ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากก่อนสิ้นปี

137 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ มกราคม 4, 2012 เวลา 23:52 ในหมวดหมู่ ส่งเสริมสุขภาพ, เรื่องเล่าของLin Hui #
อ่าน: 2797

๒๙ ธค.๒๕๕๔ คณะก่อการดี นัดหมายกันที่ศูนย์อนามัยที่ ๕ เพื่อรวบรวมสิ่งของทั้งหมด นำไปช่วยเหลือผู้สูงวัย และผู้พิการ ที่ บ้านสระมโนราห์ ต.โคกกรวด

สืบเนื่องมาจาก น้องพิมลรัตน์ กมลธรรม นักกายภาพบำบัดของ เรือนลำดวน และ คุณอารี ปรมัตถากร อดีตรองผู้อำนวยการ รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ ๕ ได้เล่าเรื่องความทุกข์ยากของผู้สูงวัยและผู้พิการที่ได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลฟื้นฟู และทำกายภาพบำบัด หลายคนน่าส่งสารมาก โดยเฉพาะผู้ยากไร้ขาดแคลนเครื่องกันหนาว ยิ่งหน้าหนาวที่หนาวเหน็บในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ รุนแรงมาก จึงหาทางช่วยเหลือเมื่อ อาม่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ อ.สมพันธ์  ชาญศิลป์ ท่านขอร่วมทำบุญด้วยโดยมอบเงินหนึ่งพันบาทให้อาม่าช่วยจัดซื้อเครื่องกันหนาวที่ขาดอยู่เนื่องจากผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอที่อาม่า และคุณอารีจัดมาให้เพียงพอแล้ว อาม่า เลย ไปซื้อหมวก ถุงมือ และถุงเท้า แจกให้ทุกคน โดยเฉพาะถุงเท้าให้คนละสองคู่ อาม่าสมทบเงินส่วนหนึ่ง ชมรมผู้สูงอายุฯ สมทบอีกหนึ่งพันห้าร้อยบาท จึงสามารถแจกเงินให้ได้ทุกคน แต่จำนวนไม่เท่ากัน ตามสถานะภาพความทุกข์ยากค่ะ

มีการนัดหมาย อสม. ของบ้านสระมโนราห์ เพื่อพาไปยังบ้านผู้ทุกข์ทุกหลัง รวมกว่าสิบหลัง

บ้านหลังแรกเป็นชายพิการ ที่ยากไร้ ตอนแรกไม่เห็นคนเห็นผ้าห่มกองอยู่ พอเอาผ้าห่มออกจึงเห็นคน จึงจัดการมอบผ้าห่มผืนใหม่ เสื้อกันหนาว หมวก ถุงเท้า ถุงมือ เครื่องดื่ม น้ำมันมะกอก และเงินให้อีกจำนวนหนึ่งค่ะ

บ้านหลังที่สองเป็นผู้สูงอายุ วัยเก้าสิบกว่า นอนอยู่บนเตียง แต่สามารถพยุงให้รุกขึ้นนั่งได้ น้องๆ เลยสวมถุงมือให้ แล้วมอบเครื่องกันหนาวให้ครบชุด พร้อมเงิน ท่านน้ำตาร่วงด้วยความปลื้มปิติ เมื่อขอให้ท่านให้พรท่านถึงกับหลังน้ำตาด้วยความสุขที่พวกเราไปเยี่ยมท่านค่ะ

