สวนป่าคาเฟ่

อ่าน: 6954

เข้าตำราอยู่บ้านอย่านิ่งดูดาย

ถ้าไม่ดูดายก็ควรจะดูดี

จะมีอะไรดี ๆ ให้ดู

คนที่อยู่ในพื้นที่ต้องรู้ต้องดูก่อนให้ถ่องแท้

ว่าสิ่งที่เห็นเป็นของแท้หรือของปลอม

จะปลอมปนหรือแปลกปลอมก็ต้องทำการบ้านทั้งนั้นละครับ

ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่รู้ตัวว่าเราอยู่กับความรู้อะไร ?

(พริกพันธุ์ขี้โม้โผล่มาอีกแล้วครับ ปลูกไว้กินยอด กินผล)

ปกติสวนป่าจะมีเครือญาติจากทุกถิ่นฐานเดินทางมาเยี่ยมยามเดือนละหลายกลุ่ม  มีทั้งที่มาจากต่างประเทศ-ในประเทศ-ในพื้นที่ใกล้เคียง เขาเหล่านี้คิดถึงหนา..เขามาเอง..ในฐานะเจ้าบ้านก็รับรองอาคันตุกะตามควรแก่อัตภาพ บางกลุ่มไป-กลับ บางกลุ่มมาจัดกิจกรรม บางกลุ่มมาทำโน่นทำนี้ ล้วนแต่ดี ๆ ทั้งนั้นละครับ สวนป่าไม่เคยได้หยุดนิ่งจริง ๆ หรอก เมื่อวานมีผู้ใหญ่บ้านฝั่งกุลาร้องไห้ สีข้าวกล้องมาฝากให้ทดลองชิมหลายถุงหลายสายพันธุ์ เป็นน้ำใจไมตรีที่ชื่นชูใจให้สดชื่นในยามร้อนแล้งนี้  การพูดคุยกันทำให้ได้ข้อมูลสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สารทุกข์สุกดิบถูกถ่ายเททิ้งไว้แล้วหอบเอากำำลังใจกลับไป สวนป่าทำหน้าที่ศิราณีให้กับชุนชนรื่อยมา ไม่ใช่ศิราณีที่รับปรึกษาเรื่องอกหักอกไหม้หัวใจสั่นคลอนใด ๆ เพราะอกตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว ขณะที่เขียนอยู่นี้ใจเต้นตูม ตูม ทั้ง ๆ ที่อาบน้ำทาแป้งแล้วนะนี่

เช้านี้ ดร.ศักดิ์พงศ์ หอมหวล แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นำนักศึกษาที่สอบผ่านหัวข้อวิทยานิพนธ์มาคุยด้วย  มีว่าที่ปริญญาเอกมา 3 ราย  เป็นผู้บริหารสถานศึกษา 2 ราย เป็นพระสงฆ์อีก 1 รูป ระหว่างคุยกันแม่โฉมยงก็ไปเก็บส้มโอ มะเขือเทศ มะเฟือง มาทำน้ำผลไม้ปั่น ใส่เกล็ดน้ำแข็งถวายและแจกให้แขกชิม ได้รับคำชมสมราคาสวนป่าคาเฟ่ อิ อิ..

พระอาจารย์หลวงพ่อ ได้เอาหนังสือธรรมะมาฝากหลายเล่ม และยังมีขนมนมเนย-ข้าวต้มผัดอีกกล่องใหญ่ รับรองคุณพระคุณเจ้านอกจากอิ่มอกอิ่มใจแล้วยังอิ่มท้องอีกด้วย ผู้บริหารสถานศึกษามาบ่นเรื่องวุ่นๆในโรงเรียนให้ฟัง ผมก็เล่าเรื่องครูปูสู้กับปัญหาบริหารการศึกษาแลกเปลี่ยน แนะให้ลองโทรไปคุยกับครูปู..แต่ก็เตือนไว้หน่อยว่า ครูปูท่านนี้ไม่ชอบเฒ่าหัวงู.. พร้อมกับแจกเจ้าเป็นไผ 1 ไปให้อ่าน อีกท่านหนึ่งทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับจิตปัญญาศึกษาในโรงเรียน แจกเจ้าเป็นไผ 2 แล้วแนะให้ลองคุยกับหมอเบิร์ด ..ฝากบอกเบิร์ดไว้..ถ้ามีเลียงหล่อโทรไปหาก็อย่าแปลกใจ อย่านึกว่ามีหนุ่มที่ไหนมาจีบ.. ช่วยให้ข้อคิดเห็นด้วยก็แล้วกัน ส่วนพระอาจารย์ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับนโยบายการจัดการศึกษาในโรงเรียนปริยัติธรรม ผมก็แนะให้ลองไปสนทนาธรรมกับท่านหลวงพี่มหาชัยวุธ

