สอน….อย่างไรถึงจะดี?
อ่าน: 2059หลังจากเป็นผู้บริหารมาซะนาน แถมยังใช้อภิสิทธิ์สอนน้อยอีกต่างหาก กรรมก็เลยตามสนอง….
เมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันตั้งใจว่าจะเตรียมสอนอย่างประณีต พอเปิดเทอมเดือนนี้ จะสอนให้ดีละต่อไปนี้ เพราะมีเวลาแล้ว
หะแรก…ก็ค้น File เดิม ดูก่อน เป็น File ppt. ที่มีแต่รูป เนื้อหาน้อย (ตอนนั้น ใช้วิธีฝอยเอา) พิเคราะห์ดูแล้ว อย่างนี้ เด็กๆ จะได้อะไรจากเราไปบ้างนี่???
ต่อให้ดูด file ไปอ่านเองหลังจากอาจารย์สอนจบ ก็ไม่รู้เรื่องแน่ เพราะมีแต่รูปสวยๆ…. กับข้อความสั้นๆ
ด้วยดิฉันเคยคิดเสมอว่า ไอ้เจ้า ppt. นี่นะ มันไม่เหมาะเลยที่จะใส่ตัวหนังสือเข้าไปเยอะๆ ควรสื่อด้วยภาพ แล้วสอนขยายความด้วยคำพูดดีกว่า ใส่แต่ตัวหนังสือ นิสิตคงจะเบื่อแย่…
แต่เอ….นิสิตเดี๋ยวนี้ เขาก็ไม่จดบันทึก อะไรกันเลยนะ รอดูด File รอ Hand out จาก ppt. เพียงสถานเดียว อ้อ! บางคนมีสตังค์หน่อย ก็เอา mp3 มาวางบนโต๊ะเรียนแทนสมุด Lecture เสียเลย ดังนั้นเวลาเรียนก็นั่งฟังตาแป๋วอย่างสบายอารมณ์ แน่ใจว่าด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ทำให้ความรู้ตกหล่นไปไหนแน่
อีกอย่าง……ดิฉันเริ่มสังเกตได้ว่า อาจารย์สมัยนี้เขียนตำรากันไม่เป็น คำว่า “ไม่เป็น” ในความหมายของดิฉันก็คือ มันทื่อๆ ไม่น่าอ่าน เหมือนเอา ppt. แต่ละหน้าเอามาปะติดปะต่อกัน ลักษณะเป็นประโยคสั้นๆ แยกเป็น bullet ต่อท้าย ทำอย่างนี้ซ้ำๆ ในทุกหัวข้อเรื่อง ไม่มีการเกริ่นนำอารัมภบท ไม่มีคำเชื่อม คำขยาย หรือยกตัวอย่างประกอบ การเรียงร้อยถ้อยความไม่ลื่นไหล คอยแต่สะดุดกึกๆ อย่างนี้แหละค่ะ
เพราะ ppt. นี่เอง ที่ทำให้การสอนของดิฉันเปลี่ยนไป แถมเหมือนขาดเสียมิได้ด้วย
สมัยก่อน…ดิฉันจำได้ว่า เมื่อดิฉันเป็นนักเรียน นักศึกษา จะเรียนวิชาอะไร ต้องเตรียมสมุด Lecture ไว้ วิธีเรียนก็คือ ฟังอาจารย์บรรยายไปด้วยเขียนไปด้วย (อย่างเร็ว) ซึ่งต้องใช้สมาธิในการฟังและจับประเด็นสำคัญที่อาจารย์บรรยาย ต้องวางโครงสร้างไปด้วยว่าเรื่องต้องต่อกันเป็นลำดับอย่างไร เพราะฉะนั้น มันจะต้องคิดตามพร้อมๆ กันไปหมด เมื่อเอาสมุด Lecture มาอ่านภายหลังถึงจะรู้เรื่อง
หรือด้วยวิธีสอนสำเร็จรูปแบบนี้เอง แบบที่ใช้ ppt. มันทำให้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ สื่อสารกันด้วยข้อมูล ไม่ใช่ด้วยความรู้ และพลอยให้เสื่อมสมรรถภาพในการเขียนไปด้วย
ดิฉัน…..จึงลองวิธีใหม่….โดยคราวนี้แม้จะเป็นหัวข้อวิชา intro ที่อาจไม่สลักสำคัญอะไรนัก สอนเพียง 3 - 4 ชั่วโมง ดิฉันก็เขียนเป็นเอกสารคำสอนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อทดสอบสมรรถภาพตัวเองด้วยว่า เสื่อมไปเพียงใด
สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือ…..มันมีเรื่องให้เขียนได้มากกว่าที่คิด มันทำให้อุ่นใจว่า แม้เด็กๆ บางคนจะไม่ตั้งใจในชั่วโมงเรียน ก็ยังมีเอกสารให้ศึกษาค้นคว้าได้
แต่….พอสอนเข้าจริง ซึ่งคราวนี้ไม่ใช้ ppt. ใช้วิธีบรรยายตามเอกสารคำสอน ก็ปรากฎว่า วิธีนี้ก็ไม่ได้ส่งเสริมให้นิสิตเป็นนักบันทึกอยู่ดี………
เอ….นี่มันดีกับอาจารย์ หรือลูกศิษย์กันแน่ ?????
รึว่าต้องสอนแบบเขียนไปด้วย อธิบายไปด้วย แบบสมัยก่อนที่ใช้กระดานกับชอล์คเสียแล้ว
เป็นอาจารย์สอนมาเกือบ 20 ปี ทำให้ดีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวยังไม่ได้เลย………….(รึว่า จะทุกเรื่อง!!!)
จบแบบ อิ…อิ…ไม่ค่อยออก