ได้เวลา..รักษาใจ
อ่าน: 2786หมู่นี้ดูจะมีเรื่องราวที่ตามกระแสปีวัวดุ
ตั้งแต่วันปีใหม่ก็ได้ดูแลทำแผลให้เจ้าของลานร่มเย็น
ที่พลาดท่าเสียที ตกร่องสะพาน หน้าแข้งบวมบานปานจะหัก
แล้วอีกไม่กี่วันก็ชักย่ามใจไปทำให้ข้อเท้าแพลงมาอีก
สังเกตว่า ช่วงเวลาที่มีความไม่ปกติในชีวิต มักจะตามกันมาราวห่าฝน
ทั้งคนในบ้าน และผู้ร่วมงานในโรงเรียน
ระยะนี้จึงวนเวียนอยู่กับเรื่องราว ตั้งแต่ครูผ่าตัด ครูเข้าเฝือก
ลูกครูเข้าโรงพยาบาล แม่ครูเสีย
ส่วนตัวเองก็คงจะอ่อนเพลียจากการเฝ้าไข้ จึงได้ของแถมมาให้ได้เป็นไข้ เจ็บคอบ้าง
รักษาตัวเองตามเคย แต่ที่สุดก็อยู่เฉยไม่ได้ ด้วยยังไม่หายและใกล้วันต้องเดินทาง
วานนี้มีอบรมร่วมกับครู ก่อนเที่ยงเลยตัดสินใจ จะแวบไปหาหมอ กะว่าคงใช้เวลาไม่นาน
แต่การณ์กลับเป็นว่าต้องนั่งคอยอยู่เป็นนาน
เผ้าดูผู้คนที่ผ่านไปมาจนเบื่อแล้ว..
นึกถึงกิจกรรมสมัยเรียน ที่ได้โจทย์ให้คิด..หากมีชีวิตอยู่อีกไม่นานจะทำฉันใด
ลองคิดเล่นๆ..หากฉันเป็นโรคร้าย
จากเล่นๆ..ลองสัมผัสกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น..อย่างจริงจัง
นั่งมองความคิดตัวเอง
นึกถึงงานที่ต้องส่งต่อ.. นึกถึงรายละเอียด เรื่องราวที่จะต้องทำในเวลาที่เหลืออยู่
มองเห็นความเป็นไปได้ ที่ทุกสิ่งจะดำเนินต่อไป
ความคิดเรื่องชาติภพ..วาบผ่าน
แล้วจะเป็นอย่างไรในโลกหน้า..
และย้อนกลับมามองชีวิตในวันนี้..
มีสิ่งใดที่ได้ทำ…
มีสิ่งใดที่ได้รับ..
ดูความพอใจและความสุข..
แวบคิดถึงความทุกข์ในชีวิต..ที่ผ่านไปและที่มีอยู่
ตอบตัวเองได้ว่า..เป็นชีวิตที่โชคดี
และมีโอกาสทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายกว่าใครอีกหลายชีวิต
เมื่อมองเห็นเรื่องดี..ความทุกข์ที่มีอยู่ก็ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย
พลอยทำให้สนุกกับการทบทวนถึงสิ่งดีๆที่มี ที่ได้เห็น ได้เป็น
ทั้งตั้งใจจะมองทุกข์ในมุมใหม่ ให้เป็นทุกข์ที่เล็กลง
ชีวิตเมื่อเทียบกับจักรวาลก็ดูเล็กจ้อย
ความทุกข์ก็ยิ่งจะเป็นเรื่องเล็กน้อย..หากฝึกใจให้สนุกกับการค้นหาแง่มุมดีในชีวิต
และอิ่มเอมใจในสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ หรือแม้แต่ขอบคุณเรื่องร้ายที่ยังมีแง่มุมดีให้ค้นหา
เช่นวันนี้..ก็ดีจัง..ที่ได้นั่งทบทวนชีวิตระหว่างรอ แม้จะเจ็บคอไปหน่อยก็ช่างเถอะ
รอจนเลยเวลาอาหารกลางวันไปมากแล้ว ทนหิวอยู่บ้าง
ในที่สุด..ก็ถึงคิว ให้ได้ไปพบหมอผู้ซึ่ง..ดูเหน็ดเหนื่อย..ตาโรย..
