จุดไต้ตำตอ
(เห็ดสีสวยแปลกตาขึ้นที่ตอตาล)
สมัยก่อนมีสำนวน “จุดไต้ตำตอ”
สมัยนี้มีสำนวนใหม่ ๆ “หมูวิ่งชนปังตอ” “หัวหลักหัวตอ”
แต่ถ้าจะมาดูมหกรรมตอต้องที่สวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน
ที่นี่มีทั้งตอเล็กตอใหญ่
กำลังใช้หัวขี้เลื่อยจัดการบนตอตาล
วันเวลาผ่านไปเร็วมาก แป๊บเดียวก็หมดไปเดือนเศษแล้ว มานั่งทบทวนว่าปีนี้จะทำอะไรและจะเอายังไงกับชีวิตนี้ งานด้านการพัฒนานั้นจะอาศัยกินบุญเก่า ไม่คิดไม่ทำเรื่องใหม่ มันก็จะเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ถ้าการเรียนรู้ที่ไม่มีภาคปฏิบัติ จะก้าวเดินไปสู่สิ่งใหม่ ๆ คงไม่ง่ายนัก ในเมื่อมนุษย์เราสนใจและต้องการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ดังคำกล่าวเย้ากันว่า “ใหม่ ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม เก่าไปใบหน้าขึ้นสนิม” สิ่งที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ตรงประเด็นที่สุดก็คือ “การจัดการความไม่รู้” การเรียนให้รู้วิธีจัดการนี่แหละสำคัญนัก ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยกตัวอย่างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตาหวานกับคุณน่องหวานและพระอาจารย์เล่าฮูมาพักพิงอยู่มหาชีวาลัยอีสาน 2 คืน เพื่อช่วยชำแหละคอมพิวเตอร์เหลาเย่ทั้งหลาย นอกจากเรื่องงานแล้วหลานชูชกตั้งใจจะมากินผัก ปกติทานมังสวิรัืติอยู่แล้ว เมื่อมาเจอผักสดก็โดนใจนะสิครับ
เท่าที่เราคุยกัน..สรุปได้ว่า
มีแต่มนุษย์นี่แหละทำอะไรยุ่งยากไปหมด
พวกช้าง ม้า วัว ควายหรือสัตว์อื่นจะกินอาหาร
ไม่เห็นต้องเอาไปปรุง-ต้ม-ยำ-ทำแกง
เจออะไรกินอะไรไม่ต้องใส่ซอส ใส่พริกน้ำปลา
ทำไมสัตว์พวกนั้นถึงอร่อยได้
ในเมื่อมีลิ้น มีฟัน มีทุกอย่างเหมือนมนุษย์
นึกดูเถิดถ้ามนุษย์กินอาหารได้เหมือนสัตว์ทั่วไป
โลกมนุษย์จะเป็นอย่างไร?
(ผลน้ำเต้าอ่อน/ยอด เอามายำ มาผัด สดๆร้อนๆ อร่อยอย่างสุดซึ้ง)
บอกตาหวานว่า..กินผักนะไม่ยากหรอก
แต่จะกินผักแบบพิสดารไม่ซ้ำกับใคร ๆ นี่สิน่าสนใจ
เขียนถึงตรงนี้อยากจะบอก 2 สาวว่า..ให้กลับมาก่อน
เพิ่งจะกินผักไปไม่กี่ชนิดยังไม่ครบโควต้าก็เผ่นกลับเสียแล้ว
การจัดเมนูประเภทครั้งแรกในชีวิตนั้นสนุกนัก
แค่ชวนไปเด็ดยอดฮว่านง็อกหรือพญาวานร
ที่ทหารไทยนำมาจากประเภทเวียดนาม
บอกว่ามีสรรพคุณรักษาโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง เพิ่มภูมิต้านทาน ฯลฯ
สมัยที่เข้ามาใหม่ ๆ ผู้สันทัดกรณีขายให้คนขี้โรคใบละ 2-5 บาท
ช่วงนั้นฮือฮากันพักใหญ่
ต้นที่ชำในถุงขายในงานเกษตรแห่งชาติราคาต้นละ 200 บาท
(ยำผักฝีมือตาหวาน ผู้ชำนาญการมังสวิรัติ)
