่  เนื้อหาหลักเป็นการต่อสู้ระหว่าง ชาวอินเดียนแดง ที่เป็นเจ้าถิ่นดังเดิม  กับ ชาวผิวขาวที่เป็นคาวบอย ที่เข้ามาตั้งรกรากใหม่โดยการเลี้ยงสัตว์หรือทำปศุสัตว์  และในที่สุดชนผิวขาว ซึ่งมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าก็เป็นฝ่ายชนะชาวอินเดียนแดง ที่เป็นชนพื้นถิ่นเดิม

        คนที่ไปชมการแสดงส่วนใหญ่ก็คงชมด้วยความสนุกสนาน  ประกอบการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม หลาย ๆ คนที่ไปร่วมงาน รวมทั้งผู้ออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม  ก็จะแต่งตัวเป็นคาวบอย คาวเกิร์ล  รวมทั้งหนูน้อยคาวบอล  เนื่องจากมีการประกวดด้วย

        จะมีบ้างหรือเปล่าผมไม่ทราบ ที่ชมการแสดงชุดนี้แล้ว มีความรู้สึกหรือคิดถึง หัวอกชาวอินเดียนแดงซึ่งเป็นชนท้องถิ่นเดิม แต่ถูกชาวผิวขาวมาบุกรุก ขับไล่ที่อยู่อาศัยแหล่งที่ทำมาหากินที่อุดมสมบูรณ์ จนต้องถอยร่นไปอยู่ในที่กันดารมากกว่าต่อไปเรื่อย ๆ

        เหตุการณ์ทำนองเดียวกัน ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ชนจากประเทศที่เรียกตัวเองว่าประเทศพัฒนาก็ยังคงรุกรานประเทศด้อยพัฒนา หรือเรียกให้ดีขึ้นอีกหน่อยว่าประเทศกำลังพัฒนา มีการเอารัดเอาเปรียบ ตักตวงและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อประโยชน์ของตนเอง  ดูการแสดงแล้วลองคิดดูว่ามันให้ประโยชน์อะไรต่อเราบ้าง  การเข้ามายึดอำนาจหรือเอาเปรียบยังคงเกิดขึ้นอยู่เช่นเดิมในปัจจุบัน แต่รูปแบบเปลี่ยนไปเท่านั้น


ขั่วหมี่โคราช

อ่าน: 3416

     ในงาน BBQ Festival @ Korat  ซึ่งถือเป็นเทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ที่เน้นอาหารปิ้ง-ย่าง แต่เทศกาลอาหารหรืองานเทศกาลที่โคราชทุกงานจะต้องมีอาหารเด่นประจำเมืองโคราชอย่างหนึ่งเสมอ นั่นคือ ผัดหมี่ (โคราช)  ที่ภาษาโคราชเรียกว่า ขั่วหมี่  ในงานครั้งนี้ก็เช่นกัน มีร้านขายผัดหมี่โคราช ขึ้นชื่อมาออกร้านหลายร้านด้วยกัน ทั้งเจ้าที่เป็น ขั่วหมี่โคราช สูตรดั้งเดิม  และ ผัดหมี่โคราช เจ้าที่ทำสถิติผัดหมี่กะทะใหญ่ที่สุดในโลก ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

