ว่าด้วยเรื่องของพ่อที่ไม่กินเนื้อสัตว์
ช่วงนี้ได้อ่านบันทึกพ่อครูบาเกี่ยวกับสุขภาวะอยู่หลายบันทึก ทำให้นึกถึงพ่อ นึกถึงครั้งที่พ่อต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เกี่ยวกับปัญหาเรื่องลำไส้ ย้อนกลับไปประมาณสักสี่ห้าปีก่อน พ่อป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับสำไส้ หมอวินิจฉัยว่า เป็นลำไส้อักเสบ และมีฝีในลำไส้ ครั้งแรกรับการรักษาด้วยการกินยา แต่ก็ไม่หาย อาการก็ยังคงเดิม แถมจะหนักกว่าเดิมอีก
หลังจากจากเข้าโรงพยาบาลอยู่หลายรอบ จนอาการไม่ดีขึ้นเลย หมอจึงได้นัดตรวจโดยวิธีการส่องกล้อง หมอพบฝีในลำไส้ของพ่อ แต่เป็นไม่มาก หมอบอกอาการแค่นี้ผ่าตัดแป๊บเดียวก็หาย แต่ในตอนนั้น เราคิดแล้วหล่ะว่า หมอคงพูดปลอบใจมั้ง แต่เรามารู้เมื่อได้ยินพยาบาลพูดกันว่าหากปล่อยให้เป็นมากกว่านี้ก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้ ดีนะที่เจอเสียก่อน
จากนั้นพ่อจึงได้รับการผ่าตัดเอาฝีก้อนนั้นออก อาการของพ่อก็ดีขึ้น จนหายเป็นปกติ ตอนนั้นหมอแนะนำพ่อให้กินอาหารที่มีกากใยเยอะๆ งดพวกเนื้อสัตว์ที่ย่อยยากๆ ช่วงนั้นยอมรับว่าไม่รู้เลยว่าพ่อตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่กินเืนื้อสัตว์อีกตลอดชีวิต ได้ยินแต่แม่เปรยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะหักดิบได้ขนาดนี้ ถามว่าพ่อทำได้อย่างไร พ่อก็แค่บอกว่า ก็แค่ตั้งใจจะทำ มันก็ทำได้เอง พ่อตั้งใจอยู่สองจุดประสงค์ในการไม่กินเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ คือ หนึ่ง เป็นการทำตามคำแนะนำของคุณหมอ และสอง เพื่อเป็นการทำบุญในบั้นปลายของชีวิต คือการละเว้นชีวิต….แค่นี้เองที่พ่อบอก และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พ่อก็ไม่เคยกินเนื้อสัตว์อีกเลย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ใดๆ
จนในที่สุดแม่ก็ต้องกินตามพ่อไปด้วย เนื่องจากไม่อยากทำกับข้าวหลายอย่าง เพราะยุ่งยากในการแยก ว่าอันนี้อาหารพ่อนะ อันนี้ของแม่นะ อีกอย่างแม่ก็มีจุดประสงค์เดียวกับพ่อ คือ อยากทำบุญในปั้นปลายของชีวิต ด้วยการงดเว้นชีวิตของผู้อื่น
อาหารของพ่อกับแม่ ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางผักต่างๆ และได้โปรตีนจากถั่วเและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร และไข่ ซึ่งพ่อยอมกินไข่(ไข่ฟาร์ม)และนมได้ เพราะเราเชื่อว่าเราไม่ได้เอาชีวิตเขา…เรื่องอาหาร แม่ก็ยังคงทำเป็นอาหารที่เรากินกันตามปกติ เพียงแต่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ลงไปเท่านั้น เช่น น้ำพริกก็ใช้เห็ดฟางปิ้งๆ แล้วมาตำกับพริกสดคั่ว ใส่มะนาว ซีอิ้ว กินกับผักสด เช่น ใบมะกอก มะเขือ แตงกวา ยอดกระถิน ถั่วพลู แค่นี้ก็อร่อยแล้ว แกงส้มก็ทำได้ ยำก็ทำได้ แกงเขียวหวานก็ทำได้ ขนมจีนน้ำยาก็ทำได้ อย่างที่หลายๆ ท่านได้ลองชิมฝีมือแม่มาแล้วเมื่อครั้งมาเยี่ยมบ้าน…..
