สรุปคำบรรยายจากแพทย์แผนจีน‏(เพื่อนส่งมาให้)

โดย Lin Hui เมื่อ กันยายน 28, 2011 เวลา 10:39 ในหมวดหมู่ สรุปจากแพทย์แผนจีน, เรื่องเล่าของLin Hui #
อ่าน: 9721

ทุกคนอยากมีชีวิตสุขสบายไร้โรคา
ท่านทั้งหลายมาฟังการบรรยายก็มีจุดประสงค์อย่างเดียวกัน ผมขอถามว่า
อายุขัยของคนเราสูงสุดคือเท่าไร บางคนบอกว่าสูงสุด 150 ปี   ต่ำสุด 120 ปี
ซึ่งไม่ถูก มนุษย์เรามีระยะเจริญเติบโต 20-25 ปี อายุขัยเป็น 5-7
เท่าของระยะเจริญเติบโต คือต่ำสุด 100 ปี สูงสุด 175 ปี
การจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ใช่ฝันอีกแล้ว
แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากอยู่ถึงขนาดนั้นหรือไม่

จะอยู่ร้อยปีก่อนอื่นต้องมีสุขภาพดี แล้วสุขภาพดีมาจากไหน ?
มาจาก พื้นฐาน 4 ประการในชีวิตประจำวัน
ประการแรก คือภาวะจิตที่สงบสุข
ประการที่สอง คือรับโภชนาการที่สมดุล
ประการที่สามคือออกกำลังกายพอเหมาะ ประการที่สี่คือนอนหลับเพียงพอ
โดยปรกติแล้ว ประการที่สี่ชักจูงให้งดบุหรี่และเหล้า
ผมขอแก้เป็นนอนหลับเพียงพอ ดั่งที่โบราณท่านว่า “ อดนอนทุกวัน ชีวิตสั้นไป
10 ปี ”

พื้นฐานสุขภาพ 4 ประการ ต้องเรียงตามลำดับ
สมัยนี้มีบทความมากมายเขียนถึงเรื่องนี้   แต่ถ้าไม่พูดถึง
ภาวะจิตใจเป็นประการแรก   แสดงว่าผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ
ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว
เพราะแพทย์แผนจีนจัดภาวะจิตใจเป็นอันดับหนึ่งในการบำรุงสุขภาพ   กล่าวคือ
ภาวะจิตเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม และผลพวงต่างๆ เกิดจากพฤติกรรม
มองในแง่สรีระ คนเราอยู่ได้โดยอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด
และไต ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลออกใบมรณะบัตร มักจะระบุสาเหตุการตายว่า
หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เป็นต้น
ถ้าผู้ป่วยตายด้วยเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แสดงว่าเลือดเข้มข้นสกปรก
แต่เลือดฟอกมาจากตับ
แสดงว่าตับหมดสมรรถภาพในการฟอกพิษหรือกลั่นกรองเลือดให้บริสุทธ ิ์
ไหลเวียนไม่คล่องตัว ทำให้อุดตันในเส้นเลือด ผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมาก
ก่อนหัวใจวายมักจะบันดาลโทสะซึ่งเป็นสาเหตุทำลายการทำงานของตับ ด้วย
เพราะฉะนั้น โปรด จำไว้ว่า อย่าโมโหโทโสซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย
นอกจากทำลายร่างกาย เ ท่านั้น ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ หัวเราะสามเวลา
ห่างไกลโรคและยา หัวเราะสามเวลา หมอต้องผูกคอลา ”

ทีนี้มาพูด เรื่องโภชนาการ อักษรจีนต้องเขียนตามลำดับก่อนหลัง
ภาษาก็เช่นเดียวกัน เราพูดวา “ ดุลยภาพแห่งโภชนาการ ” หมายความว่า
ดุลยภาพต้องมาก่อน โภชนาการจึงตามหลังมา WHO เตือนเราว่า
คนเราเกิดโรคมาจากสาเหตุ ( 1) รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม ( 2)
กินอาหารไม่สมดุล หมายรวมถึงมากเกินและขาดแคลน นั่นคือ ไขมันมากเกิน
แต่แร่ธาตุและวิตามินขาดแคลน สรุปคือ ไม่รู้จักกิน ทำให้เกิดโรค

อยากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร ? คำตอบคือ
(1) เพื่อดำรงชีพ
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
เกิดจากการกินทั้งนั้น ในเมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้
ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน

แพทย์แผนจีนเป็นมรดกตกทอด 5 พันปี ให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5
ขั้นตอน

ขั้นตอน 1   รักษาด้วยอาหาร หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน
ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 2   กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวดและดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 3   ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 4   ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 5   ใช้ยา ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา เป็นยาย่อมมีพิษ
คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด

Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า “
จงกินอาหารให้เป็นยา อย่ากินยาเป็นอาหาร ” จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า “
ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา ” แต่ทุกวันนี้มันกลับกันหมด

เรากินอาหารวันละ 3 มื้อ กินเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่ ?

เราอยู่ได้เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง 5
พลังงานของอวัยวะได้มาจากการกิน แต่ทุกวันนี้เรากินตามใจและปาก
ชอบอะไรก็กินมันทุกวัน อวัยวะทั้ง 5 ก็เหมือนกับคน มีรสนิยมแตกต่างกัน
·         ตับชอบกินสีเขียว
·         หัวใจชอบกินสีแดง
·         ม้ามชอบกินสีเหลือง
·         ปอดชอบกินสีขาว
·         ไตชอบกินสีดำ
คำว่าดุลยภาพหมายถึงกินหลากหลายชนิด

แพทย์แผนจีนใช้วิธีมอง ฟัง ดม ถาม แมะ
ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ในที่นี้ก็รวมทั้งการมองดูสี ทั้ง 5
บนใบหน้านั่นเอง ตัวอย่างเช่น
·         ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
·         หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง
·         ม้ามมีปัญหา   สีหน้าจะออกเหลือง
·         คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว
·         คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ
ดังที่กล่าวแล้ว
·         ถั่วเขียวเหมาะสำหรับบำรุงตับ เพื่อให้ตับขับพิษออกจากร่างกาย
แต่ก็ต้องกินให้ถูกวิธี คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง
วิธีที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมารณ 5-6 นาทีก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด
รินเอาน้ำออกซึ่งจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด
ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด
จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำต้มต่อจนเละกินเป็นอาหาร ·
หัวใจชอบสีแดงให้กินถั่วแดง ·         ม้ามชอบสีเหลืองให้กินถั่วเหลือง
·         ปอดชอบสีขาวให้กินถั่วขาว
·         ไตชอบสีดำให้กินถั่วดำ
ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว ? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า “ คนเรากินถั่วทั้ง 5
จะสมบูรณ์พูนสุข ” โภชนาการแผนจีนก็เน้นว่า “ กินไม่พ้นถั่ว ”
ขอยกตัวอย่างไม่ค่อยสุภาพ ในชนบทเขาใช้ถั่วดำเลี้ยงปศุสัตว์
ทำให้ไตแข็งแรงมีกำลังวังชา สามารถทำงานหนักเตะปี๊บดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สุภาพสตรีควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะทั้ง 5
แล้ว ในถั่วยังมีสารที่กระตุ้นการทำงานของรังไข่