ที่สวนป่าผมจำไม่ได้ว่าเจ้าฮว่านง็อกนี่มาสิงสถิตตอนไหน เผลอแพล็บเดียวก็เห็นแตกกอเขียว ๆ ขึ้น2ข้างทางเดินเข้าบ้าน ผมเคยเด็ดมาทดลองเคี้ยวใบสด ๆ เช้าละ 7 ใบตามที่มีผู้แนะนำ รสชาติก็เฉย ๆ พอเคี้ยวได้ เคี้ยวใกล้แหลกจะรู้สึกว่ามีเมือกลื่น ๆ เป็นสมุนไพรที่ขึ้นง่าย ทนแล้ง ไม่มีแมลงรบกวน ฝนมาก็จะแตกกิ่งก้านเขียวสะพรั่ง ช่วงที่ตาหวานมาผมชวนไปเด็ดยอดอ่อนมาผัดไฟแดงให้ชิม เธอเอ๋ยอร่อยอย่างคาดไม่ถึง ผักป๋วยเล้งที่ว่าแน่ ๆ ชิดซ้ายไปเลย สอบถามใคร ๆ ก็อร่อย “ฮว่านง็อกไฟแดง” จึงถูกบรรจุเข้าในรายการเมนูเด็ดของสวนป่า เมื่อเช้านี้งัดขึ้นมากอใหญ่ใส่ท้ายรถให้ตาหวานกับน่องหวานไปปลูกที่บ้าน เรื่องการขยายผลสู่ประชาชนที่ดี ควรจะให้เห็นประโยชน์ที่ชัดเจนและเกิดความชื่นชอบกับผักชนิดนั้น ๆ เมื่อตระหนักว่ามันมีคุณสมบัติพิเศษผู้คนก็จะสนใจ ใส่ใจที่จะปลูก ถ้าเพิ่มจุดพิเศษที่ว่า กินก็อร่อยรักษาโรคได้ด้วย ผมเอาฮว่านง็อกมาผัดกินกับข้าวต้มประจำ ยังไม่ทราบว่าจะมีคุณค่าต่างกับการเคี้ยวใบสดอย่างไรแต่ที่แน่ ๆ ผมชอบกินเป็นผัดผักมากกว่าที่จะเคี้ยวใบสด ๆ เป็นยารักษโรค
(ตาหวานอวดตะลิงปิงที่จะเอากลับบ้่าน)
เที่ยวนี้ ทุกเมนูพิลึกกึกกือทั้งนั้นละครับ พาตาหวานไปเด็ดลูกน้ำเต้าอ่อนลวกแล้วมายำ ใส่ยอดมะกล่ำลวก เสน่่ห์ปลายจวักของตาหวานครบเครื่องจริง ๆ เธอหั่นมะเขือเทศสด ๆ พร้อมกับงาคั่ว ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเอาตะลิงปลิงปรุงแทนรสเปรี้ยวของมะนาว กินกับใบชะพลูอ่อน ตาหวานบอกว่า..เป็นครั้งแรกที่ใช้ตะลิงปลิงใส่ยำผัก ได้รสเปรี้ยวที่พอดีกลมกล่อม เป็นการเปิดตัวแนะนำตะลิงปลิงให้ตาหวานติดใจ ก่อนกลับเก็บตะลิงกลับบ้าน บอกว่าจะไปทำเมนูเด็ดให้คุณแม่ลองรับประทาน
ญาติชุดนี้สงสัยจะอยู่ในประเภท จุดไต้ตำตอ
หรือชอบเดินชนตอ
จึงขอตอตาลไปปลูกต้นไม้โชว์
ตาหวานขนไปไม่ได้ขอจองไว้ก่อน
อิ อิ ..เห็นไหม แค่ตอตาลก็มีป้ายจองแล้ว!
การทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นเรื่องพิเศษ
เราจะพบความสุข ความดีงามง่าย ๆ
นี่คือวิธีแจกจ่ายความสุขอีกวิธีหนึ่งของมหาชีวาลัยอีสาน
ต่อไปนี้จะถ่ายทอดถ่ายเทความรู้ด้วยวิธีที่กล่าวข้างต้น
จะเสนอเรื่องทำกับมือแต่ผลลัพธ์ไปออกที่ใจ
วิชาเกินผมลงมือเอง ส่วนวิชาการก็ไม่กลัวหร๊อก เพราะผมมีคนเก่ง ๆ รอบข้าง เช่น รอกอด บางทราย หมอจอมป่วน หมอเจ๊ ป้าหวาน อุ๊ยสร้อย น้าอึ่ง ครูอึ่ง ครูอาราม หนูเบิร์ด หนูแป๊ด หนู ๆ ๆ ๆ อีกเยอะ ถ้าไล่เรียงชื่อหมดคงเต็มหน้ากระดาษนี่ละมั๊ง พูดไปก็จะหาว่าโม้ เอาไว้ติดตามด้วยความระทึกระทวยใจต่อไปดีกว่านะครับ
แคว๊ก ๆ
« « Prev : คนแซ่ฮามาช่วยแก้คอมห่วย!
5 ความคิดเห็น
เห็นตะลิงปลิงที่ราณีถือแล้วน้ำลายจะไหล อยากกิน.. เมนูตะลิงปลิงใส่ในยำน่าอร่อยนะครับ
ตะลิงปลิงจิ้มเกลือ ตะลิงปลิงตำใส่น้ำพริกกะปี ตะลิงปลิงตำแบบส้มตำ ฯ….
ตะลิงปิงมีลูกทั้งปี นะอาราม มาคราวหน้าจะตำน้ำพริกตะลิงปิง
ถ้าปลูกตะลิงปริงไว้ทุกบ้านก็ดี ยังไม่เคยเอามาลองทำน้ำดื่มผลไม้ ลูกหว้าน่าทดลองดูนะ อิอิ
อิอิ ตะลิงปลิงใส่ส้มตำแล้วค่ะพี่อาราม อร่อยจริงๆ รสชาดกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวปรี๊ดจี๊ดจ๊าด ทำใส่อะไรก็อร่อยจริง ๆ ซิบอกให้ อิอิ เนาะพ่อเนาะ