แต่การกินอาหารเพื่อสุขภาพทุกวันนี้ ออกจะเป็นไปในแนวแฟชั่นหรือกระแสนิยมมากกว่า แต่รับรองได้เลยว่า สื่อต่างๆ มิได้ครอบงำให้พ่อต้องกินอาหารเพื่อสุขภาพ พ่อกินของพ่อเองโดยมิต้องดูจากสื่อใดๆ นึกอยากกินขึ้นมาก็ตั้งใจกินตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ส่วนแม่ก็เป็นผลพลอยได้เรื่องสุขภาพ ส่วนลูกๆ แม้จะงดไม่ได้เลยเสียทีเดียว แต่ก็น้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก เวลากลับบ้านเราก็จะได้ล้างท้องกันเสียทีหนึ่ง เวลากลับไปบ้านไปกินข้าวบ้าน ไม่ว่าจะอยู่สักกี่วัน พวกเราก็ไม่เคยโหยหาเนื้อสัตว์กันเลย แม่ทำอะไรให้กินก็กินไปตามนั้น จนเรารู้สึกได้เลยเวลาที่กลับบ้านเรื่องระบบขับถ่ายของเราจะีดีมาก มันรู้สึกได้เอง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ใครอยากรู้ต้องลองเอง อิอิ…
12 ความคิดเห็น
ก็แค่ตั้งใจจะทำ มันก็ทำได้เอง <– ชอบค่ะชอบ ^_^
ไม่ลองไม่รู้หรอกหนูเอ๊ย
เช้ามาเดินไปเด็ดยอดผัก 2-3 ชนิด
ตอนเด็ดนี่นะมันดัง “เผ๊าะ”
แสดงว่าสดจริง
ของสดย่อมดีกว่าของเหี่ยวเป็นธรรมดา
มาถึงก็ตั้งหม้อ น้ำเดือดๆ ใส่ผักลงไป
ลวกร้อนๆเร็วๆ ใส่เกลือหน่อย ให้ผักสีเขียวสวย
แล้วก็ตักใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
ตักใส่ถ้วย เติมซีอิ้วหน่อย ซอยตะลิงปริงใส่หน่อย
โรยงาคั่ว เอาถั่วลิสงบดผสมเข้าไปนิด
ถ้าเกรงขาดโปรตีนก็ต้มไข่ 1 ฟอง ผ่าซีก ประดับ
นี่เป็นสูตรของต้มลวก
ถ้าเกรงว่ากินผักลวกบ่อยๆจะเบื่อก็เปลี่ยนบ้างสิ
ไม่ได้ยุให้เปลี่ยนแฟนนะเออ..
ถือตะกร้า..ไปเด็ด มะเขือกรอบ ถั่วพู มาซอยบางๆสักขยุ้มใหญ่
จัดใส่จาน แล้วโรยงาคั่ว ตะลิงปลิงซอย ไข่ต้มจะใส่ก็ได้ไม่ใสก็ได้
แต่ที่สวนป่า ห่านออกไข่เยอะ เลยเอามาจัดการ
บางวันก็ใส่ดักแด้นิดหน่อย
แค่นี้ก็อร่อยเหาะ สบายท้อง สบายใจ ไร้โรคา
ไม่เบียดเบียนใคร เบียดคนข้างๆก็พอ คิคิคิคิ..
อ
ผักสดที่เด็ด ดังเผ๊าะนี่ ก็เคยได้ิยินอยู่นะพ่อ แต่นานแหร่ะ
อิอิ
ทานแบบนี้ไม่เบียดเบียนใคร แต่เบียดคนข้างๆ นี่ดิค่ะพ่อ
ไม่สามารถเลย ไม่รู้จะหาใครมาให้เบียดค่ะ
อิอิ…
ขอชื่นชมคุณพ่อและคุณแม่ด้วยคนค่ะ
ใจคนเรานั้นสำคัญที่สุดจริงๆเน้อะ
แวะมาเยี่ยมบ้านครูมิม
ม่ายยยย กิน สัตว์ จ๊ะ ม่ายยย กิน สัตว์
ชอบกินผักค่ะ ชอบกินผัก
อิอิ
ขอบคุณป้าหวานค่ะ…..ตอนนี้ลูกๆ ก็งดสัตว์ใหญ่ๆค่ะ ส่วนใหญ่จะหันมาทานเนื้อปลาแทนค่ะ และเน้นไปทางผักเสียมากกว่า…ป้าหวานสบายดีนะคะ
อ้าว…เพิ่งมาเห็นความเห็นของคุณณิช..ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ไม่ได้เข้าไปดูหลังโรงเลย ก็เลยเกิดการข้ามคิวกันเล็กน้อย….พ่อบอกมิมอย่างนั้นค่ะ แค่ตั้งใจอยากทำ มันก็ทำได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ใจจริงๆ ถ้าใจเราคิดว่าทำได้ มันก็ได้….คนสมัยก่อนแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วยและอายุยืน แต่ทุกวันนี้ผักที่ซื้อตามตลาดก็ไม่ค่อยจะกล้ากิน เพราะสารเคมีเยอะ ต้องล้างให้สะอาดจริงๆ นั่นแหละค่ะ….
ขอบคุณคุณณิชค่ะ..ที่มาเยี่ยม แวะมาอีกนะคะ
ครูโย่งสบายดีไหม ว่าแต่ครูโย่งกินอะไรตัวถึงได้สู๊ง สูง
กินผักหรือเปล่า…อิอิ
สวัสดีค่ะ น้องมิม พี่เคยเห็นพี่ที่ทำงานด้วยกัน ยืมหนังสือสอนลูกให้กินผัก เพราะตัวเองไม่ค่อยชอบผัก ก็ไม่แปลกนะคะ ของอย่างนี้ต้องกินให้ลูกเห็น ลูกสาวพี่ทั้งมะระจีน ขี้เหล็ก ดอกแค ทานกันได้หมด ต้องบอกให้เค้าลองกินก่อนค่ะ
แวะมาเรียนรู้ครับ จะพยายาม ลดเนื้อลง….แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน ผบ.ทบ……อิอิ
อาจารย์แพนด้าค่ะ…นึกภาพออกว่าอาม่าต้องยิ้มแก้มตุ่ย ทำอะไรให้ก็ต้องทาน แต่สิ่งที่อาม่าทำให้เชื่อว่าอาม่าคัดสรรมาเป็นพิเศษแล้วหล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น หายห่วงไปเลย อิอิ
ขอบคุณอาจารย์ค่ะ