ต.ท.หลงลับแล
เย็นวันเสาร์ขณะที่กำลังทานอาหารเย็นเสร็จอาอึ่งก็มาเคาะประตูบ้าน และนำทุเรียนที่ครูบาซื้อมาฝากจากอุตรดิตถ์มาให้ อาอึ่งบอกว่าทุเรียนลูกนี้เป็นของขวัญจากครูบาที่หนูเขียนบล็อก หลังจากนั้นก็ทำพิธีส่งมอบทุเรียนกันค่ะ
น้องทุเรียนหน้าตาน่ารัก(???)ผิวสีเหลืองเป็นหนามส่งกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอมากเลยค่ะ เมื่อชื่นชมความงามของน้องทุเรียนกันแล้วอารามก็ควักมีดออกมาผ่าลงบนผิวของน้องทุเรียนทันที เมื่ออารามปอกเสร็จน้องทุเรียนสีเหลืองอ๋อยก็ออกมาโชว์ชวนให้น้ำลายสอค่ะ อาอึ่งกับอารามก็ลองชิมดูก็บอกว่าอร่อยแต่หนูชอบแบบเย็นๆเลยเอาไปแช่ตู้เย็นรอมันเย็นแล้วค่อยเอามากินค่ะ วันนี้หนูเลยสัญญากับอาอึ่งว่าจะเขียนบันทึกหนึ่งเรื่องเพื่อเป็นการตอบแทนครูบา และหนูก็ขอใช้โอกาสนี้ขอขอบคุณครูบามากเลยนะคะ ที่ฝากทุเรียนหลงลับแลแสนอร่อยมาให้หนูค่ะ เป็นของฝากที่หนูถูกใจมากเลย ส่วนคำว่า ต.ท.หลงลับแลนี้คือชื่อย่อของคำว่า ตอบแทนหลงลับแล โดยชื่อนี้อาสร้อยเป็นคนตั้งให้ค่ะ
หลังจากเมื่อวานได้รับทุเรียนจากครูบาไปแล้ววันนี้หนูก็ได้มีโอกาสไปพบคุณอาเปลี่ยนมาค่ะ ตอนแรกหนูนึกว่าอาเปลี่ยนจะเป็นชายร่างใหญ่แต่เมื่อได้มาเจอตัวจริงก็พบว่าหนูคิดผิดเพราะความจริงแล้วอาเปลี่ยนเป็นชายร่างเล็กน่ารักเหมือนอารามเลยค่ะ อิอิ ในทัวร์ครั้งนี้ก็มีอาสร้อยมาร่วมทัวร์ด้วยโดยเริ่มจากการไปที่ทำกระดาษสาที่สันกำแพงค่ะ ได้มีโอกาสชมการทำกระดาษสาอย่างใกล้ชิด เวลาลงลายบนกระดาษสาจะใช้แม่พิมพ์ชุบพาราฟินแล้วปั้มลงกระดาสาสีขาวเพราะพาราฟินจะช่วยให้ลายเกาะกระดาษ จากนั้นก็นำไปลงสีก็จะได้กระดาษสาสวยๆมาใช้แล้วค่ะ
พอมาบุกที่ทำกระดาษสาถึงที่แล้วก็ไปทานข้าวกันที่ร้านข้าวซอยฮ้อซึ่งเป็นร้านอาหารอิสลามรสชาติอร่อยมากเลยค่ะ ส่วนเมนูที่หนูชอบมากที่สุดก็คือซามูซาอร่อยมากเลยถ้าใครได้มาเที่ยวเชียงใหม่ก็อย่าลืมมาแวะชิมข้าวซอยอิสลามที่ร้านข้าวซอยฮ้อนะคะ นอกจากจะมีข้าวซอยแล้วยังมีอาหารอิสลามอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลยค่ะ
« « Prev : เคยเห็นน้องหมาฝรั่งไหมคะ !!!
