วิทยานิพนธ์

อ่าน: 1501

วิทยานิพนธ์ คืออะไร ไม่ขอตอแยตีความนะครับ อนึ่ง ผมประเภทจบมัธยมพอกะเทิน ไม่มีคุณสมบัติที่จะอาจเอื้อมทำเรื่องยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งยวดอย่างนั้นได้ จึงสังเกตสังกาอยู่ห่างๆ  และคอยอ่านเรื่องผู้ที่ศึกษาสำเร็จแล้วนำมามอบให้ เรื่องของสวนป่ามีนักศึกษาจากหลายสำนักเอาไปเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์ แม้แต่สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯก็หยิบเอาไปทำวิจัยในหัวข้อ “บทบาทศูนย์เรียนรู้:กรณีศึกษามหาชีวาลัยอีสาน ยังมีนักศึกษา ป.โท ของจุฬาฯมาทำเรื่อง …นักศึกษา ป.เอก แม่โจ้ และ ป.เอก ม.อุบล กำลังเขมักเขม้นทำเรื่องของผมมาหลายปีดีดักแล้วละครับ ทำยังไงๆก็ไม่จบสักที น้ำตาเช็ดหัวเข้าจนแห้งแล้วแห้งอีก เข่าทั้ง 2 ข้างด้วยนะเธอ

แสดงว่า  การที่จะเป็น ดร.ได้นี่ยากเย็นชะมัดเลย

แต่ก็ทราบข่าวว่ามีช่องทางทำวิทยานิพนธ์ให้ได้เป็น ดร. กำมะลออยู่เหมือนกัน

เช่นบินไปชุปตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์บ้างอินเดียบ้าง

วิธีนี้ง่าย ปีเดียวก็ได้เป็นดร.อุบอิบแล้ว

ผมละอึ้งจริงๆที่ครูบาอาจารย์พากันทำอย่างนี้

ถ้าอาจารย์โง่ จะมาสอนลูกหลานผมให้ฉลาดได้อย่างไร

เรื่องนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลควรมีมาตรการเฉ่งปี่ ดร.จำบ่มพวกนี้ให้ชัดเจน

ไม่อย่างนั้นแยกยากครับ คนไหน ดร.จริงคนไหน ดร.เสมือนจริง

พวกที่เสมือนจริงนี้แหละที่ก๋าๆกว่าตัวจริงเสียอีก

สอนลูกศิษย์แบบตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน

อาจารย์เก่งยังโง้นเก่งยังงี้ ผ่านงาน ผ่านประสบการณ์มาจนจำแทบไม่ไหว

ลองไล่เรียงดูเถอะ  กลิ่นน้ำนมยังไม่หย่าจากแหล่งที่ไปทำอีแอบมามีเยอะ

หัวข้อวิทยานิพนธ์จะว่ายากก็ยากง่ายก็ง่าย ขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละคน ผ่านสมรภูมิการวิจัยมาในระดับไหน สมัยที่เรียนโทตั้งใจทำการบ้านเต็มที่ หรือเรียนแบบปริญญาโธ่! ปริญญาโถ ! เมื่อเช้านี้มีบลอก “ลานชาวนา” โผล่มาแนะนำตัวว่าเป็นนักศึกษาปริญญาเอก สาขานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นักศึกษากลุ่มนี้เคยเข้ามาขลุกอยู่ที่สวนป่าเมื่อเร็วๆนี้ ผมวางยาไว้ว่าให้ลองเข้าไปค้นอ่านในลานปัญญา และเมื่อร้อนวิชาก็ทดลองเขียนบล็อก ปรากฎว่านักศึกษาท่านนี้เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน เป็นไงเป็นกัน เต้นก๋าออกมาปรากฎตัว ผมเห็นแล้วชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก น่าจะเป็นคนแรกที่ค้นพบวิธีไล่ล่า ดร.

