มาจะกล่าวบทไป เจ้าเป็นไผ 2
>> ปกติเวลาเขียนอะไรแล้วแป้ก ! ดึงความคิดคำนึงออกมาไม่ได้อย่างใจ ผมจะวิ่งไปอาบน้ำ ระหว่างอาบก็เค้นคิดถึงเรื่องค้างคาใจ พอตักน้ำรด ถูตัวไปมา ความคิดแบบปิ๊งแว๊บ ๆ จะโผล่มาเสมอ.. คราวนี้ก็เช่นกัน นั่งเคาะแป้นพิมพ์เหมือนคนใจลอย ตัวหนังสือกลิ้งไปกลิ้งมาหาจุดคลิกไม่ได้ ..ขืนเป็นเช่นนี้หวังสว่างคาตา ส่งการบ้านน้าอึ่งไม่ได้ละยุ่งแน่ โดนปรับกาแฟเย็นกี่่ร้อยถ้วยไม่รู้ได้ จะอ้อยสร้อยอยู่ทำไมละ ก็แจ้นไปอาบน้ำนะสิครับ สูตรนี้ได้ผลเสมอ นึกถึงหน้าคุณตฤณ ตัณฑเศรษฐี อันดับแรกเห็นไม้โปรแทรกเตอร์ลอยมา ..คนอะไรก็ไม่รู้ ตรงไป ตรงมา ตรงแน่วอย่างที่สุด เพิ่งจะมีอิ ๆ เอ๊ะ ๆ บ้างก็ตอนหลัง ๆ นี้หรอก ลำดับสองเห็นปฎักลอยมา..ลำดับสามเห็นซาลาเปาลอยมา ลำดับสี่..ลำดับห้า..
>> ครูอึ่งเล่าว่า..บทความที่รอกอดเขียนลึกซึ้งถึงแก่น อ่านแล้วรู้สึกเสมือนอยู่ท่ามกลางความเคร่งครึมยังไงไม่รู้นะ บางทีอยากจะถามความเห็น..แต่ก็ขยาดไม่กล้าตอแยกับคำตอบแบบฟ้าผ่า ติดตามอ่านสม่ำเสมอ มีความรู้สึกว่ามีรังสีแผ่ออกมา จะว่าดุก็ไม่ใช่ เพราะเนื้อหามันใช่เลย คล้ายกับเป็นพระวินัยธร สารวัตรนักเรียน ผู้คุมกฎ ผู้คงแก่เรียนอะไรทำนองนั้น ถ้าเป็นหมู่กำลังภายในคงยกไว้ระดับท่านเต๊กม้อ แต่ฉายาที่อุ้ยเรียกว่ารอกอดนั้นก็ใช่ เทพก็ใช่
>> เขาคือใครกันแน่ เรื่องนี้น่าจะยกให้ครูอึ่งเขียน แต่เวลากระชั้นชิดเช่นนี้ก็ขอกดแป้นต๊อก ๆ ต่อไป โดยส่วนตัวแล้วผมนึกถึงวิธีเรียนแบบเจาะความรู้ ไม่รู้เจาะยังไงถึงรู้พลิกคว่ำพลิกหงายในทุกด้าน เขียนเรื่องธรรมะได้อย่างกับเป็นเจ้าอาวาส บทความเกี่ยวกับทางด้านการบริหารถือว่าสุดยอดเช่นกัน เรื่องการเมืองเรื่องเศรษฐกิจสังคม เทคโนโลยี การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การถ่ายรูป และเรื่องอื่น ๆ สารพัดสารพัน สงสัยและเข้าใจไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเรียนมาอย่างไร เป็นคนหัวโตมันสมองก็คงโตด้วย กระแสความคิดวิ่งพล่านตลอดเวลา กลางคืนใช้ชีวิตเหมือนนกฮูก ดึกดื่นค่อนคืนคอยตระเวนท่องยุทธภพ ชอบซาลาเปา ไอติม ซูกัส หนังไก่ทอดกรอบเป็นอาหารจานโปรด
>> รอกอดคิดมากกว่าพูดหลายพันเท่า ถ้าไม่เป็นเหตุเป็นผลก็จะไม่พูดให้เปลืองพลังงาน ทำหน้าเฉย ๆ สนุกอยู่กับครุ่นคิดเงียบ ๆ ยกตัวอย่างเรื่องนี้..นับเป็นโบนัสพิเศษที่ครูบา พาคณะลูกหลานไปเยี่ยม “ฤๅษี” เมื่อถามว่าทำไมจึงเรียกฤๅษี ..
