คนรุ่นเก่าเอาหัวใจมาแปะกัน

อ่าน: 2306

วันนี้สวนป่าค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่ง เมื่อขบวนปราชญ์ชาวบ้านอีสานชวนสมาชิกจากหลายจังหวัดนับร้อยคนเศษ เดินทางมาเยี่ยมยามถามข่าว เป็นบรรยากาศเก่าๆที่เคยต้อนรับคณะชาวบ้านที่แข็งขัน ร่วมกันเรียนรู้สืบทอดกันมานาน แทบจะเรียกว่าเป็นตำนานของคนเดินดินดิ้นรนแสวงหาทิศทาง อยู่รอด อยู่ดี อยู่ได้ ตามอัตภาพที่วาดฝันใหม่ ที่จะให้สังคมรากหญ้ามีจุดหมายปลายทางที่อบอุ่น อยู่กันอย่างร่วมทุกข์ร่วมสุข มีเวลาที่จะใคร่คราวญทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม ลงขันความรู้ความคิดสืบเนื่องกันมาเป็นสิบๆปี ก็มีบ้างที่จอมยุทธร่วงโรยไปตามอายุไข ที่อยู่ก็ปลุกปั้นรุ่นใหม่ๆขึ้นมา ขยายวงออกไปสู่เครือข่ายภายนอกมากขึ้น เช่น เครือข่ายพระสงฆ์ที่มีอุบาสกอุบาสิกา ผู้สูงอายุได้ใช้เวลาบั้นปลายเดินทางไปลงแขกทางวัฒนธรรมอีสาน

อ่านต่อ »


คิดง่ายๆทำเบาๆแต่เอาจริงนะเธอ

2 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 9 สิงหาคม 2011 เวลา 11:34 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1501

หลังกลับจากกรุงจีน

ก็เห็นว่าการที่จะเดินทางไปไหนมาไหนจะต้องมี ห นั ง สื อ เ ดิ น ท า ง

ก็มาคิดต่อว่า..ถ้าเราช่วยกันทำ ห นั ง สื อ อ อ ก เ ดิ น ท า ง จะดีไหม?

บ้านเมืองเราพูดกันมากเรื่องคนไทยไม่อ่านหนังสือเท่าที่ควร

ถึงกับจัดสัปดาห์ส่งเสริมการอ่าน

แต่ก็นั่นแหละ..ยังอ่านและเขียนกระท่อนกระเแท่นเต็มที

อ่านก็ไม่อ่าน เขียนก็ไม่เขียน

เมื่อจะมาทำการบ้าน-ทำวิทยานิพนธ์..ก็บ่นๆๆและบ่นว่า..คิดและเขียนไม่ค่อยออก โถ ! จะเขียนออกยังไงละหล่อนในเมื่อต้นทุนต่ำทั้งการอ่านและเขียน สิ่งที่อาจารย์สั่งให้ทำก็ขึ้นอืดนะสิ ไปๆมาๆก็งอแงพาลหาเรื่องโบ้บบ้ายไปต่างๆนานา ผมก็มาคิดว่า..ชาวเฮน่าจะทำโครงการหนังสือออกเดินทางน่าจะดีไหมนะ.. เท่าที่ผ่านมาผมได้รับหนังสือดีๆจากสายญาติชาวเฮหลายเล่ม จากอุ้ย ครูอึ่ง ลูกหว้า จากอาจารย์ไพลิน จากรอกอดส์ จากอาจารย์สุรีย์ ธรรมิกบวร จากอาจารย์ระพี สาคริก จากท่านจอมป่วน จากอาจารย์ไร้กรอบ จากท่านบางทราย อาจารย์นฤมล ปราชโยธิน จากท่านจอหงวน ล้วนแต่เป็นหนังสืองดีๆทั้งนั้นนนน ถ้ า ไ ม่ มี เ พื่ อ น ที่ รั ก ก า ร อ่ า น ส่ ง ม าใ ห้  ไหนเลยเราจะได้รู้จักได้อ่านหนังสือที่วิเศษสุดเหล่านี้ แต่ละเล่มถือว่าเป็นวาสนาที่ได้อ่าน อ่านแล้วก็ปลื้มอยู่คนเดียวที่ได้พบความรู้ความสุขจากการอ่าน

อ่านแล้วจะทำยังไงต่อละ..

