เจ้าเป็นไผ 2 ของ อิ อิ..
>> ในชีวิตผม ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่มีความจำเป็นหรืออาจเรียกว่าไฟล์บังคับ มูลเหตุมาจากผมปักหลักปักฐานในพื้นที่แห้งแล้งดินทราย ไม่สามารถเก็บน้ำผิวดินได้ด้วยการขุดสระน้ำ ระดับน้ำใต้ดินก็อยู่ลึกมาก อยู่ในที่ดอนอีกต่างหาก คุณสมบัติของดินทรายนั้นนอกจากไม่อุ้มน้ำแล้ว การใช้รถแทรกเตอร์ไถหน้าดินนานๆ น้ำหนักรถจะกดทับให้เกิดชั้นดินดาน น้ำฝนซึมลงใต้ดินได้น้อย จึงเกิดน้ำหลากพัดพาเอาหน้าดินไหลไปสู่ที่ต่ำ ลมแดดมาก็ช่วยพัดพาเอาหน้าดินไปอีกวิธีหนึ่ง สรุปว่ามีแต่เรื่องผีซ้ำด้ามพลอยทั้งนั้ ผมสังกัดอยู่ในหมู่มนุษย์ปัญญาตื้นเขิน ทำอะไรโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ..บัดนี้อายุไขแก่จวนจะเข้าโลงแล้ว คิดว่าเวลาต่อไปนี้ควรจะมานั่งกวาดขยะดู บางทีอาจจะเจอเศษความรู้อะไรอยู่บ้าง หรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร เปิดผ่านๆไปก็แล้วกันเน้อ อิอิ แก้ขวยสักกะหน่อย
>> เรื่องที่รำพันวิธีแก้ละมีไหมละ
มีสิ ถ้าปลูกต้นไม้คลุมหน้าดิน ต้นไม้จะค่อยๆคลี่คลายปัญหาได้อย่างตรงเป้า ประหยัด และยั่งยืน ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ว่าจะปลูกต้นอะไร ปลูกวิธีไหน ใช้งบประมาณจากไหน ที่สำคัญหมายเลขหนึ่งคือ จะใช้ความรู้อะไร ความรู้เรื่องการปลูกต้นไม้ในพื้นที่แห้งแล้งดินเลวอยู่ที่ไหน จะสอบถามใคร หรือจะค้นคว้ามาจากที่ใด ด้วยความห่างไกลตำรา จึงดำเนินการปลูกป่าแบบบ้องตื้นเป็นเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
>> การลงมือทำด้วยความไม่รู้ มีต้นทุนจำกัด เป็นความบังเอิญอย่างหนึ่งที่ทำให้เรากล้าที่จะลองผิดลองถูก จนได้ Key word ผิดก็ได้เรียน ถูกก็ได้เรียน ทำให้เราได้รู้วิธีทำผิดทำถูกเป็นบทเรียน ทำไป ทำไป เกิดความตระหนักมากขึ้น เห็นอานุภาพของต้นไม้ผ่านการเจริญเติบโตของต้นไม้ เมื่อปลูกมากเข้าหลากหลายชนิดเข้า ได้Key word ต้นไม้ต้นเดียวเป็นป่าไม้ได้ ทำให้เกิดความเข้าใจว่าทำไมจะต้องปลูกต้นไม้หลายชนิด ตรงจุดนี้ได้ Key word ต้นไม้แต่ละต้นมีนิสัยและคุณสมบัติไม่เหมือนกัน บางชนิดให้ผลรสเปรี้ยว บางชนิดให้ผลรสหวาน แทบทุกชนิดมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย มีทั้งที่ใกล้เคียงกัน และแตกต่างกัน จัดอยู่ในหมวดหมู่ชุดความรู้ในธรรมชาติ หรือKM.ธรรมชาตินั่นเอง แต่มนุษย์อีกนั่นแหละที่มีความรู้ประมาณใบไม้กำเดียว จึงจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อมแบบล้างผลาญตะบี้ตะบัน
>> 30 ปีที่ปลูกต้นไม้แบบตาบอดคลำช้าง จึงสนุกอยู่กับการตีความเข้าใจถูกบ้างผิดบ้าง แล้วๆค่อยสกัดความรู้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีคนถามว่าทำไมคนไทยไม่นิยมปลูกต้นไม้เท่าที่ควร ได้คำตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า คนไทยไม่รักต้นไม้ เป็นที่มาของKey word ผมรักต้นไม้เท่ากับน้องเมีย คำนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชอบใจ ขอเอาไปประชาสัมพันธ์ต่อ..
