บทที่ 8 ตอน:ตอบแทนคุณแผ่นดินแบบกำปั้นทุบดิน

อ่าน: 2186

คนเรานี่นะครับ จะทำชีวิตให้สง่างามเต็มไปด้วยความสุขความหวังมีชีวิตชีวา มีตัวช่วยหลักอยู่2อย่าง คือหัวใจและ2มือของเรา ถ้าจิตใจที่ทรงพลังสองมือที่แข็งแกร่ง จะเนรมิตอะไรก็ได้ทั้งนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำอะไรไปแค่ไหน ผลลัพธ์ออกมาอย่างไร ส่วนหนึ่งเก็บรวบรวมประมวลผลด้วยการผ่านบล็อกลานปัญญานี่แหล่ะ อย่างผมที่เขียนไม่เป็นโล้เป็นพายเอามาลงในลานสวนป่า แต่คนส่วนใหญ่จะทำแบบปิดทองหลังพระ ทำไปเรื่อยๆเหนื่อยก็ยิ้ม ไม่ต้องการร้องแรกแหกกระเชอให้เสียเวลา มีความสุขอยู่กับการทำก็สุขล้นแล้ว ตามอ่านลานซักล้าง ลานจอหงวน ก็จะรู้ว่าไผเป็นไผ อิ อิ..

ผลงานอีกส่วนหนึ่งจะมีองค์กรหรือสถาบันต่างๆ ติดตามเก็บข้อมูลของบุคคลที่น่าสนใจ แล้วทำการคัดเลือกให้ไปจัดแสดงผลงาน-ไปนำเสนอ-และให้ไปรับรางวัล โครงการทำคุณแก่แผ่นดินจะมีเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวเก็บข้อมูลไปเสนอคณะกรรมการชุดเล็ก รอบแรกจะคัดเลือกไว้จังหวัดละ3คน หลังจากนั้นส่งผลงานไปให้คณะกรรมการใหญ่พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 1 คน

เราไม่รู้หรอกนะครับว่าคนมาพบเป็นใครมีเป้าประสงค์อะไร บางคนไม่แนะนำแม้แต่ชื่อของตนเอง ไม่บอกผมก็ไม่ถาม เมื่อไม่อยากให้รู้ชื่อแซ่ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ไม่เป็นไร จะมาดูเฉยๆก็ได้ มาถ่ายรูปแวบๆก็ได้ จะมาแบบไหนได้ทั้งนั้นละครับ เชิญเลย..
จนกระทั้งกลางเดือนที่แล้ว มีโทรศัพท์มาบอกว่าให้ไปรับรางวัล รางวัลอะไรก็ไม่ชัดเจน อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็มีโทรศัพท์มาอีกว่าให้ไปรับรางวัลที่ขอนแก่น ขอทราบหุ่น เจ้าภาพจะตัดเสื้อให้ด้วย ผมอยู่บางกอกไม่มีสายวัด จึงบอกว่าเอาเบอร์Lก็แล้วกัน วันที่สวมใส่เสื้อคับพุง เขาจับแต่งหน้าแต่งผมด้วยนะ แก่จวนเข้าโลงจะแต่งยังไงมันก็ไม่หล่อ ทำอย่างกับจะจับไปแสดงละครทีวี ทำไงได้ละ ผีถึงป่าช้า มีอะไรก็ว่าไปตามกัน สรุปว่าใช้เวลาไปค่อนครึ่งวันกับการซักซ้อมความพร้อมหลายรอบ ก็เข้าใจได้ละครับว่าทีมงานต้องการให้ภาพออกมาดูดีที่สุด

งานนี้เกี่ยวข้องกับการทำดีหลากหลายกรณีตามวิถีคนอีสานจำนวน20คน คณะกรรมการฯตั้งใจจะให้เป็นกรณีกิจกรรมสังคมในแต่ละพื้นที่ เพื่อจะเป็นแบบพิมพ์ให้แก่ชุมชนและสาธารณชนทั่วไป เรื่องนี้ไม่มีข้อจำกัดอะไร ทำอะไรก็ได้ตามที่เห็นว่าดี ออกแบบความดีตามอัธยาศัย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองว่าการกระทำดีเป็นสิ่งยาก แต่ถ้าเราลองเริ่มต้นทำดีแบบง่ายๆ ความดีก็จะโผล่ขึ้นมาทันทีเช่นกัน



ไม่เชื่อก็ลองยิ้มดูสิครับ
เห็นไหม ใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันที
ทำให้หน้าตาเรียบเฉยมีเสน่ห์ชวนมอง
ทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งหน้าทาปากด้วยซ้ำ
ลองเปิดสารบัญความดีด้วยรอยยิ้มก็ได้นะครับ
การยิ้มเป็นอาภรณ์วิเศษที่สุดในโลก
ยิ้มเถิดนะยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส ..