ผมก็มาคิดว่าหนังสือดีๆเหล่านี้ถ้าเดินทางไปถึงคนที่เรารู้จัก

และอยากให้เขาได้อ่านบ้าง

ทำไม ผมไม่ส่งหนังสือดีๆเหล่านี้ให้ออกเดินทางจากสวนป่าละครับ

ดีกว่าที่จะมาทิ้งอยู่ในตู้ยั่วปลวกให้มาแทะ

อย่ากระนั้นเลย..เอาหนังสือดีๆเหล่านี้ที่กองอุดอู้อยู่ในตู้

เราเอามาจัดส่งทางไปรษณีย์ไปให้คนโน้นคนนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาล

ค่าส่งก็ไม่กี่สตางค์หรอกนะเธอ

ถือว่าเป็นการทำบุญ ..และเดินเครื่องเรื่องจิตอาสาเชิงรุก

ช่  ว ย ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร อ่ า น ค น ล ะ ไ ม้ ล ะ มื อ

จำได้ว่า.. ป้าหวานเคยเกริ่นเชิญชวนให้ชาวเราแลกหนังสือกันอ่าน  โครงการนี้ก็ใกล้เคียงกันนะป้า..เพียงแต่ว่าส่งไปให้แล้วให้เลย คนที่ได้รับได้อ่าน เมื่ออ่านเสร็จแล้วก็ช่วยส่งต่อให้เพื่อนให้ญาติให้คนที่รักการอ่านได้อ่าน เ มื่ อ ท่ า น ใ ด อ่ า น แ ล้ ว ก็ ส่ ง ต่ อ ๆ   กั น ไ ป  หนังสือเล่มนี้ก็จะออกเดินทางไปเรื่อยๆ ผ่านมือ ผ่านตา ผ่านใจ ไปสักเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ ..ในสภาวะที่การศึกษาถูกกล่าวหาว่าโหลยโท้ย เราจะนิ่งดูดายก็ใช่ที่ คงมีหลายวิธีที่จะช่วยเหลือกันผดุงการศึกษานอกระบบหรืออิงระบบ แต่ในชั้นนี้คิดได้แค่นี้ก็ขอลงมือทำ ในปกหนังสือควรจะบันทึกจดหมายน้อยบอกกล่าวกันหน่อย  ยกตัวอย่าง จะส่งหนังสือให้อุ้ย ผมก็จะเขียนว่า..

สวนป่าสนามชัยบุรี

E-mail : sutthinun 2...@hotmai.com

13 สิงหาคม 2554

เรื่อง    โครงการหนังสืออกเดินทาง

เรียน   อุ้ยสร้อยที่รักและคิดถึง

อุ้ยเคยส่งหนังสือแปลเกี่ยวกับเรื่องการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายของศาตราจารย์ท่านหนึ่ง ที่ท่านกล่าวถึงเรื่องราวตนเองว่าทำอะไรไปบ้าง บัดนี้จวนจะถึงวาระต้องกลับไปสวรรค์ด้วยสาเหตุที่ไม่อาจจะต่ออายุไขได้ จึงขอแสดงความในใจเป็นครั้งสุดท้ายให้นิสิตทั้งมหาวิทยาลัยฟัง หนังสือเล่มนี้ร้อยเรียงเรื่องราวสะกดคนอ่านจนวางไม่ลง ผมอ่านแล้วชอบมาก ทำให้คิดถึงคนที่ชอบอ่านชอบเขียนชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ จึงขอส่งหนังสือนี้ทำนองนี้มาให้อุ้ยลองอ่านบ้าง อ่านแล้วกรุณาช่วยส่งต่อๆไปให้คนที่อุ้ยเห็นควร โดยบันทึกต่อท้ายว่า..อุ้ยได้อ่านแล้วจึงขอส่งให้คุณ… เมื่อคุณอ่านแล้วกรุณาส่งต่อๆไปด้วย..

