เชิญเข้าห้องสอบ

อ่าน: 2418

ยามชีวิตฉุกละหุก

ต้นทุนที่สะสมไว้กับตนเองจะมีความสำคัญอย่างมาก

วันนี้เชิญชวนคนไทยมาทำข้อสอบวิชาพึ่งตนเองและพึ่งพากันเอง

เรียนมาแล้วนี่ครับ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง

(ถามกันได้ แต่ห้ามลอกข้อสอบ)

ข้อละ10 คะแนน เวลา 1 วัน

:: ข้อสอบวันแรก

ข้อสอบ ภาคเช้า

จงตอบคำถามต่อไปนี้ เวลา 3 ชั่วโมง

1 ในภาวะฉุกเฉินท่านต้องการความรู้อะไรมากที่สุด

2 ท่านตระหนักเรื่องน้ำท่วมครั้งนี้แค่ไหน

3 ท่านติดตามข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมอย่างไร

4 ท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับน้ำท่วมมากน้อยอย่างไร

5 ท่านเตรียมตั้งรับสถานการณ์อย่างไร

6 ท่านปรับตัวอยู่กับสถานการณ์อย่างไร

7 ท่านคิดวิธีช่วยเหลือตัวเองได้ในเรื่องไหนบ้าง

8 เรื่องใดที่ท่านช่วยเหลือตนเองไม่ได้

9 ท่านไปขอรับการช่วยเหลือในเรื่องใดบ้าง

10 ท่านได้รับ/ไปขอรับความช่วยเหลือจากใคร

11 เรียงลำดับความจำเป็นและต้องการเร่งด่วน 10 ข้อ

12 เรียงลำดับเรื่องที่ท่านต้องการเสนอแนะ 10 ข้อ

ข้อสอบภาคบ่าย

: จงตอบคำถามต่อไปนี้ เวลา 3 ชั่วโมง

1 ท่านนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในประเด็นใด

2 ท่านใช้จ่ายในระหว่างน้ำท่วมไปประมาณเท่าใด

3 ถ้าคะแนนเต็ม 10 ท่านให้ราคาผลงานกลุ่มรายชื่อข้างล่างนี้เท่าใด

3.1 คณะรัฐมนตรี

3.2 นักการเมือง ฝ่ายค้าน/ฝ่ายรัฐบาล

3.3 นักวิชาการ/นักวิจัย/อาจารย์ในมหาวิทยาลัย

3.4 ข้าราชการระดับกระทรวง

3.5 กองทัพไทย/ตำรวจ/ทหาร ทุกหมู่เหล่า

3.6 ข้าราชการระดับกรม/กอง

3.7 ข้าราชการระดับภูมิภาค

3.8 ข้าราชการส่วนท้องถิ่น

3.9 อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

3.10 เครือข่ายชุมชน/ญาติ/เพื่อนฝูง

3.11 บริษัท/ห้างร้าน

3.12 มูลนิธิ/องค์กรการกุศล/อาสาสมัคร

3.13 ตัวท่านเอง

3.14 อื่นๆ

ข้อสอบภาคกลางคืน

: จงตอบคำถามต่อไปนี้ เวลา 3 ชั่วโมง

1 ท่านเข้าใจว่าสาเหตุน้ำท่วมเที่ยวนี้เกิดจากอะไร

2 ท่านมีความเห็นว่าจะแก้ไขปัญหาในระต้นระยะกลางระยะยาวอย่างไร

3 ท่านจะปรับเปลี่ยนอาชีพ/หน้าที่การงานหรือไม่อย่างไร

4 เรื่องใดบ้างที่เป็นวิกฤติมากที่สุดสำหรับครัวเรือนของท่าน

5 หลังจากน้ำท่วม ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือในเรื่องใด มูลค่าเท่าใด

6 นอกจากความเห็นใจแล้ว ท่านต้องการได้รับเรื่องใดเป็นพิเศษ

7 ท่านวางแผนแก้ไขเรื่องภายในครอบครัวหลังน้ำท่วมอย่างไร

8 ในระหว่างวิกฤตท่านได้ใช้ความรู้ในเรื่องใดมากที่สุด

9 ท่านเชื่อไหมว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

10 ในช่วงที่เกิดวิกฤติหน้าที่ประชาคนคนไทยควรปฎิบัติตัวอย่างไร

11 โปรดเล่าเรื่องที่ท่านประทับใจที่สุด 1 เรื่อง

12 ท่านชื่นชมและอยากขอบคุณหน่วยงานใดเป็นพิเศษ

หมายเหตุ :: รับสมัครอาจารย์คุมห้องสอบ จำนวน 10 ท่าน


เข้าขบวนแห่น้ำท่วม

อ่าน: 1737

(ทำเลที่ตั้งนิทรรศการวิสัยทัศน์ควายแห่งชาติ)

เรื่องนี้ตรงกับคำที่ว่า

ถ้าเธอไม่จัดการความรู้ ความไม่รู้ก็จะจัดการเธอนะสิ

คนไทยไม่ใช่ไม่มีความรู้นะครับ แต่ไม่ใส่ใจที่จะใช้ความรู้อย่างเป็นแบบแผน องค์ความรู้ในนักวิชาการ ในหน่วยงานที่ดูแลด้านต่างๆ ชุดวิชาที่สอนกันอยู่ในสถาบัน รวมทั้งความรู้ดั่งเดิมที่แฝงอยู่ในจารีตประเพณีและวัฒนธรรมมีเป็นกะตั๊ก แต่ถ้าประมวลดูที่ไปที่มาทั้งหมดก็จะเห็นว่า ประเทศนี้จะทำจะสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง ไม่ได้มีการศึกษาใคร่ครวญถึงความพอเหมาะพอควรอย่างแท้จริง เอาความสะดวก ความมักง่ายเป็นตัวตั้ง ลองมองย้อนไปในอดีตสิคริบ น้ำเหนือหลากมาแต่ละทีนั้นเป็นคุณมากกว่าจะเป็นโทษ กองทัพพม่ายกโยธามารุกรานกรุงศรีอยุธยา ทุกครั้งต้องเร่งการยุทธอย่างดุดัน เพื่อให้ได้ชัยชนะท่วงทันก่อนที่น้ำเหนือจะลากท่วมทุ่งมหาราช น้ำที่ว่านี้ก็จะสร้างความยากลำบากในการทำศึก เพราะไม่อาจที่จะลอยคอไปต่อกรกับคนที่ตั้งรับในค่ายคูพระนครได้

น้ำหลากจึงเป็นยุทธปัจจัยในการสู้รบที่กำหนดการแพ้ชนะที่แน่นอนที่สุด

ถ้าดูตามสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ในการที่จะวางโครงสร้างผังเมือง หรือการวางแผนกิจการพัฒนาใดๆ จุดแรกเลยจะไม่มาดูพื้นฐานที่เป็นปัจจัยหลักของประเทศเลยหรือครับ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ นี่ใช่เลย ใครจะศึกษาอะไรมาอย่างไรอั๊วะไม่เกี่ยว อั๊วมีเงิน อั๊วมีอิทธิพล ทุกคนจะต้องตามใจอั๊วะ ติดขัดตรงไหนไปแก้มาให้ตรงกับใจอั๊วะ เซ่อแบบนี้ละครับมันถึงฉิบหายกันทั้งประเทศ

ถอยหลังไปก่อนหน้าที่อุตสาหกรรมจะทะลักเข้ามายึดครองแผ่นดินสยาม วิถีชีวิตไทยปกติสุขเป็นบรรทัดฐานจนยกขึ้นเป็นจารีตประเพณีของแต่ละพื้นถิ่น ซึ่งแต่ละแห่งมีความรู้สำหรับแก้ไขปัญหาเฉพาะถิ่นของเขาเอง การสัญจรทางน้ำ สร้างบ้านเรือนไทยใต้ถุนโล่ง ทำมาหากินโดยอิงศักยภาพของพื้นถิ่น ที่ลุ่มก็ปลูกข้าวลอย ที่ดอนก็ปลูกข้าวไวแสง สามารถทอดระยะการเก็บเกี่ยวได้ด้วยสายพันธุ์ข้าวที่สุกไม่พร้อมกัน มีพันธุ์เกี่ยวช้า เกี่ยวระยะกลาง และเกี่ยวระยะสุดท้าย ขึ้นอยู่กับแรงงานและอุปกรณ์ในการทำนา ซึ่งแตกต่างจากยุคใช้เครื่องจักรเครื่องกล ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหหรอก ถ้าคนใช้เครื่องจักรกลมีมันสมองจัดการวางแผนการผลิตให้สอดรับกับสภาพธรรมชาติ

เครื่องจักรมันไม่สามารถดำน้ำเกี่ยวข้าวได้

ถ้าจะบ้าใช้เครื่องจักรล้วนๆมันควรจะออกแบบให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ นะเบิ๊อก !

