อธิการปาแอ่ว ม.พะเยา

16187 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 30 ตุลาคม 2010 เวลา 1:49 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 158159

วันที่ 27 ตุลาคม 53  ตั้งแต่เช้า ”อธิการ ปาแอ่ว ม.พะเยา” นะเจ๊า

กำชับไว้ล่วงหน้าเสร็จสับว่า  นุ่งกางเกง-ใส่รองเท้าผ้าใบด้วยนะท่าน สว. ทั้งหลาย

 บรรยากาศยามเช้ามองจากหน้าห้องพักเรือนเอื้องคำเป็นวิวที่ตรงกับจุดตั้งต้นของทัวร์วันนี้พอดีเลยค่ะ นั่นก็คือ ศาลสมเด็จฯ

แต่จุดรวมพล คือ โถงตึกอธิการบดีค่ะ

  ต้องไปกราบสมเด็จฯ กันก่อน  เพื่อเป็นสิริมงคล

ไกด์กิตติมศักดิ์…..ท่านรองฯสำราญ นั่นเอง 

คณะศิลปศาสตร์กับ Motto สไตล์ทำนุบำรุงศาสนาดีจริงๆ….”ร่วมกันทำบุญด้วยการแต่งกายถูกระเบียบ”

คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศ เก๋ไก๋ สะดุดตาด้วยบอร์ดแบบเรียกร้องความสนใจได้ชะงัดดีนัก

ห้องศาลจำลองของคณะนิติศาสตร์….แขกเข้าชมต่างแย่งกันไปประจำตำแหน่งให้ปากคำของจำเลย  : )  : )

ผนังห้องของคณะสถาปัตฯ แบบ ‘ติส แบบ artist แต้ๆ เจ๊าาา

นวัตกรรม เขียงพับได้ ของ ถาปัตฯ พะเยา สงวนสิทธิ์นะ…ห้ามลอกเลียนแบบ

สถานีรถเมล์ม่วงจ่ะ….ขึ้น ล่อง ภายในหุบเขาแห่ง UP เท่านั้น  ฟรีตลอดสาย

ศูนย์การแพทย์ของคณะแพทย์  สว. แวะ พักสูดยาดมเท่านั้น….ยังไม่ต้องหาม

UP Dorm ที่เตรียมเนรมิตรเพิ่มอีกหลายหลัง รองรับการตลาดที่พุ่งพรวดๆ ของท่านอธิการ

เห็นคอนโดเรียงกันเป็นตับเนี่ย  ยังมีอีกนะ….สำหรับนิสิตเท่านั้น

งามแต้ๆ เจ๊า…อาคารเวียงพะเยา  อยู่ตรงข้าม Dorm สำหรับประชุมเชียร์  รับน้อง  ไหว้ครู ฯลฯ

นี่แหละภายในของอาคาร “ศูนย์ไต”….ไม่ใช่ห้องผ่าตัดเปลี่ยนไตนะเจ๊า….เขาเตรียมเป็นสถานที่รับปริญญา หรือการประชุมแบบอลังการ เช่น งานเปิดตัว UP  วันที่ 17 ธ.ค. ที่จะถึงนี้นะเจ๊าา

ห้องสมุดกลาง โอ่โถง น่านั่งอ่าหนังสือทั้งวัน  มีตั้ง 3 ชั้น ให้จุหนังสือ  ตำรา ได้อีกเพี๊ยบ

อีกซีกหนึ่งของห้องสมุด สำหรับการศึกษาค้นคว้าในยุคดิจิตอลลล

มองมุมสูงของอาคารเรียนรวมจ่ะ ใหญ่โตดีเน๊อะ 

แต่ละอาคารของอาคารเรียนรวม เชื่อมติดกันหมด คงต้องทำป้ายชี้ทางดีๆ กลัวหลงแฮะ

ยังมีที่ประทับของพระเทพฯ ด้วยนะเจ๊า (ยังไม่เรียกว่าพระตำหนัก) ตั้งอยู่บนเขาแวดล้อมด้วยสวนดอกไม้ เวลาท่านเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตร จะได้ทรงพักผ่อนไปในตัว ในภาพเป็นห้องบรรทมเจ๊า  

และนี่ก็เป็นโถงที่ประทับที่มีเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นไม้ ดูยังไม่ทั่วเลย หัวหน้าทัวร์ เร่งให้ไปทานข้าวกลางวันกันได้แล้ว…..

ที่จริง….ยังพาเที่ยวไม่ทั่วเลยนะคะ….เพราะเวลามีจำกัด….ช่วงบ่ายยังมีประชุมอีก 3 นัด รัวเป็นชุด  บ๊าย   บาย


มหาวิทยาลัยพะเยาลงนามถวายพระพรในหลวง

13984 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 29 ตุลาคม 2010 เวลา 22:25 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 100288

          คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยพะเยา นำโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ นายกสภามหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบููรณ์แข็งแรง ณ ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2553

  


ลูกศิษย์ของฉัน

2301 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 3 ตุลาคม 2010 เวลา 23:58 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 11468

ถ้านับเป็นปีงบประมาณ ดูจะจำง่ายกว่า ว่า

ภารกิจสำคัญของดิฉันที่ทำอย่างจริงๆ จังๆ ตลอดปีงบประมาณ 53 มีอยู่ด้วยกัน 2 เรื่อง คือ  ประเมินอธิการและสอนหนังสือ.. 

