มองมุมคิด: ชีวิตติดดิน

โดย dd_l เมื่อ ตุลาคม 8, 2009 เวลา 11:45 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรียนรู้ชีวิต #
อ่าน: 2996

 

ไม่กี่วันมานี้ หนุ่มน้อยศิษย์เก่า เข้ามาบอกเล่าไว้ในความเห็นท้ายบันทึกนี้
เรียนบัญชีปีสี่แล้ว..ว่างจากเรียนก็แบ่งเวลาไปทำงานร้านไอศกรีมหารายได้เสริม
และเริ่มรู้สึกว่าเลือกเรียนผิด น่าจะ คิดอยากจะเรียนดนตรีตามที่เคยชอบ
 

อบลูกศิษย์ไปว่า..มีคนมากมากมายที่อาจไม่ได้เรียนในสาขาที่ตนเองรัก
และมีคนอีกมากมายที่ได้ประกอบอาชีพในสิ่งที่ตนรัก ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนมา

บางคนต้องใช้เวลากว่าจะค้นหาความพอใจในอาชีพ
บางคนต้องทนทุกข์อยู่กับสิ่งที่ไม่รัก ด้วยไม่รู้จักหนทางสร้างอาชีพอื่น
จึงมักชื่นชมยินดีเสมอ เมื่อพบเจอผู้คนที่กล้าคิด กล้าลอง
บางครั้งก็ต้องอึ้ง!! กํบวิธีดำเนินชีวิต..ที่ต้องบอกว่า..คิดได้ไง..เนี่ย..

เหมือนเมื่อครั้งแวะไปถนนคนเดิน ที่เชียงใหม่
ได้ยินเสียงเพลงจังหวะครึกครื้นแว่วมา  มองหานักดนตรีที่ไหนก็ไม่เห็น
อ้าว!!..กลายเป็นวงดนตรีติดดินที่เล่นตามยาว…ขอย้ำ…เล่นตามยาว…
นักดนตรีสี่คน นั่งเรียงชิดติดกันตามยาวไปบนพื้นกลางถนน ที่มีผู้คนเดินผ่านขวักไขว่
บ้างก็ให้ความสนใจ แวะชมเป็นกลุ่มๆ

 

 
ท่ามกลางความคับแคบของพื้นที่ เครื่องดนตรีถูกดัดแปลงให้ใช้ง่ายและได้ผล
ทุกคนทำหน้าที่สอดประสานกันอย่างแข็งขัน
กลองกับฉาบเพียงอันเดียววางคว่ำอยู่ ทำหน้าที่เป็นลูกคู่สอดรับจังหวะ
ให้กีต้าร์บรรเลงร่วมกับเสียงขับร้อง
ยามต้องการเสียงแปลกใหม่ ก็ใช้หลอดพลาสติกที่ห้อยคออยู่เป่าเป็นทำนอง
สอดคล้องกับเสียงฮาร์โมนิการ์ของมือกีตาร์คนถัดไป
ได้ทั้งอรรถรสทางดนตรี วิธีเล่นที่แปลกตา ความสุข และ ชีวิตชีวาที่ส่งมาถึงผู้ชม

เห็นแสงแฟลชที่วูบวาบ ระหว่างการเล่น   เห็นคนแวะไปหยอดกล่องบริจาคไม่ขาดสาย
เสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อเพลงจบ  คงไม่เพียงแค่ต่อเติมกำลังใจ
แต่คงเพิ่มเติมรายได้ให้นักดนตรีอยู่พอสมควร

 
 

 

 
อีกครั้งหนึ่งที่ได้ทึ่งกับวิธีคิด ในยุคชีวิตเร่งรีบและติดความสบาย
ซึ่งแม้มีร้านสะดวกซื้อตั้งขึ้นมามากมายในเมืองเล็กก็ยังนิยมไปจ่ายตลาดสด
รู้สึกถึงความมีชีวิตในตลาด ที่มีบรรยากาศการพูดคุยสนทนาประสาชาวบ้าน
ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็สามารถสอนวิธีแกงผัก ช่วยคิดรายการอาหารจากสินค้าที่วางขาย
บางครั้งก็ได้เมนูใหม่ จากคนซื้อใกล้ๆ กัน
 

ระยะหลัง  สังเกตเห็นสินค้าที่ค่อยปรับเปลี่ยนไป ให้ความสะดวกมากขี้น
ชุดผักพื้นฐานประเภทสามอย่างห้าบาท(ต้นหอม ผักชี คื่นไช่ กำรวมกัน) ดูจะเก๋น้อยไป
ได้เห็นชุดผักจิ้มน้ำพริก.. ชุดแกงขนุน..ชุดแกงผักเสี้ยว..ชุดแกงแค..ฯลฯ
ที่แม่ค้าจัดเตรียมประดาผักที่ต้องใช้ ปอก เด็ด หั่น จัดเตรียมไว้ให้พอดีทำกิน

 

 