เมื่อก่อนเราเคยเห็นคนภาคกลางเดือดร้อนยามน้ำหลากรุนแรงอย่างนี้ไหมครับ จากการที่คิดใคร่ครวญที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในที่ลุ่ม ชาวบ้านเอกซเรย์จนเห็นจุดดีจุดด้อยทะลุปรุโปร่ง ศึกษาจนรู้ว่าธรรมชาติในพื้นถิ่นของตนเองอยู่อาศัยมีสภาพในแต่ละช่วงฤดูอย่างไรได้ใช้สติปัญญาหาทางป้องกันล่วงหน้าไว้ทั้งระบบ น้ำท่วมมาพากันหาปูหาปลามาไว้เป็นเสบียง ผักผิวน้ำ ผักยืนต้น ผักที่เกิดในน้ำ สารพัดที่จะนำมาเข้ากับการดำรงชีพได้อย่างกลมกลืน  นอกจากสะดวกสบายแล้วยังสนุกเฮฮาจากการร้องเพลง หนุ่มสาวลงเรือไปเก็บดอกบัวมาถวายพระ บางคู่ก็ถือโอกาสเอาพระประธานเป็นพะยานหัวใจ ว่างๆก็ชวนกันร้องเพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือ เพลงเต้นรำกำเคียว จัดงานประเพณีที่วัดในเทศกาลต่างๆ เคยฟังกองยาวโห่แห่ไหมละเธอ

ม๊องเท่งม๊องม๊ง..เท่งม๊งๆๆ  โห้ยยยย ฮิ โฮฮฮฮฮ ฮิ้ววววววว..

ใ ค ร มี ม ะ ก รู ด ม า แ ล ก ม ะ น า ว   ใ ค ร มี ลู ก ส า ว ม า แ ล ก ลู ก เ ข ย

อยู่กันอย่างเอื้ออาทร อยู่กันอย่างแบ่งปัน

ทั้งๆที่เขาไม่ได้พูดกันสักคำ..การมีส่วนร่วม การบูรณาการ จิตสาธารณะ

ไทยในอดีตลงมือกระทำ ไม่ได้เอาแต่พูด เอาแต่อบรม แล้วไม่ทำอะไร

การที่ไม่มองหน้าแลหลัง ทำให้การพัฒนาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือประสบเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัส ไล่มาจากแม่ฮ่องสอนถึงอ่าวไทย อาการลำบากยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำเสียอีก พอสะสมปัญหาเข้ามากๆ เกิดวิกฤติถึงจะทะลึ่งตึงตังขึ้นมาแก้ไข  เห็นความเป็นไปคงมนุษย์ที่ไม่จัดการความรู้อย่างเป็นระบบไหมครับ

มันจะแก้ยังไงละเมื่อผูกชะเนาะจนตึงเปรี๊ยะออกอย่างนั้น ถามว่าจะแก้ยังไง ผมคิดว่าในบ้านเมืองเรามีผู้รู้จริงอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะขยายความคิดให้นำไปสู่การวางรากฐานของนโยบายระดับชาติได้ ปัญหาของประเทศอยู่ที่ยากจะฝ่าด่านเจ้าพวกคุณพ่อรู้ดีที่ก๋าๆเกลื่อนกราดเต็มประเทศได้ ทำได้ก็ด้วยการบันทึกลงในนิตยสารต่างๆ ซึ่งผมต้องขอบคุณหลายท่านที่ได้กรุณาเผื่อแผ่ความรู้ให้สาธารณะชน  ขออนุญาตยกตัวอย่างมาสักหนึ่งท่านนะครับ

บทสัมภาษณ์ คุณกฤตภาส วงศ์กรวุฒิ

หาอ่านฉบับเต็มได้ในหนังสือ ฅ คน ฉบับเดือนกันยายน 2554


” บางทีตลอดแนวชายฝั่งด้านในสุดของอ่าวไทย ที่สัณฐานเหมือนพยัญชนะตัวแรกของอักษรไทย ทอดยาวร้อยกิโลเมตรที่เคยเรืองสว่างด้วยมีปากน้ำ5สาย พาดินตะกอนธาตุอาหารมาให้นั้นค่อยๆกำลังทำให้ถูกดับลงเหมือนตะเกียงลาเชื้อ ที่ละดวง  ที่ละดวง เขาบอกว่า ไม่ใช่แม่น้ำและความอุดมสมบูรณ์หรอกที่เรากำลังสูญสิ้นไป หากแต่เป็นความองอาจอันอิสระของผู้คน ผู้ได้สั่งสม และใช้ความรู้ต่างหาก”

มีการอภิปรายกันตอนประชุมร่วมรัฐสภา มันไปเขียนอำพรางว่าจะทำเขื่อนและเกาะ เพื่อป้องกันทะเลหนุนสูง ทีแรกก็บอกว่าจะสร้างเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ทีนี้พูดออกมาแล้วเรียกแขกได้เยอะ เครือข่ายอ่าว ก.ไก่ อะไรต่อมิอะไรก็ออกมาด่ากันขรม มันเลยเปลี่ยนใหม่..น้ำที่ท่วมกรุงเทพฯต้นทุนมาจากน้ำหลาก80% น้ำทะเลหนุนมันแค่ 20% ทีนี้มีคำถามว่า เมืองที่น้ำขึ้นสูงที่สุดคือเมืองแม่กลอง แล้วเหตุไฉนน้ำมันถึงไม่ท่วมละ ทีนี้พอพอจะแก้ปัญหาเรื่องน้ำก็ต้องบินไปถามบิดาคุณที่เนเธอแลนด์โน่นว่าทำยังไง แต่โคตรเหง้าคุณเองเขาทำดีอยู่แล้ว กลับไม่รู้จัก มันเป็นเสียอย่างนี้ ก็เลยเสียเงินเสียทอง บ้า ๆ บอ ๆ แบบโครงการแหลมผักเบี้ยนะเห็นไหม ใช้ไป 300 กว่าล้าน ทิ้งน้ำไปเลย เฮ้อ

มันบอกว่าจะถมกึ่งกลางอ่าว ก. ไก่ กว้าง 10 กม. ยาว 10 กม. ห่างฝั่ง 10 กม. อ่าว ก.ไก่ ก็ 100 กม.แต่ละด้านใช่ไหม นี่มันจะสร้างระหว่างปากแม่น้ำท่าจีนกับปากแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างเป็นเกาะ นักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า จะสร้างอะไรลงไปในทะเล ไปสร้างยานอวกาศง่ายกว่า เพราะทะเลมันแต่งตัวทุกวินาที แล้วเรามีบทเรียนเยอะ  เรามีปัญหากัดเซาะแบบวิกฤติอยู่6-7 ร้อย กม. จากชายฝั่งทั้งหมด 2,600 กม. ทีนี้เขาคงคิดว่าทะเลบ้านเราเหมือนกับเดอะปาล์มดูไบละมั๊ง ขืนสร้างอย่างนี้ปุ๊บ การกัดเซาะมันจะเปลี่ยนทันที ไปดูหากแสงจันทร์ วินาศสันตะโรหมดเลย เพราะการใช้โครงสร้างแข็งจะไปเพิ่มความรุนแรงของการกัดเซาะนั่นเอง

