ลานเดี้ยง!
นอนสะดุ้งตื่นกลางดึก นึกว่าใครนินทา ที่แท้ฝนเทลงมาอย่างหนัก แถมยังมีฟ้าร้องครืน ๆ อย่างกับหน้าฝน ถ้ากบ เขียด ร้องระงม ก็จะเหมือนฤดูเข้าพรรษาเลยละครับ เสียดาย 2 สาวกลับไปก่อน ไม่งั้นคงจะเปียกมะล่อกมะแล่กน่าดู ..ฝนตก รถติดที่กรุงเทพฯ แต่บ้านนอกฝนตก ต้นไม้ติดช่อออกดอกตรึม ตอนหัวค่ำอากาศอ้าว กลิ่นดอกลำดวนปะทะดอกส้มโอ เกิดกลิ่นแปลก ๆ เออ..ธรรมชาติก็ปรุงแต่น้ำหอมเหมือนกันนะ
ปกติผมก็จะตื่นในช่วงนี้ ประมาณตี 3-4
สลายความงัวเงียด้วยการเปิดลานเจ๊าะแจ๊ะ
เจอที่คุณหมอจอมป่วนรำพันรำพึง
ก็เกิดความรู้สึกว่าลานปัญญาดูท่าจะเป็นลานผีบอกไปแล้ว
มีคนแอบอ่านเพิ่มขึ้น
แต่คนแอบเขียนมีจำกัดจำเขี่ย
จำนวนผู้เขียนเพิ่มช้ามาก
เหมือนเต่าขาหักเดินลงภูเขาทอง
ขอให้เข้าใจคนที่อยู่เบื้องหลังบ้าง
- จากที่คุณหมอจอมป่วนรำพัน
เปิดลาน ไม่ค่อยมีอะไรให้อ่าน (เพราะเข้ามาบ่อย)
ที่จริงตัวเองก็ไม่ค่อยได้เขียน อิ อิ
เมื่อก่อนนี้ิลานปัญญามีชีวิตชีวามาก แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกเหมือนคุณหมอจอมป่วน.. จะเปิดลานมาเพื่ออ่านเรื่องตัวเองอย่างนั้นรึ แบบนี้ก็บ้านะสิ ถ้าเข้าลานปัญญามาเจอแป๊ดเขียนเขย่าต่อมขำขัน เรื่องลูกสนุก ๆ แม้อยู่คนเดียวก็ฮาแทบบ้านแตก แห้วศรีเขียนแต่ละทีก็มีสีสรรอำไพ พวกหนุ่ม ๆ เจ้าออต เจ้ากามนิตหนุ่ม เจ้าสายลม ที่เคยขย่มบล็อก ก็ติ๊กต๊อกไปไหนก็ไม่รู้ แฟนก็หมั้นแล้ว บ้านก็แต่งแล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวลจนเขียนเรื่องแม่ยายพ่อตามาให้อ่านไม่ได้ ..ปล่อยให้ 2 ผู้อาวุโสแห่งเมืองย่าโมปักหลักลุยบล็อกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถ้าไม่มีท่านบางทราย หมอเจ๊ หมอเบิร์ด อุ๊ยสร้อย ครูอึ่ง อัยการ อาว์เปลี่ยน ผีหลอกลานแน่ ป้าหวานก็หายไปนานจนความคิดถึงบูดแล้วเน้อ หมอจอมป่วนเองก็เถอะนะ ไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ปัจจัยการเขียนเรื่องแง่คิดมุมมองของหมอนั้นสนุกสะดุดใจสดใสซาบซ่า ช่วยเขียนมาให้กิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ กันหน่อยเถิด อีตาโสธรกับอีตาเม้งก็เว้นวรรคออกไป หัวใจขึ้นราหรือยังไงถึงไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน ได้ข่าวว่ารื้อสวนยางทำสวนเกษตรในฝัน มันน่าสนใจมากนะ ถ้าว่างก็ช่วยเล่าให้คนไกลอ่านหน่อย จะให้ใช้จินตนาการนึกเอาเดี๋ยวก็เป็นบ้ากันเท่านั้น
ถ้าอ่านเท่าไหร่ เขียนเท่านั้น ก็จะสมดุล