ต่อไปจะพูดถึง รสชาติ

·         เปรี้ยวบำรุงตับ
·         ขมบำรุงหัวใจ
·         หวานบำรุงม้าม
·         เผ็ดบำรุงปอด
·         เค็มบำรุงไต
หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติอย่างละนิด ให้เกิดสมดุล เช่น
รสเปรี้ยวบำรุงตับ กินมากตับพัง จีนเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคตับมาก
ในจีนเองต้องยกให้มณฑลซันซีครองแชมป์โรคตับ
เพราะคนที่นั่นชอบกินน้ำส้มสายชู รสเผ็ดบำรุงปอด กินมากปอดพังเช่นกัน
สถิติกระทรวงสาธารณสุขจีนปีที่แล้วระบุว่า
ชาวเสฉวนและชาวหูหนันที่อพยพจากจีนใต้ไปอยู่ภาคเหนือ
นำเอานิสัยชอบกินพริกติดตัวไปด้วย นานวันเข้าเป็นโรคมะเร็งในปอดตามๆ กัน
ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ภาคใต้อากาศชื้น กินเผ็ดป้องกันความชื้นได้
แต่ภาคเหนืออากาศแห้ง กินเผ็ดมากจะทำลายปอด พึงจำไว้ว่า
ใครอยู่ถิ่นไหนให้กินของถิ่นนั้น ไม่ใช่ว่ากินของได้ทั่วทุกถิ่น

กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ ?
ง่ายนิดเดียว มีหลักการจำดังนี้ “ สีสัน หยาบ - ละเอียด ดิบ - สุก คาว -
เจ ” หมายความว่า กินอาหารต้องคละกันหลากสีและรสชาติ
หยาบแข็งควบคู่กับละเอียดนิ่ม สุกควบคู่กับดิบ คาวควบคู่กับเจ ขอแนะนำว่า
แต่นี้ไปให้กินผักดิบผลไม้สดแต่ละมื้อ
ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า
กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า
ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า

สุดท้ายจะพูดถึง ยาบำรุง
เราไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อยามาบำรุงร่างกาย ผักและผลไม้มีวิตามินสูง
ถ้ากินให้ถูกวิธี ก็สามารถดูดซึมวิตามินเพียงพอต่อร่างกาย
สิ่งที่ต้องการคือแคลเซียม ผู้หญิงควรกินแคลเซียมวันละ 3000 มก . ขึ้นไป
ผู้ชายกินวันละ 4000 มก . ขึ้นไป พร้อมกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
คนทั่วไปมักเข้าใจผิด คิดว่าแคลเซียมใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ
ที่จริงแล้วแคลเซียมช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน นอกจากนั้น
ยังป้องกันเส้นโลหิตแข็งตัว ดังนั้น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ควรกินแคลเซียมให้เพียงพอ เพื่อให้เส้นโลหิตอ่อนตัว ความดันก็จะลดตาม
ยาลดความดันก็ไม่ต้องกินมาก

ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ อยากให้ร่างกายดี กินอาหารถูกวิธี
อยากให้สุขภาพเยี่ยม อย่าลืมกินแคลเซียม ” อย่าลืม อาหารต้องมาก่อนยา
เป็นโรคอย่าพึ่งแต่ยา พึงใช้ยาในยามวิกฤติเท่านั้น

ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้ “ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา
โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคืออาหารมีคุณค่า
การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา ” หมายความว่า ตัวคุณเองต้องรู้จักรักษาตัวเอง
ห้องครัวในบ้านคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ยากับอาหารมีความหมายเดียวกัน
กินอาหารให้ถูกต้องก็คือยาที่ดีที่สุด การรักษาต้องต่อเนื่อง
ไม่ใช่ทดลองแล้วก็หยุด หรือเปรียบเสมือนใช้อวนจับปลา 3 วัน
แล้วก็ตากอวนหยุดจับปลา 2 วัน ต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี

ท้ายที่สุด ผมขอแนะนำดังนี้

1.     หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร
เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และเป็นการทบทวนในตัว

2.     เขียนข้อความ “ ก่อนถึงเก้าสิบเก้า ห้ามเข้า ( โลง )
เด็ดขาด ” ติดไว้หน้าเตียง เพื่อเตือนตัวเองกินให้ถูกวิธี

ก่อนลาจาก ขอให้เราทุกคนตะโกน “ ยืนหยัดไม่ไป ( ตาย ) ก่อนอายุ
99”

« « Prev : แปลงนาสาธิตข้าวหอม มะลิ ๑๐๕ บ้านใหม่อุดม

Next : วัดอาม่า(ที่มาเก๊า) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1262 ความคิดเห็น