ภารกิจแรก ล้มเหลว ไม่เป็นท่า……

ภารกิจที่สอง  ได้ผลเกินความคาดหมายและซึ้งใจสุดจะบรรยาย

โดยเฉพาะก็เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา……

หลังจากที่หลายคนเริ่มรู้ว่า…..ดิฉันขอลาออกจากราชการ (มน.)…..ตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป

ชื่นจิต…..ลูกศิษย์ ที่มีหน้าที่ทวง handout จากอาจารย์เป็นประจำ  ส่ง E-mail มาให้ดิฉันดังนี้

————————–

อาจารย์ค่ะ  เช้าวันนี้ หนูได้ทราบข่าวที่ทำให้หนูและก็เพื่อน ๆ รู้สึกไม่ดีเลยค่ะ  อาจารย์ไม่ไปได้รึเปล่าค่ะ

ครั้งแรกหนูคิดว่าอยากเข้าไปหาอาจารย์มากเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนพักห้านาทีแล้ว  แต่เห็นอาจารย์กำลังทำงานอยู่  หนูก็เลยไม่เข้าไปรบกวน

หนูก็เลยตัดสินใจส่งอีเมลล์แทนค่ะ  ถึงแม้ว่าเทอมนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เรียนกับอาจารย์ แต่หนูและก็เพื่อน ๆ ก็รักและก็ผูกพันธ์กับอาจารย์มากนะค่ะ 

ไม่ว่าหนู หรือเพื่อน ๆ มีปัญหาอะไร  อาจารย์ก็คอยช่วยเหลือตลอด  อย่างบางเรื่องมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของอาจารย์เลย  แต่อาจารย์ก็เต็มใจช่วย

ขอบคุณอาจารย์มาก ๆๆๆๆๆ เลยนะค่ะ  ตั้งแต่หนูเรียนที่นี้มาสามปี อาจารย์เป็นคนแรกที่หนูผูกพันธ์มากขนาดนี้เลยค่ะ 

ถ้าเป็นไปได้  หนูและก็เพื่อน ๆ ก็อยากให้อาจารย์อยู่กับพวกเราไปตลอดนะค่ะ

ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามที่อาจารย์ตัดสินใจคร้ังนี้  หนูก็จะยังรักและเคารพอาจารย์นะค่ะ

                    ชื่นจิต  

————————–

วันที่ 1 ต.ค. 53 เป็นอีกวัน ที่สร้างความทรงจำอันสุดประทับใจให้ดิฉัน   

นิสิต ปี 4 และ ปี 3 ช่วยกันจัดพิธีแสดงมุทิตาจิตให้ มีอาจารย์ที่เคยเป็นลูกศิษย์มาร่วมด้วย หลายคนกล่าวเพียงไม่กี่ประโยค แต่ทำเอาดิฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ความรักของลูกศิษย์ที่มอบให้อาจารย์ธรรมดาๆ อย่างดิฉัน ทำให้ดิฉันตระหนักในคุณค่าอันมีเกียรติของอาจารย์มากยิ่งขึ้น

กลับมาบ้าน ก็ยังได้รับ E-mail จากลูกศิษย์ อีกคนชวนให้เล่น Face book เขียนมาว่า

มยุรี ดอกคำ รังสีเทคนิค ปี3คร้า

ขอขอบคุณอาจารย์มากๆๆเลยค่ะ หนูรักอาจารย์มากๆเรย
อาจารย์เป็นเหมือนแม่ของหนู แม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่ปรึกษาหนู
อาจารย์ใจดี ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อนิสิตทุกคน
เห็นอาจารย์แล้วมีกำลังใจ อยากเรียนมากๆ
เวลาไปเรียนต่อไปนี้ คงไม่เจออาจารย์แล้ว เศร้าเลยคร้า คิดถึงน่าดู
ขอให้อาจารย์มีความสุขมากๆๆทั้งกาย และใจนะคร้า
อย่าลืมพวกหนูทุกคนนะคร้า พวกหนูไม่มีวันลืมอาจารย์เรย
จะจดจำอาจารย์ตลอดไปค่ะ รักอาจารย์มากที่สุดเรยค่ะ

————————–

แม้แต่ ฐาปนี และ ปรารถนา  ลูกศิษย์จอมมาสาย  จอมโดดร่ม (แต่เขาก็เป็นเด็กดี)  ก็อุตสาห์ตามมาทีหลัง  เอาพวงมาลัยมาให้ด้วย 

เฮ้อ!!  มาสายตลอดกาลนะ  …..  แต่มาสายก็ยังดีกว่าไม่มา….  อาจารย์บ่นอีก…. แล้วลูกศิษย์ทั้งสองก็ยิ้มรับกันทั้งคู่ 

ฐาปนี พูดเสียงอ่อยๆ ว่า…. ”หนูเป็นเด็กดีได้ค่ะอาจารย์  แต่ที่หนูทำไม่ค่อยไหวคือ… ตื่นเช้า….แหะ  แหะ”     

————————–

ที่สุดของความเป็นครูบาอาจารย์ก็อยู่ตรงนี้แหละ……   ลูกศิษย์ของฉัน   

——————————————————————————-

บันทึกเพิ่มเติมวันที่ 30 ตุลาคม 2553

 กุ๊กกิ๊ก….หรือ อรพินท์  แสนสมัคร  หัวหน้าชั้นปี 3 ส่ง mail ตอบกลับมา  หลังจากที่อาจารย์ถัง ส่ง url ลานถังไปให้แอบดู  เพราะอาจารย์เล่น face book ไม่เป็น 

กุ๊กกิ๊กทำให้อาจารย์ตื้นตัน ด้วยการรวบรวม Face book ของเพื่อนๆ ที่ post ขึ้น web มาให้ดูดังนี้

หนูเข้าไปอ่าน Blog ส่วนตัวของอาจารย์มาแล้ว ในส่วนพาร์ทที่อาจารย์พูดถึงลูกศิษย์

               น้ำตาไหลเลย คิดถึงอาจารย์จังค่ะ  พวกหนูยังคิดกันอยู่เลยว่า

               ว่างๆจะไปเที่ยวพะเยากัน แล้วแวะไปหาอาจารย์ อิอิ

              