การลงมือปฏิบัติเป็นหัวใจของทุกเรื่อง
ถ้าได้แต่คิดแล้วไม่ลงมือทำ จะคิดทิ้งคิดขว้างไปทำไมละครับ?

นักพัฒนาความดีควรหลอมรวมหัวใจ รวบรวมพลังสองมือจากมิตรสหายให้เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ถ้าไปชวนทศกรรฐ์มาช่วยได้ยิ่งดี เพราะเจ้ากรุงลงกามีกายาพิเศษกว่าคนอื่น เลือกเอามาเฉพาะจุดดีนะครับ เรื่องเจ้าชู้ประตูดินอย่าเอามา ผมหมายถึงว่า คนเราไม่มีใครสะอาดสมบูรณ์แบบผ้าขาว ถึงจะกระดำกระด่างไปบ้าง ถ้ารู้จักเลือกจุดดีก็จะเป็นประโยชน์ได้ เคยได้ยินคำว่า“ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”บ้างไหมครับ นั่นแหละใช่เลย ใครจะเปรียบเปรยผ้าขี้ริ้วในแง่มุมอื่นก็ช่างเถอะ แต่ผมตีความง่ายๆตรงๆว่าผ้าขี้ริ้วทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง การที่เราไปเอาผ้าสวยๆราคาแพงมาห่อทองเสียอีกที่เป็นอันตราย อาจจะสะดุดตาโจรได้ จะเห็นว่าแม้แต่ผ้าขี้ริ้วก็เอามาใช้ประโยชน์ได้ดี มีตัวอย่างในวรรณคดีไทย เรื่องพระอภัยมณีหรือเรื่องอิเหนา นางเอกของเรื่องบางคนหน้าตาขี้ริ้ว แต่มีความดีในตัวเป็นอาภรณ์ กลายเป็นอภินิหารจูงใจให้พระเอกเข้ามาซบได้

คนหย่อนสวยอย่าเพิ่งท้อ ทำความดีไว้
สร้างปรากฏการณ์ความดีให้สำเร็จ
อานุภาพแห่งความดีอาจจะบันดาลให้พระเอกขี่ม้าขาวมาสยบก็ได้นะเธอ

เ ร า ม า เ ป็ น ตั ว คู ณ ค ว า ม ดี ข อ ง กั น แ ล ะ กั น เ ถิ ด น ะ ?
นะ นะ นะ

สรุปว่า..ไม่มีอุปสรรคใดๆในโลกนี้มาปิดกั้นการทำความดีได้ ดีมากดีน้อยค่อยบรรจง อานิสงค์แห่งความดีมีอยู่แล้ว การทำดีเล็กน้อยมีค่ามากกว่าการทำร้ายไม่รู้กี่ล้านเท่า ไม่มีมาตรวัดว่าอะไรดีมากดีน้อย ความดีมีค่าเท่าเทียมกันสม่ำเสมอ
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513
“ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจในการกระทำสิ่งใดๆที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้า ต้องบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดีเป็นความถูกต้องและเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนชีพดีขึ้นเป็นลำดับ”

จะเห็นว่าหลักการทำความดีนั้นมีอยู่แล้ว แต่พสกนิกรของพระองค์สนองพระราชดำริในเชิงทฤษฎีเป็นส่วนใหญ่ ยังมีผู้ที่นำเอาไปปฏิบัติไม่มากพอที่จะเกิดพลังค้ำชูดูแลบ้านเมือง บางส่วนก็ลอยแพสังคม บางส่วนก็ทำร้ายสังคม กำลังกระเหี้ยนกระหรือกับอำนาจเถื่อนที่ได้มา บางกลุ่มกล้าคิดแม้แต่จะขอพระราชทานอภัยโทษความเลว แทนที่จะทำความดีลดโทษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ก็คิดจะปีนเกลียวอยู่ร่ำไป คนประเภทแหกคอกมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยนะครับ ทำไงได้ นอกจากรอดูกฎแห่งกรรม ทำสิ่งใดได้สิ่งนั้น ไม่มีใครสบายใจจากการคิดนอกลู่นอกทางหรอกนะครับ ไม่งั้นจะมีคำว่า
“เข้าตามตรอกออกตามประตู” รึ

จิตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ถ้าอยากรู้ว่า “อัลเบริต์ ไอสไตน์ พูดถูกหรือเปล่าเราต้องลงมือปฏิบัติดูว่าจริงไหม? วันนี้เธอมีจินตนาการอย่างไรบ้าง หรือมีแต่จินตนาเกา อะไรที่สำคัญกว่าความรู้ล้วนน่าพิจารณา เพราะแม้แต่แค่ความรู้เราก็ยังอิหลักอิเหลื่อ ถามว่า..
วันนี้เราอยู่กับชุดความรู้อะไร ?
โทมัส อัลวา เอดิสัน คนที่เราเป็นหนี้บุญคุณเรื่องแสงสว่างมาเท่าทุกวันนี้ บอกว่า..อัจฉริยะเกิดจากแรงบันดาลใจเพียงเล็กน้อย แรงผลักดันส่วนใหญ่เกิดจากความอุตสาหพยายาม แหมพูดอีกก็ถูกอีก ไม่ พ ย า ย า ม พ ญ า ย ม ก็ถามหานะสิ เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อผลาญออกซิเจนอย่างนั้นรึ
เกี่ยวเถิดนะพ่อเกี่ยว อย่ามัวชะแง้แลเหลียว เดี๋ยวเคียวจะบาดใจเอย..

พูดถึงการเป็นคนดีแทนคุณแผ่นดินในปีนี้แล้วเขินเป็นบ้า
คณะผู้อภินันทนาการรางวัลได้คัดย่อผลงานไปแสดงไว้ดังนี้

“ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ปราชญ์เกษตรชาวบ้าน ผู้พัฒนาวิธีการปลูกยูคาลิปตัสแบบผสมผสานสลับกับไม้ยืนต้นพื้นเมืองอื่นเพื่อสร้างความหลากหลาย รวมทั้งอาศัยการจัดการระบบน้ำหยดเข้าช่วย จนดินกลายเป็นดินดำ ทำให้ป่าอุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว และระหว่างรอให้ต้นไม้โตก็ได้ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ระหว่างแถวต้นไม้ควบคู่ไปด้วย โดยเลี้ยงโคเนื้อ แพะแกะ และรวมทั้งสัตว์ปีกจำพวกไก่ สุกรพันธุ์พื้นเมืองและการเลี้ยงผึ้ง นอกจากนี้ยังจัดตั้งระบบการเรียนรู้แบบโฮมสคูล เพื่อให้เด็กเรียนรู้จากของจริง”

ก่อนขึ้นรับรางวัลของตัวแทนแต่ละจังหวัด เจ้าภาพจะฉายสไลด์วิดีโอผลงานสั้นๆขึ้นจอ แล้วแต่ละท่านเดินขึ้นไปรับรางวัลกับองคมนตรี ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล รับรางวัลแล้วเดินไปที่โฟเดี้ยมเพื่อพูดความในใจสั้นๆ.. ผู้ดำเนินรายการมากระซิบว่าให้พูดสั้นๆ สั้นๆ ก็สั้นๆ..
“ท่านที่รัก มีคำถามเบาๆแต่เอาจริงว่า
มีเหตุผลอะไรที่เราไม่ช่วยกันแทนคุณแก่แผ่นดินนี้ ขอบคุณครับ”


(เปิดห้องเรียนให้กว้างๆแล้วจะเห็นทุกอย่างเป็นครู)

กลับมาถึงบ้าน มีครูอาจารย์จากโรงเรียนกนกศิลป์พิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์ นำขบวนโดยอาจารย์พันดา เลิศปัญญา พาเด็กๆมานอนเข้าค่ายศึกษาเรื่องศิลปะเพื่อธรรมชาติรอจำนวน50กว่าชีวิต ในช่วงที่ให้เด็กๆสอบถามข้อข้องใจ .. คำถามยอดฮิตที่ได้รับจากเด็กๆและผู้ที่มาเยี่ยม คือ

เ ค ย ท้ อ ไหมครับ?
เอาทุนมาจากไหน?
เอาแรงบัลดาลใจมาจากไหน?
ทำมากอย่างนี้ต้องดูแลยังไง?
ทำไมถึงมาเลือกปลูกสร้างสวนป่า?
ในอนาคตสถานที่นี่จะใครจะมารับช่วงทำต่อ?

