วิธีวัดกึ๋น

โดย sutthinun เมื่อ 27 มิถุนายน 2011 เวลา 9:05 ในหมวดหมู่ Uncategorized, การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย, มหาชีวาลัยอีสาน #
อ่าน: 1373

การเรียนของมนุษย์ยุคนี้มีให้เลือกหลากหลาย ถ้าเปรียบกับถนนหนทางก็คงจะอุตลุดพอๆกัน ทางการศึกษาก็มีแยกไฟ-เขียวไฟแดงนะครับ พวกที่ไม่รักษากฎจราจรก็มีบ้าง ไปหาวิธีเอาใบขับขี่ เอ๊ย ใบประกาศโดยไม่ต้องเข้าเรียน โดนจับได้โอดโอยยิ่งว่าแพะถูกขังเดี่ยว การเรียนในระบบพวกเราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว แต่การเรียนอิงระบบน่าจะเป็นเรื่องที่มาบอกเล่าและส่งเสริมกัน ที่จริงก็เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่การยกระดับ การปรับปรุงสูตรความรู้ต่างๆให้มีคุณค่าทางโภชนาการยังอ่อนพริกอ่อนเกลือ ถ้าเราบำบัดตัวเองด้วยความรู้ที่เพียงพอและถูกต้อง ชีวิตเราก็จะได้รับผลดังภาษิตที่ว่า ..”อันวิชามีค่าอยู่นับแสน” ยุคนี้วัดกันที่ความรู้เสียด้วยสิครับ ทำให้หลายคนใส่ใจเรียนต่อ ในกลุ่มพวกเราก็มีหลายคน เช่น หมอจอมป่วน และแห้วซ่าส์  แห้วแอบเรียนไปบ้างแล้ว เกริ่นมาเหมือนเยาะซ๊อสพอปะแล่มๆเล็กๆน้อยๆ ยุให้เขียน แห้วก็อื้อๆอ้าๆยังไม่รับปาก ผมรู้มาบ้างก็ได้แค่คันในหัวใจ ยกตัวอย่าง เช่น

แห้วเล่าว่า..มหาวิทยาลัยเปิดโอกาส

ให้นักศึกษาที่ผ่านการเรียนผ่านประสบการณ์จนสุกหง่อม

คิดว่าตัวเองมีความมั่นคงทางวิชาความรู้สาขานั้นๆ

ก็แสดงเจตจำนงค์ ..ขอเข้าทดสอบความรู้ได้

ถ้าสอบผ่าน..ก็ไม่ต้องเรียนวิชานั้นๆ

ยกตัวอย่าง  แห้วมีภูมิทางด้านภาษาอังกฤษ สอนอังกฤษ

ถนัดภาษาอังกฤษ ..จ น ล ะ เ ม อ เ ป็ น ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ..

ข า ด แ ต่ ยั ง ไ ม่ มี แ ฟ น เ ป็ น ฝ รั่ ง ไม่งั้นจะจ๊าบส์กว่านี้อีก

หรือถ้าเก่งด้านคอมพิวเตอร์ ก็ไปสมัครวัดผลวิชาคอมพิวเตอร์

วัดความรู้กันชัดๆตรงๆได้อย่างนี้จะทำให้กระบวนการเรียนไม่ย่ำอยู่กับวิธีเก่าๆ

ถ้าส่งเสริมกันอย่างนี้ จะทำให้นักศึกษาย่นระยะเวลาเรียน จบเร็วขึ้น

ดีกว่าจะไปใช้วิธี “จ่ายครบจบแน่” เป็นไหนๆ

ต่างประเทศ..เข้าทำกันมาแต่ปีมะโว้แล้ว  แต่ในประเทศของเราผมได้ข่าวเรื่องนี้มานานพอสมควร แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าดำเนินการไปแค่ไหนอย่างไร เพิ่งจะมาทราบจากแห้วนี่แหละ และถ้าแห้วจะเขียนเล่าเรื่องนี้หลังจากไปสอบวัดกึ๋นแล้ว มาบอกเล่าเก้าสิบน่าจะดีนะแห้ว สอบได้สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้แปลกอะไรเลย ถ้าแห้วเขียนวันไหน จะเลี้ยงแหลกวันนั้น ผมอยากเห็นลานปัญญา เสนอกรณีการศึกษาเสนอประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ๆ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้..คนเราต้องก้าวไปสู่เรื่องใหม่ๆแปลกๆด้วยคนเอง การมีโอกาส เป็นปัจจัยเรียนรู้ดังกล่าวขข้างต้น

วันนี้ มีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราชมาเยี่ยมประมาณ 1 รถตู้ ทราบแต่ว่าจะมาขอกินข้าวเที่ยงด้วย ส่วนวัตถุประสงค์อื่นๆไม่ทราบเลย ไม่ยอมบอก ว่าจะมาด้วยเหตุอันใด เมื่อไม่บอกผมก็ไม่ถาม เอาไว้เจอหน้าก็ฉั๊วะฉะกันเองนั่นแหละ รู้แบบสดๆร้อนๆนี่แหละดีนัก ไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้าอะไร สนใจประเด็นไหน อยากจะแลกหมัดเรื่องอะไร ก็เว้ากันตรงๆในบัดเดี๋ยวนั้น วิธีการอย่างนี้ก็เป็นการทดสอบกึ๋นอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งตรงกันข้ามที่ชาวเฮคุยกันที่จัมโบ้เทล..ว่าการเตรียมกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ กดปุ่มปั๊บขั้นตอนต่างๆก็จะเรียงล่ายซ่ายตามที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม การที่มีวิธีให้เลือก น่าจะดีกว่าทำๆกันไปแบบ 1-2-3  อ้าว ! วิจารณ์อีกแล้ว