ก่อนไป ครูบาฉายหนังโฆษณาไว้ว่าไปดูหมู่บ้านเฮในอนาคตกัน เอ๊ะน่าสนใจ แต่พ่อครูบาพูดอะไร ไม่มีชั้นเดียวหรอกครับ เราจะได้แค่ไหน ก็อยู่ที่เราคิดแค่ไหน บางทีท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่เราคิดไตร่ตรอง เรากลับได้บางอย่างที่พิเศษ เป็นหลักคิดที่นำไปประยุกต์ในเรื่องอื่นได้ด้วยซ้ำไป ถ้าเราฟังคำชวน “ไปดูหมู่บ้านเฮในอนาคตกัน” เฉย ๆ ก็คงตีความไปตามนั้น ว่าจะเป็นเห็นภาพอนาคตของหมู่บ้านเฮในทางกายภาพ มีแปลงพืชผักอะไรบ้าง ปลูกต้นไม้อย่างไร มีสิ่งปลูกสร้างอะไร จัดการน้ำอย่างไร ระบบชลประทาน การกำจัดขยะ ฯลฯ แต่ผมตั้งใจไปดูอะไรที่มากกว่านั้น ผมไปเรียนหลักการการดำรงชีวิต วิธีมองสิ่งต่าง ๆ การเอาชนะข้อจำกัดและพึ่งตนเองให้ได้ แล้วก็ได้เรียนตามนั้นครับ มองเห็นว่า…
>> ผมยังจำได้เมื่อครั้งที่เสือออกจากถ้ำครั้งแรก รอกอดขับรถมาร่วมงานกับพวกเราที่สวนป่า ด้วยกระบวนการชีวิตและสังคมของชาวเฮฮาศาสตร์ ทำให้เรามีโอกาสเข้าประชิดตัวท่านผู้นี้ ต้องขอบใจหมอเบิร์ดทีสร้างวีรกรรมกอดอย่างจั๋งหนับต่อหน้าธารกำนัล หลังจากนั้นก็มีมหกรรมกอดเรื่อยมา ครูอึ่งได้กอดแล้วก็คงรู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้เจอหน้าก็คุยถามกันสนุก เข้าไปคอมเม้นต์โดยสะดวกสบายใจ ฉายารอกอด โดนกอดโดนแซวจนน่วมทั้งตัวและหัวใจตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา.
