มองมุมเดียว..งานนี้มีบ่น..
อ่าน: 2348ไม่เข้าใจว่า..การที่ต้องบังคับให้ทำอะไรเหมือนๆ กันในสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญจะสร้างความเจริญก้าวหน้าในวงการศึกษาได้อย่างไร
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า..ทำงานในโรงเรียนที่ก่อตั้งมาเนิ่นนาน หลายทศวรรษ
ก็ใช้ตราประจำโรงเรียน รูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
อยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้รับหนังสือเร่งรัดให้ เปลี่ยนตราเป็นรูปแบบที่กำหนด
ต้องเป็นวงกลมสองวงซ้อนกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวงนอก 4.5 ซ.ม. วงใน 3.5 ซม.
ให้บรรจุข้อความในช่องว่างระหว่างวงกลมสองวงนั้นด้วย ชื่อโรงเรียน อำเภอ และจังหวัด
ช่องว่างขนาด 0.5 ซม. เนี่ยนะ
อ๋อ..ตราโรงเรียนเดิมก็เป็นวงกลมอยู่แล้ว ขนาดวงนอกก็ได้
วงใน มีลายไทยประกอบตามยุคสมัยที่ริเริ่มใช้มา
แม้ว่าขนาดวงในจะเล็กไป กว่า ที่กำหนด ก็พยายามเปลี่ยนข้อความในตราให้ได้ตามสั่ง
ทั้งๆ ที่นั่งคิดอยู่หลายวันว่า ..เออหนอ..คุณค่าทางประวัติศาสตร์นี่ไม่มีใครสนใจแล้วหรือ
ไม่นับรวมกับคำตอบคำหารือ ที่บอกว่า โรงเรียนอื่นเค้าตั้งมาเป็นร้อยปี ก็ยังยอมเปลี่ยน
เอ้า..ก็เปลี่ยนให้มีสาระสำคัญครบตามกำหนด
อาจจะลดขนาดวงกลมภายในที่ไม่เท่ากับคำสั่งก็ไม่น่าจะเป็นประเด็น
ที่สุดก็เห็นผล…
เรื่องราวก็ถูกโอนกลับมาโรงเรียน ด้วย ตราวงในไม่ได้ขนาด
ลองสอบถามไปยังต้นสังกัดในเมืองกรุง
ก็ได้คำตอบอันแสนจะน่ารัก… โรงเรียนทั่วกรุงเทพฯ เค้าทำได้ ทำไมคุณทำไม่ได้
ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ มีตราไว้ทำไม
ก็เพียงเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์แยกความแตกต่างระหว่างโรงเรียน
และเมื่อต้องใช้อักษรตัวเล็กนิด ขนาดราว 12 พอยต์ เพื่อบรรจุในช่องว่างให้ลงตัว
จึงเป็นตราประทับที่มองเห็นข้อความยาก ยิ่งเป็นตราดุนนูนก็ยิ่งแล้ว…
ต้องเข้าแถว ซ้ายหัน ขวาหัน ตามที่คิดกันขึ้นมา
ไม่รู้ว่า..มองรอบด้านกันหรือไม่
จะมีใครนึกเห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และ ศิลปะในการออกแบบบ้างไหม
หรือใจมุ่งอยู่ที่การจัดแถวให้เกิดความเหมือน
เอาเถอะนะ..คำสั่งให้ ปลูกต้นราชพฤกษ์ ปลูกกล้วย พร้อมรายงานจำนวนด้วย ก็มีมาแล้ว
จะรื้อตราโรงเรียนอีกสักรอบ..ก็เป็นโอกาสสร้างบันทึกเหตุการณ์ใหม่ให้โรงเรียนก็แล้วกัน
เอ้า..ทั้งหมดซ้ายหั้นนนน….หน้าเดิ้นนนนนนนนน…..
นี่เขียนบันทึกแบบไม่หงุดหงิดซักนิ้ดดดดเดียวนะเนี่ย…….
« « Prev : ไขลานใจ
Next : มาไล่จับผู้ชายกันมั๊ย… » »
7 ความคิดเห็น
ปัจจุบัน เรามอง คุณค่าของความเป็นคนคน ค่าของผลงาน คุณค่าของสิ่งต่ง ๆ ในชีวิต ผิดเพี๊ยน ไปแล้วหรือ…
มีหลายอย่างในชีวิตที่เริ่มมีการกำหนดขอบเขต กำหนดแนวทาง กำหนดไปทุก ๆ อย่าง
เราจึงติดอยู่ในกรอบ เราจึงจนตรอก เราจึง….
แต่..อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่ที่ เรายังไม่สามารถกำหนดได้ “คือการมีชีวิตที่อยู่รอดเป็นนิรันดร์”
อยากรู้จริง ๆ มนุษย์เราจะสามารถกำหนดได้หรือเปล่าหนอ
….
อ่านบันทึกครูพี่อึ่ง “ปริ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ “ แต่แบบแป๊บ ๆ นะคะ
แล้วก็มองว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง”
สวัสดีค่ะ คุณครู
อิอิอิ (ได้อยู่)
น้องอึ่งอ๊อบเจ้า…พี่อึ่งไม่ได้ปริ๊ดดดดด…ฮื่ม..ฮึ่ม.. ไม่ได้ปริ๊ดดด….กรอดดด..กรอดดด…555..555…
ขมวดคิ้ว เพราะคิดไม่ออกว่าก.ศธ.ให้ทำแบบนั้นไปทำไมน่ะค่ะ..&^_%$*%%+# ns%W???!! ไม่ได้บ่นนะคะพี่ครูอึ่งแต่สงสัยดังๆเป็นภาษาต่างดาวที่ไม่ควรแปลเด็ดขาดเท่านั้นเอง อิอิ ( เลียนแบบพี่สร้อย ^ ^ )
อย่างนี้ รร.เดิมเบิร์ดแย่เลยเพราะเค้าทำเป็นรูปโล่ห์ !!!!
อ่านแล้วรู้สึกเซ็งกระทรวงศึกษามากขึ้น จากเดิมที่เซ็งอยู่แล้ว
ได้แต่ถอนหายใจค่ะพี่
บ้านเมืองเรามันเจริญได้ยากมากจริงๆ
ด้วยความเข้าใจอย่างยิ่งจ้า
เหมือนๆกับที่ตอนนี้(แอบ)เรียกตัวเองว่า เป็นสาวโรงงาน (http://lanpanya.com/jchrn/archives/38) น่ะแหล่ะจ้า
ทุกอย่างต้องถูกยัดลงบล็อก เพื่อแกะพิมพ์ออกมาให้เหมือนกัน…
มีแบบฟอร์มและมีคำสั่ง
เพื่อจับยัดตัวเลข “ผลประกอบการ” ลงในช่องประกันคุณภาพ
…ทุกอย่างทำเพื่ออะไร…ห้ามถาม..ถามมากก็จะได้รับคำตอบว่า “คนอื่นๆ เขายังทำได้ ไม่เห็นมีใครมาถามสักคน”…
+^Y*(&)%$#$@__+((*
ฉานเอง
อาจจะเป็นเพราะท่านผู้มีความสามารถเป็นเลิศท่านหนึ่ง ออกแบบฟอร์มมาโดยไม่ได้สำรวจก่อน แล้วกำหนดพื้นที่สำหรับประทับตราโรงเรียนไว้แค่นั้นครับ
คำตอบน่าจะอยู่ที่นี่นะครับ Chaos Theory - ทฤษฎีไร้ระเบียบ ครับ