แบบ..บ้าน..บ้าน

โดย dd_l เมื่อ กรกฏาคม 18, 2011 เวลา 6:48 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรียนรู้ชีวิต, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5181

เฝ้ามองวิถีของเมืองใหญ่ที่บ่าไหลเข้ามาในเมืองเล็ก
จนบัดนี้ ดูจะเป็นเรื่องปกติของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอย่าง “คนทันสมัย”
ที่คุ้นเคยกับของกิน ของใช้ ที่หาได้จากร้านที่ต้องมีชื่อ ผ่านสื่อที่โหมโฆษณา
ทั้งบรรดาแหล่งอินเทรนด์ทั้งหลายที่โพสต์ไว้ในโลกออนไลน์
ร้านค้าหน้าตาธรรมดา เริ่มหายไป มีร้านที่ตกแต่ง”สไตล์โมเดิร์น” เข้ามาแทนที่
ซึ่งทุกสิ่งล้วนมี “ราคา” ที่เพิ่มมากกว่าที่เคยเป็น

บางทีก็ทำให้ได้อมยิ้ม ยามเมื่อเห็นคอกาแฟรุ่นใหม่
ที่คงจะหมายใจจิบกาแฟทอดอารมณ์ที่โต๊ะพิเศษนอกร้าน
อืมมม..คงเป็นการผ่อนคลายได้ไม่น้อย
ใครๆ ก็ปล่อยอารมณ์ดื่มด่ำกับกาแฟหอมกรุ่น พลางอ่านหนังสือเล่มโปรดกันทั้งนั้น
แต่ต้องไม่หันหน้าไปทางขวานะ เพราะว่า..
มีตู้ก๋วยเตี๋ยวของยายอิงแอบโต๊ะอยู่ พร้อมกับตู้ร้านข้าวแกง ร้านข้าวมันไก่ อยู่ถัดกันไป
รถราก็วิ่งกันขวักไขว่ ด้วยเป็นถนนใหญ่เส้นเดียวที่ผ่านกลางเมือง
เป็นวิถีเมืองใหญ่ที่แทรกอยู่ในดงร้านค้าแบบบ้านบ้าน อย่างไม่ค่อยกลมกลืนนัก

ร้านแบบบ้านๆ จะอยู่กันได้อีกนานสักเพียงไหน..
เช่น..ร้านกาแฟลุงสม ที่ดูจะเป็นตำนานกาแฟโบราณของเมืองเล็ก
ยามเป็นเด็ก..หากได้กินนมเย็นสีชมพูของร้านลุงก็แสนปลื้มเปรมนัก
ร้านที่เป็นที่รู้จักกันทั้งตลาด ด้วยมาดสุขุม เรียบร้อย ของคนขาย
ฝีมือการชงก็ไม่รองใคร แม้ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มาเป็นลูกค้า…
แหม..ลุงเคยปิดร้านไปส่งขาประจำ เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการมาแล้วเชียวนา

รถเข็นหนึ่งคัน พร้อมโต๊ะที่นั่งข้างฟุตปาท กาแฟร้อนควันกรุ่นคนละแก้ว
บรรดาคอข่าวทั้งหลาย ก็ได้เวทีวิพากษ์กันอย่างออกรส
ของแกล้มจะเอาปาท่องโก๋หรือขนมครก ข้าวเหนียวปิ้ง ได้ทั้งนั้น..
รถเข็นเรียงรายอยู่แล้วให้เลือก..ไปซื้อเอง..เอามากินเอง..
ง่ายๆ..จริงใจ..และ..ไม่แพง

