วาระแห่งความสันติสุขภาคใต้1
โดย sutthinun เมื่อ 18 มกราคม 2009 เวลา 15:21 ในหมวดหมู่ Uncategorized, การบริหารจัดการ การจัดการความรู้, การเมือง การปกครอง กฎหมาย, มหาชีวาลัยอีสาน, สวนป่าฮาเฮ, สังคม ครอบครัว ชุมชน เศรษฐกิจ, อาหาร ท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการ, เรื่องทั่วไป, เสริมสร้างสังคมสันติสุข #
อ่าน: 3242 (ฟ้าภาคใต้หมองม่น เมื่อไหร่หนอจะโชติช่วงชัชวาล)
วิกฤตภาคใต้ได้คุกรุ่นมานาน
เป็นเรื่องพันธะทางสังคมที่ยิ่งใหญ่
จะทำแบบจับมือใครดมไม่ได้แล้ว
ถ้าวัดใจกันไม่ได้ พันธะทางใจก็ยากที่จะเกิดขึ้นได้
มาวันนี้มีการระดมพลังสติปัญญากันขนานใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
โดยมีศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้เป็นเจ้าภาพ
จัดเสวนาทบทวนงาน 5 ปีไฟไต้ เปิดประเด็นกระโดดก๋าออกมาจากแถว ถามว่า.. สงคราม ความรู้
ความสับสน แล้วไงต่อ ..
(นักศึกษาสสสส.1 ตั้งใจฟังการเสนอปัญหาใต้)
ผมสนใจคำว่าเชิงองค์ความรู้ที่ปรากฎอยู่ในชื่อศูนย์ฯ เจ้าภาพครั้งนี้ แสดงว่ามีความสนใจเรื่องการแสวงหาชุดความรู้ต่าง ๆ เพื่อนำมาคลี่คลายปัญหา ช่วงที่ลงมาใต้ทุกครั้งก็ได้รับฟังแนวคิดแนวปฏิบัติต่าง ๆ มาคราวนี้ก็ได้ฟังเกี่ยวกับงานวิจัยปัญหาภายใต้หลายฉบับ ได้ฟังความเห็นจากบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ผมคิดว่าแต่ละหน่วยงานได้พยายามค้นหานโนบาย ยุทธวิธี เงื่อนไข เงื่อนปมที่ซ่อนเร้น กระบวนการค้นหาเหล่านี้น่าจะอยู่ในหมวดชุดความรู้เรื่องเมือง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับตำราเอกสารมาอ่านจนตาแฉะ ..แต่เรื่องใต้ก็ยังไม่กระจ่างใจ ปัญหามันซุกอยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ ใต้ห้วงนภากาศ ที่สำคัญมันซุกอยู่ในจิตใจของใครบ้าง เราก็ไม่อาจรู้ได้
(ปัญหาภาคใต้รึครับ เหมือนแพะติดยาบ้า)
แต่ถ้าประเมินว่า..เราจะเอาความรู้อะไรมาคลี่คลายปัญหาภาคใต้ให้ประสบผลสำเร็จ ทั้งถามและฟังมาก็พอจะเชื่อได้ว่า..เรายังมีความรู้ไม่พอเพียงที่จะจัดการกับปัญหาได้ ปัญหามันใหญ่กว่าความรู้ของคนไทยไปแล้วหรืออย่างไร อันนี้ผมไม่รู้และตอบไม่ได้ เพียงแต่เออออเอาเองว่า..เรื่องภาคใต้เป็นเรื่องผิดปกติ ครั้นจะมาเอาวิธีปกติไปดำเนินการแก้ไข คงจะได้รับผลไม่เท่าที่ควร ดังที่เราได้ผลลัพธ์ที่ผ่านมา
(หนูแป๊ด เจอเจ้าแม่ดารา เลยอวดยิ้มกันหน่อย)
ฟังดูแล้วบางทีคล้ายกับว่า ..ปัญหาภาคใต้ไม่มีเจ้าภาพหลัก แต่มีเจ้าภาพย่อย ๆ เต็มไปหมด หน่วยงานโน้นหน่วยงานนี้ต่างก็ทำเพื่อภาคใต้ แห่กันลงมา ตีเกาะเคาะไม้เป็นพัก ๆ หมดงบก็สงบเสียงและลีลา ในขณะเดียวกันคนถิ่นสะตอเองก็อึดอัดเต็มที นั่งนอนประท้วงอยู่ในใจ ไอ้โน้นรัฐบาลก็ทำไม่เข้าท่า ไอ้นี่ตำรวจทหารก็ทำไม่เหมาะ ไอ้นั้นมหาดไทยก็ทำพิกลพิกาล นั่งบ่นนั่งโทษกันอยู่นั่นแล้ว เมื่อมามีเรื่องลอบทำร้ายวางระเบิด การกวดค้นจับกุมกัน ทำให้เกิดปมบาดหมางใจเพิ่มมากขึ้น ปัญหาภาคใต้จึงเหมือนลูกฟุตบอล วิ่งไปใกล้คนไหนคนนั้นก็เตะออกมา ลูกบอลก็กลิ้งไปเรื่อย ๆ ไร้ทิศทาง..