>> รอกอดเป็นเสมือนตู้เอทีเอ็มทางความคิด ส่งเสริมกระบวนการต่าง ๆ ทั้งที่ปิดทองหลังพระและก้นพระ อ้าว มีเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ พอดี ..เจ้านกยูงตัวผู้ที่รอกอดมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดผม จับเข้าเล้าให้ไปอยู่ร่วมกับนกยูงสาวนาน 1 เดือน เมื่อวันสงกรานต์ผมถือเป็นฤกษ์ดี เปิดกรงให้ออกไปอยู่อย่างอิสระ ตัวเมียแว๊บไปทางหนึ่ง ตัวผู้ก็เดินเหงา ตอนหัวค่ำจะได้ยินเสียงเพรียกหากัน ผมก็นึกว่าคงไม่มีอะไร จนกระทั้งเย็นวันนี้..ชาวบ้านอุ้มพระเอกเข้ามาให้ บอกว่ามันเดินหลงเข้าไปในสวนเขา เกรงว่าจะโดนหมาชาวบ้านกัดเอา จึงอุ้มมาส่ง..ผมถามว่าทำไมถึงจับตัวได้ ชาวบ้านบอกว่านกตัวนี้เชื่อง เดินมาหาจึงจับตัวได้ เอาละสิ..จะปล่อยหรือจะขังละทีนี้ เจ้าสาวก็นิสัยแย่ พอสุขสมแล้วก็ทิ้งให้หนุ่มอกตรมเดียวดาย แบบนี้คงจะต้องหาเจ้าสาวมาให้อีกตัวซะแล้ว จะได้ไม่ต้องง้อคุณสวยใจดำ อิ อิ
>> คนที่คิดแล้วเขียนเคาะกะโหลกแบบนี้หาได้ง่ายที่ไหน
ด้วยเหตุผลนี้นะครับ..ใครอยากรู้ว่าไม้โปรแทคเตอร์เรียกพี่เป็นฉันใด
ติดตามอ่านเจ้าเป็นไผของบุรุษผู้นี้
ถ้าผิดหวัง ยินดีคืนกอดแถมดอกเบี้ยทบต้น อิ อิ
« « Prev : มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผที่ละคน
Next : มาจะกล่าวบทไป ถึงเจ้าเป็นไผ 3 » »
18 ความคิดเห็น
ฮากระจุยเลยค่ะพ่อ 555555555555555
พ่อเรียกคุณตริน ดีกว่า ดร.สุเมธเรียกคุณตะรึน ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตั้งแต่ได้ยินชื่อพี่เขา ตอนที่เริ่มตั้งลานปัญญากับเม้ง รู้สึกทั้งกลัวทั้งเกรง บอกไม่ถูก ไม่ค่อยกล้าคุย
ยิ่งค้นข้อมูลใน Google แล้วเจอข้อมูล โอ้พระเจ้าจอร์จ
วันที่ 19 กลางวันอยู่บ้านครับ แต่2-3 ทุ่ม จะเข้า กทม.
ไม่ธรรมดา
สุดยอดเลยค่ะ ครูบา…เห็นด้วยอย่างยิ่ง สำหรับหนุ่มยิ้มง่ายผู้คอยบอกให้เขียนคำให้ถูกต้อง…อินเทอร์เน็ต…ๆๆๆ อิอิ….
เทวดาใจดี ที่หาได้ยาก เมื่อมีแล้ว พวกเราชาวลานฯ รู้รักษ์ อย่างดีเลยค่ะ
โอ๊ย ว่าแล้วเชียว ถ้านอนดึก ตื่นสาย แถมเน็ตก็ไม่มี จะเกิดอาการเหมือนรูปบนในบันทึก ตอนเพ่งกสินไอติมทอด @ร้านไก่ตะกร้า ขอบพระคุณครับที่เขียนถึง
ทั้งชื่อและนามสกุลของผม ไม่ใช้ น แต่เขียนด้วย ณ ครับ เณร แม้เป็นเด็ก ก็สงบกว่าหนูเยอะ ผมจึงเป็นนักคิดนักบริหารมากกว่านักวิชาชีพไอที คิดก่อนทำ
ตัณฑแปลว่าข้าว เศรษฐีแปลว่าผู้มีทรัพย์ ตัณฑเศรษฐีแปลว่าเศรษฐีข้าว เป็นนามสกุลพระราชทานเมื่อปี ๒๔๕๖ ผมเป็นรุ่นที่ 3 ที่ใช้นามสกุลนี้ ส่วนตฤณแปลว่าหญ้า ใช้ในความหมายว่า ผู้ที่มีปัญญาฉลาดเฉียบแหลมเหมือนหญ้าแพรก
แต่เรียกว่าหัวโตจะง่ายกว่า และนกยูงเจ้าบ่าวเป็นของขวัญจากคนชื่อยาวครับ
ตาหวานอยู่ไหน เข้ามาแก้ตำผิดด่วน
เอาอย่างนี้ดีไหมครับ
ให้คุณหมอจอมป่วนเขียนถึงท่านบางทราย
แล้วท่านบางทรายเขียนถึงหมอจอมป่วน
ที่เหลือผมจะพยายามเขียนให้ทันขีดเส้นตาย วันที่ 18