เช่นกันกับข้าวมันไก่ไทยแลนด์ที่แสนฮิต
ซอกเล็กข้างบ้านไม้ หลังคาสังกะสีสนิมเขรอะ
มีผู้คนรอคิวซื้อกลับบ้านไม่ขาดสาย  หากจะกินที่ร้านก็ได้ไม่ว่ากัน
จะเอาพิเศษ หรือ ธรรมดา บอกมา เดี๋ยวจัดให้..
โต๊ะไม้หกเจ็ดตัวในร้านให้บริการมานานหลายปี  คงก่อนที่เจ้าหนูเสื้อสีส้มจะมีโอกาสเป็นลูกค้า
จนป่านนี้เจ้าตัวเล็กที่นั่งเก้าอี้ขาห้อยลอย คางเกยโต๊ะ ร้องสั่ง เอา “น้ำซุส” ด้วยค่า
กลายมาเป็น “เด็กโค่ง” ตามที่อาเปลี่ยนเรียกแล้ว
โต๊ะไม้ยังเป็นตัวเดิม บริการแบบเดิมๆ
มากินข้าวมันไก่หลายคน ก็เสริฟข้าวมันไก่  พร้อมช้อนส้อมที่วางให้ทีละเป็นกำ
แจกแบ่งกันเอง..ก็ง่ายๆ..จริงใจ..และ..ไม่แพง..นี่นะ

ถนนสายนี้ มีร้านแบบบ้านๆ ที่ปิดตัวเองไปหลายร้าน
ตู้ซาลาเปาไส้หมูใส่หน่อไม้ของอาเจ็กจุ๊น ที่สืบต่อกันมารุ่นหนึ่งแล้ว
ยังคงทิ้งร้างไว้ ด้วยไม่มีใครจะขายอีก
เช่นเดียวกับถาดวางถั่วแปยีราดน้ำพริกน้ำอ้อยสูตรอร่อยที่หายไป
กลายเป็นโต๊ะวางขายน้ำอัดลมและน้ำแข็ง

ใกล้ร้านข้าวมันไก่ ยังมีร้านตัดผมท่านชาย ที่ยังคงใช้โต๊ะตัดผมแบบโบราณ
พร้อมช่างที่มีร่องรอยกรำงานกรำชีวิตมาไม่น้อย
ผ่านไปบ่อยๆ พร้อมกับคอยมองดู วันนี้มีลูกค้าบ้างไหม
เอาใจช่วย ด้วยชอบสไตล์การตกแต่งร้านที่บอกความยาวนานของยุคสมัย

อีกร้านตัดผมชาย ที่ตกแต่งด้วยสไตล์เป็นเอกลักษณ์
และยามเย็นย่ำก็มักจะมีเสียงกีตาร์ลอยมาจากเก้าอี้หน้าร้าน
เป็นงานเพลงเพื่อชีวิต ส่งให้ร้านดูขลังมีพลังไปอีกแบบ

ยังชอบใจกับการตกแต่ง ที่ใช้งานฝีมือง่ายๆ
ด้วยมู่ลี่กระดาษม้วนสลับลายกับริบบิ้น
แผงไม้เล็กๆ สองอัน เกี่ยวพันด้วยไม้เลื้อยที่แขวนเป็นจังหวะ
สร้างบรรยากาศให้ห้องแถวอายุเก่าแก่ ที่จมลึกอยู่ข้างถนนที่ถมใหม่สูงกว่าเมตร
กลายเป็นร้านเสริมสวยที่มีอารมณ์บ้าน..บ้าน..ได้อย่างน่าสนใจ

วิถีบ้าน..บ้าน..ที่มี ที่อยู่ ที่เป็นกันอยู่แล้วนี้..จะมีผู้คนสักกี่มากน้อยที่เห็นค่า
หรือจะตามกระแสเมืองใหญ่ที่ไหลบ่ามาให้จนสุดขั้ว
วนวิ่งหาเงินทองเพื่อบำรุงความสุขของตัว ด้วยทุกสิ่งล้วนต้องซื้อหาด้วยราคาที่เพิ่มขึ้น
แม้คิดจะรื้อฟื้นชีวิตแบบเดิมเดิม  ก็คงได้คืนมาแบบแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ที่มีไว้ให้คนไปเยี่ยมชมรำลึกถึงอดีตแสนหวาน เพลิดเพลินกับความฝันถึงวันวานอันอิ่มสุข

แต่ก็นั่นแหละ..เสน่ห์ของความทันสมัย มัดใจผู้คนได้มากกว่าชีวิตแบบง่ายง่าย
แถมยังมีคนขายความหวังให้นั่งรอคอยค่าแรงหลักสามร้อย หลักหมื่นห้า
คราวนี้ล่ะ..จะมีกำลังซื้อกันเยอะแล้ว..
(อุ๊ย..เลี้ยวไปได้ไงเนี่ย..ว่าจะไม่แล้วเชียวนา)