ทุกกรณีไม่มีถูกมีผิด

ไม่ต้องกากะบาด เพราะไม่ได้เข้าคูหา เลือกคนไหนพรรคไหน

แต่..กับการเรียนรู้ ขอยืนยัน-นั่งยัน-นอนยัน-ว่าอย่างห่วงเรื่องถูกผิด

ถ้าทำไม่ถูกก็..สอบตก อาจารย์จะบอกเองแหละ

จ ะ ไ ป กั ง ว ล ใ ห้ เ มื่ อ ย ตุ้ ม ทำ ไ ม   ใ ช่ ไ ห ม ล ะ เ ธ อ . .

« « Prev : ก้วยเตี๋ยวจับกัง

Next : ศึกษาศาสตร์สุโขทัยธรรมาธิราชบุกสวนป่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มิถุนายน 2011 เวลา 20:20

    ความถูกเพราะไม่รู้ว่ามันผิดนั้นสำคัญกว่าเสียอีกครับ

    ..มีเรื่องเล่ามากหลาย ว่า ศาสตราจารย์ใช้โน๊ตการสอนเดิมๆ สอนมา 30 ปี เพิ่งมารู้เอาวันสุดท้ายว่ามันผิด เพราะมีเด็กนศ. มันมองเห็นที่ผิดในคำสอน

    ผมโชคดีที่อ่านอุทาหรณ์ข้างต้นเจอก่อนแต่จะมาเป็นครู ทำให้ผมไม่กล้าใช้โน๊ตการสอนเลย ผมเข้าห้องสอนด้วยปากกาเขียนกระดานสามแท่งเท่านั้นเสมอ ไม่ถือกระดาษโน๊ตเลย (กลัวโน๊ตผิด) แต่ละปีก็เตรียมการสอนใหม่ทุกปี เหนื่อยหน่อย แต่ยอม เตรียมใหม่ทุกครั้ง ได้มุมมองใหม่ๆ เอาไปสอนเสมอ ถ้าใช้โนตเดิมๆ ก็ไม่ได้อะไรใหม่ สอนสอนมา ครูก็มีความรู้เท่าเดิม นศ. นร. ก็คงเดิม แล้วโลกมันจะเจริญขึ้นได้อย่างไรหนอ

    บางทีผมสอนๆไป เกิดตรัสรู้ขึ้นมาในใจตนเองว่า อ้าว..ปีก่อน กรูสอนมาผิดนี่หว่า ก็เลยบอกเด็กๆ ว่า ครูสอนผิดมาตลอด รุ่นเธอนี้โชดีดี ที่ครูคิดได้พอดี

    แต่ครูจำนวนมาก ผมรับรองได้เลยว่า สอนอะไรไปผิดๆ ตลอดชีวิต โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผิด ห้าฮ๋า๕

    สมดังที่ฝรั่งว่า ignorance is bliss (ความไม่รู้ทำให้บรรเจิด)

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มิถุนายน 2011 เวลา 20:48

    นับเป็นการสารภาพบาปที่ประเสริฐ ความรู้ไม่เคยนิ่ง ไม่เคยตายตัว
    วันใหม่-เดือนใหม่-ปีใหม่-ขืนใช้ความรู้เก่าก็เป็นกรรมของลูกศิษย์
    ผมรู้จากตัวเองว่า ..โง่เหลือหลาย
    ขืนซังกะตายอยู่กับเรื่องเก่า ความคิด ความรู้เก่า
    มีหวังแย่ แต่ผมโง่ยังไงก็โง่กับตัวเอง
    ไม่อันตรายเท่ากับครู …อิอิ

  • #3 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 7:49

    การศึกษาไทย คิดว่า ถ้ายกเลิก คณะกรรมการต่างๆ ลง เอานักการศึกษากรรมการต่างๆมาสอนให้ดูจริงๆ

    สอนเป็นตัวอย่างจริงๆให้เหมาะอย่างที่นักการศึกษาตั้งแนวปฏิบัติไว้
    ประเทศไทยคงก้าวหน้าพัฒนาถูกทาง
    ทุกวันนี้คนหนึ่งคัน คนหนึ่งเกา เมื่อไหร่ๆ ก็ตัดเสื้อโหลและบังคับใส่ทั้งประเทศ
    เลยเป็นอย่างเนี่ยนะคะ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 มิถุนายน 2011 เวลา 13:34

    แม่นแล้วอุ้ยเอ๊ย..แต่ใครจะเอากระดิ่งไปผูกคอแมว แมวพันธุ์ดื้อด้านเสียด้วยสิ
    ไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำแต่ปัญหา แล้วเข้าใจว่าตัวเองแก้ปัญหา
    พูดไปก็ไลย์บอย ควายก็สูญพันธุ์หมดแล้ว แต่ปี่ยังจ้องแต่จะเป่าๆๆๆๆ

    ในอีก 10 ปีข้างหน้า ลูกหลานไทยรุ่นปฎิรูปจะแปลกสาแหรกไปถึงไหนก๋ไม่รู้ อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.3018901348114 sec
Sidebar: 0.063894987106323 sec