คนรุ่นเก่าเอาหัวใจมาแปะกัน
วันนี้สวนป่าค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่ง เมื่อขบวนปราชญ์ชาวบ้านอีสานชวนสมาชิกจากหลายจังหวัดนับร้อยคนเศษ เดินทางมาเยี่ยมยามถามข่าว เป็นบรรยากาศเก่าๆที่เคยต้อนรับคณะชาวบ้านที่แข็งขัน ร่วมกันเรียนรู้สืบทอดกันมานาน แทบจะเรียกว่าเป็นตำนานของคนเดินดินดิ้นรนแสวงหาทิศทาง อยู่รอด อยู่ดี อยู่ได้ ตามอัตภาพที่วาดฝันใหม่ ที่จะให้สังคมรากหญ้ามีจุดหมายปลายทางที่อบอุ่น อยู่กันอย่างร่วมทุกข์ร่วมสุข มีเวลาที่จะใคร่คราวญทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม ลงขันความรู้ความคิดสืบเนื่องกันมาเป็นสิบๆปี ก็มีบ้างที่จอมยุทธร่วงโรยไปตามอายุไข ที่อยู่ก็ปลุกปั้นรุ่นใหม่ๆขึ้นมา ขยายวงออกไปสู่เครือข่ายภายนอกมากขึ้น เช่น เครือข่ายพระสงฆ์ที่มีอุบาสกอุบาสิกา ผู้สูงอายุได้ใช้เวลาบั้นปลายเดินทางไปลงแขกทางวัฒนธรรมอีสาน
ผมได้รับการแจ้งข่าวล่วงหน้าจากสมาชิกเครือข่าย บอกว่าคุณหมออภิสิทธิ์-คุณหมอทานทิพย์จะบุกสวนป่าในวันนี้ ก็พยายามเคลียคิวให้ว่าง และกำหนดเนื้อหาคร่าวๆไว้ในใจว่าจะจัดรูปแบบอย่างไร สงสัยว่าจะเคยอยู่ด้วยกันนาน จึงทายใจถูก เมื่อคณะเข้ามานั่ง โยนไมค์ให้คุณหมอทานทิพย์ กล่าวแนะนำผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งเก่า-ใหม่ที่มาร่วมสังคายนาความหลังครั้งนี้ หลังจากได้ไมค์กลับมากล่าวต้อนรับ คำถามแรกที่ต้องตอบคือเรื่อง “สุขภาพ” เพราะเป็นมูลเหตุหลักที่ทำให้ไม่ค่อยได้ไปร่วมประชุมปราชญ์ชาวบ้านมานานพอสมควร ทำให้ความห่วงใยพอกพูนขึ้นเรื่อย จนกระทั้งมาแตกดังโพล๊ะในวันนี้
ผมเล่าถึงการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ
การรักษาแพทย์สมัยใหม่ที่ฉีดยากินยาจนห่อเหี่ยว
เล่าหยาบๆว่าประมาณไหน ผลเป็นยังไง
สรุปว่าโรคไม่หาย ก็ไม่เป็นไร
เ มื่ อ เ ชื้ อ โ ร ค มั น อ ย า ก อ ยู่ เ ป็ น เ พื่ อ น ก็ ใ ห้ อ ยู่ ฟ รี
งดยาแผนปัจจุบันมากินใบไม้ใบหญ้าแทน
ดู แ ล ใ จ อ ย่ า ใ ห้ วิ ต ก จ ริ ต
ใช้เวลาหาความความรู้ความคิดใหม่
อยากไปไหนก็ไป อยากเที่ยวไหนก็เที่ยว
ไปไหนมาก็พบว่าได้ประโยชน์ได้ความนึกคิดงดงาม
(พ่อผาย สร้อยสระกลางเรียกมาเป่ากระหม่อม เพี้ยงๆๆๆ)
ประเด็นที่สอง ตอบคำถามว่าที่ว่า บัดเดี๋ยวนี้ทำอะไรเกี่ยวกับงานที่เรียนและทำนอกระบบที่ผ่านมา จากวันโน้นมาถึงวันนี้ ก็จะสรุปบทเรียนแบบขมวดประเด็นเป็นกลุ่มงานต่างๆ โดยมีแนวคิดว่าจะประมวลแบบ ซ.ต.พ. เช่น ปลูกต้นไม้ อยู่กับใบไม้ใบหญ้า สิ่งที่ลงมือทำ พอที่จะหยิบยกเอาส่วนที่ยึกยือมาทำให้กระชับและชัดเจนขึ้น เมื่อก่อนเคยมีแนวคิดและเข้าใจว่า ถ้าจะปลูกป่าไม้เป็นอาชีพ จะต้องรอให้ต้นไม้โตอายุ20-30 ปีขึ้นไปถึงจะตัดมาเป็นรายได้มาใช้ประโยชน์ ก็เล่าให้ฟังว่า ณ วันนี้ไม่ใช่แล้ว เราพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถร่นระยะ30ปี มาเหลือ7ปี หมายความว่าถ้าปลูกอะคาเซียพันธุ์ดี ที่อายุ7ปีก็ทยอยตัดสางขยายระยะมาใช้งานก่อสร้างบ้านเรือน จะแปรรูปได้ไม้กระดานหน้า4-5นิ้ว นั่นก็หมายความว่ายุคนี้ไม่ต้องปลูกไม้ให้ต้นโตเพื่อจะให้ได้ปริมาณเนื้อไม้มากๆ เราคิดใหม่ ปลูกแล้วตัดสางขยายระยะออกไป สุดท้ายไม้รุ่นหลังก็จะมีอยู่ โตดีเสียด้วยเพราะมีระบบตัดสาง ถ้าตัดก็ขายรอบท้ายๆได้ต้นละหลายหมื่น ถ้าปล่อยไว้เป็นไม้ติดแผ่นดิน เก็บเอาเมล็ดมาเพาะจำหน่ายก็อยู่ได้แล้ว