เคยเห็นไหมที่ปากน้ำตะกอนฟุ้ง นี่คือการฟุ้งการกระจายตัวของแพลงก์ตอน เพราะอะไร นี่แม่น้ำ5สาย บางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง  แล้วก๋แม่น้ำเพชรฯไม่มีหาดทรายเลย มีแต่หากเลนทั้งนั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพราะแม่น้ำพ่นตะกอนออกมา ก็คือแร่ธาตุสารอาหารทั้งหมด เมื่อสารอาหารมาปะทะน้ำทะเลเกิดการตกตะกอน ห่วงโซ่อาหารก็เริ่มตรงนี้เลย ก็คือแลงก์ตอน แล้วปลาเล็กปลาน้อยเป็นห่วงโซ่ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มันถึงได้เขียวไปหมด พูดง่ายๆเลยว่า หลังน้ำหลาก อ่าว ก.ไก่ ก็คือทุ่งหญ้าระบัดสำหรับสัตว์น้ำ เหมือนทุ่งหญ้าสำหรับวัวกระทิงอย่างนั้น

..เราอยู่ในเขตมรสุม เราต้องอยู่กับน้ำท่วมให้ได้

เราจะไปเป็นโรคกลัวน้ำได้อย่างไร?

อ่าว ก.ไก่ นี่คืออ่าวสุดยอด 1 ใน 17 อ่าวอุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลก

ถ้าไม่ทำเกษตรเคมี ไม่มีมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม น้ำจะเป็นสารอาหารใช่สารพิษ

คนบางกอกจะปลูกบ้านที ไปขนดินราชบุรี นครปฐม มาถมพร้อมกับขนรังปลวกมา

ปลูกเสร็จปลวกขึ้นบ้าน ต้องไปจ้างบริษัทกำจัดปลวกมาอัดน้ำยาลงดิน

มันต้องโง่ 3 ครั้งนะ จะปลูกบ้านแต่ละที

ถ้าน้ำไม่ท่วมดินจะดีได้อย่างไร?

คนแม่กลองเขาจะปลูกบ้านใต้ถุนสูง ทำการเกษตรแบบครึ่งดินครึ่งน้ำ ทุกสวนเขาจะจัดขนานยาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บ้านจะปลูกอยู่ตรงชายคลอง สองข้างบ้านมีลำปะโดงร้อยขึ้นไปเป็นฉาก พอน้ำขึ้นจากทะเลหนุนเข้าแม่น้ำเข้าคลองก็เข้าลำปะโดงรอบสวน น้ำเข้ามาเต็มร่องนี้มาพร้อมกับสารอาหารด้วย ขาลงน้ำแห้งขอดทิ้งตะกอนไว้ในนี้ ปุ๋ยไม่ต้องใส่ น้ำหมุนเวียนเข้าออกดีเสียอีกน้ำจะไม่เน่าเสีย

น้ำท่วมกรุงเทพฯเพราะอะไร จริงๆแล้วมันมีปัจจัยประกอบกัน เหนืออ่าว ก.ไก่ ขึ้นมา ถ้าเราเอาโครงข่ายคมนาคมซ้อนเข้าไป ก็จะเห็นถนนเป็นตาข่ายยิ่งกว่าคลองอีก ที่เป็นคลองพี่แกถมหมด ถมแล้วไปใส่ท่อกลม 60ซม. ลำประโดงเลวๆทรามๆปากมันกว้าง2-3เมตร  แม่กล่องวันนี้เป็นอย่างไร กรุงเทพเมื่อก่อนก็เป็นแบบเดียวกันแหละ คนมาเที่ยวอัมพวาบ่อยๆ โอ้โฮ เมืองนี้มันโรแมนติกโว้ย ก็เริ่มมากวาดซื้อที่ ซื้อแล้วก็ทำโง่ๆๆๆ

คนกรุงเทพซื้อปุ๊บถมที่เลย

ถมปุ๊บป่าชายน้ำก็ตายหมด

พอตายหมดทำไง สร้างเขื่อนแข็ง คลื่นก็ซัดโครมๆ

ที่นี้ขโมยก็เข้ามาทุกทิศเลย

ก็ไปหาหมาฝรั่งหน้าโง่มาเลี้ยงแข่งกับเจ้าของ  เอ๋ง เอ๋ง เฮ้อ..

ถามว่า  สู้น้ำท่วมอย่างที่ทำๆอยู่นี้ชนะไหม?

สภาวะแบบนี้จริงๆแล้วเป็นภาวะชั่วคราว

เราอยู่ในประเทศมรสุม พอถึงเดือนอย่างนี้มันก็ต้องเจออย่างนี้ใช่ไหม

แต่ว่าเมื่อก่อน มัน เ ป็ น น้ำ ท่ ว ม ผ่ า น ไม่ ใช่ น้ำ ท่วม ขัง

บ้าๆแท้ๆเลย.. ไ ม่ ช อ บ น้ำ ท่ ว  ม แ ต่ พ า กั น ทำ แ ต่ วิ ธี ขั ง น้ำ

มีสตางค์มันไม่ได้บอกว่า ฉลาด หรอกนะ

ทะลึ่งแห่ไปตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในที่ลุ่มอยุธยานับพันโรง

ท่วมให้เจ๊งบ้างก็สมควรแล้ว

พระสยามเทวาธิราชต้องการให้ที่ลุ่มภาคกลางเป็นแหล่งผลิตอาหาร

ยังทะลึ่งไม่พอนะ นี่จะไปสร้างบ่อนที่ทุ่งกุลาร้องไห้อีก

มันคิดแต่เรื่องห่วยแตกทั้งนั้น

พวกสมองหมาปัญญากระบือ อิ อิ


ดินหล่ม

อ่าน: 1995

ดินหล่ม

ไม่ทราบว่าจะเป็นศัพท์ใหม่ขึ้นมาสมทบกับกรณีน้ำหลากกับเขาหรือเปล่านะครับ ฝนที่สวนป่ามันตกแบบตั้งหน้าตั้งตาตกมา3เดือนแล้วละครับ บางวันที่อื่นไม่ตก ฝนก็ยังมาเทลงที่นี่ ไม่มากก็น้อย ดินอุ้มน้ำอิ่มน้ำเต็มที่ครั้งแล้วครั้งเล่า ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่ม เป็นปีที่ต้นไม้เจริญพรวดพราด บางต้นติดดอกออกผล บางต้นก็แตกกิ่งแผ่สาขา ดูแล้วก็เจริญหูเจริญตาว่างั้นเถอะ ตอนสายวันนี้ นั่งอยู่ดีๆก็มีเสียง โคร้ม! อย่างแรงมากจากรอบบ้าน ผมก็นึกไม่ออกว่าน่าจะเป็นอะไร

ใครวะ บังอาจมาล้วงคองูเขียว

เผ่นออกไปดู

ต้นกระสังหน้าบ้านโค่นเอนมาทับชายคา

โอ้ยโย้ !  ฝนก็ไม่ได้ตก

ทำไมต้นไม้ถึงลงมานอนลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

ถ้าล้มลงตอนลมฝนก็ไปอีกอย่าง เดินๆไป..