อีกคนที่น่าสงสารมากออกจากบ้านไปทำงานที่กรุงเทพตั้งแต่เด็ก จนอายุเลยวัยกลางคน ถูกรถชนศีรษะยุบ พิการพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ สามีเอามทิ้งที่บ้านให้น้องสาว ที่สุขภาพไม่ดีเลี้ยงดู ซึ่งไม่คุ้นเคยกันตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ทางน้องตุ๊เข้าไปฟื้นฟูจิตใจ ทำให้เข้าใจทั้งสองฝ่าย ผู้พิการรู้สึกดีขึ้นเพราะสามารถช่วยเด็ดพริกให้น้องสาวที่ทำกับข้าวขายได้ คนนี้อาม่าสงสารมากเลยสวมหมวกให้แล้วใช้ปลายหมวกพันคอให้ เธอกอดอาม่า อาม่าเลยหอมแก้มไปสองฟอด แล้วให้ผ้าห่มผืนใหญ่ไปค่ะ นอกนั้นก็มอบของที่เตรียมไว้ให้ทั้งหมดและมอบเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ค่ะ
ป็นอีกรายที่รู้สึกสงสารมากค่ะ อายุ ๑๕ ปี ตัวผอมมาก และตัวบิดเบี้ยว แม่เป็นผู้ดูแลเป็นอย่างดี บอกว่าเริ่มอาการจากเส้นเลือดตีบในสมอง ตั้งแต่อายุเจ็ดเดือน ร่างการพิการช่วยตัวเองไม่ได้
เป็นผู้สูงวัยที่พิการค่ะ เมื่อก่อนช่วยตัวเองได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้เดินไม่ได้ค่ะ
ผู้นี้ก็พิการแต่ยังพอช่วยตัวเองได้ระดับหนึ่งค่ะ
สำหรับคุณยายท่านนี้ อายุเก้าสิบสี่ปีค่ะ สะอาดมาก ความจำดีมาก สามารถทานอาหารได้เอง อย่างเรียบร้อย จะมีผ้าเช็ดหน้าไว้เช็ดปาก หลังจากมอบสิ่งของเรียบร้อยแล้วท่านให้ศีลให้พรค่ะ
ยังมีคุณยายอีกสองท่านที่ไม่มีภาพ ท่านหนึ่งเป็นคุณยายสูงอายุมาก เดินไม่ได้ใช้วิธีถดเอา สามารถหุงข้าวกินเองได้ ก็มอบของที่จัดมาให้ครบและให้เงิน
อีกท่านเป็นหญิงสูงวัยไม่มาก พิการเดินไม่ได้ หลังจากทางน้องจากศูนย์อนามัยที่๕ เข้ามาช่วยปรับสภาพแคร่ให้เตี้ยงลง และทำเชือกบริหารให้ ตอนนี้สามารถพยุงตัวลุกนั่งได้เองแล้ว มอบของที่จัดเตรียมไว้ให้และเงินอีกจำนวนหนึ่ง ทราบข่าวว่าได้รับบริจากรถเข็นจากผู้ใจบุญแล้วหนึ่งคัน
คนสุดท้ายเป็นผู้สูงอายุคู่หนึ่งฝ่ายชายเป็นผู้หาเงินด้วยการเข็นรถกาแฟขายลำบากมาก เข่าไม่ดีล้มเป็นประจำ วันนี้ทุกคนได้เห็นสภาพบ้านแล้วอึ้ง เพราะเป็นบ้านหลังใหม่งดงาม มีบริเวณบ้านปลูกไม้ดอกไม้ประดับสวยงามมาก ท่านเล่าให้ฟังว่าลูกคนที่ไปทำงานที่เยอรมันส่งเงินมาให้และกลับมาปลูกบ้านหลังงามให้อยู่อย่างสบายไม่ต้องทำงานแล้ว ลูกส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และกลับมาเยี่ยมทุกปีจึงมอบแค่เครื่องดื่ม และน้ำมันมะกอกทาผิว สำหรับของที่เตรียมไว้ ตัดสินใจมอบให้เพื่อนร่วมรุ่นของท่าน ที่เป็นผู้นำทางพามาบ้านใหม่หลังนี้ นำไปมอบให้ผู้ทุกข์ที่บ้านสระมโนราห์ตามที่ท่านเห็นสมควร
เป็นอันว่าเป็นจบลงด้วยความสุขค่ะ


กุหลาบบ้านอาม่า

338 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ มกราคม 3, 2012 เวลา 0:32 ในหมวดหมู่ ดอกไม้ของอาม่า, เรื่องเล่าของLin Hui #
อ่าน: 4443

อาม่าปลูกกุหลาบหลายชนิดค่ะ แต่เป็นกุหลาบที่ดูแลง่าย ไม่มีโรครบกวนค่ะ

ภาพแรกเป็นกุหลาบพวง จะมีหอมอ่อน

กุหลาบมอญสีชมพู กลิ่นหอมมากค่ะ

กุหลาบมอญสีแดง

กุหลาบสุชมพูอ่อน กลิ่หอมอ่อนๆ

และกุหลาบอีกหลายชนิดดังภาพรวมด้านล่างค่ะ


สวัสดีปีมะโรง ๒๕๕๕

107 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ มกราคม 1, 2012 เวลา 12:33 ในหมวดหมู่ สวัสดีปีใหม่, เรื่องเล่าของLin Hui #
อ่าน: 2639