การเรียนระดับปริญญาเอกสมัยนี้จะไปรออาจารย์ป้อนนมไม่ได้หรอก

นักศึกษาต้องหาทางค้นคว้าจากแหล่งต่างๆด้วยตัวเอง เดินทางไปพบปะพูดคุยกับผู้สันทัดกรณีจำนวนมากให้ครบถ้วนทุกระดับ  เช่น โรงสี ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง อบต. ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าแม่โอท็อปประจำตำบล กรมการข้าว ร้านค้า แม่ค้า ชาวนา หัวหน้าม็อบชาวนา เครือข่ายชาวนา เครือข่ายผู้บริโภค แม้แต่เจ้าแม่โพสพ เจ้าที่เจ้าทาง ขาใหญ่ นายทุนปล่อยดอก พวกรับจำนำข้าวเขียว โอย เขียนไม่ไหวหรอก ลงไปทำถึงจะรู้ว่ายังขาดเหลืออะไร ศึกษานโยบายและมาตรการต่างๆ ข้อดี ข้อด้อย กรณีการทุจริตในวงการรับจำนำข้าว เล่ห์กลที่ชาวนาถูกกระทำ ฯลฯ

จงลงมือทำในบ้างเรื่อง หลายๆเรื่อง

ที่ผมแนะนำมาที่ลานปัญญญาก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ยังมีเรื่องที่จะฝ่าด่านอรหันต์อีกไม่รู้กี่ด่าน

ต้องค้นคว้าเรื่องหนึ่งเรื่องใดให้แตกฉานจนสามารถหยิบมาเขียนเป็นโมเดลได้

ไม่อย่างงั้นจะเอาอะไรไปรับปริญญา

นักศึกษาต้องไปเก็บเรื่องธรรมดาไม่รู้ก๊่ร้อยฉบับมาร้อยเรียงให้เป็นเรื่องพิเศษ 1 เรื่อง

แถมยังไม่ซ้ำรอยซ้ำแบบใครด้วยนะ

ยกตัวอย่างเรื่องของชาวนา โอ้โฮ้ มีโจทย์วิทยานิพนธ์ไม่เลือกทำได้รู้กี่ร้อยฉบับ เพียงแค่ผมอยากจะรู้ว่า ชาวนาจะสร้างเครืองข่ายวิวัฒนาการการทำนาให้เข้ากับยุคสมัย ที่มีกระบวนการยกระดับการปลูก การผลิต การจำหน่ายของตนเอง ที่ตั้งสมมุติฐานไว้นี้ นักศึกษาบอกได้ไหมว่า ถ้าจะไปสร้างกลุ่มชาวนาที่ลืมตาอ้าปากได้ด้วยตนเองจะต้องคิดต้องทำอย่างไร ถ้านักศึกษาไปลงมือพาชาวบ้านทำขึ้นมา ตัวเองลุยโคลนไปกับเขาด้วย แล้วตามเก็บกระบวนการทุกลำดับชั้นไว้มาร้อยเรียง ให้เห็นแผนที่การสร้างชาวนาพันธุ์ใหม่ ถ้าทำหัวข้อการเกิดขึ้นชาวนาพันธุ์ใหม่ โห  ผมว่าจะจ๊าบส์มากเลยละครับ

ถามว่ายากไหม

เอาอะไรมาวัด

ในระหว่างทำวิทยานิพนธ์ ถ้านักศึกษาไม่ไปเป็นตัวชาวนาเสียเอง

มันตีบทไม่แตกหรอก

เ รื่ อ ง ช า ว น า ใ ค ร จ ะ ม า รู้ ดี ก ว่ า ตั ว ช า ว น า ละ ค รั บ

อยากจะเป็น ดร.เรื่องชาวนา ก็ต้องไปเป็นชาวนา

ถามว่ามีวิธีอื่นที่ดีและง่ายกว่านี้ไหม ?

