จุดไต้ตำตอ

อ่าน: 3101

(เห็ดสีสวยแปลกตาขึ้นที่ตอตาล)

สมัยก่อนมีสำนวน “จุดไต้ตำตอ”

สมัยนี้มีสำนวนใหม่ ๆ  “หมูวิ่งชนปังตอ” “หัวหลักหัวตอ”

แต่ถ้าจะมาดูมหกรรมตอต้องที่สวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน

ที่นี่มีทั้งตอเล็กตอใหญ่

กำลังใช้หัวขี้เลื่อยจัดการบนตอตาล

วันเวลาผ่านไปเร็วมาก แป๊บเดียวก็หมดไปเดือนเศษแล้ว มานั่งทบทวนว่าปีนี้จะทำอะไรและจะเอายังไงกับชีวิตนี้ งานด้านการพัฒนานั้นจะอาศัยกินบุญเก่า ไม่คิดไม่ทำเรื่องใหม่ มันก็จะเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ถ้าการเรียนรู้ที่ไม่มีภาคปฏิบัติ จะก้าวเดินไปสู่สิ่งใหม่ ๆ คงไม่ง่ายนัก ในเมื่อมนุษย์เราสนใจและต้องการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ดังคำกล่าวเย้ากันว่า  “ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม เก่าไปใบหน้าขึ้นสนิม” สิ่งที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ตรงประเด็นที่สุดก็คือ “การจัดการความไม่รู้” การเรียนให้รู้วิธีจัดการนี่แหละสำคัญนัก ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยกตัวอย่างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตาหวานกับคุณน่องหวานและพระอาจารย์เล่าฮูมาพักพิงอยู่มหาชีวาลัยอีสาน 2 คืน เพื่อช่วยชำแหละคอมพิวเตอร์เหลาเย่ทั้งหลาย นอกจากเรื่องงานแล้วหลานชูชกตั้งใจจะมากินผัก ปกติทานมังสวิรัืติอยู่แล้ว เมื่อมาเจอผักสดก็โดนใจนะสิครับ

เท่าที่เราคุยกัน..สรุปได้ว่า

มีแต่มนุษย์นี่แหละทำอะไรยุ่งยากไปหมด

พวกช้าง ม้า วัว ควายหรือสัตว์อื่นจะกินอาหาร

ไม่เห็นต้องเอาไปปรุง-ต้ม-ยำ-ทำแกง

เจออะไรกินอะไรไม่ต้องใส่ซอส ใส่พริกน้ำปลา

ทำไมสัตว์พวกนั้นถึงอร่อยได้

ในเมื่อมีลิ้น มีฟัน มีทุกอย่างเหมือนมนุษย์

นึกดูเถิดถ้ามนุษย์กินอาหารได้เหมือนสัตว์ทั่วไป

โลกมนุษย์จะเป็นอย่างไร?

i

(ผลน้ำเต้าอ่อน/ยอด เอามายำ มาผัด สดๆร้อนๆ อร่อยอย่างสุดซึ้ง)

บอกตาหวานว่า..กินผักนะไม่ยากหรอก

แต่จะกินผักแบบพิสดารไม่ซ้ำกับใคร ๆ นี่สิน่าสนใจ

เขียนถึงตรงนี้อยากจะบอก 2 สาวว่า..ให้กลับมาก่อน

เพิ่งจะกินผักไปไม่กี่ชนิดยังไม่ครบโควต้าก็เผ่นกลับเสียแล้ว

การจัดเมนูประเภทครั้งแรกในชีวิตนั้นสนุกนัก

แค่ชวนไปเด็ดยอดฮว่านง็อกหรือพญาวานร

ที่ทหารไทยนำมาจากประเภทเวียดนาม

บอกว่ามีสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง เพิ่มภูมิต้านทาน ฯลฯ

สมัยที่เข้ามาใหม่ ๆ ผู้สันทัดกรณีขายให้คนขี้โรคใบละ 2-5 บาท

ช่วงนั้นฮือฮากันพักใหญ่

ต้นที่ชำในถุงขายในงานเกษตรแห่งชาติราคาต้นละ 200 บาท

(ยำผักฝีมือตาหวาน ผู้ชำนาญการมังสวิรัติ)

ที่สวนป่าผมจำไม่ได้ว่าเจ้าฮว่านง็อกนี่มาสิงสถิตตอนไหน เผลอแพล็บเดียวก็เห็นแตกกอเขียว ๆ ขึ้น2ข้างทางเดินเข้าบ้าน ผมเคยเด็ดมาทดลองเคี้ยวใบสด ๆ เช้าละ 7 ใบตามที่มีผู้แนะนำ รสชาติก็เฉย ๆ พอเคี้ยวได้ เคี้ยวใกล้แหลกจะรู้สึกว่ามีเมือกลื่น ๆ เป็นสมุนไพรที่ขึ้นง่าย ทนแล้ง ไม่มีแมลงรบกวน ฝนมาก็จะแตกกิ่งก้านเขียวสะพรั่ง ช่วงที่ตาหวานมาผมชวนไปเด็ดยอดอ่อนมาผัดไฟแดงให้ชิม เธอเอ๋ยอร่อยอย่างคาดไม่ถึง ผักป๋วยเล้งที่ว่าแน่ ๆ ชิดซ้ายไปเลย สอบถามใคร ๆ ก็อร่อย “ฮว่านง็อกไฟแดง” จึงถูกบรรจุเข้าในรายการเมนูเด็ดของสวนป่า เมื่อเช้านี้งัดขึ้นมากอใหญ่ใส่ท้ายรถให้ตาหวานกับน่องหวานไปปลูกที่บ้าน เรื่องการขยายผลสู่ประชาชนที่ดี ควรจะให้เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนและเกิดความชื่นชอบกับผักชนิดนั้น ๆ  เมื่อตระหนักว่ามันมีคุณสมบัติพิเศษผู้คนก็จะสนใจ ใส่ใจที่จะปลูก ถ้าเพิ่มจุดพิเศษที่ว่า กินก็อร่อยรักษาโรคได้ด้วย ผมเอาฮว่านง็อกมาผัดกินกับข้าวต้มประจำ ยังไม่ทราบว่าจะมีคุณค่าต่างกับการเคี้ยวใบสดอย่างไรแต่ที่แน่ ๆ ผมชอบกินเป็นผัดผักมากกว่าที่จะเคี้ยวใบสด ๆ เป็นยารักษโรค

