ปล่อยให้รกเรื้อบ้าง..ก็ได้นะ..
อ่าน: 3130สองสามสัปดาห์มานี้ ดีใจที่ได้ยินเสียงนกกาเหว่าร้องทุกวัน
น่าจะมีสมาชิกใหม่มาอาศัยอยู่ในละแวกนี้เพิ่มขึ้น
พยายามย่องตามอยากเห็นตัวจริงที่ส่งเสียงร้อง เดินย่องแอบไปอย่างไรก็ไม่เคยได้เห็น
จนวันนี้ ที่นกคงคุ้นเคยขึ้นบ้างแล้ว ความพยายามจึงเป็นผล
แม้เมื่อนกเห็นคนก็บินหนีไป ให้ได้เห็นกันเพียงแว๊บๆ ก็ตามเถอะ
พักหลังๆ มีนกนานาชนิดมาให้เห็นและได้ยินเสียงเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่นกขมิ้นสีเหลือง นกกระจอก นกจิ๊บตัวเล็กจิ๊ด นกกางเขน พิราป นกเขา
นกปรอทหัวโขน นกเอี้ยง ไล่เลียงไปจนถึง นกกวัก นกกระปูด
นกจี๋แจ๊บโก้ง ที่ส่งเสียงวี้วิ้ดทอดยาวชวนเหงาในยามแล้ง
นกตัวเล็กที่คอยส่งเสียงป๊กป๊กราวกับเสียงเคาะโพรงไม้ให้ก้องดัง
ไม่นับนกกระยางที่ส่วนใหญ่อยู่กลางท้องนา จะแวบมาแถวคูน้ำก็เมื่อยามปลอดคนจริงๆ
ยามเย็นอาจได้เห็นค้างคาวบินโฉบแมลงเหนือน้ำ
ยามค่ำอาจมีเสียงนกฮูก และ ขบวนนกเป็ดน้ำบินผ่านเสียงกิ๊วก๊าวเป็นบางช่วง
ได้ยินเพลงธรรมชาติทั้งจากมวลหมู่นก กบเขียด และเหล่าแมลงให้เพลิดเพลินใจ
ทั้งได้มีกิจกรรมตามจริตที่ชอบตระเวนถ่ายรูปตามสุมทุมพุ่มไม้
ในบ้านยังมีบางบริเวณและสวนของเพื่อนบ้านที่ปล่อยไว้ให้รกเรื้อ
มีน้ำมีทุ่งนาที่ยังเอื้อให้สรรพสัตว์ ให้พืชพรรณได้อิงอาศัยและใช้ประโยชน์
เคยนั่งพินิจมวลหมู่ชีวิต ในพงหญ้าเล็กๆ ข้างรั้ว พบเรื่องราวใกล้ตัวที่อาจมองผ่านไป
แต่เมื่อได้เห็นและเรียนรู้เพิ่ม จึงได้เติมความเข้าใจในชีวิตของแมลงเต่าทอง
ที่เกี่ยวข้องกับต้นมะม่วง ต้นกล้วย เพลี้ยอ่อน คูน้ำ ใบหญ้า
บรรดาเหล่าแมลงที่อาศัยแหล่งอาหารเดียวกัน มีทั้งอิงอาศัย ล่าล้าง ทำลาย
เพื่อดำรงและสืบต่อชีวิต
วงจรความเปลี่ยนแปลงแห่งชีวิตที่ปรากฏให้เห็นชวนให้พิจารณา
ทั้งภาวะการละทิ้งสิ่งเดิมเพื่อเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่
ภาวะที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนแก่กันและกัน ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างเกี่ยวเนื่อง
ให้ได้ประจักษ์แก่ใจในคำว่า “เมื่อสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี”
มุมเล็กๆ กลับมีเรื่องราวของสรรพชีวิตที่ยิ่งใหญ่แฝงไว้ให้ได้พินิจ