ความฝันอันสูงสุดคืออะไร

มีคำตอบมากมายสำหรับคำถามเหล่านี้ บางคนมีปณิธานว่าจะใส่ใจทำงานให้บรรเจิด ตั้งเป้าประสงค์ที่จะทำความดีต่อช่วงความฝันให้บรรลุ แต่คนอีกส่วนหนึ่งก็ตีค่าความใฝ่ฝันให้ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ตระหนักว่าความฝันมีเครื่องหมายบวกและเครื่องหมายลบอยู่ด้วย ในความฝันมีทาง2แพร่ง จะแปลค่าความฝันให้ออกหัวหรือออกก้อยดีละครับ เมื่อไม่แน่ใจก็วิ่งโร่ไปหาหมอดูคู่กับหมอเดา

ถ้าคิดดีคิดได้ก็ทำความใฝ่ฝันให้เป็นปณิธาน ถ้าคิดไม่ได้คิดไม่ดีทำความฝันให้แปดเปื้อน แสดงว่าความฝันคงมีหลายกระบวนท่า บางคนฝันเตี้ยๆเรี่ยพื้นดิน บางคนฝันครึ่งๆกลางๆ ตีความเป็นลางร้ายลางดี เอาไปวิเคราะห์เป็นตัวเลขเด็ด สรุปได้ว่าความฝันกับความใฝ่ฝันยืนเคียงคู่กัน จะยกระดับให้สูงขึ้นหรือจะทำให้เตี้ยลงสาวะวันขึ้นอยู่กับ เ ร า จ ะ บ ริ ห า ร ค ว า ม ฝั น อ ย่ า ง ไ ร ? บางคนคิดทำเพื่อตนเอง แต่บางคนก็คิดเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นด้วย ความฝันอันสูงสุดจึงขึ้นอยู่กับการกระทำที่ทรงพลังของตัวเรา

ความฝันของมหาชีวาลัยอีสาน ต้องการหาวิธีเอาใบไม้ต้นไม้ปกคลุมผืนดินสีแดงๆตุ่นๆให้เหมือนสภาพผืนดินผืนป่าในอดีต จึงควานหารูปแบบที่จะนำมาส่งเสริมขยายผลที่เหมาะกับสภาพของสังคมปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่มุ่งแต่จะกอบโกยเอาประโยชน์จากป่าเขาลำเนาไพร ไม่ใคร่มีใครคิดที่จะมาช่วยกันเติมเต็มให้สภาพแวดล้อมธรรมชาติ ต้นทุนทางธรรมชาติ คือต้นทุนที่สำคัญของชาติ ชาติไหนธรรมชาติเปราะบาง สังคมนั้นๆก็จะอ่อนแออ่อนไหว หลังจากคิดสาระตะแล้วจึงเสนอ “โมเดลบุรีรัมย์”

ไม่ปลูกป่าแต่อยากจะอยู่ในที่อากาศดีๆมีทิวทัศน์สวยงาม
นอกจากจะไม่ลงทุนลงแรงช่วยฟื้นฟูธรรมชาติแล้ว
ใจคอตั้งหน้าแต่จะกอบโกย

เอาอย่างนี้ดีไหมครับ?
ใครอยากจะปลูกสร้างรีสอร์ท
ก็ควรวางแผนพัฒนาสภาพแวดล้อมในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ของตนเอง
อย่าก้าวล่วงมือยาวสาวได้สาวเอา
พวกมือยาวสติสั้นนี้น่ากลัวนัก
ใครพบเจอที่ไหนช่วยแนะนำให้กลับไปอยู่ในจุดที่ชอบๆด้วยเถิด

เท่าที่ปลูกต้นไม้มาพอสมควร มั่นใจว่าถ้าคนอีสานเข้าใจเรื่องการปลูกป่าหลายวัตถุประสงค์ อีสานบ้านผมจะฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ได้ภายใน10ปี ไม่นานเลยนะครับ ระหว่างที่รอเวลาป่าไม้เติบโต เราก็เก็บเกี่ยวประโยชน์จากร่มไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ มาเป็นรายได้ชุดเบิกนำ การทำการเกษตรที่เอื้อต่อธรรมชาติเป็นวงจร ทุกอย่างก็จะเชื่อมโยงกัน เช่น เปลี่ยนใบไม้มาเป็นอาหารสัตว์ เปลี่ยนใบไม้มาเป็นมูลสัตว์ เปลี่ยนมูลมาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ ทำไปทำมาก็จะเข้าใจเองละครับว่าความมั่นยืนคืออะไร จะเกิดการเปรียบวิธีทำงานแบบล้างผลาญสิ่งรอบข้าง กับการทำงานแบบเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ มีคนดีจำนวนมากพยายามพูดโน้มนำเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ภาพรวมของการเกษตรระดับรากหญ้าก็บอบช้ำจากการช่วงชิงผลประโยชน์