(ตาหวานอวดตะลิงปิงที่จะเอากลับบ้่าน)

เที่ยวนี้ ทุกเมนูพิลึกกึกกือทั้งนั้นละครับ พาตาหวานไปเด็ดลูกน้ำเต้าอ่อนลวกแล้วมายำ ใส่ยอดมะกล่ำลวก เสน่่ห์ปลายจวักของตาหวานครบเครื่องจริง ๆ เธอหั่นมะเขือเทศสด ๆ พร้อมกับงาคั่ว ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเอาตะลิงปลิงปรุงแทนรสเปรี้ยวของมะนาว กินกับใบชะพลูอ่อน ตาหวานบอกว่า..เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะลิงปลิงใส่ยำผัก ได้รสเปรี้ยวที่พอดีกลมกล่อม เป็นการเปิดตัวแนะนำตะลิงปลิงให้ตาหวานติดใจ ก่อนกลับเก็บตะลิงกลับบ้าน บอกว่าจะไปทำเมนูเด็ดให้คุณแม่ลองรับประทาน

ญาติชุดนี้สงสัยจะอยู่ในประเภท จุดไต้ตำตอ

หรือชอบเดินชนตอ

จึงขอตอตาลไปปลูกต้นไม้โชว์

ตาหวานขนไปไม่ได้ขอจองไว้ก่อน

อิ อิ ..เห็นไหม แค่ตอตาลก็มีป้ายจองแล้ว!

การทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นเรื่องพิเศษ

เราจะพบความสุข ความดีงามง่าย ๆ

นี่คือวิธีแจกจ่ายความสุขอีกวิธีหนึ่งของมหาชีวาลัยอีสาน

ต่อไปนี้จะถ่ายทอดถ่ายเทความรู้ด้วยวิธีที่กล่าวข้างต้น

จะเสนอเรื่องทำกับมือแต่ผลลัพธ์ไปออกที่ใจ

วิชาเกินผมลงมือเอง ส่วนวิชาการก็ไม่กลัวหร๊อก เพราะผมมีคนเก่ง ๆ รอบข้าง เช่น รอกอด บางทราย หมอจอมป่วน หมอเจ๊ ป้าหวาน อุ๊ยสร้อย น้าอึ่ง ครูอึ่ง ครูอาราม หนูเบิร์ด หนูแป๊ด หนู ๆ ๆ ๆ อีกเยอะ ถ้าไล่เรียงชื่อหมดคงเต็มหน้ากระดาษนี่ละมั๊ง พูดไปก็จะหาว่าโม้ เอาไว้ติดตามด้วยความระทึกระทวยใจต่อไปดีกว่านะครับ

แคว๊ก ๆ

« « Prev : คนแซ่ฮามาช่วยแก้คอมห่วย!

Next : ลานเดี้ยง! » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 aram ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 21:41

    เห็นตะลิงปลิงที่ราณีถือแล้วน้ำลายจะไหล อยากกิน.. เมนูตะลิงปลิงใส่ในยำน่าอร่อยนะครับ
    ตะลิงปลิงจิ้มเกลือ ตะลิงปลิงตำใส่น้ำพริกกะปี ตะลิงปลิงตำแบบส้มตำ ฯ….

  • #2 ลูกหว้า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 22:07
    • ตอนนี้ที่บ้านตะลิงปลิงก็กำลังเต็มต้นเลยค่ะพ่อ  คิดถึงนะคะ
  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 22:28

    ตะลิงปิงมีลูกทั้งปี นะอาราม มาคราวหน้าจะตำน้ำพริกตะลิงปิง

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 22:30

    ถ้าปลูกตะลิงปริงไว้ทุกบ้านก็ดี ยังไม่เคยเอามาลองทำน้ำดื่มผลไม้ ลูกหว้าน่าทดลองดูนะ อิอิ

  • #5 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 23:06

    อิอิ ตะลิงปลิงใส่ส้มตำแล้วค่ะพี่อาราม  อร่อยจริงๆ รสชาดกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวปรี๊ดจี๊ดจ๊าด ทำใส่อะไรก็อร่อยจริง ๆ ซิบอกให้ อิอิ เนาะพ่อเนาะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.77056789398193 sec
Sidebar: 0.21445512771606 sec