                  ตอนวันที่ 1 ที่พวกหนูจัดงานมุทิตาจิตให้อาจารย์

               กลับจากงาน เพื่อนๆที่เล่นเฟสบุ๊ค เข้าไปโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คตัวเอง

               บอกรักอาจารย์ทุกคนเลยค่ะ บางคนก้อบอกว่าไม่อยากให้อาจารย์ไปเลย

               ทุกคนบอกว่า รักอาจารย์เหมือนแม่ตัวเองเรย

               แม่คนที่สองของพวกหนู อาจารย์ที่พวกหนูรักที่สุด ^^

              แต่ก้อพากัน ใจหายและ sad ไปตามๆกัน จนอาจารย์ฐิติพงษ์ แก้วเหล็ก

               อาจารย์ท่านก็เล่นเฟสบุ๊คเหมือนกัน  ท่านก็เรยมาปลอบพวกหนูว่า

                 

                   “มาบอกรักแม่ด้วยคน ^^
              ยิ้มไว้คับ แม่จะได้สบายใจว่า เราจะยังดำรงอยู่ได้
              แหมแม่ไม่อยู่ เรายังไปหาแม่ คิดถึงแม่ รักแม่ได้เหมือนเดิม
             ที่เหลือแม่ไม่ต้องเป้นห่วง พี่ชายคนนี้ กะพี่ชายนัน และพี่สาว ทั้งหลายจะอยู่ดูแลน้องต่อไป
             แม่ไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องๆต…่อไปคับ ^^
              นี้คือโพสต์เมื่อวันที่  1 ค่ะ   ไม่ว่าคืนวันจะผ่านไปนานสักเท่าไร อยากให้เธอรู้ไว้ว่าเธอจะยังคงอยู่ในใจเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ความรัก ความห่วงใย จะยังส่งถึงกันตราบนานเท่านาน รักและเคารพอย่างสูง
คงคิดถึงอาจารย์มากๆเรย ~~กุ๊กกิ๊ก  

  •  หนูเอง ^^
    • Orapin Sansamak คิดถึงเนาะ ขนาดอาจารย์งไม่ไปนะเนี๊ยะ งอแงๆ TT TT October 1 at 3:26pm ·
    •  นี่จิดาเพชรค่ะ Jidapet Praowdang รัก ๆ อาจารย์ตลอดไป October 1 at 3:27pm ·
    •  นี่ปิยะฉัตร Pangpang Sanovii T______________T October 1 at 3:28pm ·
    •   Orapin Sansamak ซึมม T T October 1 at 3:35pm ·
    •  นี่ก้อสุดารัตน์ค่ะ Ae O-Parada มันจะตราตรึงในใจตาบนานเท่านาน
      รักอาจารย์นะค่ะ October 1 at 3:42pm ·
    •  อาจารย์พี่ฐิ ที่มาปลอบพวกหนู Titipong Kaewlek มาบอกรักแม่ด้วยคน ^^
      ยิ้มไว้คับ แม่จะได้สบายใจว่า เราจะยังดำรงอยู่ได้
      แหมแม่ไม่อยู่ เรายังไปหาแม่ คิดถึงแม่ รักแม่ได้เหมือนเดิม
      ที่เหลือแม่ไม่ต้องเป้นห่วง พี่ชายคนนี้ กะพี่ชายนัน และพี่สาว ทั้งหลายจะอยู่ดูแลน้องต่อไป
      แม่ไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องๆต…่อไปคับ ^^ October 1 at 5:46pm · ·
    •   Ae O-Parada งอแง……….ดูน้องๆต่อไป
      อ. กลับมาไม่ทัน นู๋ๆ อ่า ไม่ยอมๆ October 1 at 5:48pm ·
    •  พี่รัชฎา ปี 4 ค่ะ Rachada Sukprachapun ซึ้งเรยคะอาจารย์ October 1 at 5:48pm ·
    •   Ae O-Parada ใช่ๆ ซึ้งจนนู๋นึกภาพบรรยากาศเมื่อเช้าที่ห้องภาครังสี จนน้ำตาไหลเลยเนี่ยยยย
      เห้อ …. ดีใจที่ได้เรียนกับ อ.แม่ เป็นรุ่นสุดท้าย
      เสียใจที่ไม่ได้เรียนกับ อ.แม่ จนจบสี่ปี และเสียดายแทนน้องๆ

      รักและคิดถึง อ. แม่ตลอดไป October 1 at 5:52pm ·

    •  นี่กาญจนาค่ะ Maewmeaw Woodky ซึ้งใจมากเลยค่ะอาจารย์ ขอบคุณค่ะ คำว่าพี่ชาย พี่สาว
      ฟังแล้วอบอุ่นจังเลย October 1 at 5:53pm · ·
    •   Titipong Kaewlek ขอบคุณครับผม ^^ October 1 at 6:01pm ·
    •   Haii IndiZz รักเสมอ ? October 1 at 6:25pm ·
    •   ของ ขวัญ อาจารย์สวยมาก ^^ October 1 at 6:26pm ·
    •   Patsi Aloha มีรูปถ่ายกะอาจารย์ด้วย อิจฉา October 1 at 7:40pm ·
    •  
    • ของ ขวัญ วันนั้นนึกอะไรไม่รุ้ ก็เลยขอถ่ายกะอาจาร October 1 at 7:49pm ·
    •  อิอิ คนนี้ฐาปนีค่ะ^^ PLa Za มะ มี คน โทร ตาม ไป เรียน ละ เศร้า T^T จุฟ ๆ จาน ด้วย - - October 1 at 8:17pm ·
    • Chelly จ้าวถั่วงอก รัก ค่ะ October 1 at 9:40pm ·
    • Chaichana Ladadok รักและเคารพอาจารย
      ์เสมอ วันนี้เราเป็นนิสิตรังสีเทคนิค วันหน้าเราจะเป็นนักรังสีเทคนิคที่ดีให้สมกับอาจารย์ทุกท่านที่อบรมพวกเรามา ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านมากเลยครับ October 1 at 10:06pm · 
    •  
    • Chaichana Ladadok T=T October 1 at 10:07pm ·
    • ฮต๊ ปันทะนันท์ ไม่อยากให้ไปไหนเลย ไม่ชอบการจากลา อยากให้อาจารย์อยู่ที่นี่ คิดถึงอาจารย์ October 2 at 2:38am ·
    • Orapin Sansamak ว่างๆ ไปเที่ยวพะเยากัน ไปหาอาจารย์ October 2 at 2:39am ·
    • Zri Za so sad October 2 at 2:44am ·
    • Orapin Sansamak ไม่ต้องเศร้าๆ อาจารยืไม่อยู่ เราก้อไปหาได้ ^^ October 2 at 2:47am ·
    • สุนทรีย์ ไอ่เหม่ง ร๊ากกกก^^ October 2 at 9:19am ·
    • Jasmin Najaroon รักอาจารย์ค่ะ นู๋ไม่อยากให้อาจารย์ไปเลย คุณแม่ของนู๋ October 2 at 10:15pm ·