มี

แ ต่ ผ  ม ไ ม่ รู้ จั ก  ?

อนึ่ง ในระหว่างเขียนต้นฉบับโมเดลอีสาน เส้นทางมันก็คล้ายกับที่เล่ามาข้างบนนั่นแหละ ผมต้องมาออกแบบว่าจะร่ายทวนอย่างไร คำถามแรก เจ้าเป็นไผ เจ้าทำอะไรมาบ้าง เจ้าไปเกี่ยวข้องกับงานใดบ้าง เมื่อได้ประเด็นหยาบๆมาอย่างนี้ ผมก็พอจะได้เค้าแบ่งเรื่องที่จะเขียน เช่น

ไปยุ่งกับการศึกษา ก็เขียนกระเทาะมุมการศึกษาเท่าที่ไปรู้เห็นมา แล้วคิดว่าจะทำอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร

ไปยุ่งกับกระทรวงสาธารณสุข ก็เขียนเรื่องสุขภาพสุขภาวะที่เกี่ยวข้องและเผชิญอยู่

ไปเกี่ยวข้องกับงานวิจัย ก็เขียนเรื่องวิจัยไทบ้าน เรื่องวัวกินใบไม้ วัวกินไวน์ก็ว่าไป

ไปเกี่ยวข้องกับงานพัฒนาท้องถิ่น ก็เขียนเรื่องบทบาทของมหาชีวาลัยอีสาน

ไปเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ ก็เขียนเรื่องชุมชนคนแซ่เฮยังไงละเธอ

ไปเกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็เขียนประมวลไว้ในโมเดลอีสาน

ก็เหมือนผมรักใครสักคน ผมก็ต้องเขียนถึงคนนั้นสิครับ

เขียนและทำในสิ่งที่ตัวเองรู้ มันสอบไม่ตกหรอกนะเธอ อิ อิ ..

:: ข่าวล่ามาเร็ว 12-14 นี้ ต้องไปร่วมงานมหกรรมสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่เมืองทองธานี

ชาวแซ่เฮ มีใครมาบ้างไหมครับ แหม มันน่าชุมนุมชาวเฮนะนี่

ผมมีรายการจะตามมูลนิธิชัยพัฒนาไปที่ลาวในช่วงนี้ แต่ก็ต้องบายเสียแล้ว

จำต้องเข้ากรุงไปงานดังกล่าว เบี้ยวประชุมเขาบ่อย จนหนังสือเชิญมีรังสีอำมหิต ..ตอกย้ำจัง..

” ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สวรส.จึงขอเชิญท่านเข้าร่วมการประชุมวิชาการดังกล่าว จึงเรียมาเพื่อโปรดพิจารณาดัวย จะเป็นพระคุณ “

งานดังกล่าว อยากให้เบริด์มา เตรียมเรื่องใส่ซองมาด้วย จะได้จับแพะชนแกะให้รู้แล้วรู้รอดเสียที

เข้าไปดูรายละเอียดที่นี่ >> ผู้ประสานงาน คุณวันเพ็ญ ทินนา e-mail:wan...@hsri.or.th