(ปราชญ์ชาวบ้านเจอกันก็กอดเติมพลังเหมือนชาวเฮ)
อนึ่ง แนวคิดเรื่องการปลูกแล้วตัดเอาใบเอากิ่งมาเสี้ยงสัตว์และเอามาทำเชื้อเพลิง เอามาทำเครื่องเรือนด้วยไม้ขนาดเล็กอย่างที่กรมป่าไม้มาอบรม ก็เป็นแง่คิดเรื่องการบริหารจัดการป่าปลูกหลายวัตถุประสงค์ ที่โยงไปถึงข้อจำกัดต่างๆที่มีมานานให้คลี่คลายได้ อันจะนำไปสู่กระบวนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมโดยชุมชน ถ้ามีการขยายผลในแนวทางนี้ งานแบบกองทัพมดนี่แหละจะเป็นส่วนเติมช่องว่าง..ว่าเราจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ด้วยความเข้าใจของชุมชนคนรากหญ้า ถ้าตรงกันและโดนใจแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้
เล่าให้ฟังและพาไปดูการเอาใบไม้มาเลี้ยงสัตว์
มีกองใบไม้รออยู่แล้วก็เปิดเครื่องสับๆๆๆ
แล้วก็ตักให้วัวกิน
ทุกคนก็ชะเง้อดูว่าวัวมันจะกินใบไม้สดๆร้อนๆนี้หรือเปล่า
จะเหลือเรอะ ..วัวกินประจำอยู่แล้ว
ชี้ให้ดูขี้วัวกองเต็มคอก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า..วัวเป็นโรงงานผลิตปุ๋ย
ขยันตัดใบไม้ให้กินมากเท่าไหร่ก็ได้ปุ๋ยมากเท่านั้น
มือชั้นนี้แล้วคงไม่ต้องอธิบายต่อว่าจะเอาขี้วัวไปทำอะไร
ชี้ให้ดูต้นเผือกที่สูง2เมตรใบหนาเขียวครึ้ม
ก็โอ้โฮเฮะกันแล้ว
(นานๆเจอกันที แอ็คท่ากันบ่อย)
พาเดินไปดูการเลื่อยไม้ เพื่อไม่ต้องตอบว่า..ปลูกต้นไม้แล้วได้อะไร นอกจากได้แผ่นกระดานขนาดต่างๆแล้ว ยังได้ขี้เลื่อยกองโตทุกวัน ขนเอาไปใส่คอกวัว ปูให้วัวนอน อีกหน่อยก็เป็นปุ๋ยส่วนเพิ่มที่วัวไม้ต้องเบ่งออกจากก้น เรียกว่าช่วยวัวเพิ่มปริมาณปุ๋ยว่างั้นเถอะ พาไปดูไผ่ แล้วบอกว่าไผ่นี่แหละที่จะเป็นพระเอกของไม้ที่ปลูกแล้วทันการทันใช้ เมื่อเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ช่วยให้เห็นวิธีการที่พิเศษขึ้นจากที่เคยทำมา เล่าให้ฟังว่าจะปลูกไผ่กินหน่อ หรือปลูกไผ่เอาลำต้น ปลูกแล้วจะได้อะไรและอย่างไร ไผ่นอกจากจะเป็นต้นทางแล้วยังเป็นต้นทุนที่สืบเนื่องขยายผลออกไปไม่จบ เหมาะกับยุคสมัยที่กำลังวิตกเรื่องความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ความผกผันของอุณหภูมิ แก้วิกฤติโลกร้อนเชิงประจักษ์ อย่างน้อยก็ได้ร่มเงาไผ่ หน่อไผ่ เนื้อไม้ไผ่มาจักสานหรือจะแปรรูปเป็นแผ่นจักสานส่งโรงงานที่ลำพูน ซึ่งเป็นตัวประกันขั้นสุดท้ายว่ามีตลาดแน่นอน
และเราก็ไม่ได้พูดเอามัน น้ำลายแตกฟอง
บอกไปแล้วว่า..เราก็ปลูกปีนี้นับหมื่นๆต้น
และจะปลูกให้ได้เป็นแสนเป็นล้านต้นในปีถัดๆไป
ปลูกไผ่ไม่เสี่ยงตรงไหนเลย
ลบคำสบประมาทที่ว่า..ไม่ มี อ ะ ไ ร ใ น ก อ ไ ผ่ อิ อิ..
