สั่งสม..เพื่อ..สืบสาน

โดย dd_l เมื่อ ตุลาคม 6, 2010 เวลา 9:05 (เย็น) ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 3290

นานมาแล้ว มีคนเคยบอกว่า หอประชุมโรงเรียนนี้ดูราวกับศาลาวัด
ด้วยเป็นเพียงโถงกว้าง อยู่ท่ามกลางหมู่อาคารที่รายรอบ
บางเวลากำหนดขอบเขต ด้วยชั้นวางของ
ยามต้องการให้มีพื้นที่มาก ก็ขยับขยายมาใช้ลานอิฐและลานดินด้านข้างเพิ่มขึ้น


ศาลาวัดให้ประโยชน์เช่นใด ก็ดูเหมือนได้ใช้หอประชุมคุ้มค่าเช่นนั้น
แม้บางวันจะเห็นเพียงพื้นที่เรียบโล่งให้เด็กนั่งเล่น..เป็นที่ชุมนุมทำงาน..
แต่บางวันกลับเป็นโรงละครกลางลานให้ผสานจินตนาการไปกับการแสดง
บางเวลาก็เป็นที่แจ้งเกิดของดาวเด่นบนเวที ยามมีกิจกรรมนำเสนอตามบทเรียน
บางเวลาเปลี่ยนเป็นสถานที่แห่งพิธีกรรมตามประเพณี
ซ้อมเชียร์กีฬาสี  อยู่ค่าย  จัดนิทรรศการ  รอกลับบ้านวันฝนตกและอีกสารพัดกิจกรรม

ใช้ประโยชน์จากความเรียบง่าย ให้ก่อเกิดสาระที่หลากหลาย
และเมื่อวางใจในศักยภาพของผู้คน ก็ได้เห็นผลแห่งการพัฒนา
ที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาและการเรียนรู้จากประสบการณ์
งานที่ครูสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก
จึงสอดแทรกไว้ในชีวิตประจำวันอย่างแนบเนียนมากขึ้น

จากจุดเริ่มที่ซ้ำซ้อนและแยกส่วน
เมื่อชวนกันตั้งหลัก ให้เห็นภาพรวมของการเรียนรู้ว่าจะมุ่งสู่เรื่องใด
จนได้เห็นความเกี่ยวโยง หนุนเนื่อง ของงานแต่ละฝ่าย
งานของเธอส่งเสริมงานของฉัน งานของฉันส่งเสริมงานของเธอ
งานของเราล้วนมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเด็ก
สุดท้ายได้พบคำตอบ ที่จะสอดประสานบูรณาการกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนให้มีประสิทธิภาพ

ยามพักกลางวันในปีนี้ในหอประชุมจึงมีเรื่องราวทะยอยมาให้เด็กได้สนุกสนาน
กับการได้ร่วมทำ ลองทำ ตามกิจกรรมที่คุณครูนำมาให้เลือกเรียนรู้
ประหนึ่งว่าเป็นการช่วยครูทำงาน หรือ เป็นการเล่นยามว่าง
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการของคุณครูอย่างแยบยล

เช่น..เมื่อหวังผลให้เด็กเห็นคุณค่าในภูมิปัญญาและวัฒนธรรม
ครูก็ทำให้ห้องประชุม เป็นที่เตรียมการล่วงหน้าสำหรับงานบุญครูบาศรีวิชัย
ชวนเด็กมาช่วยกันทำสิ่งของประกอบพิธีกรรมนานาชนิด
ประดิษฐ์หมากสุ่ม หมากเบ็ง ดอกผึ้ง ขันดอก ต้นเทียน
ที่ทุกฝ่ายแวะเวียนกันมามีส่วนร่วม ตามแต่จะเลือก

ตั้งแต่หาข้าวของใกล้ตัวในโรงเรียนมาเตรียมการ
พี่โตๆ ช่วยตัดต้นกล้วย ทางมะพร้าวและทะลายหมากจากหลังโรงเรียน
บางกลุ่มเพียรเด็ดกลีบ ตัดขั้วดอกไม้
ทั้งได้ใช้การสานกูบหมากเป็นสิ่งให้เด็กได้ฝึกฝน
บ้างตั้งใจใช้เปลวไฟลนขี้ผึ้งแล้วจับจีบเป็นกลีบดอก
นอกจากงานฝีมือ เด็กบางชั้นยังมีงานความรู้ที่ครูมอบหมายให้ไปค้นคว้า
ให้รู้ที่มาและความหมายในงานบุญ ก่อนนำมาเผยแพร่แก่กันและกัน