 

  W     M   

/(,”)\♥(”.)
../♥\. ./█\.

_| |_ _| |_

VVVVVVVVVVVVV

 


ทุเรียนเนื้อแดง

15 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 16 เมษายน 2010 เวลา 14:58 ในหมวดหมู่ ทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3992

เป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของรัฐ Sabah ประเทศมาเลเซีย (เห็นเค้าว่าพบที่นี่ที่เดียวในโลก) รัฐนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอเนียว กลิ่นไม่รุนแรงเหมือนทุเรียนทั่วไป

 

 

*** อ้างอิงไม่ได้  มาจาก Forward mail

———————————————————————————–

บันทึกเพิ่มเติมหลังจาก comment


โลกนี้…มีแต่คนดี ดี

8 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 31 มีนาคม 2010 เวลา 17:32 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 1823

วันนี้ วันสุดท้ายของเดือนมีนาคมแล้ว  จะไม่เขียนอะไรบ้างรึงัย? เจ้าถัง!!

อันที่จริง ดิฉันได้สติ เพราะ พี่ธงชัย  ชนะรัตน์  โทรมาหา

พี่ธงชัย  เป็นรุ่นพี่รังสีเทคนิค ศิริราช ที่จบก่อนดิฉันหลายปี

สมัยก่อน นักศึกษาสาขารังสีเทคนิคแต่ละรุ่น  มีกันเพียงสิบกว่า ยี่สิบกว่าคน

ดังนั้นจึงรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี  แม้จะห่างกันหลายรุ่น

แต่ถึงอย่างไร…..พี่ธงชัย  ก็ใช่ว่าจะสนิทกับดิฉันมากมายอะไรนัก  นานๆที ก็เจอกันในที่ประชุมวิชาการบ้าง

แล้ววันนี้  พี่ธงชัย โทรมาได้ยังงัย  รู้เบอร์โทรดิฉันได้อย่างไร?

พี่ธงชัยบอกว่า…..เล่นเน๊ตไปเจอเข้า (คงจะเจอ Blog ที่ดิฉันเขียน) ก็เลยอ่านดู  …..(แล้วสะดุดอะไรก็ไม่ทราบ) ….เลยโทรมาคุยด้วย

ดิฉันดีใจมาก…..พี่ธงชัยบอกว่าดิฉันเขียนได้ดี  ไม่ค่อยออกแนว Negative (แน่ละซี….บางทีดิฉันก็ออกแนวเพี้ยน)

พี่ธงชัยยังคงธรรมะธรรมโมเหมือนเดิม (ทราบว่าพี่เค้าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่ม)  เราจึงได้เสวนาธรรมกัน

อันที่จริงพี่ธงชัยเป็นฝ่ายให้ข้อคิดดิฉันมากกว่า

ด้วยเหตุนี้เอง……ทำให้ดิฉันหยิบกุญแจไขประตูลาน  เข้ามาปัดกวาดหยักไย่  ณ นาทีนี้

ดิฉันหายไปนาน  ไม่ใช่เพราะไม่มีเรื่องเขียน  ไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา  แต่ขาดแรงบันดาลใจ

พี่ธงชัยบอกว่า….ช่วงชีวิตที่ประสบกับปัญหา  ช่วงที่มีเรื่องทำให้ไม่เบิกบานใจ  ก็น่าจะเขียนบันทึกไว้

เขียนให้คนอ่านได้ทราบว่า  เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร

มันดีกว่าช่วงที่มีความสุข  และบันทึกไว้เสียอีก

จริงสินะ……

ดิฉันควรบันทึกเพื่อตัวดิฉันเองด้วย  เพื่อเรียนรู้และไตร่ตรองการกระทำต่างๆ ที่ผ่านมา

บทพิสูจน์ อิทัปปจยตา….เหตุเพราะบันทึกใน Blog  นำพาซึ่งคำตอบดีดี  แรงบันดาลใจดีดี  จากพี่ธงชัยในวันนี้

ดิฉันควรเขียนบันทึกต่อไป

ขอบคุณนะคะ…..พี่ธงชัย

โลกนี้…มีแต่คนดี ดี 


10 อัจฉริยะของโลก

5877 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 14 กุมภาพันธ 2010 เวลา 21:50 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 83689

1. Kim Ung-Yong: Attended University at age 4, Ph.D at age 15; World’s highest IQ

This Korean super-genius was born in 1962 and might just be the smartest guy alive today (he’s recognized by the Guinness Book of World Records as having the highest IQ of anyone on the planet). By the age of four he was already able to read in Japanese, Korean, German, and English.