Next : ปฏิบัติการตามล่าหาไผ่ » »
7 ความคิดเห็น
เขียนดีเขียนเก่งย่อมได้รับรางวัลเป็นธรรมดา ฮ่าๆๆๆๆๆ
ฝากหนูไปทำวิจัยด้วยว่าข้าวซอยนี้มีที่มาอย่างไร ลุงเดาไว้ประมาณ 12 ปีแล้วว่า ข้าวซอยนี้ต้นตำหรับมาจากไทยใหญ่
ประเทศไทยของเราไม่ค่อยสนใจศึกษาวิจัยอะไรให้ถ่องแท้ ไม่อยากรู้อยากเห็น จนเป็นนิสัยประจำชาติ หนูต้องไม่เป็นอย่างนั้นนะ
ขอบคุณมากค่ะครูบา ฮ่าๆๆๆๆ
คุณลุงทวิชขา หนูได้ไปค้นจากอินเทอร์เน็ตมาแล้วนะคะ ในอินเทอร์เน็ตเขาบอกว่า ข้าวซอยมีต้นกำเนิดจากชาวจีนมุสลิมที่อพยพมาอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยและประเทศลาว แต่เดิมข้าวซอยไม่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ เรียกว่าข้าวซอยน้ำใส ต่อมาได้มีการเพิ่มกะทิเข้าไปจนเป็นที่นิยมอย่างมากและกลายมาเป็นลักษณะข้าวซอยที่รู้จักกันในปัจจุบัน ข้าวซอยจึงเป็นผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างอาหารจีน อาหารตะวันออกกลางและอาหารเอเชียอาคเนย์ค่ะ
นานๆมาเขียนที สำนวนการเล่าเรื่องยังทำให้เห็นภาพตามได้เหมือนเดิม
เขียนได้ดี เก็บเกร็ดละเอียดละเมียด เหมือนใครนะเนี่ย
อาสร้อยประทับใจตั้งแต่ได้มีโอกาสนั่งเทียบความยาวของขาในรถ ระหว่างคนตัวเล็กๆน่ารักจำนวนหนึ่งกับคนตัวสูงน่ารักคนหนึ่งเลยค่ะ
อย่าเพิ่งด่วนสรุปนะหลานเอ๋ย ว่าข้าวซอยมาจากจีน
เอกสารในอินเตอร์เน็ต มันมีขยะมาก ต่างคนต่างเขียนตามอารมณ์ ต้องเฟ้นหน่อย
การวิจัยมันต้องมีหลักฐานที่มัดแน่น น่าเชื่อถือ นะหลาน
ขนมจีน ชื่อก็บอกว่ามาจากจีน ตอนนี้ว่ามาจากมอญอีกแล้ว
แต่ลุงว่ามาจากอีสาน ชื่อเดิมคือ “ข้าวปุ้น”
จากนั้นกลายเป็น “ข้าวปุ้นนำเงี้ยว” ที่ไม่มีใครรูว่าคืออะไร จนลุงนี่แหละเป็นคนแรก ที่เสนอว่า เป็น หนมจีนไทยใหญ่ จนวันนี้ส่วนใหญ่เชื่อตามลุงไปแล้ว ซึ่งลุงอาจผิดก็ได้ แต่คนอย่างลุง ผิดยาก 555
ลุงเดาแต่แรกว่า แกงฮังเล มาจากไทยใหญ่ ก็ไม่ผิด มิไยหลายคนจะนิยมต่างด้าว บอกว่ามาจากพม่า
เชื่อลุงสิ ข้าวซอยมาจากไทยใหญ่ ถ้ามาจากจีนป่านนี้ไม่ได้ชื่อว่า ข้าวซอยหรอก เช่น ก๋วยเตี๋ยว บ๊ะจ่าง นั่นปะไร มันมีชื่อไทยไหม คนไทยเรามีนิสัยเห่อต่างชาติมาก อาหารไทยแท้ๆ เช่น ข้าวปุ้น ยังเรียกให้เป็นขนมจีนไปได้ สำมะหาอะไรกับอาหารที่เป็นชื่อต่างด้าว
กล้วยแขก ไม่มีในเมืองแขก ของไทยแท้
ลอดช่องสิงคโปร์ก็ของไทยแท้ (แต่แป้งมันมันมาจากสิงคโปร์ ก็เลยเรียกเสียโก้)