ช่วงนี้ยังอยู่บางกอก บ่ายนี้จะไปดูน้ำโขงท่วมตลิ่งที่ฝั่งลาว

อีก2-3 วัน กลับบ้าน

ก็จะคัดหนังสือออกเดินทางส่งให้คนที่รักการอ่านทั่วราชอาณาจักร

ค่อยๆทำไปตามกำลังทรัพย์

ตามที่พระท่านว่า..ใ ห้ ปั ญ ญ า เ ป็ น สุ ด ย อ ด ข อ ง ก า ร ใ ห้ ทั้ ง ป ว ง

ประมาณวันที่ 14-15 เดือนนี้จะตะแล๊ดแต๊ดแต๋ไปเชียงใหม่-ลำพูนอีกคราหนึ่ง

ขาใหญ่ติดใจสะเต๊กที่ร้านอุ้ยแนะนำคราวก่อน

ถ้าอุ้ยว่างก็ช่วยนัดขาเก่าไปดวลกันอีกสักมื้อหนึ่ง อิ อิ..


ด้วยความระลึกถึงเสมอ


สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์


ไม่รู้ภาษาเหมือนบ้าใบ้

อ่าน: 2434

(รถจอดเป็นตับเข้ารอคิวตามป้ายเส้นทางบริการแต่ละจังหวัด)

เร็วๆนี้มีรายการที่จะเมืองนครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 200 กม.เศษ ระยะทางขนาดนี้ได้รับการแนะนำว่านั่งรถตู้ประจำทางสะดวกมาก ตรงไปที่โรงหนังเซ็นจูรี่ใกล้ๆกับซอยรางน้ำ จะมีรถตู้วิ่งบริการออกจากบางกอกยั๊วเยี้ยทั้งวัน ไปถึงก็จริงๆด้วย มีรถตู้จอดเป็นตับ เข้าไปติดต่อซื้อตั๋วนั่งรอไม่ถึง 10 นาทีรถก็ออก ผู้โดยสารเต็มไม่เต็มก็เผ่นตามเวลา ระบุที่นั่งได้ด้วยนะ นั่งสบายๆ14ที่นั่งไม่ต้องเบียดกันให้อึดอัด การเปิดบริการด้านนี้ช่วยเปิดทางเลือกให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ไม่ต้องไปแออัดนั่งรถโดยสารประจำทางอีกต่อไป คุยกับผู้สันทัดกรณีได้ความใจความว่า ผู้รับสัมประทานเส้นทางจะต้องยุบรถโดยสารประจำทาง1คันมาแลกกับรถตู้ 3 คัน รถตู้เหล่านี้ใช้แก๊สธรรมชาติทำให้ประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงลงได้ถึง3เท่า

(ผู้โดยสารเต็มไม่เต็มถึงเวลาก็ต้องออกเดินทาง)

ราคารถคันละ 1,300,000 บาท

ค่าคนขับได้รับเที่ยวละ200 บาท วันหนึ่งวิ่งประมาณ 3 เที่ยว

ค่าน้ำมันกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ ไป-กลับ ประมาณ 4-500 บาท

ค่าโดยสาร ขาไป 150 บาท ขากลับ 170 บาท

ค่าสัมประทานเส้นทาง..ไม่ทราบ

ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งถึง3ชั่วโมง

รถออกทุก 1 ชั่วโมง

(รถจะจอดเติมก๊าซ ประหยัดค่าน้ำมันได้3เท่า )