อ้าว มะละกอต้นใหญ่ข้างครัวล้มพับลงกับดินลูกกระจายเกลื่อน

มันบ้าอะไรนะนี่

จู่ๆต้นไม้มันก็นัดกันง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมาดื้อๆ

ที่อื่นๆมันจะเป็นจะไดพ้อง เดินฉับๆไปดูหน้าบ้าน กระสัง3ต้น นัดกันเอน50 องศา พิจารณาดูแล้วต้นมันสูง กิ่งเยอะ ออกลูกเต็มต้น น้ำหนักคงจะมาก ยืนมานานแล้ว หาเรื่องนอนเล่นเสียบ้าง เดินไปสวนมะละกอ เจ้าประคุณเอ่ย มะละกอ 20 ต้น หักพับแบกะดิน ลูกกระจายเต็มพื้น ให้คนงานเอารถไสไปเก็บมาทั้งลุูกอ่อนลูกแก่ได้ 2 คันรถ จะเอามาทำยังไงละนี่ จะตำส้มตำรึ ได้สัก 2,000 ครกละมัง เอาไปสับเลี้ยงวัวก็แล้วกัน เลือกลูกห่ามๆไว้กินสุก ต่อไปนี้หน้าคงเป็นมะละกอ จะเอาไปแกงส้มก็..แปลกนะคนเรา อะไรที่มีมากๆมันรู้สึกเฉยๆเสียยังงั้นแหละ

เสียดายไม่ได้อยู่ภาคกลาง ไม่งั้นจะขนมะละกอไปฝากพี่น้องน้ำท่วม

ใครอย่าหลงมาเยี่ยมในช่วงนี้ก็แล้วกัน

มีหวังเจอเมนูมะละกอจนคอย่น..

การที่ดินอุ้มน้ำมากๆ

ทำให้ต้นไม้โตเร็วแบกน้ำหนักเยอะ

ถ้าระบบรากไม่ดีก็จะโค่นลงง่ายๆ

ไม้ใหญ่ไม่ควรปลูกข้างบ้าน

ถึงไม่โค่นระบบรากก็จะมาไชฐานรากบ้านได้

ตอนปลูกต้นเล็กๆเรามักจะกะไม่ถูก

แต่พอต้นโตๆๆๆบางต้นต้องการพื้นที่ถึง100ตารางเมตร

ไม้แต่ละชนิดระบบรากไม่เหมือนกัน

ไม้บางชนิดกิ่งเปราะเจอลมหน่อยหักผั๊วะผะเอาง่ายๆ

ไม้ยางพารากิ่งเรือนยอดไปกระจุกแบกน้ำหนักอยู่ข้างบน

ถ้าฝนดีลมดี..ต้นยางพาราพากันนอนง่ายเหมือนกัน

แต่ยังไงๆก็เชียร์ให้ปลูกต้นไม้  โดยเฉพาะฝนดีอย่างปีนี้ด้วยแล้ว ใครปลูกต้นไม้จะเห็นผลทันใจ ฝนเทมาเท่าไหร่ต้นไม้ก็จะอุ้มน้ำไว้ แถมยังช่วยชะลอไม่ให้น้ำไหลผ่านไปเร็ว ที่น้ำท่วมทั่วประเทศพรวดพราดเพราะไม่มีป่าไม้ช่วยชะลอน้ำ ไม่มีต้นไม้ซับน้ำไว้ เทมาเท่าไหร่ก็ไหลลงที่ราบหมด ยังไม่ถึงเดือนยี่น้ำก็รี่ไหลหลง แม่คิ้วโก่งคงลอยกระทงสบาย บางหมู่บ้านน้ำไม่ท่วมรึไง เห็นแข่งเรือยาวกันเป็นบ้าเป็นหลัง

ถ้าใครมีเวลาบ้างก็ช่วยๆกันปลูกต้นไม้นะครับ

บางคนอาจจะไม่รู้จะทำยังไง

ขอเสนอว่าให้มาปลูกที่สวนป่า

จะเตรียมต้นไม้ไว้ให้

แม่คิ้วโก่งถาม..จะให้ปลูกต้นอะไรคะ

ก็ปลูกต้นรักสิเธอ

ทำไมต้องปลูกต้นนี้ละค่ะ

อ้าว..ค น น่ า รั ก ก็ ต้ อ ง ป ลู ก ต้ น รั ก น ะ สิ

แคว๊กๆๆ


จดหมายคุณย่า

อ่าน: 1654

ท่านที่รัก

กลุ่มสมาชิกชาวเฮฮาศาสตร์ส่วนมากอายุค่อนไปทางหนุ่มสาวเหลือน้อย กลุ่มที่เป็นสาวซำน้อยต้อยติ่งก็พอมีอยู่บ้าง ได้แต่แอบหวังไว้ว่าสมาชิกที่เข้ามาลานปัญญาใหม่ๆจะอยู่ในวัยสดใสไฉไลประดุจดอกบัวบานกลางบึง ไม่ใช่อะไรหรอก อยากจะให้มาลดสัดส่วนกระชากวัยพวกแก่เกินแกงลงเสียบ้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่นิยมเขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว ชอบใช้สื่อเจ๊าะแจ๊ะประเภทโชว์เบอร์ไม่โชว์ใจ เพราะเข้ากับวิถีชีวิตที่มะรุมมะตุ้มกับเรื่องวูบวาบและวับแวม..

พวกรุ่นเก่าๆเล่าความหลัง ยังผ่านการเขียนจดหมายมาบ้าง เพราะยุคครั้งกระโน้นไม่มีสื่อที่ถึงอกถึงใจเหมือนสมัยนี้ บางคู่เขียนจดหมายโต้ตอบกันเป็นลังๆก็ยังปลงใจกันไม่ได้สักที..

ไปงานครูภูมิปัญญาไทย รับเครื่องราชฯ ถ่ายภาพกับองคมนตรี ท่านถามว่าครูบาจะให้ช่วยอะไร บอกเลยนะ ..รีบฝากหนังสือเจ้าเป็นไผกับหนังสือนี่คนนี่ไง”จารย์ปู” ครูพันธุ์ก๊าก เรียนท่านว่าจะทำหนังสือทำนองนี้ วันหลังจะส่งสำเนาให้ท่าน ชี้โพรงให้กระรอกแบบนี้ก็ขอคำนิยม “โมเดลอีสาน เล่มที่2″ เสียเลย อิ.

เมื่อไม่กี่วันนี้

เจอคนขายดอกไม้เป็นช่อเล็กๆ

เธอเล่าว่าเอาไว้ขาย..ให้วัยรุ่นสาวๆซื้อไปให้หนุ่มหล่อที่พอใจ

โอ้ยโย่! คำว่า ก ร ะ ช า ก วั ย ไม่ทันกินแล้ว

เดี๋ยวนี้ ถึ ง ขั้ น ก ร ะ ช า ก ใ จ กันแล้วเน้อ

ต่อไปจะพัฒนาการสื่อสารหัวใจจะไปถึงไหนๆก็ไม่รู้

กลับมาถึงบ้านเห็นจดหมายกองอยู่บนโต๊ะปึกหนึ่ง อ่านแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า เป็นจดหมายที่ส่งล่าช้ามาก เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้ แสดงว่าระบบการจัดการไปรษณีย์ตำบลสนามชัยถอยหลังเข้าคลอง นึกจะส่งก็มาส่ง ไม่ได้รับผิดชอบเลยว่าเนื้อหาในจดหมายบางทีมีเรื่องเร่งด่วน เที่ยวนี้ผมโดนเข้าไปหลายกระทอก เช่น

1. สภาพัฒน์ฯเชิญประชุมเรื่อง”การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเข้าสู่ประชามอาเชี่ยน(AC) ระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน 2554 จดหมายส่งมาให้ตอบรับภายในวันที่ 31 สิงหาคม ผมเพิ่งจะได้รับวันนี้ เอกสารส่งทางEMS.ด้วยนะ เท่าที่อ่านเป็นเรื่องเชิงนโยบายเสียด้วยสิ นายกรัฐมนตรีใครต่อใครมาปาฐกถา มีการแบ่งกลุ่มวิเคราะห์แผนงานฯลฯ แสดงว่าEMS.เชื่อถือไม่ได้แล้ว ระบบราชการควรจะพัฒนาการส่งเอกสารทางไหนดี

2. มหาวิทยาลัยอุบลเชิญประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี 2554 ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2554 โดยมีการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบแนวทางการปฏิรูปการศึกษารอบสอง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบอุดมศึกษาไทยให้สามารถทัดเทียมได้กับสากล มีเรื่องน่าสนใจมากมาย เช่น