At his fifth birthday, he solved complicated differential and integral calculus problems. Later, on Japanese television, he demonstrated his proficiency in Chinese, Spanish, Vietnamese, Tagalog, German, English, Japanese, and Korean. Kim was listed in the Guinness Book of World Records under Highest IQ; the book estimated the boy’s score at over 210.

 

Kim was a guest student of physics at Hanyang University from the age of 3 until he was 6. At the age of 7 he was invited to America by NASA. He finished his university studies, eventually getting a Ph.D. in physics at Colorado State University before he was 15. In 1974, during his university studies, he began his research work at NASA and continued this work until his return to Korea in 1978 where he decided to switch from physics to civil engineering and eventually received a doctorate in that field. Kim was offered the chance to study at the most prestigious universities in Korea, but instead chose to attend a provincial university. As of 2007 he also serves as adjunct faculty at Chungbuk National University.

2. Gregory Smith: Nominated for a Nobel Peace Prize at age 12

Born in 1990, Gregory Smith could read at age two and had enrolled in university at 10. But genius is only one half of the Greg Smith story. When not voraciously learning, this young man travels the globe as a peace and children rights activist.

He is the founder of International Youth Advocates, an organization that promotes principles of peace and understanding among young people throughout the world. He has met with Bill Clinton and Mikhail Gorbachev and spoke in front of the UN. For these and other humanitarian and advocacy efforts, Smith has been nominated four times for a Nobel Peace Prize. His latest achievement? He just got his driver license.

3. Akrit Jaswal: The Seven Year-Old Surgeon

Akrit Jaswal is a young Indian who has been called the world’s smartest boy and it’s easy to see why. His IQ is 146 and is considered the smartest person his age in India?a country of more than a billion people.

Akrit came to public attention when in 2000 he performed his first medical procedure at his family home. He was seven. His patient?? a local girl who could not afford a doctor?? was eight. Her hand had been burnt in a fire, causing her fingers to close into a tight fist that wouldn’t open. Akrit had no formal medical training and no experience of surgery, yet he managed to free her fingers and she was able to use her hand again.
He focused his phenomenal intelligence on medicine and at the age of twelve he claimed to be on the verge of discovering a cure for cancer. He is now studying for a science degree at Chandigarh College and is the youngest student ever accepted by an Indian University.

4. Cleopatra Stratan: A 3 year old singer who earns GBP 1,000 per song

Clepotra was born October 6, 2002 in Chisinau, Moldova and is the daughter of Moldovan-Romanian singer, Pavel Stratan. She is the youngest person ever to score commercial success as a singer, with her 2006 album La vârsta de trei ani (?At the age of 3?). She holds the record for being the youngest artist that performed live for two hours in front of a large audience, the highest paid young artist, the youngest artist to receive an MTV award and the youngest artist to score a #1 hit in a country (Ghita in Romanian Singles Chart).

5. Aelita Andre: The 2-year-old artist who showed her paintings in a famous gallery

The abstract paintings of emerging artist Aelita Andre have people in Australia’s art world talking. Aelita is two (the works were painted when she was even younger). Aelita got an opportunity to show her paintings when Mark Jamieson, the director of Brunswick Street Gallery in Melbourne’s Fitzroy, was asked by a photographer whose work he represented to consider the work of another artist. Jamieson liked what he saw and agreed to include it in a group show.

Jamieson then started to promote the show, printing glossy invitations and placing ads in the magazines Art Almanac and Art Collector, featuring the abstract work. Only then did he discover a crucial fact about the new artist: Aelita Andre is Kalashnikova’s daughter, and was just 22 months old. Jamieson was shocked and embarrassed but decided to proceed with the exhibition anyways.

6. Saul Aaron Kripke: Invited to apply for a teaching post at Harvard while still in high school

A rabbi’s son, Saul Aaron Kripke was born in New York and grew up in Omaha in 1940. By all accounts he was a true prodigy. In the fourth grade he discovered algebra, and by the end of grammar school he had mastered geometry and calculus and taken up philosophy. While still a teenager he wrote a series of papers that eventually transformed the study of modal logic. One of them earned a letter from the math department at Harvard, which hoped he would apply for a job until he wrote back and declined, explaining,??My mother said that I should finish high school and go to college first. After finishing high school, the college he eventually chose was Harvard.

Kripke was awarded the Schock Prize, philosophy’s equivalent of the Nobel. Nowadays, he is thought to be the world’s greatest living philosopher.

7. Michael Kevin Kearney: Earned his first degree at age 10 and became a reality show Millionaire

24 year-old Michael Kearney became known as the world’s youngest college graduate at the age of 10. In 2008, Kearney earned $1,000,000 on the television game show “Who Wants to be a Millionaire?”

Kearny was born in 1984 and is was known for setting several world records and teaching college at the age of 17.

He spoke his first words at four months. At the age of six months, he said to his pediatrician??I have a left ear infection and learned to read at the age of ten months. When Michael was four, he was given diagnostic tests for the Johns Hopkins precocious math program and achieved a perfect score. He finished high school at age 6, enrolled at Santa Rosa Junior College graduating at 10 with an Associate of Science in Geology. He is listed in the Guinness Book as the world’s youngest university graduate at the age of 10, receiving a bachelor’s degree in anthropology. For a while, he also held the record for the world’s youngest postgraduate.

But in 2006, he became worldwide famous after reaching the finals on the Mark Burnett/AOL quiz/puzzle game Gold Rush, and became the first $1 million winner in the online reality game.

8. Fabiano Luigi Caruana: a chess prodigy who became the youngest Grandmaster at age 14

Fabulous Fabiano is a 16-year-old chess Grandmaster and chess prodigy with dual citizenship of Italy and the United States.

