กว่าจะเป็นโมเดลบุรีรัมย์
พี่น้องครับ ผมต้องใช้เวลาปั้นดินทรายที่แห้งแล้งให้เป็นป่าผืนเล็กๆขึ้นมา ด้วยการใช้เวลาไปมากกว่าค่อนชีวิต ที่แทบไม่ได้ทำอย่างอื่นอย่างใดกับใครเขาเลย ก้มหน้าก้มตาสะเปะสะปะในพื้นที่ปลูกต้นไม้ ไ ม่ มี อ า ชี พ อื่ น แ ล ะ ก า ร ง า น อื่ น ด้ ว ย น ะ .. ผมเหนียมอายที่จะตอบว่ามีอาชีพอะไร? ครั้นจะตอบว่า..มีอาชีพปลูกสร้างสวนป่า ตามที่ระบุไว้ในโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาปลูกสร้างสวนป่า ที่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และรับเหรียญรางวัลของFA0. ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดเต็มปากเต็มคำ..เพราะพูดไปก็ยากที่ใครจะทำความเข้าใจได้ แม้แต่สถาบันการเงินก็ยังไม่มีมาตรการเงินกู้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง
ก า ร นำ พ า ค ร อ บ ค รั ว อ อ ก น อ ก ลู่ น อ ก ท า ง ก ร ะ แ ส สั ง ค ม
มั น เ จ็ บ ตั ว จ น ห นั ง กำ พ ร้ า ถ ล อ ก ป อ ก เ ปิ ก อ ย่ า ง นี้ แ ห ล ะ
ทำไงได้..ในเมื่อเรากำหนดเอง ก็ควรรับเละรับทุกอย่างเอง
มาวันนี้..วันที่สรุปบทเรียนฉากใกล้สุดท้าย ซึ่งไม่ง่ายเลยถ้าไม่มีคุณชายและลูกสาวขันอาสา มาระดมพลังทำงานแบบหัวชนฝา ที่มีเรื่องลุ้นระทึกทุกๆ3เวลาก่อนอาหาร เ มื่ อ คื น ค น ทำ ห นั ง สื อ ยั ง อ ด ห ลั บ ขั บ ต า น อ น เ ขี ย น สิ่ ง ที่ เ รี ย ก ว่ า ถ อ ด บ ท เ รี ย น แหม..นึกว่าจะเข็ดหลาบรึอ่อนเพลียจนแผ่สองสลึงหลับนอน ยังมารำพึงรำพันต่อเสียยืดยาว แล้วให้ผมคอมเมนท์ ..เอาละสิ..ค น ที่ จุ ก จิ ก ก ว น ใ จ คุ ณ เ ธ อ ทั้ ง ห ล า ย ใ น เ รื่ อ ง ค อ ม เ ม น ท์ . . คราวนี้ โ ด น ย้ อ น ศ ร ใ ห้ ค อ ม เ ม น ท์ เ สี ย เ อ ง . .
ผมอยากจะบอกว่า ..นี่ไงมหากาพย์แห่งการทำหนังสือ ฉบับที่ได้ประมวลผลคนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่เรียกว่ากองบรรณาธิการ ที่ต้องทำงานแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ยอมทุ่มเททุกอย่าง ทุกอย่างที่เหมารวมถึง-กำลังกาย-กำลังใจ-กำลังสติปัญญา มีเท่าไหร่โป๊ะลงหมดหน้าตัก..ท่ามกลางความบีบคั้นที่มาจากรอบทิศทาง
คณะทำงานโดนบีบ บีบ ๆๆ จนเหลือแต่หัวกะทิ ..
ผมอยากให้ท่านผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ ได้รับทราบอะไรที่อยู่เบื้องหลังบ้าง เพื่อจะได้สัมผัสวิถีความดีของคนดีที่เรารู้จัก ว่าที่เขาทำอย่างนี้ได้เพื่ออะไรเพราะอะไร ..กว่าจะจับตัวอักษรออมาจากป่ามาร้อยเรียงได้นั้น ต้องชำระคราบไคลไปกี่ครั้ง แม้แต่ตอนท้ายๆที่จับอาบน้ำทาแป้งก่อนจะส่งขึ้นแท่นพิมพ์ ก็ยังดึงมาส่องกระจกจนเวียนหัว..
ผมอยากให้ “แม่หยิบ” และท่านที่อุปการคุณหนังสือเล่มนี้ได้รับรู้เรื่องหลังโรง ว่าที่ท่านช่วยกันอ่านสะดวกสบายนั้น คนที่ทำถูกกดดันจนอ้วกแตก! แต่เขาหายเหนื่อยจนปลิดทิ้งถ้าเห็นหนังสือโมเดลบุรีรัมย์ไปอยู่ในมือของท่าน ..เมื่อทุกอย่างเดินหน้าได้ทันครรลองของลิขิตฟ้า.. สามารถนำเสนอในงานที่โผล่ขึ้นมาแบบฟ้าผ่า!
เราจะไปเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ที่ตึกสันติไมตรีครับผม..