วิธีวัดกึ๋น

อ่าน: 1361

การเรียนของมนุษย์ยุคนี้มีให้เลือกหลากหลาย ถ้าเปรียบกับถนนหนทางก็คงจะอุตลุดพอๆกัน ทางการศึกษาก็มีแยกไฟ-เขียวไฟแดงนะครับ พวกที่ไม่รักษากฎจราจรก็มีบ้าง ไปหาวิธีเอาใบขับขี่ เอ๊ย ใบประกาศโดยไม่ต้องเข้าเรียน โดนจับได้โอดโอยยิ่งว่าแพะถูกขังเดี่ยว การเรียนในระบบพวกเราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่การเรียนอิงระบบน่าจะเป็นเรื่องที่มาบอกเล่าและส่งเสริมกัน ที่จริงก็เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่การยกระดับ การปรับปรุงสูตรความรู้ต่างๆให้มีคุณค่าทางโภชนาการยังอ่อนพริกอ่อนเกลือ ถ้าเราบำบัดตัวเองด้วยความรู้ที่เพียงพอและถูกต้อง ชีวิตเราก็จะได้รับผลดังภาษิตที่ว่า ..”อันวิชามีค่าอยู่นับแสน” ยุคนี้วัดกันที่ความรู้เสียด้วยสิครับ ทำให้หลายคนใส่ใจเรียนต่อ ในกลุ่มพวกเราก็มีหลายคน เช่น หมอจอมป่วน และแห้วซ่าส์  แห้วแอบเรียนไปบ้างแล้ว เกริ่นมาเหมือนเยาะซ๊อสพอปะแล่มๆเล็กๆน้อยๆ ยุให้เขียน แห้วก็อื้อๆอ้าๆยังไม่รับปาก ผมรู้มาบ้างก็ได้แค่คันในหัวใจ ยกตัวอย่าง เช่น

แห้วเล่าว่า..มหาวิทยาลัยเปิดโอกาส

ให้นักศึกษาที่ผ่านการเรียนผ่านประสบการณ์จนสุกหง่อม

คิดว่าตัวเองมีความมั่นคงทางวิชาความรู้สาขานั้นๆ

ก็แสดงเจตจำนงค์ ..ขอเข้าทดสอบความรู้ได้

ถ้าสอบผ่าน..ก็ไม่ต้องเรียนวิชานั้นๆ

ยกตัวอย่าง  แห้วมีภูมิทางด้านภาษาอังกฤษ สอนอังกฤษ

ถนัดภาษาอังกฤษ ..จ น ล ะ เ ม อ เ ป็ น ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ..

ข า ด แ ต่ ยั ง ไ ม่ มี แ ฟ น เ ป็ น ฝ รั่ ง ไม่งั้นจะจ๊าบส์กว่านี้อีก

หรือถ้าเก่งด้านคอมพิวเตอร์ ก็ไปสมัครวัดผลวิชาคอมพิวเตอร์

วัดความรู้กันชัดๆตรงๆได้อย่างนี้จะทำให้กระบวนการเรียนไม่ย่ำอยู่กับวิธีเก่าๆ

ถ้าส่งเสริมกันอย่างนี้ จะทำให้นักศึกษาย่นระยะเวลาเรียน จบเร็วขึ้น

ดีกว่าจะไปใช้วิธี “จ่ายครบจบแน่” เป็นไหนๆ

ต่างประเทศ..เข้าทำกันมาแต่ปีมะโว้แล้ว  แต่ในประเทศของเราผมได้ข่าวเรื่องนี้มานานพอสมควร แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าดำเนินการไปแค่ไหนอย่างไร เพิ่งจะมาทราบจากแห้วนี่แหละ และถ้าแห้วจะเขียนเล่าเรื่องนี้หลังจากไปสอบวัดกึ๋นแล้ว มาบอกเล่าเก้าสิบน่าจะดีนะแห้ว สอบได้สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้แปลกอะไรเลย ถ้าแห้วเขียนวันไหน จะเลี้ยงแหลกวันนั้น ผมอยากเห็นลานปัญญา เสนอกรณีการศึกษาเสนอประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ๆ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้..คนเราต้องก้าวไปสู่เรื่องใหม่ๆแปลกๆด้วยคนเอง การมีโอกาส เป็นปัจจัยเรียนรู้ดังกล่าวขข้างต้น