    การไปชมงานครั้งนี้เราจึงไม่พลาดที่จะชิมผัดหมี่ครับ  พูดถึงเรื่องผัดหมี่ เป็นอาหารที่ผมคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ที่ตลาดปักธงชัยบ้านเกิด มีผัดหมี่เจ้าดังประจำตลาด ขายที่บริเวณสี่แยกเฉพาะช่วงเย็น ๆ เป็นต้นไปจนดึก  จำได้ว่าช่วงผมเด็ก ๆ รู้จักกันในชื่อ ผัดหมี่เจ้จูม  ต่อมาก็เป็นเป็นป้าจูม และยายจูม ตามลำดับ จะเห็นว่าเจ้าของทำอาชีพนี้นานมาก  และทำต่อมาถึงรุ่นลูก ในชื่อผัดหมี่ยายญวน  ซึ่งลูก ๆ ของเราจะได้ชิมกันแทบทุกครั้งที่เรากลับมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่และญาติ ๆ ที่บ้านเกิด  ผัดหมี่ยายญวน จำได้ว่าโด่งดังมากเพราะมี ทีวีหลายช่องมาถ่ายทำไปออกรายการ  แต่ปัจจุบันอาจจะเป็นรุ่นหลานไปแล้ว  และรสชาติเปลี่ยนไป เราจึงเปลี่ยนไปเป็นลูกค้าเจ้าอื่น ๆ ที่มีอีกหลายเจ้าด้วยกันในตลาดปักธงชัย

      ผัดหมี่(โคราช) ที่ปักธงชัย มักจะเรียกกันว่า ผัดหมี่ตะคุ เนื่องจากแหล่งที่ผลิตเส้นหมี่ที่ใช้ จะอยู่ที่ตำบลตะคุ  อ. ปักธงชัย   ปัจจุบันร้านขายก๋วยเตี๋ยวบางร้านใน ตลาดปักธงชัย ยังมีบริการ ก๋วยเตี๋ยวใช้เส้นหมี่ตะคุ เป็นตัวเลือกเสริมจากเส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นใหญ่หรือเส้นเล็ก ตามปกติทั่วไป  นอกจากนั้น ผัดหมี่ และ ก๋วยเตี๋ยวที่ปักธงชัย จะเป็นที่ขึ้นชื่อและติดใจสำหรับผู้ที่ได้มาชิม ในเรื่องของถั่วงอก ที่ใส่จะมีลักษณะต้นขาวอวบ มีรากสั้นมาก หวานกรอบรสชาติเป็นที่เล่าลือกัน รู้จักกันในชื่อ ถั่วงอกวังหมี  เนื่องจากเป็นถั่วงอกที่เพาะมาขายโดยคนที่อยู่ใน หมู่บ้านวังหมี  ตำบลเมืองปัก อ. ปักธงชัย  ในช่วงที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เคยมีเพื่อนอยู่ หมู่บ้านวังหมี  เคยสอบถามและคิดอยากรู้ว่า  เขาทำอย่างไร ถั่วงอกที่เพาะที่วังหมีจึงมีต้นขาวอวบหางสั้น  เพื่อนบอกว่าคนที่เพาะถั่วงอกขายแต่ละคนจะมีสูตรลับเฉพาะ รู้คนเดียว แม้แต่ลูกเมียหรือสามี ก็ไม่ยอมให้ทราบ  จะถ่ายทอดต่อให้ทีละ 1 คนเท่านั้น  เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหน ก็ไม่ได้มีการพิสูจน์ แต่ถั่วงอกวังหมีหรือที่ปักธงชัย ในปัจจุบันก็ยังคงความโดดเด่นในเรื่องนี้อยู่เช่นเดิมครับ


BBQ Festival @ Korat 2009

อ่าน: 2412

      เมื่อวานออกไปเที่ยวงาน BBQ Festival @ Korat 2009 ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดงานเทศกาล 4 วันแห่งความสุข เทศกาลอาหารปิ้ง - ย่าง ครั้งที่ 4 ประจำปี 2552  “BBQ Festival @ KORAT 2009″  ระหว่างวันที่    26 - 29  พฤศจิกายน 2552  ณ  บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