ช่วงเวลาเช่นนี้ช่วยนำใจให้อ่อนน้อมยอมรับความเป็นจริง ความปกติธรรมดาของชีวิตได้ดีนัก
สวนที่รกเรื้อช่วยเก็บกักความชื้นที่หายากในยามแล้ง
แม้เป็นฤดูมะนาวแพงต้นมะนาวก็พอจะมีลูกให้เก็บกินได้
ข้างใต้ยังมีพริกขี้หนูเม็ดแดงรอให้เก็บ
ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้กินได้ กล้าไม้ที่เตรียมไว้ปลูก ถูกวางไว้ในที่ว่างคละเคล้ากัน
บางวันก็อาจมีเมนูจากพืชผลที่ทั้งปลูกเองและขึ้นเองให้เก็บกิน
เช่นในวันนี้ คนตาดีเห็นผักก้านโถง ผลิใบ
จึงใช้ความสามารถในการเลือกสรร เก็บยอดอ่อนมารวมกันกับยอดตำลึงและชะอม
ผสมกับฝีมือแม่ครัวชั้นเอกกลายเป็น “แก๋งผักอี่หยิกอี่หยอก” ที่กินกันได้ถึงสองบ้าน
แกงร้อนๆ ควันฉุย กับข้าวเหนียวนุ่ม..เป็นอาหารเช้าแสนอร่อย..ถึงขั้นน้ำลายหยดทีเดียว
สวนรกๆ ดูราวจะไร้ค่า แต่บรรดาพืชพรรณหลากชนิดที่ขึ้นเบียดแทรกกันในพื้นที่
ต้องอาศัยคนตาดีที่รู้จักมอง จึงจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
นึกถึงแกงในวันนี้ ที่อร่อยด้วยกลิ่น รส สัมผัสแตกต่าง ซึ่งสร้างความกลมกล่อม
คงเหมือนกับรสชาติของชีวิต ที่ต้องมีเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน สุข ทุกข์ คลุกเคล้า
หากจะเอาแต่รสหวานอย่างเดียวคงเอียนแย่ จะเอาแต่ดุเด็ดเผ็ดมันก็คงไม่ไหว
หากจะมีแต่คนเก่งกล้า ก็คงขาดคนมีปัญญาพอประมาณมาคานให้ได้รู้ว่าสามารถ
หากจะมีคนมองแต่เรื่องใหญ่ คงไม่มีใครมองเรื่องเล็กๆ
หากมีแต่คนคิด ก็คงไม่มีคนทำ
หากมีแต่….ก็คง………ฯลฯ โลกคงวุ่นดีชะมัด
นี่ยังดีที่โลกมีทั้งคนเก่ง คนธรรมดา คนกล้า คนขี้กลัว
คนชอบทำงานใหญ่ คนชอบทำงานเล็ก ฯลฯ ผสมผสานแล้วก็น่าจะกลมกล่อมเช่นกัน
เห็นคุณค่าของสวนรกๆ ชอบให้เป็นที่อาศัยของผู้คน นกหนูปูปลาและสรรพสัตว์ทั้งหลาย
จึงชวนกันปลูกต้นไม้ให้รกขึ้นอีก ตั้งใจปลูกต้นไม้หลายชนิดให้คละกันไป
จะได้มีทั้ง ไม้ใบ ไม้ดอก ไม้ใหญ่และไม้เล็ก สารพัดไม้ให้ได้อิงอาศัยกันและกัน
และที่เล่ามา..ก็แค่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิต..
ที่อยากเล่า..เท่านั้นเอง…อิอิอิ
ของแถมค่ะ
อ่านเรื่องราวของแมลงเต่าทองได้ที่ http://www.kroobannok.com/blog/36516
« « Prev : เมษานี้..มีแขกมาเยือน..
2 ความคิดเห็น
นกอะไรๆ ก็ไปในที่ที่มีอาหาร มีความร่มเย็น แต่นกชนิดนี้ไม่ไปครับ