 
ในขณะที่ทั้งตลาดมีสินค้าประเภทกึ่งสำเร็จรูปคล้ายๆ กันเช่นที่ว่า

สะดุดตากับสินค้า และการขายที่แปลกกว่าใคร
บนโต๊ะข้างเตาถ่านปิ้งย่างขนาดไม่ใหญ่นัก มีมะเขือยาว ฝักเพกา พริก วางกอง
ด้านล่าง ยังมีกาละมังหน่อไม้ต้ม รอจำหน่ายอยู่อีกกาละมังใหญ่
แม่ค้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุย  ทำงานไป ขายสินค้าไป
ใครจะซื้อพืชผักบนโต๊ะก็ขาย  แต่รายได้หลักกลับเป็นสินค้าที่วางไว้ในถาดใบย่อม
 

การทำอาหารพื้นเมือง ต้องอาศัยเครื่องปรุงประเภท พริก หอม กระเทียม เผาไฟ
บ้างก็ต้องใช้ปลาร้า กะปิหมก ใส่ลงโขลกให้เข้ากัน
ที่ร้านของแม่หลวงแจ่มจันทร์ จึงมีเครื่องปรุงและพืชผักปิ้งย่างทุกอย่างขาย
ห่อกะปิ  ห่อปลาร้า พริก หอม กระเทียม เสียบไม้ปิ้งไฟ ทุกอย่างห้าบาท
มะเขือยาว ฝักเพกาเผา ลอกเปลือกแล้วแถมหั่นให้ด้วย

 

 
เมียงมองอยู่นาน เห็นผู้คนผ่านมาอุดหนุนไม่ขาดสาย
รอจนได้พูดคุย ทำความรู้จัก ด้วยอยากรู้วิธีคิด

แม่ค้าตอบด้วยรอยยิ้มและถ้อยคำที่อยากนำมาฝาก 

มีแต่คนถามว่าคิดได้อย่างไร
ก็เคยทำอะไรมาหลายอย่าง  สามีเป็นพ่อหลวงบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน)
เป็นแม่หลวงบ้านอยู่กับกลุ่มแม่บ้าน เลยได้ไปดูงานหลายแห่ง
พอไปดูที่ห้วยฮ่องไคร้ ได้ความรู้แล้วมาชวนกันร่วมทุน เลี้ยงกบในกระชัง  ทำร้านอาหารด้วย
รายได้ปีละสองสามแสนเหมือนกัน
แต่คราวที่น้ำท่วมหนัก  น้ำพัดเอากบไป  หมดเงินเป็นแสน 

เลยมาคิดกันกับสามีว่าจะทำอะไรดี
เคยขายผัก จัดผักทำแกงแค ก็ไม่ค่อยชอบ
มาคิดว่าคนเดี๋ยวนี้ต้องการอะไรที่สะดวก แล้วส่วนใหญ่คนก็ใช้เตาแก๊ส
เลยลองมาทำแบบนี้ คิดว่าน่าจะดี
 

แรกๆ ขายได้แค่ สี่ถึงห้า กิโล(กรัม) ก็พยายามทำต่อไป 
เดี๋ยวนี้เฉพาะพริกวันยี่สิบกิโลไม่พอขาย  กำไรก็ราว สี่สิบบาทต่อกิโล

 
ระหว่างเล่าเรื่องราว แม่หลวงก็คอยพลิกพริกเสียบไม้ที่วางไว้บนเตาอย่างคล่องแคล่ว
ไม้นี้สุกแล้ว ยกลง  เอาไม้ใหม่มาวาง  คีบไม้นี้ไปวางตรงโน้น ไม้โน้นมาวางตรงนี้
เพลิดเพลินกับการทำงาน เพียงไม่นานของก็พร้อมวางขาย

เป็นงานง่ายๆ  ที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากมาย
แต่การคิดได้ก่อนใคร  และใช้ช่องว่างทางการตลาดสร้างรายได้อย่างเหมาะเจาะ
ช่างเป็นการใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิตที่น่าชื่นชมยิ่งนัก

เป็นงานของคนติดดิน ที่ไม่เคยสิ้นความพยายาม และความพากเพียรอดทน
มองเห็นความภูมิใจและความสุขในงาน
ทั้งเห็นความกล้าก้าวออกนอกกรอบเดิม เพื่อเริ่มวิธีใหม่

เป็นเรื่องราว ที่เห็นแล้วต้องน้อมใจลงคารวะในมุมคิดและวิถีชีวิตอันงดงาม

 

 
ขอขอบคุณ

  •  วงดนตรีตามยาว แห่งถนนคนเดินเชียงใหม่
  • แม่หลวงแจ่มจันทร์ คุณชมพู  หมู่ 4  ต.ทาชมพู อ.แม่ทา จ.ลำพูน

 

 

« « Prev : มองมุมคิด : หมอดินอาสา

Next : เรื่องโป๊..โป๊..(เซ็นเซอร์) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.76953506469727 sec
Sidebar: 0.11169385910034 sec