(มหกรรมโรตีที่หาดใหญ่ อ่านดูป้ายแล้วสะดุ้ง)
นอกจากจะจัดการด้วยความรู้ มีการพูดถึงการมีส่วนร่วม ตรงจุดนี้สำคัญเพราะยังสร้างจุดร่วมมือร่วมใจกันไม่ได้ เหมือนเรือที่ฝีพายงัดไปคนละทิศละทาง เรือเป๋ไปเป๋มา ทำท่าจะพลิกคว่ำ ต้องประคับประคองกันอย่างทุลักทุเลท
ถามว่าเรามีศักยภาพไหมที่จะดำเนินการเรื่องนี้ เรามีกองทัพ มีข้าราชการ มีงบประมาณ มีวิชาความรู้วิชาการ มันยังขาดปัจจัยอะไรอีกในการที่จะเสริมสร้างสันติสุขภาคใต้ ผมเห็นภาพความตั้งใจดียอมทนเหนื่อยยากของหลายฝ่าย บางครั้งก็เจ็บปวดทั้งทางกายทางใจอย่างแสนสาหัส
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็คงไม่ใช่ สาดน้ำใส่กันมันก็ต้องเปียกทั้งคู่ เพียงแต่วิธีการมันต่างจากสาดน้ำสงกรานต์ สาดน้ำแบบอีแอบ แบบตีหัวเข้าบ้าน แบบเหวี่ยงแห แบบล่อเอาเถิด มันจึงไม่ต่างอะไรกับขี่ช้างไล่จับตั๊กแตน ยากไหมละการปั้นน้ำเป็นตัว..
สถานการณ์ตอนสร้างความเสียหายบาดเจ็บล้มตายไปเรื่อย ๆ ต้องใช้ธงชาติคลุมร่างวีรบุรุษ อีกไม่รู้กี่พันกี่หมื่นผืน ต้องให้น้ำตาไหลจนท่วมถิ่นเมืองใต้หรือจึงจะยุติ ความหดหู่หวาดระแวงนำมาซึ่งความทุกข์ทางใจอย่างแสนสาหัส ความยากจนมาเยือนพร้อม ๆ กับยาเสพติดแพร่กระจาย ชาวบ้านพึ่งยางพารา หากินกับกุ้งหอยปูปลา ผลหมากรากไม้ มาวันนี้ราคาตีกลับ สัตว์น้ำก็ร่อยหรอ ทรัพยากรธรรมชาติก็เสื่อมโทรม ทุกเรื่องกลายเป็นผีซ้ำด้ามพลอย ความไม่เข้าใจกันกำลังกระชากแขนให้คนไทยห่างไกลกันออกไป
(ของฝากจากหาดใหญ่ ขนมาจนหน้ามืด)
โจทย์มันเปลี่ยนไปในทางยุ่งยาก มากขึ้น ๆ
ถ้าคนใต้หลอมรวมใจกันปักหลักชัยไม่ได้
จะให้คนถิ่นอื่นทางไกลมาแก้ไขให้ยิ่งทำให้สังคมทุพลภาพ
ถ้าจะดับไปไฟใต้ด้วยปืนฉีดน้ำเด็ก ๆ เล่นสงกรานต์คงจะยาก
ค่อย ๆ จัดระเบียบไฟกันใหม่ดีไหม
มีไฟเหลือง ไฟแดง ไฟเขียว
ตกลงกติการ่วมกัน
อะไรที่ยังร่วมกันไม่ได้คัดไปอยู่จุดไฟแดง
อะไรที่พอรับกันได้คัดไปอยู่จุดไฟเหลือง
อะไรที่เห็นด้วยช่วยกันคัดไปอยู่ไฟเขียว
ถามว่าใครจะเป็นคนกดปุ่มไฟเหล่านี้
แหม..เรื่องนี้ทำท่าจะยาวเสียแล้ว
เอาไว้ต่อภาค 2 ดีไหมขอรับ
(เจ้าตัวเล็กอ้อนเก่งตามเคย ร่าเริงทั้งปี)
เช้านี้เจ้าตัวเล็กกับคุณแม่แป๊ด
มารับตอนพระอาทิตย์ส่องส่ว่างทั่วปริมณฑล
ชวนผม-ลุงเอก-หลวงพี่ติ๊ก ไปร้านอร่อย
เรื่องนี้ยังใช้ได้เสมอ..จะมีใครมารู้ดีกว่าเจ้าถิ่น
อิ่มแล้วเราก็เข้าห้องเรียนสิครับ
ในระหว่างบันทึกนี้ นักศึกษาสสสส.1
โดยเฉพาะหลวงพี่ติ๊กของเราตั้งใจเป็นพิเศษ
มาเสียท่าหน่อยเดียวตรงน้องฟ้าจำชื่อท่านไม่ได้
เรียกท่านว่าหลวงพี่เท่ง..อิอิ
น้องฟ้า นะน้องฟ้า ..