รถตู้ดังกล่าวนี้มีหลายบริษัทนะครับ จอดอยู่ตามย่านต่างๆ แม้แต่ในตัวจังหวัดนครสวรรค์ก็มีหลายเจ้าให้เลือก ถ้าเราจะเดินทางออกจากบางกอกทุกเส้นทางทั่วประเทศในระยะ200-250 กม. ลองใช้บริการดูนครับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผมเพิ่งไปทดลอง ชอบมากขอบอก แถมตอนที่จะลง..ถ้าไม่ไกลออกนอกเส้นทางนักโชเฟอร์ก็จะใจดีส่งถึงที่ หรือไม่ก็แวะส่งจุดที่เราต่อรถได้สะดวก เท่าที่สังเกตมีผู้ใช้บริการกันมาก เข้าทำนอง..เ ข า รู้ กั น ตั้ ง น า น แ ล้ ว ล ะ ลุ ง  !  อิ  อิ..

(สถานีรถไฟปลายทางที่เราลงรถ)

ถ้าจะพูดถึงการสัญจรแบบจำไม่ลืมต้องไปขึ้นรถไฟของประเทศจีน จีนพัฒนาการคมนาคมมวลชนได้อย่างกว้างขวาง รถไฟใต้ดินมีอยู่ทุกเมือง ทำให้ลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนได้อย่างมาก แม้แต่เมืองขนาดใหญ่อย่างเผวียงไฮ้ ปริมาณรถยนต์ก็ไม่หนาแน่นเท่าบางกอกของเรา รถยนต์ยังวิ่งไปคล่องพอสมควร ส่วนการเดินทางระหว่างเมือง จีนสร้างถนนหนทางได้มาตรฐานพุ่งออกไปทั่วประเทศ การเดินทางโดยรถทัวร์ รถประจำทางสะดวกไม่แพ้ประเทศอื่น โดยเฉพาะรถไฟถือว่าจีนก้าวหน้าไปอย่างมาก มีเส้นทางรถไฟยาวที่สุดในโลก ไม่ยาวเฉยๆนะครับ ยังมีเส้นทางคู่ขนานรางกว้าง รถไฟวิ่งด้วยความเร็วหลายระดับ  120 กม.-140 กม.-320 กม. เลือกได้ตามความประสงค์

(นั่งมองจันทร์ผ่านหน้าต่างรถไฟ)

การเดินทางด้วยรถไฟระยะทางนับพันกิโลเมตรข้ามวันข้ามคืน ถ้าไม่นั่งๆนอนๆไปก็สาหัสเหมือนกันนะครับ ราคาตู้นอนแต่ละชั้นก็แตกต่างออกไป ชั้นล่างใครๆก้ต้องการ ถ้าไม่ได้ขอชั้นกลางก็ยังดี แต่ถ้าจำเป็นได้ที่นอนบนสุดก็แย่หน่อย เพราะอยู่ห่างจากหลังคาไม่มาก ไม่สามารถนั่งชมวิวได้ ขึ้นไปต้องนอนคดคู้อย่างเดียว แต่เขาก็มีที่นั่งข้างทางเดินให้ลงมายืดเส้นยืดสายชมวิว ง่วงเมื่อไหร่ก็ป่ายปีนขึ้นไปนอน

รถไฟจีนวิ่งนิ่มนอนสบาย

ไม่กระฉึกกระฉักให้สะดุ้งแทบตกเตียง

ข้อเสีย : จีนสูบบุรีกันควันโขมง..

เช้าๆ..ยังมีรายการเสริฟ์อาหารร้อนๆ

และมีกระติ๊กน้ำร้อนให้ใช้ตลอดเส้นทาง

ผมออกไปเดินยืดเส้นยืดสายที่ตู้อื่น

กลับมามองหาที่นอนของเราไม่เจอ

ตอนไปเขายังไม่เอาม่านลง..

จึงยืนงง..ที่นอนเราอยู่ตรงไหนหว่า..

ไม่รู้จะถามใคร แล้วทำยังไงละ..

เดินเปิดม่านโน้นม่านนี้..อาเฮีย อาเจ๊ ร้องไอ๊หย๊า!!

ก ว่ า จ ะ เ จ อ ที่ น อ น ตั ว เ อ ง ก็ เ ห งื่ อ ต ก. .