เอาเถอะนะ ปรับตัวปรับใจกันไป
ส่วนอิฉันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานกับเด็กๆ แบบครูๆ
ชวนคิด ชวนมอง ชวนลองทำโน่นนี่ คงจะพอมีความหวังที่จะสร้างสังคมที่เป็นสุข

ก็แหม..ใครๆ  ชอบฝากความหวังไว้กับการศึกษา..
ฝากไว้กับเด็ก..ฝากไว้กับครู..กันอยู่เรื่อยนี่ค้าาาา…
.

« « Prev : แค่..เรื่องธรรมดา ของคนธรรมดา

Next : บันทึกนี้..ไม่เหมาะสำหรับคนเกลียดเด็ก..^^ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กรกฏาคม 2011 เวลา 8:01 (เย็น)

    เรามักชอบยกภาษิตฝรั่งเรื่อ “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้หลังอูฐถล่ม แต่ไม่เคยมีใครพูดถึง ฟางเส้น”ก่อน” สุดท้าย ที่มันแบกรับภาระการถล่มไว้ได้

    ถ้าเรามีฟางเส้น”ก่อน” สุดท้ายให้มากๆ  หลายๆเส้น ..ไอ้ฟางเส้นสุดท้าย มันจะหักหลังอูฐได้ฤา

    ขอสดุดีฟางเส้นก่อนสุดท้ายเส้นนี้ และอีกหลายๆเส้นที่จะตามกันมา

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กรกฏาคม 2011 เวลา 8:47 (เย็น)

    ชอบใจมากที่เห็นน้องครูอึ่งเขียนเรื่องนี้
    หากเป็นไปได้อยากจะพาคนลำพูนไปเที่ยวตลาดสามชุก ที่เอาสภาพเก่าเดิมๆเป็นจุดขายจนทุกวันนี้รับแขกไม่ไหวแล้ว
    คนวิเศษต้องร่ำไห้ เพราะตลาดวิเศษก็เก่าแก่รุ่นเดียวกับสามชุกแต่ไฟไหม้เสียหมดเกลี้ยง จะสร้างใหม่ให้เหมือนเก่าก็ทำไม่ได้ ทุกวันนี้พยายามฟื้นวิถีเก่ากลับคืนมาโดยเฉพาะอาคารก่อสร้างและวิถีค้าขายก็ไม่ได้แล้ว จัดงานไปกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่ฟื้น….

    การไหลไปสู่สิวิไลย์เซชั่นนั้น แม้จะทานไม่ได้ แต่สร้างสติได้ เราควรสร้างสติให้แก่ชุมชนแม้จะเป็นงานยาก ปายกำลังจะพังเพราะ Over tourism เชียงคานมีบทเรียนจึงรวมตัวกันประชุมและปรึกษาหารือจัดวางสิ่งที่ควรจะเดินไป โดยคนรุ่นใหม่เริ่ม ดึงคนรุ่นเก่าเข้ามาสนับสนุน แล้วเดินไปพร้อมๆกัน  ลำพุฯนั้นยิ่งใหญ่มาแต่อดีต เชียงใหม่ฉุดความเจริญ ทิ้งห่้างลำพูนไปไกลแสนไกล แต่มองมุมกลับ ลำพูนโชคดีเหลือหลายที่สภาพเดิมๆยังแน่นหนา เพียงแต่เอาคนมาคุยกัน การรักษาของเดิมๆโดยเฉพาะวัฒนธรรม ประเพณี วิถี คุยกันดีดี วางแผนดีดี ปายมีธรรมชาติ แต่ลำพูนมีวัดวาอาราม ร้านรวง ประวัติศาสตร์ และผู้คนที่น่ารัก ปายเทียบไม่ได้เลย….. เริ่มจากโรงเรียน กลุ่มหนุ่มสาว กลุ่มพ่ออุ้ยแม่อุ้ย…..ฯลฯ เหมือนเชียงคานมีแผนที่รัดกุมต่อการเข้ามาของธุรกิจทุนต่างๆ

    เสน่ห์ ของเมืองคือวัฒนธรรม และผู้คน เหมือน น่าน ที่รวมตัวกันรักษาน่าน …..