รู้จักหมูในอวยไหมครับ?
รู้จักหมูวิ่งชนปังตอไหมครับ?
รู้จักสุกรนั้นไซร้เป็นหมาน่อยธรรมดาไหมครับ?

เรื่องการเกษตรจะมาพูดกันอ้อมแอ้มไม่ได้หรอก กระทรวงศึกษาธิการจะต้องเข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดอย่างสำคัญ ถ้าเกษตรกรอยู่ไม่ได้ ลูกหลานเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างไร วิชาความรู้ที่สอนๆกันอยู่ในโรงเรียน เอามาใช้มาช่วยการงานพ่อแม่ได้ไหม ผมชื่นชมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนมานาน เขาบูรณาการหลักสูตรให้เข้ากับสภาพของสังคมพื้นถิ่น ให้เด็กๆได้ลงมือเรียนวิชาการงานอาชีพควบคู่กับวิชาสามัญฆาตกรรม แต่พอมาดูโรงเรียนในชนบทของเขตพื้นที่การศึกษา สอนบ้าอะไรก็ไม่รู้ เกณฑ์ให้ครูและเด็กเรียนแต่เรื่องไกลตัว เรียนวิชาทิ้งถิ่น ไม่มีสำนึกดีว่า จะผสานความรู้ในโรงเรียนกับความรู้ในท้องถิ่นให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างไร

• วิทยาลัยการอาชีพสอนอาชีพอะไร
• วิทยาลัยสารพัดช่างสอนช่างอะไร
• วิทยาลัยเกษตรสอนเกษตรอะไร
• วิทยาลัยเทคนิคสอนเทคนิคอะไร
• วิทยาลัยชุมชนสอนชุมชนอย่างไร
• การศึกษานอกโรงเรียนสอนวิชานอกโรงอย่างไร
• มหาวิทยาลัยราชภัฎ เป็นมันสมองท้องถิ่นได้แค่ไหน

ถ้าบทบาททางการศึกษายังคลำเป้าไม่เจอ ปริมาณของเกษตรกรอาจลดลงจนแทบสูญพันธุ์ได้ นโยบายการศึกษาทุกวันนี้คุมกำเนิดความก้าวหน้าของภาคการเกษตรกรรม ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะป้อนตลาดแรงงาน ทำเอาสังคมชนบทซวดเซอย่างหนัก ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว
การศึกษาไทยควรแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
1 กลุ่มที่อยู่ชายแดน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ควรเรียนหลักสูตรตำรวจตระเวนชายแดน
2 กลุ่มที่อยู่ในชนบทที่ไม่มีความพร้อมมากนัก เรียนหลักสูตรท้องถิ่นประยุกต์
3 กลุ่มที่อยู่ในเขตเมือง เรียนหลักสูตรปกติในปัจจุบัน

ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหลักการ ยังจะตะบี้ตะบันจัดการศึกษาแบบเหมาโหล พยายามตัดตีนให้พอดีกับเกือก มันไม่ทารุณไปหน่อยรึครับ ถามว่า..ผู้ปกครองต้องการให้ลูกเป็นเจ้าคนนายคน ไม่ต้องการให้ลูกเต้าตกระกรรมลำบากอยู่ในท้องไร่ท้องนาเหมือนตน จึงผลักไสไล่ส่งให้ลูกเข้าเรียนสูงๆ จะให้กระทรวงการศึกษาทำอย่างไร?
ไม่ผิดหรอกที่จะสนองความต้องการภาคประชาชน แต่การสนองความต้องการแบบไม่สมเหตุสมผล จำเป็นที่จะต้องจับเข่าบอกเล่าความเป็นจริงให้ญาติร่วมแผ่นดินได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ อีกไม่กี่ปีก็จะมีหุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์กันแล้ว เราจะเอาบัณฑิตไปกองไว้ที่ไหนละครับ

นโยบายที่สมบูรณ์แบบคือการจัดการศึกษาให้ทั้งสังคม
ไม่ใช่จะมาต๊อกๆอยู่แต่ในสถาบันการศึกษาเท่านั้น