ด้วยผลงานดังกล่าว ทำให้ผมได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาปลูกสร้างสวนป่าปีพ.ศ.2534จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรับรางวัล for outstanding accomplishments in Tree Farming ของ FAO ในปี 1991, องค์กรป่าไม้ในประเทศออสเตรเลียเชิญไปตระเวนดูป่าไม้ 1 เดือน แต่ที่ชอบใจมากที่สุดเห็นจะเป็นประเทศอินเดีย ต้นไม้ 2 ข้างทางมีอายุเก่าแก่แต่ละต้นหลายคนโอบ สงสัยจะปลูกตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชกระมัง ทุกวันนี้ก็ยังสนใจพันธุ์ไม้แปลกๆ และหาโอกาสปลูกเพิ่มเติมทุกปี นั่นก็หมายความว่าผมยังสนใจเรียนเรื่องต้นไม้เสมอมา
>> ที่ยกเรื่องนี้มาเขียนก็เพื่อจะสรุปภาคการเรียนวิชาป่าไม้สไตล์มหาชีวาลัยอีสาน ซึ่งมีอยู่หลายตอน แต่วันนี้จะขอสรุปเมื่อต้นไม้มีอายุอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ เมื่อผสมเกสรตามธรรมชาติแล้ว เขาก็จะออกลูกออกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง ในชั้นนี้จะเอ่ยถึงกลุ่มไม้ที่เมล็ดแก่ร่วงมาแล้วเกิดเป็นต้นอ่อนขึ้นใต้พื้นที่รอบๆบริเวณต้น นั่นแสดงว่า..ถ้าเรายอมลำบากปลูกและดูแลต้นไม้ นอกจากเราจะได้ประโยชน์อย่างอื่นแล้ว ต้นไม้ยังตอบแทนด้วยการช่วยเราปลูกขยายพันธุ์ โดยที่เราไม่ต้องมาเหน็ดเหนื่อยอยู่กับการปลูกต้นไม้ตลอดชีวิต
>> การที่เมล็ดไม้ร่วงลงมาให้เห็น เป็นการส่งสัญญาณหลายเรื่อง เช่น ในบางพื้นที่ๆสภาพแวดล้อมติดลบ เมล็ดไม้ร่วงมาอาจจะงอกบ้างแต่ไม่สามารถเจริญเติบเติบโตขึ้นมาได้ ปัญหาเรื่องนี้นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาทับซ้อน ต้นไม้ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ จึงเป็นภาระให้มนุษย์ต้องลงมือปลูกต้นไม้กันทั่วโลก
>> ต้นไม้คืนบำนาญให้หลายลักษณะ เช่น เก็บน้ำไว้ในลำต้น คลายออกซิเจนแล้วดูดคาร์บอนไดออกไซด์ไปเก็บไว้ ให้ร่มเงา ให้ความชื้น ให้พลังงาน ให้อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ไม้ก่อสร้างบ้านเรือน ป้องกันลม ชะลอไม่ให้น้ำฝนไหลบ่า สมัยนี้เขาฮิตพูดกันเรื่องต้นไม้ช่วยลดภาวะโลกร้อน ที่จริงคุณประโยชน์ของป่าไม้นั้นแจกแจงได้ไม่หมดหรอก พอจะโมเมอธิบายได้ว่า ต้นไม้คือชีวิต แม้แต่ตอนกลับบ้านเก่า เรายังเอาไม้มาตีโลงใส่ เอาฟืนเผาสังขารเน่าๆของเรา