ผมได้ทำหน้าที่แจกการบ้านให้แล้วนะครับ

หลังจากแขกกลับไป ผมก็ชวนโฉมยงตำส้มมะละกอ เพื่อบริหารมะเขือเทศที่มีมากจนเหลือปากเหลือท้อง เก็บให้ไก่กินไปส่วนหนึ่งก็ยังแดงเต็มต้น เป็นมะขือเทศพันธุ์ขี้โม้จริง ๆ ด้วย ช่วงบ่ายอากาศจัดจ้านนัก ขืนไปลุยสวนมีหวังหอบแดดตาย จึงมานั่งเขียนบล็อกเรื่องนี้แหละ ปีนี้มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับผักธรรมชาติ หมายถึงผักที่เราไม่ได้ปลูกไม่ได้ใส่ปุ๋ย ดูแลด้วยการถอนวัชพืชออกให้บ้างและรดน้ำเป็นครั้งคราว ผักพวกนี้ก็เจริญงอกงามยิ่งกว่าผักตลาดเสียอีก บางชนิดเป็นไม้ประดับ บางชนิดดูหน้าตาธรรมดา ๆ แต่ผัดกะทะร้อนออกมาเธอเอ๋ย เอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม สิ่งที่เรามองข้าม ถ้าเราย้อนพิจารณามองใหม่ให้เห็นคุณสมบัติพิเศษ แล้วดึงออกมาใช้ประโยชน์ เราก็จะมีผักพื้นถิ่นที่ปลอดภัยจากโรคแมลงและสารเคมี 100% คำว่า “ผักอินทรีย์ขนานแท้” อยู่ที่นี่เอง เทวดาปลูก มนุษย์เจี๊ยะ ยกตัวอย่าง เช่นตำลึง อ่อมแซบ ชะพลู ยอดพริก ยอดมะกล่ำ ยอดมะรุม ดอกข่า มะเขือพวง มะระขี้นก ยอดกระถิน ยอดสะเดา ยอดน้ำเต้า ยอดเสาวรส ยอดฮว่านง๊อก ตอนนี้บวบกำลังจ่อดอกจ่อผลเล็ก ๆ อีกหน่อยคงผัดบวบสลับกับผักอื่น ๆ อุตลุด ที่เขียนล่ายส่ายนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีผักแต่ละฤดูกาลตามมาอีก

(ชะพลู อ่อมแซบ หรือเบ็ญจขันธ์ อยู่ในกลุ่มผักพื้นถิ่นที่เกิดเอง แพร่พันธุ์ไปทั่วสวนป่า จะผัดกี่กะทะก็ได้อยู่แล้ว)

การที่ผักขึ้นดาษดื่นเช่นนี้ ถ้าคนเมืองไม่รู้จักมันก็ไอ่แค่นั้นแหละ สวนป่าจึงต้องจัดวิธีเรียนรู้สด ๆ ร้อน ๆ และอร่อยยังไงละครับ ในอดีตมนุษย์บริโภคผักหลายร้อยชนิด ปัจจุบันจะรับประทานไม่ถึง 10 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นผักที่เดินทางเข้ามา เช่น ผักกวงตุ้ง คะน้า กะหล่ำปลี หัวไชเท้า แครอท บล๊อกเคอรี่ ฯลฯ ฟังแต่ชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นผักต่างด้าว อ้าว!..แล้ว ผักไทย ๆ ของเราละอยู่ที่ไหน ขอตอบว่า..อยู่ที่สวนป่าครับผ๊ม! ใครอยากชิมผักไทย ๆ ฝีมือพ่อครัวหัวป่าก์ ที่รับประกันความอร่อย ก็ต้องมาชิมด้วยตัวเองสัก 1 มื้อ หลังจากนั้นจะให้ส่งไปให้เพื่อทดลองลงมือทำอาหารด้วยตัวเองก็ย่อมได้  แล้วจะประจักษ์ว่ามันเป็นฉันใด เราขอรับประกันว่าอร่อยไม่แพ้ผักต่างด้าว แถมยังปลอดพิษภัยไร้กังวลจากสารปนเปื้อนใด ๆ

(บวบ-น้ำเต้า-เสาวรส-ฟัก-แฟง-ฟักทอง เป็นพืชกลุ่มไต่ราวปลูกเพื่อเอายอดและผลมาทำกับข้าว)