- พัฒนาคุณภาพบัณฑิตยุคใหม่

- พัฒนาคุณภาพครูยุคใหม่

- เรื่องTQF สาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์

- พัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่

- พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่

- ประกาศเกียรติคุณ และผลงานคุณภาพ

เอกสารฉบับนี้มาถึงวันที่ 14 กันยายนครับพี่น้อง หน่วยงานที่เชิญอาจจะมองว่าผมนี่เหลวไหลไม่ใส่ใจไปร่วมประชุมก็ได้

3.  หนังสือด่วนที่สุด จากสภาการศึกษาแห่งชาติ ส่งแบบตอบรับครูภูมิปัญญาไทย(รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์) และมีการประชุมสัมมนาเฉพาะเรื่องระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน 2554 ผมต้องตอบรับเรื่องการเดินทาง-เข้าที่พัก-และซักซ้อมพิธีการ จดหมายเพิ่งมาถึงเมื่อ2วันที่แล้ว ผมจะไปรู้เรื่องอะไรละครับ เขาให้ไปรับอะไรก็ไปทื่อๆยังงั้นแหละ เอกสารก็ไม่ได้ตอบรับ หน่วยงานอาจจะคิดว่า แก่แล้วไม่รู้ภาษาแถมยังหยิ่งอีกต่างหาก โธ่เสียแก่ก็อีตอนนี้แหละเธอ

4. เอกสารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาวิจัยทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานโครงการบัณฑิตจิตอาสา (ครั้งที่ 2) ทางสำนักฯใจดีมีให้เลือกว่าจะเข้าร่วมประชุมวันที่ 19 หรือวันที่ 26 เมื่อจดหมายได้รับช้า ผมก็รับนัดอบรมดูงานนะสิครับ จะไปร่วมประชุมกับจุฬาฯยังไงนี่ ผมถูกแต่งตั้งให้เป็นวิพุทธิยาจารย์อาสา(แปลว่าอะหยังฮึ) ผมมีคิวจะต้องไปสอนนักศึกษาในโครงการนี้ที่จังหวัดน่าน

เมื่อไม่ได้ไปร่วมประชุมจะไม่อาจหาญไปหน่อยรึที่จะไปดำน้ำสอน!

ไปรษณีย์ หรือ ไปรษหนี ทำพิษอีกแล้ว

5. อีกฉบับหนึ่งเป็นจดหมายมาจากท่านพระมหากฤษณะ ตรุโณ ผศ.ดร.เจ้าอาวาสวัดเรไร เขตตลิ่งชัน กทม. ท่านให้ความเห็นกับคำถามที่สัมภาษณ์มาทางจดหมาย โดยสังเขป ดังนี้

5.1 คำถามด้านอภิปรัชญา 1-2-3

5.2 คำถามด้านญาณวิทยา 1-2-3

5.3 คำถามด้านจริยศาสตร์ 1-2-3

5.4 คำถามด้านสุทรียศาสตร์ 1-2-3

5.5 คำถามด้านตรรกศาสตร์ 1-3-4

5.6 คำถามทั่วไป และความคิดเห็นอื่น

ท่านส่งคำตอบวันที่20 ท่านใจดีบอกว่า ถ้าตอบจะมีค่าตอบ 1,500 บาท อิ

6. ขณะที่ความเซ็งกำลังจู่โจมหัวใจ ได้รับจดหมายฉบับสุดท้าย เขียนด้วยลายมือบรรจง ในกระดาษขาวว่างเปล่าไม่มีเส้นบรรทัด แต่ตัวอักษรเรียงตรงเป็นระเบียบเรียบร้อย อ่านแล้วน้ำตาซึม ขออนุญาตแกะเอาทุกตัวอักษรดังนี้ > >

เรียนคุณสุทธินันท์ ที่นับถืออย่างยิ่ง

ดิฉันได้อ่านหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอังคารที่ 30 สิงหาคม ที่มีบทความ”สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ นักวิจัย “บ้านๆ” ปราชญ์ที่ไม่ยอมหยุดเรียนรู้” แล้วมีความรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งในเรื่องวิถีชีวิตของคุณตามที่เขียนเล่าไว้ ชวนให้ระลึกถึงคุณพ่อของดิฉัน พระยามไหสวรรย์ ในอดีตเป็นผู้ที่มีรักความรักในเศรษฐกิจการเกษตร และดิฉันมีโอกาสทำงานที่ห้องสมุดธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เรียนรู้เรื่องนี้เสมอมา จึงขอแสดงความชื่นชมในกิจการงานอันทรงคุณค่าสูงส่งของคุณ

ด้วยความปรารถนาดียิ่งจริงใจ ขอให้คุณดำเนินการทุกสิ่งที่คุณรักพึงพอใจ เป็นผลดียิ่งยิ่ง เพื่อชีวิตอันทรงคุณค่าของคุณ และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ

ดิฉันจะติดตามเรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจในกิจการที่คุณจะดำเนินการอีกในอนาคต

ด้วยความนับถือยิ่ง

กัทลี สมบัติศิริ

วันที่ 30 สิงหาคม พ..2554

หมายเหตุ : ขณะนี้ดิฉันมีอายุ 90 ปี ได้ทำบุญไปเมื่อกรกฎาคมปีนี้เอง

ท่านที่รัก

ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับไปรษหนีข้างบนนั่นหมดเกลี้ยงเลยละครับ จดหมายของคุณย่า..

สะอาดทั้งตัวหนังสือ สะอาดทั้งในความรู้สึก

คืนนี้จะอ่านสัก 100 รอบ แล้วจะตอบจดหมายคุณย่า นะครับ


บทที่ 8 ตอน:ตอบแทนคุณแผ่นดินแบบกำปั้นทุบดิน

อ่าน: 2185

คนเรานี่นะครับ จะทำชีวิตให้สง่างามเต็มไปด้วยความสุขความหวังมีชีวิตชีวา มีตัวช่วยหลักอยู่2อย่าง คือหัวใจและ2มือของเรา ถ้าจิตใจที่ทรงพลังสองมือที่แข็งแกร่ง จะเนรมิตอะไรก็ได้ทั้งนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำอะไรไปแค่ไหน ผลลัพธ์ออกมาอย่างไร ส่วนหนึ่งเก็บรวบรวมประมวลผลด้วยการผ่านบล็อกลานปัญญานี่แหล่ะ อย่างผมที่เขียนไม่เป็นโล้เป็นพายเอามาลงในลานสวนป่า แต่คนส่วนใหญ่จะทำแบบปิดทองหลังพระ ทำไปเรื่อยๆเหนื่อยก็ยิ้ม ไม่ต้องการร้องแรกแหกกระเชอให้เสียเวลา มีความสุขอยู่กับการทำก็สุขล้นแล้ว ตามอ่านลานซักล้าง ลานจอหงวน ก็จะรู้ว่าไผเป็นไผ อิ อิ..