เป็นทักษะและความรู้ที่ส่งต่อไปยังผู้เรียนหลายวัย โดยไม่ได้จำกัดด้วยชั้นเรียน
ครูสอนเด็ก พี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อน และแม้เด็กก็ได้สอนครู

กิจกรรมที่น่าสนใจ ย่อมนำให้ผู้เฝ้าดูค่อยเคลื่อนสู่การอยากลองทำ
ทุกคนต่างมีส่วนร่วมสร้าง ร่วมเรียนรู้ ด้วยฝีมือที่แตกต่าง
ดอกผึ้งบุบบู้บี้ สีคล้ำ จึงสอดแซมมากับดอกอันประณีตสวย
กูบหมากที่ช่วยกันปลุกปล้ำจนสำเร็จ ชูช่อไสวให้คนทำภาคภูมิใจและได้รู้
เพียงแค่ดูคนอื่นทำนั้นแสนง่าย แต่หากได้ลงมือเองจึงจะรู้คุณค่า
กว่าจะได้งานประณีตมา ล้วนต้องผ่านการฝึกฝน

ความแยบยลที่เตรียมการไว้ จึงไม่ใช่เพียงการทำได้และทำเป็น
แต่ความหมายที่แฝงเร้น มีทั้งแบบอย่างทางสังคม
ที่ร่วมมือร่วมใจให้เกิดความสำเร็จในงาน ทั้งการรู้จักใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า
ชวนให้เห็นภูมิปัญญาการสร้างผลงานด้วยสิ่งของที่ไม่ต้องซื้อหา
ทั้งเห็นคุณค่าแห่งการงาน และความภาคภูมิใจอันเกิดผลจากความใฝ่รู้ ฯลฯ

ยามเมื่อได้เวลาตั้งขบวนแห่แหนกันไปถวายเครื่องประกอบพิธีกรรมกันในวัด
ตามที่จัดให้เฉพาะบางระดับชั้นได้ร่วมงาน
ยังเป็นโอกาสให้จัดเตรียมเครื่องแต่งกายที่คว้ากันมาได้จากห้องนาฏศิลป์
ก็ในการเรียนวิชานี้ ถูกทดสอบให้หัดนุ่งโจงกระเบนเดินว่อนทั่วโรงเรียนโดยไม่หลุดกันมาแล้ว
หลายหนุ่มจึงยินดีนุ่งโจงกระเบนแดงโชว์กล้ามเข้าร่วมแบกหามสิ่งของ
ด้วยต้องการจำลองขบวนให้โบราณสมสมัย
ช่างฟ้อนก็ได้โอกาสอวดฝีมือรำถวายเป็นพุทธบูชา
จากนั้นจึงค่อยมาร่วมกันสรุปเรื่องราวที่เรียนรู้ตามที่ครูจัดสรรเป็นงานให้ศึกษากันต่อไป..

เรื่องนี้คงจะยาว

ขอเล่าต่อบันทึกหน้านะคะ ^^


« « Prev : หาความพิเศษจากเรื่องธรรมดา

Next : สั่งสม..เพื่อ..สืบสาน ตอนที่ 2 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 ตุลาคม 2010 เวลา 8:26 (เช้า)

    ครูอึ่งเอารูปหอประชุมมาลงด้วยนะคะ …เปิ้นช้อบชอบ หอประชุมหลังคาสูงโล่งกว้าง เย็น ยามฝนตกก่อเอารถไปจอดได้ ยิ่งเห็นสิ่งที่หอประชุมเอื้อหื้อกับกิจกรรมทุกอย่างแล้ว…ยิ่งเห็นคุณค่ามากขึ้นอีกนะ…และท่านผู้ดูแลก่อบ่าได้หวงที่จะไม่ให้ใช้ไม่ว่างานบุญ หรืองานอะไร…ท่านผู้จัดสร้างมีวิสัยทัศน์ “ประโยชน์สูงประหยัดสุด” ได้ยั่งยืนจริงๆ

    ครูอึ่งเล่าเรื่องอาคารต่างๆในโรงเรียนโตยเน้อ….จำได้ว่าเคยเดินตามและฟังวิธีคิดสร้างอาคารละอ่อนน้อย..มีที่เก็บรองเท้าคู่น้อยๆ ที่น่าฮักขนาด…ขออีกๆๆ ค่า

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 ตุลาคม 2010 เวลา 8:56 (เช้า)

    ตามมาอมยิ้มชื่นใจกับแนวคิดและการเติบโตของทุกชีวิตในร่มเงารร.น่ารักนี้

    เห็นด้วยกับพี่สร้อยว่าน่าจะเขียนอีกๆๆค่ะ กระหายที่จะได้อ่านอย่างแรง ^ ^

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 ตุลาคม 2010 เวลา 9:03 (เช้า)