On 2007 Caruana became a Grandmaster at the age of 14 years, 11 months, 20 days?? the youngest Grandmaster in the history of both Italy and the United States. In the April 2009 FIDE list, he has an Elo rating of 2649, making him the world’s highest ranked player under the age of 18.

9. Willie Mosconi: Played professional Billiards at age 6

William Joseph Mosconi, nicknamed??Mr. Pocket Billiards was a American professional pocket billiards (pool) player from Philadelphia, Pennsylvania. Willie’s father owned a pool hall where he wasn’t allowed to play, but Willie improvised by practicing with small potatoes from his mother’s kitchen and an old broomstick. His father soon realized that his son was a child prodigy began advertising challenge matches, and though Willie had to stand on a box in order to reach the table, he beat experienced players many years his senior.

In 1919, an exhibition match was arranged between six-year old Willie and the reigning World Champion, Ralph Greenleaf. The hall was packed, and though Greenleaf won that match, Willie played very well launching his career in professional billiards. In 1924, at the tender age of eleven, Willie was the juvenile straight pool champion and was regularly holding trick shot exhibitions.

Between the years of 1941 and 1957, he won the BCA World Championship of pool an unmatched fifteen times. Mosconi pioneered and employed numerous trick shots, set many records, and helped to popularize the game of billiards. He still holds the officially recognized straight pool high run record of 526 consecutive balls.

10. Eliana Smith: Youngest Agony Aunt at age 7

Her local radio station gave her the job after she rang and offered advice to a woman caller who had been dumped. Elaina’s tip? go bowling with pals and drink a mug of milk? was so good she got a weekly slot and now advises thousands of adult listeners. The littler adviser tackles problems ranging from how to dump boyfriends and how to cope with relationship breakdown to dealing with smelly brothers.

When one listener wrote to Elaina asking how to get a man, she replied:?Shake your booty on the dance floor and listen to High School Musical. Another caller asked how to get her man back, Elaina told her:?He’s not worth the heartache. Life’s too short to be upset with a boy.


ที่มาของเลขไทย :น่าภูมิใจ ในภูมิปัญญา

6 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 14 ธันวาคม 2009 เวลา 20:52 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 5372

เป็น Forward mail ค่ะ   เห็นว่าแปลกดี  ก็เลยเก็บมาแบ่งปัน

เรื่องเลขไทยของเราครับ
นานมากมาแล้วเมื่อราว 20 ปีก่อน ผมเคยดูรายการ “ท้าพิสูจน์” ของคุณไตรภพ  
มีลุงคนหนึ่งในรายการ บอกว่า เลขไทย อาจมีพื้นฐานมาจากมือเรา นี่เอง  
ผมดูอย่างตั้งใจ และยังจำได้มาจนปัจจุบันครับ  (ตอนนี้ผมอายุ 33 แล้ว)  
ก็พอมีเวลานิดหน่อย จึงถ่ายรูปด้วย โทรศัพท์  
และเขียนทับในโปรแกรมแต่งภาพ  
แล้วนำมาแบ่งปันกันดู 
ลองดูกันครับว่า มันจะจริงเหมือนที่ลุงเขาว่าไว้ไหม  
คือ มือซ้าย มีเลข ๓, ๔, ๕, ๗, ๙  
มือขวามี ๐, ๑, ๒, ๖, ๘ 

 


เยี่ยมแม่

47 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 12 ธันวาคม 2009 เวลา 22:36 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 1700

          ก่อนที่ดิฉันจะมาอยู่ที่พิษณุโลก  ดิฉันไม่เคยจาก กทม. ไปอยู่ที่ไหนอย่างเป็นประจำหรือถาวรเลย

          ชีวิตของฉัน คือ ออกจากบ้านแถวพระราม 4  นั่งรถเมล์ ไปลงท่าพระจันทร์ แล้วข้ามฝากไป  ศิริราช  ไป - กลับ  ไป- กลับ อย่างนี้  เป็นกิจวัตร

          อ้อ!  ตั้งแต่เกิด  จนแต่งงาน  มีลูก 3 คน  ดิฉันก็ไม่เคยออกจากกงสีเลย  อยู่กับพ่อ - แม่ ตลอด  (ไม่เคยโตสักที)

          มาเมื่อ ปี พ.ศ. 2543  ถ้าจำง่ายๆ ก็ ค.ศ.2000  ดิฉันตัดสินใจแบบฟ้าผ่า (สำหรับคนที่ชีวิตไม่เคยเปลี่ยนแปลง)  มาอยู่ที่พิษณุโลก  บัดเดี๋ยวนี้  พ.ศ. 2552  (ค.ศ. 2009)  ก็ผ่านมาแล้ว 9 ปีแล้ว  (ได้งัย!!   งง  จริงๆ)

          ที่แย่มากๆ ก็คือ ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา  ดิฉันทำงานบริหารตลอด  ทำให้ไม่มีเวลากลับบ้าน เยี่ยมพ่อ - แม่ เลย  (อย่างตั้งใจเยี่ยม หรืออยู่ด้วยนานๆ) อีกนัยหนึ่ง คือ ดิฉันไม่เคยลางานเลย

          เมื่อปลายเดือน พ.ย. ได้ข่าวว่าแม่ไม่สบาย  ดิฉันตัดสินใจทันที ที่จะลางานยาว เพื่อไปเยี่ยมท่าน อยู่ดูแลท่านให้นานหน่อย 