ผลงานอีกส่วนหนึ่งจะมีองค์กรหรือสถาบันต่างๆ ติดตามเก็บข้อมูลของบุคคลที่น่าสนใจ แล้วทำการคัดเลือกให้ไปจัดแสดงผลงาน-ไปนำเสนอ-และให้ไปรับรางวัล โครงการทำคุณแก่แผ่นดินจะมีเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวเก็บข้อมูลไปเสนอคณะกรรมการชุดเล็ก รอบแรกจะคัดเลือกไว้จังหวัดละ3คน หลังจากนั้นส่งผลงานไปให้คณะกรรมการใหญ่พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 1 คน

เราไม่รู้หรอกนะครับว่าคนมาพบเป็นใครมีเป้าประสงค์อะไร บางคนไม่แนะนำแม้แต่ชื่อของตนเอง ไม่บอกผมก็ไม่ถาม เมื่อไม่อยากให้รู้ชื่อแซ่ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ไม่เป็นไร จะมาดูเฉยๆก็ได้ มาถ่ายรูปแวบๆก็ได้ จะมาแบบไหนได้ทั้งนั้นละครับ เชิญเลย..
จนกระทั้งกลางเดือนที่แล้ว มีโทรศัพท์มาบอกว่าให้ไปรับรางวัล รางวัลอะไรก็ไม่ชัดเจน อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็มีโทรศัพท์มาอีกว่าให้ไปรับรางวัลที่ขอนแก่น ขอทราบหุ่น เจ้าภาพจะตัดเสื้อให้ด้วย ผมอยู่บางกอกไม่มีสายวัด จึงบอกว่าเอาเบอร์Lก็แล้วกัน วันที่สวมใส่เสื้อคับพุง เขาจับแต่งหน้าแต่งผมด้วยนะ แก่จวนเข้าโลงจะแต่งยังไงมันก็ไม่หล่อ ทำอย่างกับจะจับไปแสดงละครทีวี ทำไงได้ละ ผีถึงป่าช้า มีอะไรก็ว่าไปตามกัน สรุปว่าใช้เวลาไปค่อนครึ่งวันกับการซักซ้อมความพร้อมหลายรอบ ก็เข้าใจได้ละครับว่าทีมงานต้องการให้ภาพออกมาดูดีที่สุด

งานนี้เกี่ยวข้องกับการทำดีหลากหลายกรณีตามวิถีคนอีสานจำนวน20คน คณะกรรมการฯตั้งใจจะให้เป็นกรณีกิจกรรมสังคมในแต่ละพื้นที่ เพื่อจะเป็นแบบพิมพ์ให้แก่ชุมชนและสาธารณชนทั่วไป เรื่องนี้ไม่มีข้อจำกัดอะไร ทำอะไรก็ได้ตามที่เห็นว่าดี ออกแบบความดีตามอัธยาศัย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองว่าการกระทำดีเป็นสิ่งยาก แต่ถ้าเราลองเริ่มต้นทำดีแบบง่ายๆ ความดีก็จะโผล่ขึ้นมาทันทีเช่นกัน



ไม่เชื่อก็ลองยิ้มดูสิครับ
เห็นไหม ใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที
ทำให้หน้าตาเรียบเฉยมีเสน่ห์ชวนมอง
ทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งหน้าทาปากด้วยซ้ำ
ลองเปิดสารบัญความดีด้วยรอยยิ้มก็ได้นะครับ
การยิ้มเป็นอาภรณ์วิเศษที่สุดในโลก
ยิ้มเถิดนะยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส ..

การลงมือปฏิบัติเป็นหัวใจของทุกเรื่อง
ถ้าได้แต่คิดแล้วไม่ลงมือทำ จะคิดทิ้งคิดขว้างไปทำไมละครับ?

นักพัฒนาความดีควรหลอมรวมหัวใจ รวบรวมพลังสองมือจากมิตรสหายให้เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ถ้าไปชวนทศกรรฐ์มาช่วยได้ยิ่งดี เพราะเจ้ากรุงลงกามีกายาพิเศษกว่าคนอื่น เลือกเอามาเฉพาะจุดดีนะครับ เรื่องเจ้าชู้ประตูดินอย่าเอามา ผมหมายถึงว่า คนเราไม่มีใครสะอาดสมบูรณ์แบบผ้าขาว ถึงจะกระดำกระด่างไปบ้าง ถ้ารู้จักเลือกจุดดีก็จะเป็นประโยชน์ได้ เคยได้ยินคำว่า“ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”บ้างไหมครับ นั่นแหละใช่เลย ใครจะเปรียบเปรยผ้าขี้ริ้วในแง่มุมอื่นก็ช่างเถอะ แต่ผมตีความง่ายๆตรงๆว่าผ้าขี้ริ้วทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง การที่เราไปเอาผ้าสวยๆราคาแพงมาห่อทองเสียอีกที่เป็นอันตราย อาจจะสะดุดตาโจรได้ จะเห็นว่าแม้แต่ผ้าขี้ริ้วก็เอามาใช้ประโยชน์ได้ดี มีตัวอย่างในวรรณคดีไทย เรื่องพระอภัยมณีหรือเรื่องอิเหนา นางเอกของเรื่องบางคนหน้าตาขี้ริ้ว แต่มีความดีในตัวเป็นอาภรณ์ กลายเป็นอภินิหารจูงใจให้พระเอกเข้ามาซบได้

คนหย่อนสวยอย่าเพิ่งท้อ ทำความดีไว้
สร้างปรากฏการณ์ความดีให้สำเร็จ
อานุภาพแห่งความดีอาจจะบันดาลให้พระเอกขี่ม้าขาวมาสยบก็ได้นะเธอ

เ ร า ม า เ ป็ น ตั ว คู ณ ค ว า ม ดี ข อ ง กั น แ ล ะ กั น เ ถิ ด น ะ ?
นะ นะ นะ

สรุปว่า..ไม่มีอุปสรรคใดๆในโลกนี้มาปิดกั้นการทำความดีได้ ดีมากดีน้อยค่อยบรรจง อานิสงค์แห่งความดีมีอยู่แล้ว การทำดีเล็กน้อยมีค่ามากกว่าการทำร้ายไม่รู้กี่ล้านเท่า ไม่มีมาตรวัดว่าอะไรดีมากดีน้อย ความดีมีค่าเท่าเทียมกันสม่ำเสมอ
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513
“ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจในการกระทำสิ่งใดๆที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้า ต้องบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดีเป็นความถูกต้องและเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนชีพดีขึ้นเป็นลำดับ”

จะเห็นว่าหลักการทำความดีนั้นมีอยู่แล้ว แต่พสกนิกรของพระองค์สนองพระราชดำริในเชิงทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ ยังมีผู้ที่นำเอาไปปฏิบัติไม่มากพอที่จะเกิดพลังค้ำชูดูแลบ้านเมือง บางส่วนก็ลอยแพสังคม บางส่วนก็ทำร้ายสังคม กำลังกระเหี้ยนกระหรือกับอำนาจเถื่อนที่ได้มา บางกลุ่มกล้าคิดแม้แต่จะขอพระราชทานอภัยโทษความเลว แทนที่จะทำความดีลดโทษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็คิดจะปีนเกลียวอยู่ร่ำไป คนประเภทแหกคอกมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยนะครับ ทำไงได้ นอกจากรอดูกฎแห่งกรรม ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น ไม่มีใครสบายใจจากการคิดนอกลู่นอกทางหรอกนะครับ ไม่งั้นจะมีคำว่า
“เข้าตามตรอกออกตามประตู” รึ

จิตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ถ้าอยากรู้ว่า “อัลเบริต์ ไอสไตน์ พูดถูกหรือเปล่าเราต้องลงมือปฏิบัติดูว่าจริงไหม? วันนี้เธอมีจินตนาการอย่างไรบ้าง หรือมีแต่จินตนาเกา อะไรที่สำคัญกว่าความรู้ล้วนน่าพิจารณา เพราะแม้แต่แค่ความรู้เราก็ยังอิหลักอิเหลื่อ ถามว่า..
วันนี้เราอยู่กับชุดความรู้อะไร ?
โทมัส อัลวา เอดิสัน คนที่เราเป็นหนี้บุญคุณเรื่องแสงสว่างมาเท่าทุกวันนี้ บอกว่า..อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียงเล็กน้อย แรงผลักดันส่วนใหญ่เกิดจากความอุตสาหพยายาม แหมพูดอีกก็ถูกอีก ไม่ พ ย า ย า ม พ ญ า ย ม ก็ถามหานะสิ เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อผลาญออกซิเจนอย่างนั้นรึ
เกี่ยวเถิดนะพ่อเกี่ยว อย่ามัวชะแง้แลเหลียว เดี๋ยวเคียวจะบาดใจเอย..