          งานนี้ถือเป็นเทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน สำหรับกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น เช่นการเนรมิตพื้นที่ทั้งหมดของศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นเมืองคาวบอย และโซนชาวอินเดียนแดง การชุมนุมของคาวบอยและอินเดียนแดง  การแสดงโชว์ขี่ม้าโลดโผน เต้นรอบกองไฟ ดนตรีคันทรีและโชว์จากคาวเกิร์ลสาวสวย การประกวดหนูน้อยคาวบอย คาวบอยอินเดียนแดงชาวต่างชาติ และการแข่งขันบาร์บีคิวชิงแชมป์ประเทศไทย  การแสดงชุด “The Legend of wild wild west” และ ที่พลาดไม่ได้กับเทศกาลครั้งนี้อาหารปิ้ง - ย่าง ที่ระดมสุดยอดอาหารหลากรสกว่า 200 ร้านค้า ซึ่งรับรองความอร่อย โดยสมาคมพ่อครัวไทย THE LONGEST BBQ SHOW บาร์บิคิวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายตลอดการจัดงาน             

ข้อมูลจาก : www.tat.or.th/nakhonratchasima 

        เนื่องจากไม่ได้ไปเที่ยงงาน ที่จัดบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมานานแล้ว การเดินทางไปงานครั้งนี้จึงต้องขับวนรอบบริเวณงาน 3 รอบกว่าจะหาที่จอดรถได้ครับ  เกือบจะเปลี่ยนใจเสียแล้ว

      เริ่มจากขับรถจากถนนจอมพล เลี้ยวซ้าย ที่หลังประตูชุมพล ที่ด้านหลังอนุสาวรีย์ท่านท้าวสุรนารี ไปสู่ประตูเข้างาน  ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายเพราะคิดว่าน่าจะสามารถหาที่จอดรถได้ด้านหลังบริเวณงาน แต่เมื่อถึงแยกขวาแรก ก็พบว่ามีแผนกั้น มี รปภ. ยืนกำกับ ให้เฉพาะรถ VIP ผ่านเข้าออกได้เท่านั้น ผมขับต่อไป ซึ่งด้านขวาเป็นหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่ประตูทางเข้าทุกประตูมี รปภ. เฝ้า บางที่มีป้ายบอกไว้ชัดเจนว่า สำหรับจอดรถที่มีบัตร VIP เท่านั้น  ผมขับต่อไปแล้ววนขวา โดยหวังว่าน่าจะมีที่จอดสองข้างถนนรอบ ๆ สถานที่ราชการเหลืออยู่บ้าง วนซิกแซกอยู่สองรอบก็ยังไม่ได้จอดครับ  ในบางที่เราตามรถคันหน้าที่เลี้ยวเข้าไปจอดได้ และเห็นมีรถออกมาก็ทำให้ใจชื้นว่าน่าจะได้จอดเสียที แม้ต้องจ่ายค่าจอดก็ยอม แต่ก็ผิดหวังครับ รปภ. บอกว่าเฉพาะรถที่มีบัตร VIP เท่านั้น  

       ในรอบที่สามท่าน ผบทบ. บอกว่าให้วนมาด้านถนนนอกคูเมือง ด้านวัดสุทธิจินดา  แต่ปรากฏว่าทั้งสองข้างถนนมีรถจอดเต็มตลอดสาย ไม่มีช่องว่างเหลืออยู่เลย บางช่วงมีรถกำลังจะออก แต่ก็มีรถกำลังรอเข้าจอดคอยอยู่  เราขับไปผ่านประตูเข้าวัดสุทธิจินดา มี รปภ. นั่งเฝ้าอยู่  คิดว่าจะเลี้ยวเข้าไปจอด แต่ก็ตัดสินใจไม่เลี้ยว เพราะคาดว่าคงเหมือนหลาย ๆ ที่ ของหน่วยราชการที่ผ่านมา คงจะให้เฉพาะที่มีบัตร VIP จอดเท่านั้น  เราขับช้า ๆ ต่อไปจนเกือบจะพ้นบริเวณงานอยู่แล้ว  และคิดในใจว่าสงสัยจะไม่มีวาสนาเที่ยวงานนี้เสียแล้ว  แต่บังเอิญเห็นมีรถคันหน้าเรา เลี้ยวขวาเข้าประตูวัด แม้ว่าที่ประตูเขียนว่า ทางออก และข้างในค่อนข้างมืด  ผมจึงตัดสินใจเลี้ยวตามเข้าไป และก็พบว่ามีรถจอดอยู่ด้านในมากพอสมควรแล้ว แต่ก็โชคดีที่ยังมีช่องว่างที่จะจอดรถได้…..ในที่สุดก็ได้ที่จอด แม้ว่าจะต้องเดินไกลหน่อย กว่าจะถึงบริเวณงาน…..อิอิ