คุยด้วยสองสามคำด้วยเสียงแห้งๆ…โถ..คงเหนื่อยและหิว..น้ำท่าคงไม่ได้กิน..
ก่อนจาก..หมอบอกว่า..เอายาไปกินสองสามวันคงจะหาย..แล้วปิดท้ายด้วยเสียงไอ..หนึ่งโขลก..
ทำเอาเดินยิ้มกริ่มออกมา.. ห้า..ห้า..ห้า… ก็หมอยังดูป่วยกว่าคนไข้เสียอีกแน่ะ..
^_______________^
สุดท้าย มีธรรมะรักษาใจยามป่วยไข้มาฝากค่ะ
« « Prev : ประสบการณ์ที่อาจพลาดไป..ถ้าไม่..
Next : ระพีเสวนา..คือความงาม..คือความสุข..(1) » »
7 ความคิดเห็น
คนไข้นะโชคดีกว่าหมอเยอะนะน้อง ที่มีโอกาสได้พักกาย ส่วนหมอนะกว่าจะได้พักนอนเฉยๆ ต้องเจียนตาย หรือ ขยับกายไม่ไหวโน่นแหละน้องเอ๋ย จึงบอกตัวเองขอพักงานซะบ้าง ส่วนใหญ่ที่พักกันไม่ได้ ใจอยากพักนะแหละ แต่งานที่รอกันอยู่ตรงหน้า ทำได้แค่เพลาๆลง เพราะว่าวางงานแล้วไม่ได้แย่แต่ตัวเอง วังวนนี้ไม่รู้อีกกี่อสงไขย ที่จะมีใครมองเห็นและเริ่มแก้ เพราะคนที่แก้อยู่เดี๋ยวนี้ ล้วนแต่ช่วยแก้ที่ปลายเหตุ…อ้าว…บ่นเพลิน….อิอิ
ให้ใจมาช่วยเสริมให้หายป่วยเร็วๆนะน้องนะ มีทุนเดิมด้วยเรื่องความรู้อยู่แล้ว ง่ายกว่าคนอื่นเยอะเลย
ฝากใจให้เจ้าของลานร่มเย็นด้วย อยากเห็นแผลที่เกิดจัง วาดภาพแล้วจินตนาการมันพาให้รู้สึกห่วง ยังไงไม่รู้ค่ะ
หวังว่าหายเป็นไข้แล้วนะจ๊ะ
อารามก็เช่นกันนะคะครูอึ่ง
ช่วงนี้ขออภัยนะจ๊ะบ่อได้ดูแล
งานเข้า
พี่ตาขา..อารามแผลหายแล้ว เดินก็เกือบปกติ แต่ก็ยังเที่ยวหางานทำอยู่ไม่เว้นเหมือนเดิม
อาการป่วยไข้ก็ดูดีขึ้นแล้ว รอหายเจ็บคออีกนิดคงหายสนิทแล้วค่ะ
หมู่นี้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษ.. กลัวไม่ได้ไปสวนป่า กับ มากระบี่ อิ อิ
ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ แต่เห็นหมอทำงานแล้วสงสารจริงๆ ค่ะ พี่ตาก็รักษาสุขภาพนะคะ
อาการดี และมีคนมาผลัดเปลี่ยนเวรดูแลน้า จนมาเที่ยวในลาน พร้อมกับส่งการบ้านครูบาได้บ้างแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
นี่ก็คุยกับอารามว่า ช่วงนี้พี่สร้อยงานเยอะแน่ๆ ห่วงกันไปมานี่แหละจ้า สู้ๆ นะอุ้ย..
เออ… อารามมีแต่ห่วงคนอื่นแต่ตัวเองก็เปื่อย เอ้ย…ป่วย
เพี้ยงหายวันหายคืน
น้องอึ่งก็เช่นกันนะ
ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ บางทีก็นั่งขำชีวิต
บางที่ก็ขำไม่ออก
บางทีก็อยากจะหายไปจากโลกนี้ อิอิ
สงสารหมอจอมป่วนมั่งนะคร๊าบ อิอิ
โถ โถ โถ ..คุณอาผู้น่าสงสาร
ตอนนี้หายรึยังคะ? คอเป็นหนองนั่นน่ะ???? หึ หึ หึ