วันนี้ มีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราชมาเยี่ยมประมาณ 1 รถตู้ ทราบแต่ว่าจะมาขอกินข้าวเที่ยงด้วย ส่วนวัตถุประสงค์อื่นๆไม่ทราบเลย ไม่ยอมบอก ว่าจะมาด้วยเหตุอันใด เมื่อไม่บอกผมก็ไม่ถาม เอาไว้เจอหน้าก็ฉั๊วะฉะกันเองนั่นแหละ รู้แบบสดๆร้อนๆนี่แหละดีนัก ไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้าอะไร สนใจประเด็นไหน อยากจะแลกหมัดเรื่องอะไร ก็เว้ากันตรงๆในบัดเดี๋ยวนั้น วิธีการอย่างนี้ก็เป็นการทดสอบกึ๋นอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งตรงกันข้ามที่ชาวเฮคุยกันที่จัมโบ้เทล..ว่าการเตรียมกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ กดปุ่มปั๊บขั้นตอนต่างๆก็จะเรียงล่ายซ่ายตามที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม การที่มีวิธีให้เลือก น่าจะดีกว่าทำๆกันไปแบบ 1-2-3  อ้าว ! วิจารณ์อีกแล้ว

ทุกกรณีไม่มีถูกมีผิด

ไม่ต้องกากะบาด เพราะไม่ได้เข้าคูหา เลือกคนไหนพรรคไหน

แต่..กับการเรียนรู้ ขอยืนยัน-นั่งยัน-นอนยัน-ว่าอย่างห่วงเรื่องถูกผิด

ถ้าทำไม่ถูกก็..สอบตก อาจารย์จะบอกเองแหละ

จ ะ ไ ป กั ง ว ล ใ ห้ เ มื่ อ ย ตุ้ ม ทำ ไ ม   ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ . .


วาระแห่งความสันติสุขภาคใต้1

อ่าน: 3238


(ฟ้าภาคใต้หมองม่น เมื่อไหร่หนอจะโชติช่วงชัชวาล)

วิกฤตภาคใต้ได้คุกรุ่นมานาน
เป็นเรื่องพันธะทางสังคมที่ยิ่งใหญ่
จะทำแบบจับมือใครดมไม่ได้แล้ว
ถ้าวัดใจกันไม่ได้ พันธะทางใจก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้
มาวันนี้มีการระดมพลังสติปัญญากันขนานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
โดยมีศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้เป็นเจ้าภาพ
จัดเสวนาทบทวนงาน 5 ปีไฟไต้ เปิดประเด็นกระโดดก๋าออกมาจากแถว  ถามว่า.. สงคราม ความรู้

ความสับสน แล้วไงต่อ ..

อ่านต่อ »


หาดใหญ่

อ่าน: 2645

เมื่อวานนี้เที่ยวตระเวณไปทั่วเมืองยะลา

ไปคุยกับนักการศึกษาทุกระดับ

คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยอิสลาม ผู้สื่อข่าว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.ยะลา

และนายกเทศมนตรีเมืองยะลา

มีงานวิจัย กิจกรรมดี ๆ มากมายที่เมืองนี้

อ่านต่อ »


โรงเรียนลานปัญญา

อ่าน: 2284

ถ้าลานปัญญาเป็นโรงเรียน

Logos เป็นครูใหญ่

จอมป่วนละเป็นอะไร โอ้ ๆๆๆ…น่าคิด

ครูอึ่ง อุ้ยจันตา จะเป็นครูน้อย

ครูน้อยก็หมายถึงครูผู้สอน ทำหน้าที่ครูประจำชั้น

ครูอึ่งขยัน ไม่ขาดประชุม และคอยสอบถามครูใหญ่อยู่เรื่อยๆ

จึงได้ตำแหน่งบรรณารักษ์เป็นภาระเสริม

อุ้ยละ อุ้ยเป็นครูฝ่ายปกครอง คอยสอดส่องเด็ก ๆ อบรมศีลธรรม มารยาท

เด็กดื้อมาก ๆ เก็บสาระเอาเข้าห้องประชุมประจำเดือน

อ่านต่อ »



Main: 0.095380067825317 sec
Sidebar: 0.10193800926208 sec