     เป็นประสบการณ์ของชาวโคราชที่ไม่ได้มาเที่ยวงานบริเวณนี้นานแล้วครับ  ท่านที่มีประสบการณ์ มีข้อเสนอแนะ สำหรับประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่ใช่คนมีบัตร VIP จะมาร่วมงานจะ หาที่จอดรถที่ไหน ? อย่างไรครับ ?  ขอคำชี้แนะด้วยครับ


ชีวิตก้าวหน้าได้ เมื่อใจพอเพียง

6 ความคิดเห็น โดย Panda เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2009 เวลา 12:18 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 2319

     วันนี้อ่าน เจ๊าะแจ๊ะ ที่ป้าหวาน เอามาฝาก คำบรรยายธรรม ของพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล  ทำให้ได้รู้จัก เว็บธรรมะ ของพระอาจารย์ เลยเข้าไปอ่าน พบบทความดี ๆ มีประโยชน์มากมาย เช่น บทความเรื่อง “ชีวิตก้าวหน้าได้ เมื่อใจพอเพียง” ดังข้อความตอนหนึ่งดังนี้

  ”พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้” คือกุญแจสู่ความสุขและความก้าวหน้าของชีวิต พอใจในสิ่งที่มีแปลว่าได้เท่าไรก็พอใจ แม้คนอื่นจะได้มากกว่าก็ไม่เป็นทุกข์ อย่างไรก็ตามเมื่อพอใจสิ่งที่ได้มาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งเฉย ๆ งอมืองอเท้า ตรงกันข้ามเราควรขยันหมั่นเพียรต่อไป เพราะความสุขที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การมีมาก ๆ หรือบริโภคเยอะ ๆ แต่อยู่ที่การทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลก

มนุษย์เราไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าให้แก่ตนเองและแก่โลกได้ หากไม่รู้จักพอกับการเที่ยวเล่นหรือปรนเปรอตนเอง ขณะเดียวกันหากมัวแต่หาเงินหาทองไม่รู้จักพอ ก็จะไม่มีเวลาและพลังงานเหลือสำหรับการทำสิ่งดีงามให้แก่ตนเองและแก่โลก ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนว่า จงทำงานให้มาก แต่บริโภคให้น้อย เพื่อเอาส่วนเกินมาเจือจานผู้อื่น เศรษฐีที่เป็นพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล ล้วนใช้สอยพอประมาณ ทั้งนี้เพื่อนำเงินที่เหลือไปเอื้อเฟื้อคนยากจน ขณะเดียวกันก็ขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่ใช่เพื่อหาเงินมามาก ๆ แต่เพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวม

นอกจากการช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว เรายังควรมีเวลาสำหรับการฝึกฝนพัฒนาตน เพิ่มพูนความรู้ และทำจิตให้สงบด้วย หากเรามัวแต่เที่ยวเล่นหรือหาเงินหาทองไม่หยุดหย่อน เราจะมีเวลาเหลือสักเท่าไรในการทำสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิต

พอเพียงในการบริโภค ไม่โลภในการแสวงหาทรัพย์ แต่ขยันทำงานและสร้างสรรค์ความดีแก่ส่วนรวม คือเคล็ดลับสู่ความก้าวหน้าของตนเองและของโลก

อ่านแล้วซาบซึ้ง จนต้องนำมาฝาก ชาวลานครับ

อย่าลืมแวะไป อ่านและฟัง เพิ่มเติม ได้ที่นี่ นะครับ



Main: 0.13316798210144 sec
Sidebar: 0.13649010658264 sec