อ่านเรื่องอะไร Comment ให้กันบ้างก็จะน่ารักที่ซู๊ด
อย่างน้อยก็เป็นการส่งเสริมกำลังใจให้กันและกัน
ถ้าอ่านแล้วปัดก้นหนีก็แล้งน้ำใจเกินไป
ถ้าเอาแต่อ่าน ไม่เขียน ลานปัญญาก็ขาดทุน
ขาดทุนในที่่นี่หมายถึงกาลเวลาที่เราจะอยู่ร่วมกันใต้ชายคาอาศรมแห่งนี้
คนสมัยก่อนอยู่บ้านปั้นวัวปันควาย
คนอยู่ลานก็ควรปั้นเรื่องราวมาปันกัน
เราจะอยู่ไปวัน ๆ แบบไก่เหงาอย่างนั้นรึ
ช่วยกันขย่มจอลานให้ครื้นเครงเถิดนะคนดี
แต่ก็เข้าใจและเห็นใจนะ ถ้าไม่คันในหัวใจ มันจะติดขัดไปหมด แรงคิดแรงเขียนก็จะอ่อนล้าโรยแรง เราจะเติมพลังกันด้วยสิ่งใด วัฒนธรรมขององค์กรมีคลิ๊กพิเศษอะไรไหม ถ้าอ่านที่ท่านบางทรายวิเคราะห์เรื่องภาระมาก เมื่อก่อนเราก็มีภาระไม่ต่างกับตอนนี้ใช่ไหม ปัญหาอยู่ที่แรงส่งใจไม่พอเขียน เราจะเติมกระสุนใจได้อย่างไร เจ้าน่องหวานกับตาหวานก็เขียนดีแต่ไม่เขียนมันเฉยๆยังงั้นแหละ ถ้าไม่ช่วยกันทำมาหากิน กินแต่บุญเก่า เราจะขาดทุนโอกาสอยู่ร่ำไป
ผมต้นทุนต่ำ เขียนได้แต่กับเรื่องก๊อก ๆ แก๊ก ๆ พล๊อตซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เห็นว่าสมาชิกเข้าลานมาเจอแต่หน้าจอขาว ๆ เดี๋ยวจะหาว่าลานผีหลอก ก็ตื้อเขียนมาทุกวี่ทุกวันทั้ง ๆ ที่รู้ตัวว่ามันเปี้อนจอ เมื่อเขียนมั่วซั่วน่าเบื่อก็ิอาศัยลงรูปภาพเยอะ ๆ คงกินเนื้อที่หน่วยความจำของลานไปไม่น้อย เราจะจัดกิจกรรมอะไรช่วยโหยหาความกระชุ่มกระชวยกลับคืนมา ถ้าสมาชิกถือฝักบัวคนละใบ รดน้ำใจลงไปในแปลงที่ปลูกต้นรักและไมตรี ละเลิกเรื่องอางขนางเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้า ๆ บอ ๆ นอกจากจะยกระดับความเป็นสายญาติร่วมลานแล้ว ผืนแผ่นไมตรีจิตก็จะผ่องใส จะพบจะพูดจะกอดกันได้สนิทใจ ลานปัญญาไม่ใช่ลานละครน้ำเน่า แต่เป็นลานที่สร้างความงดงามจิตใจของมนุษย์ให้บรรเจิด
การละลดการเขียน
เป็นตัวชี้วัดอะไรบ้าง
ทุกอย่างสำคัญที่ใจ
ถ้าใจมาอะไร ๆ ก็มา
เงื่อนไขที่ยกมาอ้างแพ้ทางใจทั้งนั้น
ยู้ฮู..ช่วยคลำดูหน่อย
ตอนนี้ใจอยู่กับเนื้อกับตัวหรือเปล่า
ใครใจหาย..เอามือลง
แคว๊กๆ
Next : มองให้เห็นความงดงาม » »
5 ความคิดเห็น
อิอิ กระเทือนซางเลยพ่อ จะเขียนนะคะ ในเร็ว ๆ นี้…..
กินผักไปกี่ชนิด ลองทบทวนความจำ
แวะมาหน่อยเดี๋ยวถูกต่อว่าแวะมาอ่านแล้วปัดก้นหนี อิอิ
จ๊ากกกกส์ อัยการ 19 เข้า กทม.ไหม?
ลูกๆ หลานๆ กลับลานปัญญาเถิด
พ่อครูบาให้อภัยหมดแล้ว
กลับมาเขียนเหมือนเดิมเถิด
เดี๋ยวจะแถมกอดให้นะ
พ่อครูบาคิดถึงใจจะขาดเป็นท่อนๆแล้ว
อิอิ