The Amazing Trip
ท้องฟ้าสดใสอากาศสดชื่นเหมาะแก่การผจญภัยยิ่งนัก รถยนต์บ้านทะเบียนลำพูนทะยานมุ่งหน้าสู่ถนนกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ทอดยาวสู่ภาคตะวันออกของประเทศไทย…
เปิดเรื่องมาอย่างยิ่งใหญ่โอเว่อร์อลังการ ความจริงไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ นี่ก็เป็นเพียงบันทึกเรื่องราวไร้สาระเรื่อยๆเปื่อยๆของ ด.ญ.เสื้อสีส้ม คนนี้เท่านั้นเองแหละค่ะ ช่วงวันหยุดยาววันวิสาขบูชาที่ผ่านมา คุณอาที่มักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาก็มีช่วงเวลาพักผ่อนเล็กน้อย ครอบครัวของหนูก็เลยได้มีโอกาสไปเยี่ยมถิ่นผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก ระยองฮิ มาค่ะ
แต่เพราะว่ามันคือ The Amazing Trip มันจึงไม่ใช่เพียงแค่ทริปท่องเที่ยวธรรมดาทั่วไปๆ ขึ้นชื่อว่าการท่องเที่ยวมันก็ต้องเต็มไปด้วย ความตื่นเต้น ความสนุกสนาน เช่นเดียวกับทริปสู่ระยองครั้งนี้
เหตุการณ์ The Amazing ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางบนถนนสายพิษณุโลกมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เส้นทางที่ยังอีกแสนยาวไกลชวนให้ง่วงนอนเบื่อหน่าย คนขับก็เหนื่อยล้าจากแสงแดดเปรี้ยงๆ.. ทันใดนั้นก็ปรากฏจุดสีส้มๆตัดกับสีของถนนสีเทาๆสะท้อนแสงแดด เมื่อเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ๆจุดสีส้มๆก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นปรากฏให้เห็นพระธุดงค์ 3 องค์ กำลังเดินด้วยเท้าเปล่าบนถนนลาดยางกลางแดดตอนกลางวัน มีเพียงย่ามหนึ่งใบ และกลดหนึ่งลัง มือข้างขวาก็ยกขวดน้ำเปล่าที่ว่างเปล่าชูขึ้นโบกเพื่อบอกเป็นสัญญาณว่าต้องการน้ำ
4 ชีวิตบนรถต่างตื่นตะลึงจนขับเลยไป แล้วก็รีบเบรกดัง เอี๊ยด! รีบค้นหาน้ำในรถอย่างเร็วไว แต่ก็พบเพียงขวดน้ำที่เปิดดื่มแล้ว รอจนกระทั่งพระใกล้เข้ามา อารามจึงลงไปถามว่ารับน้ำที่เปิดแล้วได้ไหม
“ไม่ดีมั้งโยม มันจะเป็นบาปแก่ยอมเองนะ ให้รถมอเตอร์ไซค์ขับไปซื้อดีไหม”
หลวงพี่ตอบกลับมา ด้วยแรงใจศรัทธาอันแรงกล้าเราจึงขับรถเพื่อค้นหาร้านค้าขายน้ำ แต่โชคร้ายร้านค้าบนถนนสายนี้ช่างหายากเหลือเกิน ไม่มีแม้แต่แหล่งชุมชน อาการเบื่อหน่ายที่มีก็หายเป็นปลิดทิ้ง ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นกับภารกิจการตามหาน้ำครั้งนี้ ขับรถมาไกลหลายกิโลกว่าจะพบกับร้านค้า จึงซื้อน้ำมาหลายขวดไปให้พระธุดงค์อย่างไม่กลัวท่านจะหนัก(กลัวว่าจะหิวน้ำมากกว่า)