วิบากกรรมยังไม่จบเท่านั้นนะเธอ

ช่วงกลางคืน..ทุกคนนอนหลับไหล

เจ๊ใหญ่นอนเตียงบนสุด

หมวยเล็กนอนเตียงกลาง

ผมนอนเตียงล่างสุด

หมวยเล็กขึ้นๆ-ลงๆเตียงทั้งคืน

เธอมองมาที่ผม..คงอยากจะชวนคุย..

แต่ไม่รู้ภาษากัน..ได้แต่ทำมือแบ๊ะๆ..

มูลเหตุมาจากเจ๊ใหญ่นะสิครับ

แกกรน..ดังม๊ากกก..เสียงรถไฟยังเบากว่าเสียงคร๊อกฟี๊เจ๊

ผมอยู่เตียงล่างไม่กระไรนัก..นั่งชมจันทร์เสี้ยวที่วิ่งไล่รถไฟ

แต่หมวยเล็กนะสิ เ ธ อ ค ง ท ร ม า น ม า ก . .

..จ ะ ห า ค น คุ ย ด้ ว ย สั ก ค น ก็ ทั้ ง ย า ก . .

โลก หนอ โลก ..


ผักส่วนตัวสวนครัวรอบบ้าน

อ่าน: 4511

บทที่ 3 สวนผักส่วนตัว

เมื่อวานนี้ได้ต้อนรับอาคันตุกะที่ตรงกับหัวข้อนี้ เธอไปทำงานในยุโรปหลายสิบปี กลับมาเมืองไทยรับหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ของสายการบินหนึ่ง ขยันขันแข็งทำงาน เป็นหนูถีบจักรที่รับผิดชอบจนเป็นที่ชื่นชมของบริษัท ทำงานดีรายได้ก็ย่อมงอกเงยดี แต่พอพิจารณาถึงคุณภาพชีวิตและสังคม พบว่าเพื่อนรักคนที่รู้จักล้มหายตายจากไปที่ละคนสองคน ผักที่ซื้อรับประทานทุกวันก็พบว่าปนเปื้อนสารพิษสารเคมี เกิดฉุกคิดว่า..เราจะบริหารชีวิตให้สมดุลและปกติสุขได้อย่างไร เงินทองก็ไม่เดือดร้อนแล้ว ยังจะมาบ้าจำเจง๊อกๆอยู่กับที่อย่างนี้ไปอีกทำไม

ว่าแล้วก็ลาออกจากงาน

กลับไปอยู่บ้านหลังใหญ่อายุ100ปี ที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

ตั้งใจว่าจะอยู่อย่างสงบสบาย

อยากจะปลูกผัก ทำกับข้าว ติดโชคอัพให้ชีวิต

อยู่กับสายลม-แสงแดด-น้ำหมอกน้ำค้างบ้าง

แ ต่ ไ ม่ รู้ ว่ า จ ะ เ ริ่ ม ต้ น อ ย่ า ง ไ ร

นี่ คื อ โจทย์ที่คุณอาของเธอพามาที่นี่

(แบ่งปันพันธุ์ผักไปปลูกที่หางดง )

อาจารย์ศุภชัย พงศ์ภคเธียร คุณอาของเธอสอนมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นแกนสำคัญในการตั้ง โ ร ง เ รี ย น สั ต ย า ไ ส จังหวัดลพบุรี เป็นกรรมการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา แถมยังเป็นนักศึกษาโค่ง สสสส.1 ร่วมกันอีกต่างหาก อาจารย์ติดต่อไว้หลายครั้งแต่วืดทุกที ช่วงที่ชาวสสสส.1 มาบุกสวนป่า อาจารย์ก็แห้วเพราะมีงานโป๊ะเช๊ะ คราวนี้หลานสาวสนใจจะปลูกผักเพื่อบริการกระเพาะตัวเอง จึงชวนกันดั้นด้นมาสนทนาพาที ทั้งคู่เป็นชาวมังสะวิรัติ มื้อเย็นจึงชวนรับประทานผักเป็นพื้น โฉมยงต้มเห็ด ผัดสารพัดผักให้ชิม หลังจากคุยกัน ทราบว่าคุณหลานมีพื้นที่จะทำการปลูกผักอยู่ที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อมที่จะปลูกได้อย่างสะดวกโยธิน เพียงแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง

ทั้งคู่ตื่นแต่เช้ามาเดินฟังเสียงนกเขาป่าขันคู ผมตื่นแล้วติดตามมาชวนชี้ชมให้ดูแปลงเกษตรแปลงผักแบบมั่วๆของที่นี่ บังเอิญช่วงฝนอย่างนี้มีผักพื้นถิ่นผักยืนต้นพื้นบ้านแตกช่อออกดอกออกเถาว์พันกันยั้วเยี้ย เดินไปตรงไหนก็เจอแต่ผักๆๆ ส่วนมากคนกรุงไม่รู้จัก ถึงเราจะบอกว่า..ไอ่นั่นก็กินได้ไอ่นี่ก็อร่อย ..ผมบอกว่าที่นี่ไม่มีแปลงผักสวยๆงามๆเรียบร้อยเหมือนที่อื่น ที่ดูรกเรื้อนี่แหละคืออาหารปลอดสารพิษทั้งนั้น

ปัญหาอยู่ที่..

ทำอย่างไรจะรู้จัก รู้รส รู้วิธีรับประทาน

ทำอย่างไรจะรู้นิสัยของผักแต่ละชนิด

ทำอย่างไรจะรู้วิธีปลูก วิธีบำรุง วิธีดูแล

ปัญหาเบื้องต้นอย่างนี้แก้ง่าย สงสัยประเด็นได้ก็ต้องลงมือทำ จึงชวนคุยเรื่อง “ความสุขที่ชิมได้” การออกแบบแปลงปลูกผักในที่จำกัดแตกต่างกับการปลูกผักในพื้นที่กว้างๆ ถามว่าเธอชอบรับประทานผักชนิดไหนมากที่สุด ก็เหมือนคนเมืองทั่วไปนี่นแหละ ผักสลัด-บล๊อกเคอรี่-ผักกาด-ผักคะน้า-ผักบุ้ง-ถั่วฝักยาว-มะเขือ-แตงกวา-มะเขือเทศ เธอพยายามมองหา.. ไม่เห็นมีสักกะอย่าง จะเห็นอย่างไรละครับในเมื่อเราไม่ได้ปลูก ผักตามฤดูกาลพวกนั้นเราจะปลูกบ้างในช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ช่วงฝนชุกอย่างนี้สวนป่ามีผักพื้นถิ่นเหลือเฟือ เจี๊ยะหน่อไม้ หัวปลี ผักเม็ก ผักตำลึง ตะลิงปิง มะเขือเปรอะ มะเขือพวง บวบ พริก ขมิ้นขาว เห็ดละโงก ยอดโสม ยอดอ่อมแซบ ยอดผักโขมจีน ยอดและดอกมะรุม ยอดเพกา ยอดมะตูม ยอดมะกอก ยอดเสาวรส ยอดขี้เหล็ก ยอดสะเดา ยอดชะอม ยอดมะยม ยอดมะระขี้นก ถั่วงู ถั่วพู น้ำเต้า ฯลฯ

(รอกอดส์แนะให้ปลูกเผือกปลูกมัน กอสูงใหญ่กว่าของเมืองจีนเสียอีก)

ที่นี่มีปุ๋ยมูลโคมากมายไปใส่ไปปลูกผัก

ผักที่นี่จึงงอกงาม ต้นเผือกสูงใบใหญ่ที่สุดในโลก

ผักเหล่านี้เลี้ยงทั้งคน ทั้งแพะ และโค

โฉมยงจัดเมนูทุกมื้อเธอได้ชิมผักพื้นถิ่น

ได้คุยถึงผักพื้นบ้าน

เธอสนใจมะสัง เผือก จึงแบ่งพันธุ์ไปให้ปลูก

(แม่แพะท้องใหญ่คลอดลูก 3 สาว ตายไป1เหลือ2สาวน้อยแข็งแรงดี)

