ความรักของแม่ที่อยากให้คนไทยได้อ่าน…จากหนังสือพี่น้องสองกษัตริย์
วันแห่งความรักจะมาถึงอีกแล้วในวันพรุ่งนี้
มิมอยากให้ทุกท่านได้อ่าน…อยากให้คนไทยได้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่มีต่อลูก
จึงได้เรียบเรียงและคัดลอกบางตอนของหนังสือ พี่ น้ อ ง ส อ ง ก ษั ต ริ ย์ เล่มนี้มาให้ได้อ่านกัน
เพราะวันแห่งความรักไม่ได้หมายถึงความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น
มิมอยากให้ลูกทุกคนนึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่
แล้ววันพรุ่งนี้เราจะไปกราบแม่ กอดแม่ และบอกรักท่านเนื่องในวันแห่งความรักด้วยกันนะคะ
( ขอยกความดีทั้งหมดซึ่งจะเกิดจากอานุภาพแห่งความรักของแม่และลูก..ที่บังเกิดขึ้นจากการอ่านบทความนี้ให้แก่ผู้เขียนหนังสือ พี่ น้ อ ง ส อ ง ก ษั ต ริ ย์ ค่ ะ )
***************************************************
” ฉันอบรมบุตรให้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ มีทั้งการศึกษาและสุขภาพดี
มีจิตใจดีด้วย นี่คือหลักในการเลี้ยงดูบุตรของฉัน ตอนเขายังเป็นเด็กๆ ฉันก็มีหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของลูก
ต้องคอยดูสุขภาพ ดูสมุดพกให้ ตรวจดูการบ้านให้เขา ให้เขาท่องหนังสือ เพื่อให้สอบได้ดีตั้งแต่เขายังอายุน้อยทีเดียว”
……………………………………………………………………………….
บางตอนในหนังสือ พี่ น้ อ ง ส อ ง ก ษั ต ริ ย์ ที่แสดงถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก
สมเด็จย่า ของปวงชาวไทย แม้พระองค์จะทรงสวรรคตไปนานแล้ว แต่ความรักของพระองค์ยังคงตรึงอยู่ในหัวใจของชาวไทยทั่วทุกแผ่นดิน เป็นที่ทราบกันว่า พระองค์ทรงเลี้ยงพระราชโอรสพระราชธิดาด้วยพระองค์เอง เนื่องจากพระราชชนกสวรรคตตั้งแต่สมเด็จย่ามีพระชนมายุได้เพียง ๒๙ พรรษา นับว่ายังน้อยมาก หากต้องรับภาระในการเลี้ยงดูลูกด้วยพระองค์เอง ทรงเป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน ทรงเลี้ยงดุพระราชโอรสและพระราชธิดา จนพระราชโอรสได้เป็นกษัตริย์ที่ดีถึงสองพระองค์
ส ม เ ด็ จ ย่ า ทรงเลี้ยงพระโอรสพระธิดาด้วยพระองค์เองมาโดยตลอด ทรงอบรมสั่งสอนให้ลูกๆ เป็นคนดี มีธรรมะ ขยัน อดทน ประหยัด และทรงให้การศึกษาเป็นอย่างดี สมเด็จย่าสอนให้ลูกๆ รักชาวไทยและแผ่นดินไทย จนพระราชโอรสได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์ ถือว่าสมเด็จย่าเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
ค ว า ม รั ก ข อ ง ส ม เ ด็ จ ย่ า ที่มีต่อพระราชโอรสพระราชธิดาได้ถูกถ่ายทอดเป็นอักษร ดังความตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงนิพนธ์ถึงสมเด็ดพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่มีต่อลูก อ่านแล้วสร้างความประทับใจมิรู้ลืม ความตอนหนึ่งว่า…
” ลูก ข อ ง ห ม่ อ ม ฉั น ฉันรักอย่างดวงใจ และหม่อมฉันตั้งใจอยู่เสมอที่จะนำลูกไปในทางที่ถูกที่ดีสำหรับจะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ญาติ และบ้านเมือง ตัวหม่อมฉันเองทำประโยชน์อะไรให้ชาติบ้านเมืองได้ไม่มาก แต่ถ้าได้ช่วยลูกๆ ให้ได้รับการอบรมและเล่าเรียนในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแล้วหม่อมฉันก็รู้สึกอิ่มใจเหมือนกัน ”
ทรงนิพนธ์ถึงสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าอีกคราถึงการได้รับยศศักดิ์และการอบรมพระโอรสพระธิดา
” ทั้งลูกและแม่ ไม่มีความต้องการยศและลาภ แต่ทรงรับเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เพราะเห็นว่าเป็นหน้าที่ต่อบ้านเมือง เพราะฉะนั้น จะทำอะไรต่อไปก็ขอให้พูดกันดีๆ อย่าบังคับและตัดอิสรภาพ”
” หม่อมฉันไม่เคยอยากได้ยศศักดิ์แต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่หม่อมฉันต้องการก็คือ มีโอกาสอบรมลูกให้เป็นคนดี จะได้ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้”
ในช่วงเวลาที่ ร.๘ ขึ้นครองราชย์รัฐบาลได้กราบทูลให้สมเด็จย่า ร.๘ และพระราชวงค์ทรงย้ายจากบ้านพักเล็กๆ ไปประทับอยู่ที่คฤหาสน์ใหญ่ๆ ให้สมพระเกียรติของกษัตริย์ไทย เรื่องนี้สมเด็จย่าได้มีจดหมายถึงพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี สมเด็จย่าของในหลวง ถึง ๒ ฉบับ
จดหมายของสมเด็จย่าดังกล่าวได้แสดง ให้เห็นถึงพระหทัยอันงดงามของสมเด็จย่า ที่ทรงยึดถือพระองค์และราชบุตรราชธิดาเช่นสามัญชนทั่วไป ไม่ถือพระองค์ว่าทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทรงมีความเป็นอยู่อย่างสมถะ ไม่หลงใหลในลาภยศใดๆ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเลี้ยงดูพระราชโอรสพระราชธิดาทั้งสามพระองค์ให้เป็นคนดี มีความสามารถ นับได้ว่าเป็นจดหมายประวัติศาสตร์ที่ดีมาก
และแล้ว…. เมื่อเหตุการณ์วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เหตุการณ์ลอบปลงพระชน พระทัยแทบแตกสลาย!!!!!