>> 7 พันล้านต้นเพื่อโลก คุณคือพลังช่วยหยุดยั้งภาวะโลกร้อน ย้อนไปปี 2007 โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ได้เริ่มโครงการ 7 พันล้านต้น เพื่อรณรงค์ให้ชาวโลกช่วยกันปลูกต้นไม้เท่ากับจำนวนพลเมืองโลก 7 พันล้านคน ภายในสิ้นปี 2009 ตอนนี้ปลูกไปแล้ว 3 พันล้านค้น ที่เหลือต้องช่วยๆกันปลูกกันหน่อย www.twtter.com/UNDP PandYou
>> ช่วงที่ไปเมืองละปูนครั้งหลังสุด
เราได้แวะไปกราบพระที่วัดหริภุญชัย
ลงรถแล้วบางท่านก็เกาะกลุ่มกันเดินชมวัด
ผมเคยมาวัดนี้จึงโต๋เต๋ไปเรื่อย
เดินไปเดินมาเจออารามที่ใต้ต้นจัน
มีลูกจันหล่นเกลื่อน ลูกเหลืองๆมีกลิ่นหอมฉุน
บางคนชอบมักจะเก็บเอามาไว้ในห้องนอน
อารามเก็บมาหลายลูก จะเอาเม็ดไปเพาะ
ห่อทิ้งไว้ท้ายรถลืมเอาลง ทำให้แมลงวันบินตาม
>> เล่าถึงต้นจัน มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับสวนป่าในฐานะไม้หายาก ที่สวนมีต้นจัน 2 ต้น ไม่ทราบว่าเตี่ยหรือแม่เป็นคนเอามาปลูก ประมาณอายุได้ 45 ปี จัดอยู่ในกลุ่มต้นไม้ขนาดกลาง โตช้า เรือนยอดใบทึบ ผมเอาคอกวัวไปอยู่ใกล้ๆหวังให้ปุ๋ยไหลลงไปบำรุงต้นจัน ทุกปีก็แอบไปดูเรื่อยมา แต่ไม่มีลูกจันให้เห็น ทำให้คิดไปต่างๆนานา สงสัยว่ามันเป็นต้นตัวผู้กระมัง
>> เมื่อเช้าเดินตามนกยูงไปใกล้ต้นจัน มีกลิ่นหอมปะทะจมูก มองตามพื้นเห็นลูกจันลูกเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าเหรียญ 10 บาทไม่มากนัก นึกแปลกใจว่าทำไมผลมันถึงจิ๋วเหลือเกิน แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยในสวนก็มีต้นจันออกลูกแล้ว
(ต้นไม้มีระบบแปลงเพาะกล้าอ่อนที่มหัศจรรย์ ใบแก่หล่นลงมาควบคุมความชื้นและแสงแดดให้ต้นอ่อน)
>> หลังจากนั้นผมสังเกตไม้ชนิดอื่น บางต้นที่เรือนยอดจะมีฝักเมล็ดไม้โผล่ออกมาให้เห็น เราถึงได้รู้ว่า อ้าว ต้นนี้ออกฝักแล้วนะ..พบว่าต้นยางนา ต้นเหรียง มะค่าโมง ต้นมะกอก นัดกันออกผลในปีนี้ ที่ดีใจเพราะเป็นกลุ่มไม้ที่ให้ผลช้า เมื่อมีผลเท่ากับเปิดโอกาสให้เราเก็บเมล็ดไปขยายลูกไม้จากแม่ไม้พันธุ์ดีเหล่านี้ช่วยเสริมกิจกรรมหนึ่งที่เราได้รวบรวมแม่ไม้พันธุ์ดีเอาไว้
Key Word อยากมีความสุขตลอดชีวิต ควรรักต้นไม้ เท่ากับรักกิ๊ก อิอิ
« « Prev : งานวิจัย ไข่ครูบา อิ อิ..