ที่ผมเขียนไว้แล้วยังลงไม่ได้มีของ
หนูมิม กับ อัยการชาวเกาะ
วิธีเรียนที่ง่ายและมีข้อจำกัดน้อย เริ่มต้นที่ตั้งคำถามให้ถูกต้องครับ
อิอิ อุ้ยแย่ง อินเทอร์เน็ต ของผมซะแล้ว ฮา…
นายตฤณ ตัณฑเศรษฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย (มหาชน) หรือไอเน็ต กล่าวว่า วานนี้ (17 ต.ค.) ที่ประชุมบอร์ดบริหารได้อนุมัติให้เขาลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และประธานคณะกรรมการบริหารแล้ว โดยมีผลทันที เนื่องจากเขาต้องการใช้เวลากับ โครงการ “โอเพ่นแคร์” ซึ่งเป็นโครงการเพื่อสังคม ที่กำลังจะปรับเปลี่ยนสถานะเป็นมูลนิธิภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะยังคงตำแหน่งกรรมการและที่ปรึกษาของไอเน็ต ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ถือหุ้นสูงสุดด้วย “เรื่องนี้ได้บอกกล่าวกับบอร์ดมาตั้งแต่กลางปีแล้ว ไม่ได้เป็นการตัดสินใจฉุกเฉิน และเชื่อว่าขณะนี้ไอเน็ตสามารถทำงานไปได้ มีการกระจายงานชัดเจน ทั้งมีกระแสเงินสดสูงถึง 300 ล้านบาท ที่แสดงถึงความมั่นคงต่อเสถียรภาพและการลงทุนใหม่ ๆ” นายตฤณ กล่าวว่า โครงการโอเพ่นแคร์ เป็นเครือข่ายสื่อสารระบบเตือนภัย และแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างหน่วยงานด้านสาธารณภัยของรัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐ ร่วมลงนามเครือข่าย 5 องค์กร และจะมีอีก 7 หน่วยงานในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหากประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม ก็จะสร้างชื่อไทยเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานด้านภัยพิบัตินานาชาติด้วย
ลาออกจากคณะกรรมการบริษัทเมื่อสองเดือนก่อน แต่ยังเป็นที่ปรึกษาอยู่ ส่วนมูลนิธิจัดตั้งเสร็จแล้วครับ
เรื่องของม็อบ ผมไม่เคยร่วมกับม็อบทุกชนิดนะครับ น่าจะมีวิธีแสดงออกที่ดีกว่านั้น
สำหรับคุณตฤณ ตัณฑเศรษฐี หรือคือคุณรอกอดของพี่น้องแซ่เฮนั้น ในช่วงหลังนี้ป้าจุ๋มได้มีโอกาสพูดคุยและรู้จักมากขึ้น จากการที่ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆของพี่น้องแซ่เฮฯเรานี่แหละค่ะ และในเจ้าเป็นไผภาคพิสดารทั้ง1&2 ก็เห็นด้วยกับทุกความเห็นข้างต้นค่ะ คือเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยประการทั้งปวง เป็นคนดีมีคุณธรรม ฉลาด มีความคิดที่เฉียบแหลม มีเหตุมีผลที่ดีเสมอ เรื่องความมีน้ำใจคงไม่ต้องพูดถึงเพราะพี่น้องแซ่เฮฯคงไม่มีใครปฏิเสธ ดังนั้นในบรรดาพี่น้องแซ่เฮฯนอกจากอุ้ยจันตา(ผศ.ดร.จันทรรัตน์)แล้วคุณรอกอดเป็นอีกคนหนึ่งที่ป้าจุ๋มยิ่งรู้จักก็ยิ่งรักค่ะ…
ในยามที่เอาบันทึกขึ้นไม่ได้ เอารูปลงไม่ได้ หรือมีปัญหาในลาน
ก็จะต้องเดือนร้อนไปถึงท่านคอนทุกที อิอิ
ขอบคุณท่านคอนค่ะที่ช่วยเหลือทุกครั้งที่มีปัญหา
หลังจากถอดใจไปหลายหนแล้ว ไม่ต้องนินทาแล้วนะคะ
ยังงัยก็เขียนบันทึกแน่ๆ รู้ตัวแล้วว่าต้องช่วยกันทำมาหากิน เอิ๊กซ์!!