พูดถึงการเป็นคนดีแทนคุณแผ่นดินในปีนี้แล้วเขินเป็นบ้า
คณะผู้อภินันทนาการรางวัลได้คัดย่อผลงานไปแสดงไว้ดังนี้

“ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ปราชญ์เกษตรชาวบ้าน ผู้พัฒนาวิธีการปลูกยูคาลิปตัสแบบผสมผสานสลับกับไม้ยืนต้นพื้นเมืองอื่นเพื่อสร้างความหลากหลาย รวมทั้งอาศัยการจัดการระบบน้ำหยดเข้าช่วย จนดินกลายเป็นดินดำ ทำให้ป่าอุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว และระหว่างรอให้ต้นไม้โตก็ได้ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ระหว่างแถวต้นไม้ควบคู่ไปด้วย โดยเลี้ยงโคเนื้อ แพะแกะ และรวมทั้งสัตว์ปีกจำพวกไก่ สุกรพันธุ์พื้นเมืองและการเลี้ยงผึ้ง นอกจากนี้ยังจัดตั้งระบบการเรียนรู้แบบโฮมสคูล เพื่อให้เด็กเรียนรู้จากของจริง”

ก่อนขึ้นรับรางวัลของตัวแทนแต่ละจังหวัด เจ้าภาพจะฉายสไลด์วิดีโอผลงานสั้นๆขึ้นจอ แล้วแต่ละท่านเดินขึ้นไปรับรางวัลกับองคมนตรี ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล รับรางวัลแล้วเดินไปที่โฟเดี้ยมเพื่อพูดความในใจสั้นๆ.. ผู้ดำเนินรายการมากระซิบว่าให้พูดสั้นๆ สั้นๆ ก็สั้นๆ..
“ท่านที่รัก มีคำถามเบาๆแต่เอาจริงว่า
มีเหตุผลอะไรที่เราไม่ช่วยกันแทนคุณแก่แผ่นดินนี้ ขอบคุณครับ”


(เปิดห้องเรียนให้กว้างๆแล้วจะเห็นทุกอย่างเป็นครู)

กลับมาถึงบ้าน มีครูอาจารย์จากโรงเรียนกนกศิลป์พิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์ นำขบวนโดยอาจารย์พันดา เลิศปัญญา พาเด็กๆมานอนเข้าค่ายศึกษาเรื่องศิลปะเพื่อธรรมชาติรอจำนวน50กว่าชีวิต ในช่วงที่ให้เด็กๆสอบถามข้อข้องใจ .. คำถามยอดฮิตที่ได้รับจากเด็กๆและผู้ที่มาเยี่ยม คือ

เ ค ย ท้ อ ไหมครับ?
เอาทุนมาจากไหน?
เอาแรงบัลดาลใจมาจากไหน?
ทำมากอย่างนี้ต้องดูแลยังไง?
ทำไมถึงมาเลือกปลูกสร้างสวนป่า?
ในอนาคตสถานที่นี่จะใครจะมารับช่วงทำต่อ?

ความฝันอันสูงสุดคืออะไร

มีคำตอบมากมายสำหรับคำถามเหล่านี้ บางคนมีปณิธานว่าจะใส่ใจทำงานให้บรรเจิด ตั้งเป้าประสงค์ที่จะทำความดีต่อช่วงความฝันให้บรรลุ แต่คนอีกส่วนหนึ่งก็ตีค่าความใฝ่ฝันให้ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ตระหนักว่าความฝันมีเครื่องหมายบวกและเครื่องหมายลบอยู่ด้วย ในความฝันมีทาง2แพร่ง จะแปลค่าความฝันให้ออกหัวหรือออกก้อยดีละครับ เมื่อไม่แน่ใจก็วิ่งโร่ไปหาหมอดูคู่กับหมอเดา

ถ้าคิดดีคิดได้ก็ทำความใฝ่ฝันให้เป็นปณิธาน ถ้าคิดไม่ได้คิดไม่ดีทำความฝันให้แปดเปื้อน แสดงว่าความฝันคงมีหลายกระบวนท่า บางคนฝันเตี้ยๆเรี่ยพื้นดิน บางคนฝันครึ่งๆกลางๆ ตีความเป็นลางร้ายลางดี เอาไปวิเคราะห์เป็นตัวเลขเด็ด สรุปได้ว่าความฝันกับความใฝ่ฝันยืนเคียงคู่กัน จะยกระดับให้สูงขึ้นหรือจะทำให้เตี้ยลงสาวะวันขึ้นอยู่กับ เ ร า จ ะ บ ริ ห า ร ค ว า ม ฝั น อ ย่ า ง ไ ร ? บางคนคิดทำเพื่อตนเอง แต่บางคนก็คิดเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นด้วย ความฝันอันสูงสุดจึงขึ้นอยู่กับการกระทำที่ทรงพลังของตัวเรา

ความฝันของมหาชีวาลัยอีสาน ต้องการหาวิธีเอาใบไม้ต้นไม้ปกคลุมผืนดินสีแดงๆตุ่นๆให้เหมือนสภาพผืนดินผืนป่าในอดีต จึงควานหารูปแบบที่จะนำมาส่งเสริมขยายผลที่เหมาะกับสภาพของสังคมปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่มุ่งแต่จะกอบโกยเอาประโยชน์จากป่าเขาลำเนาไพร ไม่ใคร่มีใครคิดที่จะมาช่วยกันเติมเต็มให้สภาพแวดล้อมธรรมชาติ ต้นทุนทางธรรมชาติ คือต้นทุนที่สำคัญของชาติ ชาติไหนธรรมชาติเปราะบาง สังคมนั้นๆก็จะอ่อนแออ่อนไหว หลังจากคิดสาระตะแล้วจึงเสนอ “โมเดลบุรีรัมย์”

ไม่ปลูกป่าแต่อยากจะอยู่ในที่อากาศดีๆมีทิวทัศน์สวยงาม
นอกจากจะไม่ลงทุนลงแรงช่วยฟื้นฟูธรรมชาติแล้ว
ใจคอตั้งหน้าแต่จะกอบโกย

เอาอย่างนี้ดีไหมครับ?
ใครอยากจะปลูกสร้างรีสอร์ท
ก็ควรวางแผนพัฒนาสภาพแวดล้อมในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ของตนเอง
อย่าก้าวล่วงมือยาวสาวได้สาวเอา
พวกมือยาวสติสั้นนี้น่ากลัวนัก
ใครพบเจอที่ไหนช่วยแนะนำให้กลับไปอยู่ในจุดที่ชอบๆด้วยเถิด

เท่าที่ปลูกต้นไม้มาพอสมควร มั่นใจว่าถ้าคนอีสานเข้าใจเรื่องการปลูกป่าหลายวัตถุประสงค์ อีสานบ้านผมจะฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ได้ภายใน10ปี ไม่นานเลยนะครับ ระหว่างที่รอเวลาป่าไม้เติบโต เราก็เก็บเกี่ยวประโยชน์จากร่มไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ มาเป็นรายได้ชุดเบิกนำ การทำการเกษตรที่เอื้อต่อธรรมชาติเป็นวงจร ทุกอย่างก็จะเชื่อมโยงกัน เช่น เปลี่ยนใบไม้มาเป็นอาหารสัตว์ เปลี่ยนใบไม้มาเป็นมูลสัตว์ เปลี่ยนมูลมาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ ทำไปทำมาก็จะเข้าใจเองละครับว่าความมั่นยืนคืออะไร จะเกิดการเปรียบวิธีทำงานแบบล้างผลาญสิ่งรอบข้าง กับการทำงานแบบเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ มีคนดีจำนวนมากพยายามพูดโน้มนำเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ภาพรวมของการเกษตรระดับรากหญ้าก็บอบช้ำจากการช่วงชิงผลประโยชน์

รู้จักหมูในอวยไหมครับ?
รู้จักหมูวิ่งชนปังตอไหมครับ?
รู้จักสุกรนั้นไซร้เป็นหมาน่อยธรรมดาไหมครับ?