Next : ปากหวานดีกว่าเบาหวาน » »
13 ความคิดเห็น
การเรียนรู้คือยาวิเศษของสมองค่ะ การลงมือทำด้วยช่วยกระตุ้นสมองระเบิดเถิดเทิงเลย ฮิฮิฮิ
ประทับใจกับกลิ่นหอมของลูกจันครับ แปลกดี ที่วัดปีที่แล้วก็เคยไปเก็บแต่ไม่มีเม็ด แต่มาปีนี้ลูกใหญ่มีเม็ดเต็มเลย …ตอนนี้กำลังเพาะได้อาทิตย์นึงแล้วครับ
กลิ่นลูกจันในรถสุดยอด อิอิอิ รอต้นจากรามนี่แหละค่ะถ้าเพาะได้ล่ะเยี่ยมเลย กำลังหาต้นอินอีก เผื่อจะเป็นอิน-จัน ^ ^
ลูกจันเป็นไม้ที่มีความพิเศษซ่อนอยู่ เพียงแต่เรายังค้นหาไม่เจอ
ดังนั้นการปลูกไว้ จึงเป็นการตั้งต้นที่ดี สะสมต้นทุนไม้ดีๆไว้
ในอนาคตจะดีแน่ๆ
สงสัยว่าไม้จัน น่าจะชอบน้ำ ปลูกที่ลำพนคงจะดีกว่าที่สวนป่า ที่นี่ลูกเล็กเหลือเกิน
แต่กลิ่นฉุนหอมแรง
ตอนเด็กๆชอบเก็บลูกจันมาเล่น
กินไม่อร่อยหรอกนะ ฝาดเต็มคอ
สมัยนี้เขาเอามาแช่อิ่ม อบแห้ง อร่อย กินกับน้ำชายามบ่าย
ในประเทศเพื่อนบ้านพัฒนางานถนอมอาหารไปไกลกว่าเรา
เอารูปต้นจัน เก่าแก่ น่าจะหลายสิบปี ที่ข้างศาลากลางลำพูน มาฝากค่ะ
โห ของดีพิเศษเมืองลำพูนเลยนะนี่ ทำไมไม่มีใครเอาไปประชาสัมพันธ์
แหมอยากเห็นๆๆๆปัดๆเสียแล้ว
เรื่องนี้ช็อคซีนีม่าเลยนะ
พอๆกับเรื่องต้นละมุดยักษ์ที่ภูเก็ต ไม่เห็นไม่เชื่อเด็ดขาด เพรามันมหัศจรรย์มาก
ต้นจันเป็นไม้โตช้ามากๆ ต้นขนาดนี้อายุกี่ร้อยปีแล้วก็ไม่รู้
ไม่แน่นะ สมัยพระนางจามเทวี ท่านอาจจะเคยเก็บลูกจันต้นนี้มาแล้ว
แสดงว่าต้นเล็กที่เจอในวัดกับอาราม อาจจะเป็นหลานเหลนโหลนต้นนี้ก็ได้
โหๆๆๆๆๆๆ บอกคนลำพูนรักษาไว้ให้ดี เพราะเป็นของดีที่มีชีวิต
แถมยังมีผลออกมาอีกด้วย ทึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ต้นนี้ อาจจะเป็นต้นจันที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้
ทางจังหวัดน่าจะให้ความสำคัญกว่านี้
เช่น ทำรั้วกั้นล้อมรัศมีออกห่างจากต้นอย่างน้อย 10 เมตร
เพื่อไม่ให้น้ำหนักรถไปกดทับบริเวณราก
ไม่เคยพบเคยเห็นต้นจันใหญ่โตขนาดนี้ เห็นด้วยว่าเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก(เพราะต้นที่ใหญ่กว่านี้ยังไม่เห็น อิอิ) เห็นด้วยว่าจังหวัดน่าที่จะอนุรักษ์ แล้วเอาเมล็ดไปเพาะขยาย เหมือนขนุนจากในวังหลวงที่ีเอามาขยายกันทั่วประเทศแล้ว…ขายความคิดให้เกษตรจังหวัด อบจ. ฯลฯ ด่วนที่สุด ก่อนมันจะแก่ตายไปก่อน
เห็นด้วยกับพี่บางทราย จะรับไปขยายเพาะพันธุ์แจกกันปลูกกันเยอะๆนะครับ
ต้นจันเป็นต้นที่น่าค้นหาจริงๆครับ
ผมเพิ่งรู้ว่าในต้นเดียวกันจะให้ผลอยู่ 2 แบบ แบบที่มีเมล็ด เรียกว่าจันโอ ลูกจะกลมเป็นตัวโอ ส่วนลูกแป้นๆแบนๆ เรียกว่าจันอิน หรืออินจัน ไม่มีเมล็ด เป็นแบบทูอินวันในต้นเดียวครับ
ถ้าแต่ละคนช่วยกันปลูกป่าคนละต้นต่อเดือนเราจะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นในประเทศเดือนละเกือบ20 ล้านต้น ปีละ 240 ล้านต้น แล้วถ้า 10 ปีผ่านไป บ้านเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่แห้งแล้งอีกต่อไป