    จุดเด่น ของ “ลานครูอึ่ง” ที่สำัคัญอย่างยิ่งยวด (มีแห่งเดียวในประเทศไทย) คือ
    1. เป็นบทบาทของผู้อำนวยการโรงเรียน จึงขยายม่านตาให้เห็นว่า น้อยนักที่ผู้อำนวยการฯจะลงมาเก็บสาระเยี่ยงนี้ด้วยตนเอง ส่วนมากจะสั่งๆๆๆ แล้วปัดก้นหนี ไม่ดูดำดูดี ว่าที่สั่งเสียไปนั้นเป็นอย่างไร “สั่งไปยังงั้นแหล่ะ ตามกระแสงานที่เข้ามา” ถ้าผลลัพธ์ไม่ค่อยจะเข้าท่าในสายตา ผู้บริหารก็จะตำหนิ ลูกน้องที่ทำงานก็จะห่อเหี่ยวสืบเนื่อง อยู่ในบรรยากาศที่เหี่ยวเฉา กำลังใจ ความสดชื่น ความเบิกบาน ก็โบยบินออกไปๆๆๆ
    2. น้อยนักที่จะเห็นผู้บริหาร รู้จักบริหารเต็มตามที่ควรจะเป็นตามศักยภาพของสถานศึกษา มีคำถามตามมาว่า เราจะประเมินกึ๋นของผู้บริหารให้ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุดได้อย่างไร แล้วที่ประเมินๆกันอยู่นี่ละ “เป็นการแหกตาตามระบบที่ห่วยแตก” ครับผ๊ม
    3. บันทึกครูอึ่ง นอกจากตีความแล้ว จะยังขยายความได้อีกในตอนต่อๆไป ได้ตอบคำถามสำคัญ ว่า “เราต้องการเห็นวิธีสร้างเสริมการศึกษาให้ชีวิตเป็นการเรียนรู้ตามลำดับและตามความเติบโตของทักษะชีวิตและทางวิชาการที่ควรจะยื่ดหยุ่นและติดตามให้ทันท่วงทีกระแสเถื่อน
    4. บทความเรื่องนี เป็นบทคิดบทกระทำของแท้ ที่จะเอาไปประเมินผลสัมฤทธิ์บทบาทหน้าที่ผู้ที่ทำงานบริการ(บริหาร)สถานศึกษา ให้คลี่คลายปัญหาได้เท่าที่ควรจะเป็น
    5. อิจฉาเป็นบ้า ที่คณะชาวฮา จะพากันไปหงสาในช่วงนีี้้ กลับมาเราคงได้อ่านบทความดีๆอย่างนี้อีก

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 ตุลาคม 2010 เวลา 12:46 (เย็น)

    จริงๆสถานที่มีความสำคัญมากต่อกระบวนการเรียนการสอน
    ห้องปิดทึบสี่ด้าน แม้จะมีข้อดีหลายประการแต่ก็มีข้อไม่ค่อยดี เช่น
    ห้องที่ปิดทึบนั้นหลายคนจะมีความรู้สึกอึดอัด เหมือนถูกบีบ กดทับ  อย่างพี่เป็นคนภาคกลาง บ้านภาคกลางนั้นโล่ง กว้าง มองไปทางไหนก็ทะลุปรุโปร่ง เราเติบโตมาอย่างนั้น เมื่อเรามาอยู่ในห้อง ยิ่งที่คับแคบมีความรู้สึกอึดอัดทันที  และความรู้สึกนี้จะส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก การคิดอ่านใดๆก็ไม่แล่น

    เหมือนเคยมีประสบการณ์ที่เชียงใหม่ ครั้งหนึ่งไปเที่ยว และพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตอนขึ้นลิฟท์ไปชั้นบน มีคนขึ้นลิฟท์ไปด้วย เราก็ไถ่ถามกันว่ามาจากไหน มาทำอะไร เขาบอกว่า เป็นคนกรุงเทพฯ พอมีวันหยุดยาวก็ต้องหาเรื่องออกจากห้องพักสี่เหลี่ยม บางทีไม่มีโปรแกรม ไปไหนก็ได้ที่ออกไปจากห้องนั้น…. ที่ทำงานก็เป็นห้อง กลับที่พักก็เป็นห้องสี่เหลี่ยม แถมเล็กอีก อยากหากว้างๆก็ไม่มีเงิน …. คนกรุงเทพฯจึงเครียด