แน่นอน…ด้วยความรักและความผูกพันของแม่ทั้งหลายในโลกจะพึงมีต่อลูกอันเป็นสุดที่รักของแม่ เมื่อลูกมีสุขแม่ก็สุขด้วย เมื่อลูกมีทุกข์แม่ก็ทุกข์ด้วย และเมื่อลูกตาย…ชีวิต…วิญญานของแม่ก็แทบสบายตามลูกไป…
การสวรรคตของในหลวง ร.๘ อันเป็นสุดที่รักสุดห่วงแหนของสมเด็จย่า พระราชชนนีซึ่งพระองค์ได้ทรงอุตส่าห์เลี้ยงดูมาด้วยความรักความเป็นห่วงใยมานานถึง ๒๑ ปี ย่อมจะทำให้พระทัยของพระราชชนนีแทบแตกสลายตามในหลวง ร.๘ ไปด้วย
ดังจะเห็นได้จากกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ ต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการสวรรคตของในหลวง ร.๘ แล้ว สมเด็จย่าทรงมีกระแสพระราชดำรัสต่อคณะกรรมการดังกล่าวว่า…
” ฉันร้องกรี๊ดแล้วก็วิ่งไป”
และสมเด็จย่าได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสตอบอัยการโจทย์ในคดี ร.๘ ตอนหนึ่ง ดังนี้
” …พอฉันเห็นพระโลหิตก็ร้องกรี๊ดกร๊าด…และโผทับพระองค์ท่าน ฉันเห็นในหลวงเต็มไปด้วยพระโลหิต แล้วก็ไม่สามารถสังเกตเห็นอะไรได้..ปืนหรือฉลองพระเนตรอยู่ตรงไหน อย่างไร ไม่เห็นทั้งสิ้น…ในหลวงองค์ปัจจุบัน ทรงประคองฉันให้พ้นจากพระอุระในหลวง ร.๘ ประคองฉันออกจากพระวิสูตรไปอยู่ทางปลายพระแท่น…”
ในหลวง ร.๙ ได้ทรงมีกระแสพระราชดำรัส ประเด็นเกี่ยวกับพระราชชนนีขณะเกิดเหตุการณ์บางตอน ดังนี้…
” ได้ยินสมเด็จพระราชชนนีวิ่งไปแล้วทรงพระกรรแสง…”
“…ทรงร้องไห้อยู่ตลอดเวลา…แล้วก็บอกว่า…นันท์ลูกของแม่ …นันท์จ๋า…จะไปหาป๋าแล้ว…”
ส่วนพระพี่เลี้ยง เนื่อง จิตตดุลย์ ได้เบิกความตอนหนึ่งถึงสมเด็จย่าว่า…
“…สมเด็จพระราชชนนีทรงพระกันแสง ร้อง อุ๊ย!! นันท์จ๋า…ซบพระพักตร์ทรุดพระองค์ริมพระแท่นปลายพระบาท ร.๘… พระชนนีทรงพระกันแสงสะอื้นกับพระเก้าอี้…”
ฟังแล้วเสมือนหนึ่งว่า พระทัยของสมเด็จย่าในขณะนั้นแทบจะแตกสลายตามในหลวง ร.๘ ไปในบัดดล !!!
…………………………………………………………………………………………..
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ…พี่น้องสองกษัตริย์ พระผู้ครองในปวงชนชาวไทยทั้งชาติ
สำนักพิมพ์…Animate Group
โดย บุญร่วม เทียมจันทร์ (อัยการอาวุโส อดีตอธิบดีอัยการฯ)
« « Prev : ชมภาพหัวใจสวยๆกันค่ะ
Next : ขอตั้งหลักใหม่…อิอิ » »
2 ความคิดเห็น
ไม่ได้มาดูเลยค่ะ
ป่านนี้เอาไปสอนเด็กนักเรียนแล้วใช่ไหมค่ะ
ขอบคุณมากเหมือนกันค่ะ