ยิ้มง่าย นอนยาก ใช้ชีวิตแบบนกฮูกก็ได้
ฝันในใจ ทำรายการในหัว(สมอง)ไปด้วย
มองรอบด้านด้วยคำถามอยู่เรื่อย อยากเรียนอะไร
เป็นหัวหน้าเด็กก็ได้ ทำอะไรง่ายๆด้วยความรู้สึกดี
ไอ้เรื่องที่เขาว่าง่ายของเขานะ เรายากแฮะในบางเรื่อง
จนบางครั้งก็ถูกบ่นแต่เป็นบ่นด้วยความปรารถนาดีเนอะค่ะ
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสสร้างมิตรภาพต่อกัน
แต่มันก็เป็นไปแล้วนิ
เป็นไมตรีที่มีให้ด้วยน้ำใสใจจริง
ที่พึงมากล่าวคำขอบคุณเอาไว้ค่ะ
ขอบคุณนะน้องที่รัก
อ่านบันทึกนี้ ก็ได้รู้จักคุณ Logos เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ก็ได้ยิ้ม ๆ และพยักหน้า อืม จริงด้วยเนอะ พ่อเนอะ ^_^
แต่โดยส่วนตัวไม่รู้ทำไม มองป๋าขา เหมือนเด็กตัวโต ๆ ก็ไม่รู้ค่ะ (แฮ่ ๆ วอนแล้วไง)
เพราะป๋าเป็นคนตรงที่จิตใจดี ลึกซึ้ง ละเอียดละออทุกแง่มุม เป็นคนเลือกคิดเฉพาะเรื่องดี ๆ ในมิติไกล ๆ เพื่อประโยชน์ในวงกว้าง
ถ้าคิดอย่างไรแล้วพูดออกไปเช่นนั้น แปลว่า กำลังมีใจกับเรื่องนั้น ๆ แต่ถ้าไม่พูดอะไร ก็บ๊ายบาย ง่าย ๆ อย่างนี้เอง
ต้องบอกว่าครูปูเป็นอีกคนที่ชอบอยู่ใกล้ ๆ ป๋า เพราะทุกครั้งจะถือเป็นโอกาสที่ได้รับความรู้และประสบการณ์แห่งวิธีคิดแบบสำเร็จรูป
ซึ่งไม่ได้คิดเลียนแบบหรอกค่ะ บางอย่างก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ เพราะบริบทมันต่างกัน แต่ใช้เทียบเคียง และใช้เตือนตัวเองอยู่ในห้วงคิดคำนึงได้เป็นอย่างดีค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะ ถ้าบางครั้งอาจแหย่ป๋าเล่นเกินเลยบ้าง (บ่อย)
แค่บางครั้งรู้ตัวว่าต้องทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นเครื่องมือ (ฟังดูน่าสงสารขึ้นไม๊คะ?)
และบางครั้งก็ตั้งใจอยากได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจริง ๆ (เพราะถ้าทำให้ป๋ายิ้มได้แล้ว คนอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา กร๊ากกกกกกกกกก)
ขอบคุณโอกาสสำคัญอันดีนี้ของชีวิตที่ได้รู้จัก และเรียนรู้จากป๋านะคะ
ด้วยความประทับใจและขอบคุณค่ะ