  • #3 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กรกฏาคม 2011 เวลา 10:20 (เย็น)

    ตอนมีอยู่ก็ไม่ช่วยกันรักษา  ตอนนี้เหลือที่ไหน หรือแม้แต่สร้างขึ้นมาใหม่ก็แห่ไปดู ไปเที่ยวชมกัน……อิอิ

  • #4 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กรกฏาคม 2011 เวลา 5:31 (เย็น)

    ฮั่นแน่ะ รู้แล้วว่าต่อไปเวลามีแขกมาเยือน
    ครูอึ่งจะบอกว่า ฉานบ่าฮู้ที่กิ๋น เธอตัดสินใจ๋เน้อ บ่าได้แล้ว

    ฮิ้วๆๆ

  • #5 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 กรกฏาคม 2011 เวลา 6:53 (เช้า)

    อ่านแล้วหิวครับ

  • #6 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กรกฏาคม 2011 เวลา 7:26 (เช้า)
    #1 เมื่อวันก่อน มีรถรับส่งนักเรียนที่มารับเด็กในโรงเรียนมาเสียอยู่  เห็นเด็กในรถจากหลายโรงเรียนออกมาวิ่งเล่นรอ กลัวว่าจะหิว  เลยใช้ให้เด็กโรงเรียนของตัวเองไปขอกล้วยน้ำว้าที่มักมีประจำจากคุณยายที่บ้านมาให้รองท้องหวีหนึ่ง  บางคนกิน บางคนไม่กิน  พอถาม ได้รับคำตอบว่า หนูไม่เคยเห็น หนูไม่กิน..ทำเอาอึ้งงง ไปหน่อยๆ  กล้วยน้ำว้ากลายเป็นอาหารโบราณไปแล้วฤา  เด็กๆ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอาหารธรรมชาติน้อยกว่าอาหารปรุงแต่งแถมบวกกลยุทธ์ทางการตลาดกันเสียมากแล้วค่ะ

    #2 ความเข้มแข็งของทางน่านนี่เห็นชัดนะคะพี่บางทราย  ทางลำพูนเองก็มีความพยายามที่จะทำอยู่เหมือนกัน  แต่ดูเหมือนว่ายังกระจัดกระจายกันอยู่  บางทีก็หยุดอยู่ที่รูปแบบประเพณีซึ่งคนรุ่นหลังไม่เห็นว่าใกล้ตัวของเค้า  แถมยังไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงความงดงาม ความมีคุณประโยชน์ คุณค่า ในความเรียบง่ายของวิถีดั้งเดิม  ซึ่งกว่าจะให้เค้าเห็นแบบนี้ก็ต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง  งานใหญ่จังค่ะ  ก็พยายามหาจุดที่ตัวเองจะทำได้ให้มากที่สุด  อยู่กับเด็กก็หวังจะใช้ช่องทางนี้แหละค่ะ
    .
    เมื่อวานนี้ ก็มีคนเข้ามาขออนุญาตถ่ายรูปโรงเรียน  เพราะเห็นว่าแนวต้นฉำฉาใหญ่และต้นไม้ในโรงเรียนสวย  จะเอาไปประกอบบทความส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองลำพูนลงในนิตยสาร  ก็ไม่รู้ว่า มาเที่ยวกันเยอะๆ แล้วจะดีหรือเปล่านะคะ
    .
    #3 อ่านความเห็นของจอมป่วนแล้ว ..ฉัวะเดียว  ตรงใจเลยค่ะ
    .
    #4 อุ้ยนี่นา..ก็เธอฮู้นักแต๊นิ  วันหลังไปนั่งกิ๋นน้ำเงี๊ยวในกาดดีกว่า..ฮ่าๆๆๆ
    .

    #5 คนเขียนก็หิวค่า..ซาลาเปาลำพูนอร่อยนะคะ..อิอิอิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.22711086273193 sec
Sidebar: 0.058953046798706 sec