และที่สำคัญโดยบังเอิญหรืออย่างไรก็สุดอธิบายได้
การประชุม r2r ครั้งที่ 5 “วิถี R2R: เรียบง่าย คุณภาพ ครบวงจร”
การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากงานประจำสู่งานวิจัย(R2R)ครั้งที่5
“วิถีR2R:เรียบง่าย..คุณภาพ..ครบวงจร”
10-12กรกฎาคม2555
ณ ศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่มเมืองทองธานี
จัดโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย R2R
คือ…การร่วมวงสุนทรียสนทนากับปราชญ์แห่งชีวิตสองท่านคือ…
วันพุธที่ 11 กค. 2555 เวลา 10.30 - 12.00 น.
ห้องGrandDiamondBallroom:
“ใครๆ ก็ทำ R2R กัน”
วิทยากร: ปราชญ์พ่อสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ (Sutthinun Pratchayapruet )
อาจารย์วิเชียร ไชยบัง ผู้อำนวยการโรงเรยนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ (โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา)
ซึ่ง..ประเด็นแห่งสุนทรียสนทนานี้…นำไปสู่การเรียนรู้ในประเด็นที่ว่า…
1.อยากให้เล่าบริบทในงานของตัวเองก่อนว่าทำงานด้านไหน เมื่อเกิดปัญหาแล้วแก้ยังไง โดยใช้แนวคิดเชิงวิจัย (R2R) อย่างไร เช่น วิธีตั้งคำถาม การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
2.จากการทำงานนี้ เกิดการเรียนรู้ในชุมชน/องค์กรอย่างไร มีการนำความรู้นี้ไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างไร มีการกระจายไปภาคอื่นๆ หรือไม่อย่างไร
**อยากให้เน้นที่กระบวนการเรียนรู้ของบุคลากร/องค์กร และการสนับสนุนที่ให้นี้ ทำอย่างไรในเชิงโครงสร้าง จึงเกิดขึ้นมาได้
และสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังก็คือว่า…อยากให้ผู้เข้าร่วมฟังได้เกิดการเรียนรู้ในวิธีคิด และการเรียนรู้จากวิทยากรทั้งสองท่านค่ะว่า ตลอดชีวิตแห่งการงานนั้น มีสิ่งใดบ้างที่เกิดเป็นประเด็นแห่งการเรียนรู้เกิดขึ้น …
ใน เวทีนี้ … คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่หลายๆ ท่านจะได้รับโอกาสที่ดีที่ร่วมฟัง เรื่องราว เรื่องเล่า…ผ่องถ่ายจากประสบการณ์ถือเป็นความงดงามแห่งชีวิตการงาน
ท่านคงเห็นโจทย์บนเวทีวันที่ 11 ก.ค. แล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ทราบว่าประเด็นหลักๆมันมาจ๊ะกันได้ยังไง ถึงตอนผมโม้..ผมก็จะบอกว่าเรื่องมันยาว..ฟังที่เล่าบนเวทีมันเป็นแค่น้ำจิ้ม..ถ้าอยากได้มหานทีคุณพี่ต้องอ่าน ..”โมเดลบุรีรัมย์” จึงจะได้คำตอบครบถ้วนตามที่ผู้ดำเนินการสนทนาจุดประเด็น อนึ่งผมทราบว่าเครือญาติคนสวยชาวFB.หลายท่านจะไปพบปะกัน ขอลายเซ็นคุณชายและคณะบรรณาธิการ นับเป็นมหาโอกาสดีเหลือเกิน ที่เราจะได้ให้กำลังใจ
ค น ที่ เ สี ย ส ล ะ สุ ข ส่ ว น ตั ว มา เ พิ่ ม ค ว า ม สุ ข ใ ห้ ส่ ว น ร ว ม ..
ความเหนื่อยยากเดินทางมาถึงป้ายจอด เราสามารถเก็บความรู้สึกที่เรี่ยราดตามรายทางระหว่างทำงานให้ทันเวลา เพื่อจะมาบอกเล่าหมายเหตุแห่งชีวิตต่อหน้าผู้คนที่ลงทะเบียน 2,000 คน เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยแม้แต่จุดเดียว การสรุปบทชีวิตของชาวป่าที่ผ่านมา30ปี ทีมีแต่น้ำลายกับกำปั้นเป็นปัจจัย ดิ้นรนทำงานบนฐานความไม่พร้อม พอถึงตอนถอดบทเรียน บ ท ที่ ว่ า นี้ มั น ติ ด เ ชื้ อ ค ว า ม ย า ก ลำ บ า ก ป ะ ป น ม า กั บ จ น ถึ ง อั ก ษ ร ตั ว สุ ด ท้ า ย
จ ง ภู มิ ใ จ เ ถ อ ะ คุ ณ ช า ย
ถอนลมหายใจ ร ะ บ า ย ค ว า ม ห นั ก ใ จ อ อ ก ไ ป ใ ห้ ห ม ด
เ ปิ ด รั บ ค ว า ม ห นั ก แ น่ น ใ ห้ ก ลั บ ม า อ ยู่ ใ น ตำ แ ห น่ ง เ ดิ ม
ค ว ร ห ลั บ พั ก ย า ว ๆ อ ย่ า ง อิ่ ม สุ ข
ขอบคุณมากมาย..จ น ไ ม่ รู้ จ ะ เ ขี ย น ว่ า ยั ง ไ ง
รวบรวมแรงไว้ไปเซ็นชื่อให้คนที่รักหนังสือเล่มนี้ก็แล้วกัน
อิ อิ ..