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสติ เจิญภาวนา แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล เป็นมงคลแก่ชีวิต

เป็นเรื่องธรรมดาของชาวพุทธ และทุกชาติทุกศาสนา พึงกระทำ ในวันขึ้นปีใหม่ แล้วทบทวน สิ่งที่ทำตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อเสีย ควรรีบปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ส่วนความดีหรือสิ่งดีๆ ขอให้ผู้อื่นเป็นคนกล่าวขาน อย่ามัวลุ่มหลงในความดีของตัวเอง

และไหว้เจ้าที่ ด้วยค่ะ

ทำบุญสร้างกุศล แผ่เมตตา อุทิศส่วนบุญ แล้วมาสำรวจ กาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติสุข ระลึกถึงผู้มีพระคุณ ผู้ให้ชีวิต บูรพกษัตริย์ผู้สร้างชาติ ทหารกล้าและวีระชนทั้ง ชาย-หญิง ที่ปกป้องรักษาประเทศชาติ กอบกู้เอกราชให้เราได้เกิดมาอยู่ในแผ่นดินนี้ เติบใหญ่ มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยทรัพยกรที่อุดมสมบูรณ์ อนิจจายังมีมนุษย์อวิชา ที่ทำลายทรัพยากรของชาติ จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หากคนของแผ่นดินไม่ตระหนักรู้ ไม่ใส่ใจ ความยากจนไม่ใช่ข้ออ้างทำความชั่ว อย่าส่งเสริมให้คนชั่วมีอำนาจ หากพลาดพลั้งไปแล้ว ให้กลับตัวกลับใจ เกรงกลัวบาป ไม่คิดสิ่งที่ไม่ดีต่อแผ่นดินต่อไป จะเป็นกรรมดี ชีวิตจะไม่อับจน ความกตัญญูรู้คุณแผ่นดินคือสิ่งที่ทุกคน ทีเกิดมาเป็นคนในแผ่นดินนี้พึ่งกระทำค่ะ


มาทำความเข้าใจกับสารพิวรีน(purine)

7922 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ ธันวาคม 7, 2011 เวลา 22:17 ในหมวดหมู่ กรดยูริก, สารพิวรีน, เรื่องเล่าของLin Hui #
อ่าน: 27235

อาหารคือ ยา และ ยาพิษ หากรู้จักกินให้เหมาะสมกับร่างกายในแต่ละช่วงวัย ย่อมทำให้มีสุขภาพแข็ง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เบียดเบียน เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็เสื่อมตามวัย หากรู้จักดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหารให้เหมาะกับวัยใส่ใจในรายละเอียด ร่างกายก็จะเสื่อมช้าลง ทั้งนี้ควรออกกำลังกายที่พอเหมาะ อยู่ในสถานที่อาการบริสุทธิ์ และรู้จักบริหารอารมณ์ แค่นี้ผู้สูงวัย จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วค่ะ

วันนี้ อาม่าขอพูดเรื่อง สารพิวรีน(purine) ที่มีอยู่ในอาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าในเนื้อสัตว์บกสัตว์น้ำ สัตว์ปีก ธัญพืช ถั่วผักผลไม้….เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเลือกรับประทานอาหาร ที่เหมาะสมต่อวัย และสภาพของร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงวัย ที่จะมีสภาวะกระดูกพรุนข้อเสื่อม สภาวะขาดแคลเซี่ยม

ข้อมูลโดย
หน่วยสุขศึกษา ฝ่ายผู้ป่วยนอก
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย

กรดยูริกคืออะไร
กรดยูริก เกิดจากสารพิวรีน ที่มีอยู่ในอาหารหลายชนิดกรดยูริกในร่างกายได้จาก 2 ทางคือ
1. จากอาหารที่รับประทาน ประมาณร้อยละ 20 ได้จากอาหารที่รับประทาน ซึ่งมีมากในเนื้อสัตว์ ซึ่งจะถูกย่อยสลายจนเกิดเป็นยูริก
2. จากร่างกายสร้างขึ้นเอง ประมาณร้อยละ 80 ได้ จากการสลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อในร่างกายแล้วถูกเปลี่ยนให้เป็นกรดยูริก เช่นกล้ามเนื้อทำงานมากขึ้นหรือภาวะอดอาหาร
โดยปกติร่างกายจะมีระดับกรดยูริกในเลือดไม่สูงกว่า 7 มิลลิกรัมในเลือด 1000 มิลลิลิตร เนื่องจาก มีระบบควบคุมการสร้างและการกำจัดกรดยูริกอย่างสมดุล โดยปกติกรดยูริกจะถูกขับออกทางไต 2 ใน 3 ของที่ร่างกายสร้างขึ้น อีกส่วนหนึ่งจะขับออกทางลำไส้ใหญ่ทางน้ำลาย น้ำย่อยและน้ำดีซึ่งจะถูกทำลายโดยแบคทีเรียในลำไส้

ภาวะกรดยูริกในเลือดสูงเกิดขึ้นได้อย่างไร
สาเหตุของภาวะกรดยูริกสูงในเลือดนั้นมักไม่ทราบแน่ชัด โดยทั่วไปมีปัจจัยมาจาก
1. ร่างกายสร้างกรดยูริกมากเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมการสร้างกรดยูริกให้อยู่ในระดับปกติได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์หรือบริโภคอาหารประเภทโปรตีนอาหารมากเกินไป
2. ร่างกายขับกรดยูริกออกได้ไม่ดีหรือน้อยลงดี จากโรคไตพิการ การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาวัณโรคบางชนิด เป็นต้น


คุณรู้ไหมว่า ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการกินของเรา เพราะว่าถ้ากินไม่ดี ก็เกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ารู้จักเลือกกินให้เหมาะสม จะทำให้คุณสามารถห่างไกลโรคได้ ซึ่งโรคเกาต์ ก็เป็นอีกโรคหนึ่ง ที่เกิดจากปัญหาในเรื่องอาหารการกิน วิธีการป้องกันและบรรเทา อาการเจ็บป่วยจากโรคเกาต์ที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีพิวรีนสูง เพราะว่าจะทำให้เกิดการอักเสบของข้อขึ้นอีก

โรคเกาต์ เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดตามข้อชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกัน ของกรดยูริกภายในข้อ และประกอบกับการที่มีปริมาณกรดยูริกสูงด้วย คนแต่ละวัย ก็มีระดับกรดยูริกในเลือดที่แตกต่างกันได้ เช่น ผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน จะมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าคนในวัยอื่นๆ และนอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคเกาต์ มากกว่าผู้หญิงอีกด้วย

คราวนี้มาพิจารณา ว่า สารพิวรีน นั้นมีอยู่ในอาหารประเภทไหนบ้างมากน้อยอย่าง

อาหารที่มีพิวรีนน้อยได้แก่ ธัญพืชต่างๆ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ผัก และผลไม้เกือบทุกชนิด (0-50 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม

อาหารที่มีพิวรีนปานกลาง ได้แก่ ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู เนื้อวัว ปลากะพงแดง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ถั่วลันเตา หน่อไม้ ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม (50-100 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)

อาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ปลาดุก ปลาซาร์ดีน ปลาไส้ตัน กุ้ง ไข่ปลา น้ำต้มกระดูก น้ำสกัดเนื้อ ซุปก้อน กะปิ ชะอม กระถิน สะเดา เห็ด (150 มิลลิกรัมขึ้นไปต่ออาหาร 100 กรัม)

แหล่งข้อมูล : www.ku.ac.th/e-magazine - นิตยสารเกษตรศาสตร์ ฉบับที่ 74 สิงหาคม 2549


การประเมินผลผลิตข้าว

อ่าน: 2527

การประเมินผลผลิตในนาข้าว โดยเฉพาะนาดำด้วยเครื่องปักดำ เนื่องจากสามารถปลูกเป็นแถว ที่ตั้งระยะระหว่างแถว และระหว่างกอได้ตามความต้องการ ในการทำแปลงนาดำสาธิต หนึ่งไร่ครึ่ง เป็นนาข้าวหอมมะลิ105 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับความอนุเคราะห์ทั้งกล้าข้าวหอมมะลิ 105 อายุ 15วัน พร้อมเจ้าหน้าที่นาสาธิต และรถปักดำจากบริษัทสยามคูโบต้าคอร์เปอเรชั่น จำกัด มาช่วยปักดำให้เป็นการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นภาระกิจส่วนหนึ่งของการตอบแทนสังคม

อาม่าได้ขอตั้งเครื่องปักดำ ดังนี้ คือ

  1. ปักดำที่ละสามต้น(หนึ่งกอ)
  2. ตั้งระยะห่างระหว่างแถว 30 ซม.
  3. ตั้งระยะห่างระหว่างกอ 20 ซม.