เมื่อขับรถวนกลับมาก็รีบนำไปถวายแก่พระธุดงค์ทั้ง 3 องค์ และยังมีคุณป้าใจดีชาวสุโขทัยมาร่วมถวายน้ำแก่พระธุดงค์อีกด้วยค่ะ รวมระยะทางไปกลับแล้วก็หลายกิโล แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความอิ่มเอมใจ ถึงแม้เส้นทางจะอีกยาวไกลก็ยังคงร่าเริงกันต่อไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความดีที่ได้ทำไว้ หรือเป็นเพราะว่าเป็นวันวิสาขบูชา แต่ที่แน่ๆปรากฏการณ์ทางธรรมชาติช่างสวยงามยิ่งนัก เมื่อบนถนนทางด่วนสาย กรุงเทพฯ-ชลบุรี ได้เกิดปรากฏการณ์พรอาทิตย์ทรงกลดสองชั้นขนาดใหญ่ขึ้น ทุกหัวในรถต่างพยายามเอาหน้าติดหน้าต่างยืดหัวยืดคอสุดความสามารถ สองมือก็กดถ่ายรูประรัว เพื่อที่จะรับชมความงามของพระอาทิตย์ทรงกลด รวมไปถึงรถคันอื่นๆบนถนนด้วยค่ะ บางคนลงทุนถึงขั้นตอดรถข้างทางเพื่อลงมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะคะ
เมื่อเดินทางมาถึงระยองสถานที่เรามุ่งหน้าไปนั้นไม่ใช่ทะเล แต่กลับเป็นสวนผลไม้ โดยเฉพาะคนขับที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเลยค่ะ เมื่อมาถึงคุณลุงเจ้าของสวนกลับบอกข่าวร้ายที่ทำให้คณะเดินทางผิดหวังเป็นสุดๆเลยค่ะ ลุงแกดันบอกว่าทุเรียนหมดแล้ว ที่มีก็ยังไม่สุก แต่ถึงแม้จะเจอกับข่าวร้ายแต่ก็ยังลั้ลลาดีด้ากันได้เมื่อได้พบกับเงาะแดงๆเต็มต้น มังคุดละลานตา ลองกองหวานหอม แถมยังมีอาราม ถึงแม้จะไปตอนเย็นผลไม้ด้านล่างที่เก็บง่ายๆจะเหลือน้อยนิด แต่อารามก็ยังมีความสามารถในการเก็บผลไม้บนต้น ที่ถึงแม้จะอยู่สูงขนาดนั้นก็ไม่คณามือ ทานกันจนคุ้ม จนละอ่อนดอยหละปูนปากเป็นร้อนในเลยค่ะ 55+
มาถึงระยองทั้งทีไม่ไปเล่นน้ำทะเลก็กระไรอยู่ จึงมุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ดด้วยเรือสบีดโบ๊ตในสายวันต่อมา แต่ชาวดอยหละปูนก็เล่นไปนั่งด้านหน้า โดยที่ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปจะหฤโหดขนาดนั้น มันช่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถจะอธิบายเป็นคำพูดได้เลยค่ะ มันเหมือนกับการนำเครื่องเล่นทั้งสวนสนุกมารวมกันแล้วแต่ก็ยังน่าหวาดเสียวกว่า เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเรือที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วปะทะกับคลื่น ก็ต้องเกิดดารกระแทก แล้วสบีดโบ๊ตก็มีรูปร่างหน้าแหงน เล่นเอากระโดดไปมาจนไส้นี้เคลื่อน กระดูกเคล็ดไปเลยล่ะค่ะ เมื่อมาถึงเกาะแล้วก็หลงรักผืนดินเลย
นอกจากนั้นหาดทรายยังสวยน้ำใสคลื่นก็มีตลอด เล่นน้ำสนุกมากค่ะ ส่วนขากลับนั้นก็พร้อมใจนั่งเรือใหญ่กลับเข้าฝั่ง บรรยากาศยามเย็นในทะเลช่างสวยงาม ประทับใจมากเลยค่ะ
จุดมุ่งหมายหลักของทริปนี้คืออาหารทะเลค่ะ กุ้ง หอย ปู จัดมาให้เต็มคราบ ให้คุ้มกับการดั้นด้นมาแสนไกลจากยอดดอยมากินอาหารทะเลลึก การเดินทางครั้งนี้เราออกเดินทางด้วยความตื่นเต้น แต่กลับบ้านพร้อมด้วยความอิ่มเอมใจค่ะ การออกเดินทางมันช่วยให้เราได้ให้ความสำคัญในการดูแลตัวเอง และมองโลกได้กว้างขึ้นนะคะ
อ่านบันทึกนี้แล้ว ก็รีบแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวสักที่หนึ่งกันเถอะค่ะ..
« « Prev : กิจกรรมสุดท้ายในชั้น ม.3
ความคิดเห็นสำหรับ "The Amazing Trip"