เรื่องอย่างนี้มันต้องสะสมไปเรื่อยๆ ถ้าเราตั้งใจตั้งเข็มทิศให้ถูก อีกหน่อยผักสารพัดชนิดก็จะเพิ่มขึ้นตามที่ตั้งใจ ปลูกผักเป็นกิจกรรมที่คนเมืองควรจะได้มีโอกาสปลูกกันบ้าง จะได้ตระหนักว่าอาหารที่เรารับประทานแต่ละมื้อนั้น ถ้าจะให้แน่ใจก็ต้องเป็นผักที่เราลงมือปลูกเอง เธอถามถึงเรื่องโรคแมลง การป้องกัน วิธีดูแลผัก ผมบอกว่าที่นี่ไม่มีแมลงตัวไหนดื้อดึงมารุกรานผักของเรา เห็นไหม เดินๆๆดูมาตั้งนานมีแมลงตัวไหนมากินผักพื้นบ้าน ถ้าเราเข้าใจเพื่อนร่วมโลก อยู่ด้วยกันแบ่งปันได้ ผักที่แมลงรบกวนนิดหน่อย ถือว่าเป็นการวิเคราะห์ความปลอดภัยให้เราได้เป็นอย่างดี ผักสวยๆในตลาด ไม่ต่างอะไรก็อาหารอาบสารพิษ

(ตอตาลเอามาทำเป็นกระถางปลูกผักนานาชนิดเก๋ไก๋ไม่เบา)

หลังเธอกลับไป 1วัน รุ่งขึ้นผมออกแบบปลูกผักรอบบ้านแบบใหม่ จะได้อธิบายให้คนเมืองเข้าใจง่ายๆ  บอกให้คนงานเอาตอตาลที่ตัดทิ้งไว้ปีที่แล้ว ปล่อยให้ปลวกและด้วงช่วยกันเจาะใส้ในให้กลวง ถ้าเราจะเจาะเนื้อตาลตอนสดๆทำยากมาก แต่ยืมพลังแมลงจัดการอย่างนี้สบายแฮ โพรงตอตาลท่อนไหนที่เล็กๆเบาๆเราก็เอาไปทำกล่องเลี้ยงผึ้ง พวกใหญ่บึกบึนก็เอามาเรียงเป็นแถว เอาดินผสมปุ๋ยใส่ให้เต็มเนื้อที่ข้างใน หลังจากนั้นก็เอาผักสารพัดชนิดมาปลูก มีทั้งหมดร้อยกว่าท่อน คงครบเครื่องครบครันผักให้เดินเด็ดชิมสบายๆ กลางหนาวที่นี้ผักที่ว่าก็จะแตกกอออกดอกออกผลแล้วละครับ

ตอนนี้อยากจะชิมผักชนิดไหนบอกได้

พรุ่งนี้ก็จะทยอยปลูกแล้วนะจ๊ะ

อ่านหนังสือเมื่อคืนนี้ ผู้สันทัดกรณีบอกว่า ถ้าเครียด ถ้าโกรธ ถ้าเหงาเศร้า จะส่งผลกระทบต่อกลไกภายในร่างกาย ที่ไม่เจ็บป่วยก็อาจจะปั่นป่วน ที่ป่วยร่อแร่ก็มีแต่จะทำให้อาการทรุดหนักได้ ดูพฤติกรรมในลานปัญญาก็เห็นว่าพวกเรามีทางออกแตกต่างกันไป บางคนก็โอดครวญเป็นวรรคเป็นเวร บางคนก็มีเรื่องกระดี๊กระด๊าทำทั้งปี บางคนก็ยุ่งกับภาระกิจหน้าที่ งานนอกงานใน โดยภาพรวมแล้วก็เห็นว่าน่าจะพอไปวัดไปวา ยังไม่อิดหนาระอาใจกับสภาพการเมืองตอหลดตอแหลจนกินไม่ได้ถ่ายไม่ออก

ความปกติสุขในบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ

ท่ามกลางการแข่งกันแหกค่ายมฤตยูของวิกฤติเศรษฐกิจและสังคมโลก

บ้านอื่นเมืองอื่นเขาร่วมกันสร้างบ้านแปงเมือง

แต่บ้านเรายังสาละวนสาละวันเตี้ยลง

เวียดนามแซงหน้าไทยไปแล้ว ลาวกำลังตามมาติดๆ

ไทยนั่งเกาหิด สะเก็ดกระจายว่อน


“ในสังคมที่เป็นอยู่นี้ ไม่อาจหวังว่าจะทำการใด ให้กระแสตัณหาเหือดหายไปได้ หรือจะให้วิถีของฉันทะขยายขึ้นมาเป็นใหญ่ สิ่งที่พึงทำคือเพียงดุลไว้ไม่ปล่อยให้กระแสตัณหาท่วมท้นไหลพาไปลงเหว และคอยส่งเสริมวิถีแห่งการสนองฉันทะให้ดำเนินไปได้ ..สิ่งที่ต้องทำตลอดเวลาคือ ความไม่ประมาทในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้ก้าวหน้าไปในการพัฒนาความสุข”

พรพรหมคุณาภรณ์

ติดตามข่าวนกเตนเอาฝนมาทิ้งบ้านเรา

ทราบว่าทางภาคเหนือตกน้ำป๋อมแป๋ม

แต่ทางอีสานใต้ท้องฟ้ามืดครึมเฉยๆ

ฝนตกแต่ละทีชำระฝุ่นสกปรกที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ใบหญ้า

ทำให้อากาศสะอาด ชุ่มชื่นร่มเย็น

แ ต่ ฝุ่ น ผ ง ที่ ป ก ค ลุ ม สั ง ค ม บ้ า น เ มื อ ง เ ร า ม า เ ป็ น เ ว ล า น า น

มิ รู้ ที่ จ ะ เ อ า น้ำ ย า อ ะ ไ ร ไ ป ชำ ร ะ ล้ า ง ใ ห้ ส ด ใ ส แ ว ว ว า ว

สงสัยต้องขดคู้อยู่แบบตัวอ่อนด้วงเสียกระมัง

key word : ยามหนุ่มแน่นชวนแฟนปลูกต้นไม้

แก่เฒ่าไปจะได้เห็นผลต้นไม้โตร่มรื่น

: ยามวันชรา ชวนคุณป้าปลูกผักล้มลุก

จะได้สนุกกับการเก็บผักมาชื่นชิม


เศรษฐกิจพอเพียงสไตล์จีน

9 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 29 กรกฏาคม 2011 เวลา 8:16 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 9857

บทที่ 2 เศรษฐกิจพอเพียงตำหรับเมืองซัวเถา

(แปลงผักสวนครัวข้างบ้าน)

ดังที่บอกไว้ว่าเมืองจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลนัก การที่จะหยิบเรื่องหนึ่งเรื่องใดมาบอกเป็นเรื่องยาก เอาเป็นว่าเล่าเฉพาะพื้นที่ๆไปพบเห็น ไม่สามารถที่จะเอาไปอธิบายภาพรวมของจีนทั้งหมดได้ เอาแค่จุดเล็ก ๆ ตามที่ตั้งใจไว้ว่าอยากจะไปดู การทำมาหากินภาคการเกษตรของเกษตรกรจีนรายย่อย เขามีกระบวนการทำงานกันอย่างไร จุดที่ไปเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากเมืองซัวเถาประมาณ 80 กิโลเมตรไป 4-5 หมู่บ้าน ชื่อจำยากเขียนยากจึงขอแขวนไว้ เอาสิ่งที่พบมาโม้ก็แล้วกันนะเธอ

อ่านต่อ »



Main: 0.059060096740723 sec
Sidebar: 0.086140871047974 sec