เรื่องการเกษตรจะมาพูดกันอ้อมแอ้มไม่ได้หรอก กระทรวงศึกษาธิการจะต้องเข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดอย่างสำคัญ ถ้าเกษตรกรอยู่ไม่ได้ ลูกหลานเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร วิชาความรู้ที่สอนๆกันอยู่ในโรงเรียน เอามาใช้มาช่วยการงานพ่อแม่ได้ไหม ผมชื่นชมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมานาน เขาบูรณาการหลักสูตรให้เข้ากับสภาพของสังคมพื้นถิ่น ให้เด็กๆได้ลงมือเรียนวิชาการงานอาชีพควบคู่กับวิชาสามัญฆาตกรรม แต่พอมาดูโรงเรียนในชนบทของเขตพื้นที่การศึกษา สอนบ้าอะไรก็ไม่รู้ เกณฑ์ให้ครูและเด็กเรียนแต่เรื่องไกลตัว เรียนวิชาทิ้งถิ่น ไม่มีสำนึกดีว่า จะผสานความรู้ในโรงเรียนกับความรู้ในท้องถิ่นให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไร

• วิทยาลัยการอาชีพสอนอาชีพอะไร
• วิทยาลัยสารพัดช่างสอนช่างอะไร
• วิทยาลัยเกษตรสอนเกษตรอะไร
• วิทยาลัยเทคนิคสอนเทคนิคอะไร
• วิทยาลัยชุมชนสอนชุมชนอย่างไร
• การศึกษานอกโรงเรียนสอนวิชานอกโรงอย่างไร
• มหาวิทยาลัยราชภัฎ เป็นมันสมองท้องถิ่นได้แค่ไหน

ถ้าบทบาททางการศึกษายังคลำเป้าไม่เจอ ปริมาณของเกษตรกรอาจลดลงจนแทบสูญพันธุ์ได้ นโยบายการศึกษาทุกวันนี้คุมกำเนิดความก้าวหน้าของภาคการเกษตรกรรม ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะป้อนตลาดแรงงาน ทำเอาสังคมชนบทซวดเซอย่างหนัก ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว
การศึกษาไทยควรแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
1 กลุ่มที่อยู่ชายแดน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ควรเรียนหลักสูตรตำรวจตระเวนชายแดน
2 กลุ่มที่อยู่ในชนบทที่ไม่มีความพร้อมมากนัก เรียนหลักสูตรท้องถิ่นประยุกต์
3 กลุ่มที่อยู่ในเขตเมือง เรียนหลักสูตรปกติในปัจจุบัน

ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหลักการ ยังจะตะบี้ตะบันจัดการศึกษาแบบเหมาโหล พยายามตัดตีนให้พอดีกับเกือก มันไม่ทารุณไปหน่อยรึครับ ถามว่า..ผู้ปกครองต้องการให้ลูกเป็นเจ้าคนนายคน ไม่ต้องการให้ลูกเต้าตกระกรรมลำบากอยู่ในท้องไร่ท้องนาเหมือนตน จึงผลักไสไล่ส่งให้ลูกเข้าเรียนสูงๆ จะให้กระทรวงการศึกษาทำอย่างไร?
ไม่ผิดหรอกที่จะสนองความต้องการภาคประชาชน แต่การสนองความต้องการแบบไม่สมเหตุสมผล จำเป็นที่จะต้องจับเข่าบอกเล่าความเป็นจริงให้ญาติร่วมแผ่นดินได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ อีกไม่กี่ปีก็จะมีหุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์กันแล้ว เราจะเอาบัณฑิตไปกองไว้ที่ไหนละครับ

นโยบายที่สมบูรณ์แบบคือการจัดการศึกษาให้ทั้งสังคม
ไม่ใช่จะมาต๊อกๆอยู่แต่ในสถาบันการศึกษาเท่านั้น

มีเด็กไกลปืนเที่ยงรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาไปได้กี่คน เรามีเด็กที่ถูกสังคมกระทำบ้าๆบอๆจนกรุแทบแตก เรามีเด็กเกเรเกตุงหนักข้อขึ้นทุกวัน ปัญหาเหล่านี้มีวิธีแก้ที่หวังผลได้แล้วหรือ ไปอั้นวิทยาลัยเทคนิคไว้ไม่ยอมให้เปิดสอนระดับปริญญา จิกให้อยู่ในขั้นอนุปริญญา ความสำนึกของเด็กวัยร้อนทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ลึกๆ ถ้าให้เขาเหล่านี้ได้เรียนในระดับบัณฑิต บางทีรัศมีของวุฒิปริญญาตรี อาจจะทำให้เด็กเทคนิคปรับกริยามารยาทให้สมกับวุฒิภาวะของบัณฑิตก็ได้นะเธอ


ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาอย่าจัดแบบปิดประตูตีแมวสิครับ..

นโยบายทางการศึกษาควรรื้อหลักสูตร ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องมีแผนกอบกู้วิกฤติทางภาคการเกษตร โดยจัดระบบการศึกษาและการส่งเสริมอาชีพให้เข้มข้นถูกทิศถูกทาง ให้ชาวไร่ชาวนามีรูปแบบการพัฒนาวิชาชีพที่ชัดเจน ใ ห้ วิ ท ย า ลั ย ต่ า ง ๆ เ อ า วิ ช า เ ข้ า ไ ป ห า อ า ชี พ ถ้าทำได้ครบถ้วนเป็นวงจร ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นกับสังคมเกษตรและสังคมการศึกษา จะ ทำ ใ ห้ ภ า ค ก า ร ศึ ก ษ า ม อ ง เ ห็ น จุ ด โ ห ว่ ที่ จ ะ ต้ อ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ นื้ อ ห า ก า ร เ รี ย น เ น้ น ม า ส อ น เ ชิ ง รุ ก มุ่งสอนการปฏิบัติที่มีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูการงานอาชีพในพื้นที่ วิทยาลัยต่างๆก็จะเห็นช่องทางที่จะเข้าไปสอดแทรกความรู้ จัดเป็นหลักสูตรสนองต่อผู้ปกครองและลูกศิษย์ของตนเอง ถ้านึกไม่ออกลองไปศึกษางานในศูนย์ศีลปาชีพดอยตุง ที่สมเด็จย่าได้วางลู่ทางไว้ให้ ไปฟังเสียงชาวบ้านชาวดอยเขาพูดถึงวิธียกระดับความเป็นมืออาชีพได้อย่างไร แทนที่จะมางมโข่งสอนวิชาตกงาน ก็สอนวิชาสร้างงานไม่ดีกว่ารึ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ อย่าทำเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่เลย นึกว่าสงสารลูกหลานตาดำๆที่ทนเรียนแบบซังกะตาย


เด็กทุกคนต้องได้เรียน
เด็กทุกคนต้องได้รับการสนับสนุนเรียนฟรี
เร็วๆนี้เด็ก ป.1 ยังจะได้รับแจกแท็ปเลท
ลูกอีช่างแจกจริงๆเลยนะเนี๊ย..

ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเป็นอย่างไรไม่กล้ากระเอม
การวัดประเมินผลแต่ละกลุ่มวิชาเป็นอย่างไรได้แต่กลอกหน้า
เรื่องนี้โทษครูโทษโรงเรียนไม่ได้หรอก
ต้องพิจารณาต้นตอที่ใจคอจะจัดการศึกษาดำน้ำไปเรื่อยๆ
บทนี้ทำท่าจะเป็นหนังเรื่องยาว
ท่านราชบัณฑิตเมธีทางการศึกษา ศ.สุมน อมรวิวัฒน์
บอกว่า..ครูบาทำไมไม่พูด
จะยกยอดไปอีกหนึ่งกระทอกจะดีไหมนี่?

เอ๊ะ เขียนอย่างนี้น่าจะได้รางวัลปาก-มาอีกสักอย่างนะเธอ

อิ อิ..



Main: 0.071696043014526 sec
Sidebar: 0.067582845687866 sec