——————————————————–

ไดอารี่สั้นๆ ช่วง 4 วัน

24/11/2552
12.20  นั่งรถเชิดชัยทัวร์  ไปกับพี่แดง ค่ารถขาไปราคาคนละ 277 บาท ไปเยี่ยมแม่ที่ กทม. แม่ไม่สบาย ไม่มีแรง แค่เดินขึ้นบันได 3-4 ขั้นก็ไม่ไหว (อาทิตย์ก่อนลูกหนูไป กทม. เอาเสื้อครุย  กลับมาบอกข่าว) ตั้งใจว่าจะไปอยู่กับแม่ ถึงวันศุกร์ (กลับวันศุกร์)  ถึงบ้านราว 6.30 น. ทักทายพ่อ - แม่ แล้ว  เห็นว่าแม่ไปหาหมอข้างบ้าน  พอค่อยยังชั่ว   เย็นนั้นก็เลยพาอาชง และอ้อย ไปกินข้าวร้านข้างบ้าน ถามสารทุกข์สุขดิบ  ชงเล่าว่า บางทีตาค้าง  พ่อต้องขับรถพาไปหาหมอที่รามากลางค่ำกลางคืน หมอฉีดยาแล้วก็ต้องรอหน่อย  กว่าจะกลับก็ดึกดื่น  สงสารพ่อจังเลย     

25/11/2552
12:00  ไปกินก๋วยเตี๋ยวไหหลำร้านต้นสนที่บางโพธิ์ กับ พ่อ แม่ และอ้อย แม่เริ่มดีขึ้น  กินได้เยอะ  แล้วต่อด้วยไปเดินช้อปปิ้งที่ตลาด อตก. ซื้อทุเรียนก้านยาวแกะแล้วให้ พ่อ แม่  แพงหูฉี่เลย ประมาณ 1 โล 700 บาท  แต่คราวนี้ยอมเป็นแม่บุญทุ่ม  แม้ของกินจะค่อนข้างแพง  แต่แม่ก็บอกว่า  ช่างมันเถอะ นานๆ ที   เพราะได้กินขนมหวานต่างๆ ที่อยากมานาน เช่น ทองหยอด

26/11/2552
9.00  แม่บอกว่ารู้สึกจุกเสียด  สงสัยเมื่อวานกินมากไปหน่อย  ยังไม่อยากไปหาหมอ  เลยเอายาหอมให้แม่ทาน  แล้วเลยดอดไปดูหนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก กับพี่แดง ที่ Big C ราชประสงค์  แล้วไปหาซื้อไส้กรองน้ำเปลี่ยนให้ที่บ้านใหม่  แต่หารุ่นที่ใช้อยู่ไม่ได้เพราะเป็นรุ่นเก่า   เลยซื้อเครื่องกรองใหม่ทั้งเครื่อง เป็นแบบ 3 ตอน ราคาประมาณ 1700  บาท ที่ Home Pro ชิดลม  พี่แดงจัดการติดตั้งให้ใหม่  คราวนี้รสชาดน้ำค่อยยังชั่วหน่อย   

27/11/2552
8.00  เดินทางกลับพิษณุโลก  รู้สึกว่าแม่จะเริ่มไม่ค่อยสบายอีก  จุกแน่นหน้าอก  เพลีย  รู้สึกเป็นห่วง  สั่งอ้อยไว่ว่ามีอะไรให้โทรไปบอกทันที

…………………………………………………………………………………………………………………………………….

30/11/2552
อ้อยโทรมาบอกว่า พ่อ พาแม่ไปโรงพยาบาลธนบุรี  หมอบอกว่าร่างกายเสียเลือด ต้องให้เลือด และ admit  สงสัยจะเป็นแผลที่ทางเดินอาหาร พรุ่งนี้จะส่องกล้องดู  พ่อไปนอนเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล

01/12/255209:30 
9.00   โทรไปหาพ่อ  พ่อบอกว่าแม่ดีขึ้นหลังให้เลือด  กำลังจะเตรียมไปตรวจทางเดินอาหารด้วยการส่องกล้อง
11:30  อ้อยโทรมา บอกว่า แม่มีแผลที่ลำไส้เล็ก  แต่อาการดีขึ้น

……………………………………………………………………………………………………………………………. 

          ตอนนี้แม่เสียงใสแล้ว  รู้สึกว่าจะถูกอกถูกใจหมอหนุ่มคนใหม่ที่โรงพยาบาลธนบุรี  เห็นว่า ตรวจละเอียด  ถามไถ่อย่างเอาใจใส่  และขยันดี  ก็เลยขอถ่ายโอนการรักษาโรคเบาหวานประจำตัว  มาให้ดูแลแทนหมอคนเก่าด้วย

          ดูเหมือนพ่อก็ชอบ….เพราะให้ตรวจเหมือนกัน  จากอาการมึนงงเวลาตื่นนอนตอนเช้า  ตรวจอย่างละเอียด ทั้งปอด  หัวใจ ระบบประสาทหูชั้นใน  ทุกอย่าง OK ยังฟิตอยู่  จะมีก็แต่คอแข็งไปหน่อย  ต้องใช้วิธีนวดและประคบร้อน

—————————————————–

ต้องหาเวลาไปเยี่ยม พ่อ กับแม่ให้บ่อยขึ้น

 

 

           


“Todo Tag: เขียนตำราเรื่อง Mammography ภายใน 53”

7 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:20 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 1704

ความจริงนี่ก็ตั้งใจมาจะ 10 กว่าปีแล้วมั้ง…..

ดิฉันช่างมีบุญเสียนี่กระไร  พอเริ่มมีเวลาให้สามารถทำอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวสักที

ก็ยังอุตสาห์มีเทวดากัลยาณมิตร หาวิถีทางผูกมัดให้ทำให้ได้จริงๆ (อย่าเพียงแต่คิดแล้วโม้ไปวันๆ)

แถม ได้ Mentor “จอมป่วน” ผู้มีเกียรติประวัติเป็นที่เลื่องลือว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรที่สนใจ จะจิกไม่ปล่อย…..มาเป็นผู้คุมอีกด้วย

อย่างนี้  อนาคต คงจะไม่อนางอ เป็นแน่แท้

สัญญาค่ะ  สัญญา ว่า I’ve to do เขียนตำราเรื่อง Mammography ภายใน 53 ให้ได้

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเริ่มวางแผนการ  และวางเค้าโครงเรื่องก่อน

ถ้านับว่าต้องแล้วเสร็จภายในปี 53 ก็มีเวลาเพียง 12 เดือน  เดือนไหนต้องทำอะไรบ้างน้อ ?