มีเด็กไกลปืนเที่ยงรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาไปได้กี่คน เรามีเด็กที่ถูกสังคมกระทำบ้าๆบอๆจนกรุแทบแตก เรามีเด็กเกเรเกตุงหนักข้อขึ้นทุกวัน ปัญหาเหล่านี้มีวิธีแก้ที่หวังผลได้แล้วหรือ ไปอั้นวิทยาลัยเทคนิคไว้ไม่ยอมให้เปิดสอนระดับปริญญา จิกให้อยู่ในขั้นอนุปริญญา ความสำนึกของเด็กวัยร้อนทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ลึกๆ ถ้าให้เขาเหล่านี้ได้เรียนในระดับบัณฑิต บางทีรัศมีของวุฒิปริญญาตรี อาจจะทำให้เด็กเทคนิคปรับกริยามารยาทให้สมกับวุฒิภาวะของบัณฑิตก็ได้นะเธอ


ความเท่าเทียมกันทางการศึกษาอย่าจัดแบบปิดประตูตีแมวสิครับ..

นโยบายทางการศึกษาควรรื้อหลักสูตร ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องมีแผนกอบกู้วิกฤติทางภาคการเกษตร โดยจัดระบบการศึกษาและการส่งเสริมอาชีพให้เข้มข้นถูกทิศถูกทาง ให้ชาวไร่ชาวนามีรูปแบบการพัฒนาวิชาชีพที่ชัดเจน ใ ห้ วิ ท ย า ลั ย ต่ า ง ๆ เ อ า วิ ช า เ ข้ า ไ ป ห า อ า ชี พ ถ้าทำได้ครบถ้วนเป็นวงจร ความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นกับสังคมเกษตรและสังคมการศึกษา จะ ทำ ใ ห้ ภ า ค ก า ร ศึ ก ษ า ม อ ง เ ห็ น จุ ด โ ห ว่ ที่ จ ะ ต้ อ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ นื้ อ ห า ก า ร เ รี ย น เ น้ น ม า ส อ น เ ชิ ง รุ ก มุ่งสอนการปฏิบัติที่มีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูการงานอาชีพในพื้นที่ วิทยาลัยต่างๆก็จะเห็นช่องทางที่จะเข้าไปสอดแทรกความรู้ จัดเป็นหลักสูตรสนองต่อผู้ปกครองและลูกศิษย์ของตนเอง ถ้านึกไม่ออกลองไปศึกษางานในศูนย์ศีลปาชีพดอยตุง ที่สมเด็จย่าได้วางลู่ทางไว้ให้ ไปฟังเสียงชาวบ้านชาวดอยเขาพูดถึงวิธียกระดับความเป็นมืออาชีพได้อย่างไร แทนที่จะมางมโข่งสอนวิชาตกงาน ก็สอนวิชาสร้างงานไม่ดีกว่ารึ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ อย่าทำเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่เลย นึกว่าสงสารลูกหลานตาดำๆที่ทนเรียนแบบซังกะตาย


เด็กทุกคนต้องได้เรียน
เด็กทุกคนต้องได้รับการสนับสนุนเรียนฟรี
เร็วๆนี้เด็ก ป.1 ยังจะได้รับแจกแท็ปเลท
ลูกอีช่างแจกจริงๆเลยนะเนี๊ย..

ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเป็นอย่างไรไม่กล้ากระเอม
การวัดประเมินผลแต่ละกลุ่มวิชาเป็นอย่างไรได้แต่กลอกหน้า
เรื่องนี้โทษครูโทษโรงเรียนไม่ได้หรอก
ต้องพิจารณาต้นตอที่ใจคอจะจัดการศึกษาดำน้ำไปเรื่อยๆ
บทนี้ทำท่าจะเป็นหนังเรื่องยาว
ท่านราชบัณฑิตเมธีทางการศึกษา ศ.สุมน อมรวิวัฒน์
บอกว่า..ครูบาทำไมไม่พูด
จะยกยอดไปอีกหนึ่งกระทอกจะดีไหมนี่?

เอ๊ะ เขียนอย่างนี้น่าจะได้รางวัลปาก-มาอีกสักอย่างนะเธอ

อิ อิ..

« « Prev : หนังสือที่น่าจะฝากแม่ยาย

Next : จดหมายคุณย่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.084248065948486 sec
Sidebar: 0.086621046066284 sec