เรื่องนี้จะทำการพิสูจน์ทราบในวันที่ครูอึ่งยกทีมเพื่อน ๆมาสวนป่า

วันที่ 5-8 เดือนพฤษภาคม

งานนี้อุ้ยเป็นผู้ประเมิน

ป้าหวานจะมาเป็นผู้ช่วยผู้ชิมไหมละ

ขอให้เคลียวีซ่าไว้แต่เนิ่น ๆ

(มะยม-สะเดา-มะกอก-มะกล่ำ-มะกรูด-มะนาว-ตะลิงปริง-ขี้เหล็ก-เพกา-ติ้ว-เม็ก อยู่ในกลุ่มผักยืนต้นพื้นถิ่น)

นอกจากเตรียมการชนิดและปริมาณของผักผลไม้แล้ว เรื่องเมนู วิธีการปรุง วิธีการรับประทาน เราก็ทำการบ้านนะ ถามครูปูหรือตาหวานดูก็ได้ สวนป่ายกเครื่องครัวไปไว้ในสวนครัวอย่างไร? ผักทุกชนิดเด็ดสด ๆ เดินทางมาลงกระทะ ระยะทางไม่เกิน 10 ก้าว ภัตตาคารไหน ๆ ก็ทำไม่ได้หรอก  ถ้าอร่อยขอแถมอีกจาน ก็พร้อมผัดฉ่า ๆ..ใน 5 นาทีเสิร์ฟถึงโต๊ะ.อ้าปากรอได้เลย!!

ช่วงนี้ผมจะทำการบ้านเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ

เก็บข้อมูลมาถ่ายทอดเป็นตัวอักษร

เพื่อพิมพ์รวมเล่มให้ชื่อว่า ..สวนป่าคาเฟ่

กราบเรียนท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ไว้แล้ว

ท่านเมตตาเขียนคำนำให้

ใครอยากอ่านเร็ว ๆ ต้องช่วยตรวจคำผิด และลงขันค่าจัดพิมพ์ อิ อิ

แคว๊ก ๆ

« « Prev : ตาแก่กับไม้ไผ่ผุ

Next : จะปลูกไว้โม้หรือปลูกไว้หม่ำ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 มีนาคม 2010 เวลา 19:14

    กากะบาทบิ๊กเบิ้มจองคิวมาสวนป่าแล้วค่ะ

  • #2 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 มีนาคม 2010 เวลา 19:17

    โยมพ่อครูบา เขียนลื่นนนนนนนนนนนนนนน…… อ่านเรื่อยยยยยยยยยย…. จนจบ. (เดียวนี้ โดยมากก็ลากผ่านนนนนนนนน….)

    จำได้ตอนที่ไปเข้าปริวาสกรรมที่ภูเขาหลงเมื่อปี ๒๕๓๓… ฝนตกทุกวัน ญาติโยมขึ้นมาใส่บาตร โดยผลัดเปลี่ยนเวียนกันตามหมู่บ้าน อย่างหนึ่งที่ประทับใจก็คือผัก จะมีผักซึ่งเด็ด เก็บ หรือหัก มาจากหมู่บ้านและริมทางขึ้นภูเขาหลากหลายชนิด ใส่ถาดเรียงไว้บนโต๊ะ หรือบางอย่างก็วางไว้ทั้งกิ่ง…

    ก็เข้าแถวรับบาตร โยมใส่เฉพาะข้าวสุก ส่วนกับข้าวและขนมนั้น เดินเข้าแถวพิจารณาตามที่เห็นสมควร… เพื่อนสหธัมมิกมักจะถามกันว่า “นี้ใบอะไร…” ก็มีคนรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง คุ้นชื่อบ้างไม่คุ้นชื่อบ้าง ก็เลยมีรายการทดลองชิม เอาไปอย่างละนิดละหน่อย มีทั้งเปรี้ยว มัน ขม หวาน ฉันกับน้ำพริกและแกงเผ็ดๆ ปักษ์ใต้ก็อร่อยดี…

    ตอนนี้ เป็นสมภาร เวลามีงานจะมีขนมจีนเป็นส่วนเสริมทุกครั้ง อาตมาจะเน้นผักเป็นพิเศษ โดยสั่งญาติโยมคุ้นเคยนำผักธรรมชาติ….
    มีเหตุผลทำนองว่า “เราไปงานไหน แม้อาหารอย่างอื่นหมดแล้ว รับแต่ขนมจีน มีผักแปลกๆ อร่อยๆ เราก็พอใจแล้ว….”