    พี่ไม่ทราบว่ามีงานวิจัยเรื่องสถานที่กับผลสัมฤทธิ์ของกระบวนการเรียนการสอนบ้างหรือเปล่า  (นี่ก็เป็นหัวข้อวิจัยได้นะ)
    การใช้พื้นที่ห้องประชุมเปิดโล่งให้เกิดประโยชน์เช่นนั้น เป็น Multipurpose Room คุ้มค่า ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดีเลิศประเสริศศรีแล้วน้องอึ่ง

    เด็กบ้านนอกมีโรงเรียนที่มีสถานที่กว้างขวางนั้นน่าที่จะเสริมสร้าง สะสม คุณภาพคนด้วยนะครับ  พี่เชื่ออย่างนั้น

  • #5 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 ตุลาคม 2010 เวลา 8:15 (เย็น)
    #1 อุ๊ยจ๊ะ..หอประชุมโรงเรียนนี้ กับ เสื่อแดง  นี่เข้าคู่กันทุกงานทีเดียว ใช้งานกันสารพัดประโยชน์  แต่บางเวลาที่ต้องใช้เก้าอี้จำนวนมากๆ ก็ต้องพึ่งพาวัดใกล้ๆ  บางอย่างซื้อหาไว้ไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็เป็นภาระในการจัดเก็บอีก เงินมีน้อยต้องใช้สอยโดยประหยัด อิอิ
    และการได้พึ่งพาวัดทำให้สร้างสำนึกที่มีเยื่อใยต่อกันในชุมชนเหมือนกัน  เป็นระบบการจัดการในชุมชนที่น่าสนใจเนาะ

    #2 มีคนรออ่าน ก็มีแรงพยายามเขียน.. แต่ว้า..ก็เขียนช้าเหลือเกิ้น..เนาะเบิร์ดเนาะ

    #3 ครูบาคะ ครูอึ่งก็เพียงพยายามทำหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังค่ะ รู้ตัวว่ายังไม่รู้อะไรอีกหลายเรื่อง และได้พบว่าการได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเด็กและครู ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย  ได้มิตรไมตรี ได้เห็นสิ่งดีๆ ที่ครูทำ ได้เห็นความสามารถของเด็ก ได้เห็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงและพัฒนา ได้รู้ว่าต้องสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าอย่างไร ที่สำคัญได้เห็นความจริง และได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาจากฐานของความเป็นจริงคุ่ะ

    ได้เรียนรู้จากครูบามากมาย ในวิธีคิด  วิธีมอง รวมทั้งการใช้กล้องเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ต่ออีกหลายเรื่อง   ถ้าเป็นสำนวน ด.ญ.เสื้อสีส้ม ต้องบอกว่า..เฮฮาศาสตร์ เค้าดีจริงๆ นะคะ อิอิ

    #4 พี่บางทรายคะ  ในหลักสูตรมีคำว่า “บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้”  แต่เท่าที่เห็น คนก็ไปติดอยู่กับ การสร้างแหล่งเรียนรู้ ติดป้าย ติดอะไรกันไป    แถมบางทีก็ต้องมีบัตรคำ รูปภาพ อะไรลายพร้อยกันไปทั้งห้อง

    แต่สำหรับน้อง อาจมองต่างไปบ้าง เพราะเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมมีส่วนกำหนดพฤติกรรมของคน  จัดกิจกรรมในห้องประชุมติดแอร์หรูหรา กับ จัดกิจกรรมในห้องประชุมโล่งเรียบ  ความรู้สึกก็แตกต่างกันออกไปนะคะ  อะไรที่มากไป รกไป ก็น่าจะไม่เป็นผลดี ยิ่งอยู่กับเด็กเล็กๆ ยิ่งต้องให้ความสำคัญในรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเค้ามากขึ้น ทั้งบรรยากาศที่เป็นกายภาพที่จะปลูกฝังความคุ้นชินที่เหมาะสม ทั้งความปลอดภัย ทั้งสายสัมพันธ์ระหว่างครูกับเ็ด็กฯลฯ
    เชื่อในพลังของความเป็นธรรมชาติ  เลยพยายามรักษาบรรยากาศของโรงเรียนให้เป็นแบบนี้  ให้มีต้นไม้เยอะๆ  มีที่โล่งๆ ให้เล่น ให้ธรรมชาติของความอยากรู้ในตัวเด็กได้ทำงาน ให้เท้าให้มือได้เปื้อนมั่ง แล้วก็เตรียมที่ล้างทำความสะอาดไว้ให้  ชอบให้มีความเป็นบ้านนอกอยู่บ้างค่ะ
    น้องก็ว่าแบบนี้น่าจะดี  แต่ว่า บางทีคนเค้าชอบว่ามันไม่หรูน่ะค่ะพี่..^^

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.6597318649292 sec
Sidebar: 0.19349503517151 sec