(หลานผมนี่นะ..คนโตเรียนเก่ง คนเล็กอ้อนเก่ง)
« « Prev : หาดใหญ่
Next : เรื่องดี ๆ ที่สองแคว » »
3 ความคิดเห็น
พ่อขา ปรับแก้บันทึกหน่อยค่ะ
เจ้าหนูเจ้าคำถามหนะ คือ น้องฟ้า ค่ะ ไม่ใช่พี่ฟาง
เดี๋ยวเจ้าตัวมาอ่านเห็นหละก็ งอนแย่เลย
อิอิ
เรื่องนี้ซับซ้อนมากครับ ครูฯ ต้องทำกันทีละเรื่อง เรื่องละเปลาะ และต้องแยกย้ายก้นทำ ปีละเรื่องก็ยังดี ถ้าไม่ได้ ก็สองสามปีเรื่องก็ได้ครับ
ที่ผมยังมึนเพราะไม่รู้จะแก้ยังไงก็ตรงที่เวลาจัดเวทีสัมนา มีคนฟังกันเยอะแยะ วิทยากรไม่กล้พูดความจริงครับ ฝ่ายรัฐก็ไม่กล้าพูดเพราะเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจผู้ฟังที่อยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ บรรดาวิทยากรที่เป็นมุสลิมก็ไม่กล้าพูดเพราะพูดไปแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ในหมู่บ้านอีกหรือเปล่า การพูดจึงเป็นการพูดเพื่อเอาใจพี่น้องมุสลิมสามจังหวัด ผมว่าความจริงไม่เกิดแล้วเราจะแก้ปัญหากันอย่างไร
เอาใหม่ดีไหม เอาคนที่ไม่กล้าพูดต่อไม่กล้าพูด มาพูดกันเองโดยไม่มีคนฟัง มาวางแผนแก้ปัญหากันโดยไม่ยังต้องเปิดเผยให้ใครรู้ก่อนว่ามีใครประชุมกัยบ้าง แล้วเอาปัญหามาถกกัน เสร็จแล้วช่วยกันแก้แต่ละปัญหา ปัญหาข้อนี้ควรแก้อย่างนี้ จากนั้นก็จัดเวทีใหม่ คราวนี้เอาเรื่องแนวทางแก้ปัญหาโดยไม่ต้องบอกว่าใครที่คิดแนวทางแก้ปัญหานั้น แล้วให้ชุมชนวิพากย์แนวทางแก้ปัญหาและความต้องการของเขา แล้วเอามาปรับอีกครั้ง แบบนี้จะได้ผลไหม…
ไม่งั้นพวกผมลงใต้แต่ละที ตั้งแต่ปล้นปืนไปทหารตำรวจประชาชน ตายไปกี่ศพ เหตุการณ์เกิดกี่ครั้ง ปัจจุบันเป็นอย่างไร สาเหตุมาจากความคับข้องใจ การเปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน ถนนหนทาง เอาสุนัขเข้าไป ทหารทำร้ายประชาชน วนเวียนกันอยู่อย่างนี้แล้วเราจะแก้ปัญหากันอบย่างไร เราเลิกพูดเรื่องความเจ็บปวดของกันและกัน และเรามาเริ่มกันว่าเราจะแก้ปัญหากันอย่างไรดีไหม…