    เจริญพร

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 มีนาคม 2010 เวลา 19:56

    เอ๊ะ พ่อครู ไอ้เจ้าใบสีม่วงๆในภาพข้างบนนั้นกินได้เหรอค่ะ ชื่อมันเรียกว่าอะไรค่ะ น่าสนใจ

    มะเขือเทศที่มีเยอะ ลองแปรรูปเป็นมะเขือเทศตากแห้งดูหน่อยก็ไม่เลวนะคะ ควักเอาเมล็ดออกก่อน แล้วเอาไปตากหรือตากแห้งมันทั้งลูกงั้นแหละ

    น่าลองดูรสชาดนะคะ มะเขือเทศตากแห้งไร้น้ำตาล

    ลงใต้คราวนี้ พ่อครูเข้ากรุงฯวันที่เท่าไรค่ะ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 4:50

    =ช่วงที่คณะครูอึ่งมา ผักต่างๆคงจะพร้อมมาก
    บรรยากาศก็น่าจะดีเพราะอยู่ช่วงต้นฝน
    เตรียมกล้อง-เตรียมแม่ครัวมารัวฝีมือ
    นับวันถอยหลังได้เลย อิอิ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 4:53

    กราบหลวงพี่
    ชาวใต้นิยมขนมจีนมากกว่าอีสานเสียอีก
    ที่เห็นคือ คนใต้กินผัก กินเผ็ดเก่ง
    ผักพื้นถิ่นทางใต้ก็มีมากชนิด ยังเป็นที่นิยมกัน
    ไปใต้ทุกคราก็มีมาให้เห็นอยู่เสมอ
    สาธุ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 5:00

    หมอเจ๊ ครับฃ เจ้าใบสีม่วงนี่เป็นไม้ประดับ เขาใส่กระถางขายทั่วไป จะออกดอกสีขาวๆตัดกับใบสีเข้ม-สีม่วง
    ตอนแรกซื้อมาปลูกเพราะเห็นสวย บังเอิญออกดอกเยอะมาก ดอกปลิวไปไหนก็งอกดาษดื่นเต็มสวน กลายเป็นวัชพืชไปเสัียแล้ว
    ตอนหลังสังเกตเห็นเก่ง หมูกิน เลยตัดเลี้ยงสัตว์
    ต่อมาคนกินบ้าง เิอาไปลวกจิ้มน้ำพริก แกงเลียง แต่เอามาผัดกะทะร้อนแบบผักบุ้งไฟแดง อร่อยมาก
    ลองดูนะครับ
    -มะเขือเทศตากแห้งน่าจะทำง่าย ช่วงนี้อากาศร้อนแดดเปรี้ยงๆ
    -เรื่องเข้ากรุงมีหลายรายการ คงเข้าล่วงหน้าวันงาน  1 วัน
    วันที่ 11  ก็เข้า
    วันที่ 18 ก็เข้า

  • #7 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 13:35

    โธ่ๆๆๆ พ่อขา นาน ๆ ถึงจะขายหนูออกซะที จะโฆษณาให้ออกแนวน่ารัก บอบบาง วี๊ดวิ่ว หน่อยก็บ่ได้ เดี๋ยวหัวงู เอ๊ย เดี๋ยวไ่ก่ตื่นหมด กั่กๆๆ
    อ่่านบันทึกนี้จบนึกหิวขึ้นมาปั๊บเลย ปูเลี๋ยววังนี้คงต้องไปหาผักเมืองกรุงมากินอย่างเซ็ง ๆ อีกมื้อนึงแง๋ ๆ เลยค่ะ ไปสวนป่าคราวหน้าจะขนผักมาให้เต็มรถ
    เลียนแบบป๋าขาบ้างดีฝ่า เหอ เหอ :P

  • #8 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 15:38

    เอ๋าพ่อขา ไม่ได้โทร.มาจีบเหรอ ว้า….5555555555

    เรื่องจิตตปัญญาศึกษานี่น่าจะส่งไปทางพี่ตึ๋งหรือพี่ครูอึ่งมากกว่านะคะ น่าจะสอดคล้องกว่า ทางเบิร์ดมันออกแนวจิตหลุดลุ่ย ฮี่ฮี่ฮี่

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 19:02

    ปูเอ๊ย โดนๆๆๆ แก้ร้อนใน ก็ยังงี้แหละ หลายขนาน

  • #10 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 19:02

    ก็ไม่แน่นะเบิร์ดนะ อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.22787594795227 sec
Sidebar: 0.061951875686646 sec