ตามด้วย งานวิจัย ที่เกี่ยวข้อง ต้องทำควบคู่ไปด้วย (ให้นิสิต ปี 3 ทำ seminar และปี 4 ทำ Project ประกอบ)

เขียนเสร็จ….น่าจะเป็นเจ้าแม่ Mammo ได้…… 55555555 ฝัน

เอาหล่ะ…..ถึงเวลา Tag ต่อแล้ว…………..

ท่านผู้นั้นก็คือ………………………………

ผู้ที่เล่าเรื่องพื้นๆ ได้อรรถรสเหลือเกิน

แถม…มีภาพสวยๆ ฝีมือถ่ายภาพระดับ Pro ประกอบ

บางทีก็มีเรื่องการเมืองที่ดิฉันไม่สนใจ….ทำให้ดิฉันสนใจขึ้นมาได้

ท่านผู้นั้นก็คือ……

เหมือนประกาศประกวดนางสาวไทยมั้ยคะ……..

คนที่ดิฉันอยากเลียนรู้ (สะกดไม่ผิดดอกค่ะ)

ท่านผู้นั้นก็คือ……….

ผู้ที่มีลานที่ขึ้นต้นด้วยสระ เอะ

และชื่อท้ายสะกดด้วยสระ เอา

ท่านผู้นั้นก็คือ…………แอ่น   แอน  แอ๊นนนนนน

ท่าน bangsai  ค่า…………ท่าน bangsai แห่งลานเก็บเรื่องมาเล่า

ขอทุกท่านโปรดปรบมือต้อนรับด้วยค่า……………….:-D   :-D   :-D   :-D   

กติกา เอามาให้แล้ว

อีกท่านหนึ่ง

คือเจ้าของกอดที่ประทับใจไม่รู้ลืม

แม้จะอยู่ไกลแสนไกลจากกัน

แต่ไมตรีจิตอาทรไม่เคยสร่างซา

วันเวลา และระยะทาง ไม่เคยมีความหมาย

ป่านนี้….คนดีของพี่ทำอะไรอยู่น้อ….

มารับ Tag ต่อซะดีดี

ก็น้อง Sompornp งัยละคะ…….(น้าอึ่งอ๊อบ  คนสวย  แซ่เฮ ) 

กติกา เอามาให้แล้ว


ถังซำหจัง

8 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:32 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 2024

          วันนี้เปลี่ยนป้ายชื่อเจ้าของลานว่างใหม่ จาก “Malinee” เป็น “ถัง” ค่ะ

          เผื่อว่า  จะช่วยให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเองกับพรรคพวกมากขึ้น

          ความจริง ฉายานี้ มิใช่ฉายาใหม่ของดิฉันหรอกนะคะ

          มันเป็นฉายาเก่าแก่ดั้งเดิม ตั้งแต่สมัยที่ดิฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยม “สตรีวิทยา” กทม. โน่นแหนะ

          ตอนนั้น….มีเพื่อนเป็นแก๊งค์ใหญ่….จึงร่วมกันตั้งสมยานามกัน

          เท่าที่จำได้   คนที่รูปร่างเพรียวลมสุดก็ตั้งแบบประชดประชันเจ้าหล่อนว่าเป็นโป๊ยก่าย   แล้วเราก็เรียกขานว่าเจ้าโป๊ย  เจ้าโป๊ย กันจนติดปาก   แม้จนเรียนจบแต่งงานมีครอบครัวกันไปก็ยังเรียกกันอยู่   (เสียดายที่โป๊ยจากพวกเราไปแล้ว ทั้งที่ตอนนั้นโป๊ยยังอายุไม่มากและมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น) 

          คนได้สมยานามว่าซัวเจ๋ง  นี่ไม่รู้ยังงัยถึงไม่ติดปาก  เรียกกันได้พักเดียวก็เลิก 

          ส่วนหงอคงก็ไม่มีใครเหมาะสม (จริงๆ แล้ว…รับไม่ได้กันมั้ง) 

          แล้วก็มาถึงถังซำหจัง….คงเป็นเพราะดิฉันเผลอคุยโวให้พรรคพวกฟังว่าคุณแม่ดิฉันเป็นจีนไหหลำ  แซ่ถัง…นะจะบอกให้  ดังนั้นฉันนี่นะ  สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์มีระดับ นับญาติกับฮ่องเต้ได้เชียวนา  นี่แหละนา…..เลยโดนจับตั้งฉายาให้เลยว่าถังซำหจัง  แตใครหล่ะจะเรียกยากอย่างนั้น…..ไอ้ถัง  เจ้าถัง… ก็เลยติดปากพรรคพวก (เก่าแก่) และลามปามมาถึงพรรคพวกตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วย

          เพราะฉะนั้น….ไม่ใช่ถังใส่น้ำ   ถังถูบ้าน  ถังแตก  อะไรทั้งนั้นนะคะ…….โปรดทราบ

          ฉายานี้….เริ่มลางเลือนเอาก็ตอนเป็นอาจารย์นี่แหละค่ะ……ความที่ต้องทำตัวให้น่านับถือ….สมกับแม่พิมพ์ของชาติ  การใช้ชื่อ “มาลินี”  อย่างเต็มยศ ก็เลยค่อยๆ เข้ามาแทนที่  ทำให้ดูดี พอวางบนหิ้งบูชาได้……

          เรื่องราวความเป็นมาก็เป็นฉะนี้นะเอิงเอย…….



Main: 0.13150191307068 sec
Sidebar: 6.2340481281281 sec