ธรรมเนียมปราชญ์ชาวบ้านเจอกัน จะมีของฝากของต้อน รายการผ้าขาวม้าคาดพุงถือเป็นการผูกมัดทางกายสื่อไปถึงทางใจ พ่อใหญ่ผายกล่าวอวยพร เป่ากระหม่อม จับมือเขย่าแล้วบอกว่า ..ครูบาอย่าทิ้งกันนะ ประชุมใหญ่ปลายปีเดือนพฤศจิกายนขอนิมนต์ล่วงหน้าว่าให้ไปร่วมให้ได้ อยากจะให้ไปมากๆ เมื่อผู้ใหญ่หมายมั่นมุ่งผนึกพลังทำเรื่องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบถึงลูกถึงคน ก็คิดว่าถ้ายังหายใจอยู่และไม่ติดไปจีบสาวที่ไหน ก็ตั้งใจจะไปร่วมเขย่าเวทีประชุมประจำปี
มีหลายกลุ่มเหลือเกิน ทักทายได้กว้างๆ
คุณหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระสัง
พาหนุ่มสาวชาวสาธารณสุขมา2-30ชีวิต
มีเรื่องดีใจที่คุณหมอบอกว่า อ่านหนังสือเจ้าเป็นไผทุกเล่ม..
ตอนนี้มีเล่มใหม่ออกมาแล้วหรือยัง
ก็เลยบอกไปว่ากำลังปั่นต้นฉบับเรื่องงานวิจัยไทบ้านอยู่
เขียนได้แล้ว90% วันพรุ่งนี้น่าจะจบบทปิดเล่มได้
ถ้าเจ้าแห้วมีเวลามาเรื่องลำดับบทใหม่ แก้คำผิด
ก็น่าจะส่งโรงพิมพ์ได้
ถ้าเสร็จทันวันที่ 26 จะเอาไปเปิดหนังสือในงานประชุมของสภาวิจัยแห่งชาติปีนี้
พรุ่งนี้จะนั่งเครื่องบินเล็กเข้าบางกอกช่วงเช้า แล้วจะต่อเครื่องไปเชียงใหม่ในช่วงบ่าย
ขาใหญ่อยากจะไปหาหมอนวดกับเจี๊ยะสะเต๊กอีกรอบ
มื้อเย็นพรุ่งนี้จะพร้อมดวลกันไหมนะ
บอกครูอึ่งแล้ว กิ๊กจะอาสารับส่งงานนี้
ขาดแต่น้าอึ่งที่รักและคิดถึงจะว่างไหมน้าจ๋า
อุ้ยก็ทราบว่าโดนงานทับจนแบบแต๊ดแต๋
แต่ก็น่าจะแหวกค่ายมฤตยูออกมาเจี๊ยะด้วยกัน
อยากจะเลี้ยงวันเกิดให้เจ้าหนูเสื้อสีส้ม
และเลี้ยงให้กิ๊กที่ได้เป็นคุณแม่ดีเด่นของปีนี้
หาเรื่องดีๆทำ หาเรื่องอร่อยๆ หาเรื่องที่ชื่นมื่น
นอนลำพูน1คืนต่อายุยืนไปอีก 7 ปี
โช๊ดโช้จริงๆเลยหมู่นี่ คิ คิ ..
« « Prev : พ่อใหญ่เสน่ห์ จามริก
Next : บุกลำพูน » »
ความคิดเห็นสำหรับ "คนรุ่นเก่าเอาหัวใจมาแปะกัน"