ในพื้นที่หนึ่งไร่ จะมีเนื้อที่ 1,600 ตารางเมตร  หากเราปักดำข้าวตามข้อกำหนด จะมีข้าว 15 กอ/หนึ่งตารางเมตร

การประเมินผลผลิตข้าวอย่างคร่าวๆ โดยการคำนวนผลผลิตในเนื้อหนึ่งตารางเมตร

อ่าม่าสุ่มเก็บรวงข้าวมาจำนวนหนึ่ง นับเมล็ดข้าว/ต่อรวง เฉลี่ยแล้วได้ข้าว 207 เมล็ด / รวง ซึ่งเป็นค่าที่สูงทีเดียว

นับเมล็ดข้าว

เลือกพื้นที่กลางนา วัดเนื้อที่ หนึ่งตารางเมตร ตัดข้าวทั้งหมดที่อยู่ภายในเนื้อที่หนึ่งตารางเมตร เพื่อมานับจำนวนลำข้าวที่ออกรวง

ตัดข้าวในหนึ่งตารางเมตร

เด็กๆ ที่สามารถนับเลข หนึ่งถึงสิบได้ มาช่วยกันนับรวงข้าว กองละสิบรวง ผู้ใหญ่จะมารวมเป็นกำละ ห้าสิบรวง เพื่อสะดวกแก่การนับจำนวนรวงข้าวในหนึ่งตารางเมตร ทั้งนี้อาม่าให้โอกาสเด็กๆ ได้ม่ส่วนร่วมในการประเมินผลผลิตข้าวในแปลงนานี้ สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆ ด้วย และได้เรียนรู้ว่าการนับรวงข้าวนี้ได้ประโยขน์อะไร ผลปรากฏว่าได้ข้าวทั้งหมด 234 รวง

จากนั้นอาม่าจะประเมินผลผลิต/ไร่ได้สะดวกขึ้น จากประสบการณ์การคาดคะเนผลผลิต ทุกครั้งที่ทำการเก็บเกี่ยวข้าว จะเกิดความเสียส่วนหนึ่งจากการเก็บเกี่ยว และความไม่สม่ำเสมอของรวงข้าว และจำนวนเมล็ดข้าวลีบส่วนหนึ่ง ต้องไม่ลืมหักความเสียหายออกก่อนการคำนวน จึงใช้ค่าเมล็ดข้าวดีสองค่าคือ  150 เมล็ด / รวง และ 100 เมล็ด / รวง ในการคำนวนผลผลิตข้าวในหนึ่งตารางเมตร และใช้จากข้อมูล ข้าว 1,000 เมล็ดหนัก  30 กรัม(ชาวนาวันหยุด)ในการคำนวนในดังนี้

  1. ในกรณี  ใช้ ตัวเลขข้าว 150 เมล็ด / รวง  ในการคนวนข้าวต่อหนึ่งตารางเมตร  234×150x30/1,000 = 1.053 กก. ในนาหนึ่งไร่จะผลผลิตข้าว 1.053 x 1,600 = 1,684.8 กก.
  2. ในกรณี ใช้ ตัวเลขข้าว 100 เมล็ด / รวง  ในการคนวนข้าวต่อหนึ่งตารางเมตร   234×100x30/1,000 = .702 กก. ในนาหนึ่งไร่จะผลผลิตข้าว  .702 x 1,600 = 1,123.2 กก.

สรุปผลผลิตต่อไร่ ไม่ต่ำกว่า หนึ่งตันแน่นอน

ในที่สุดการชั่งน้ำหนักข้าวในนาแปลงนี้ (หนึ่งไร่ครึ่ง)เกิดขึ้นหลังจากตากข้าวสี่วันจนแห้ง ได้น้ำหนัก 1,502 กก. ซึ่งเป็นน้ำหนักแห้ง ที่สูญเสียน้ำหนักอย่างน้อย 10 % ดังนั้นน้ำหนักวันเก็บเกี่ยว  1,652.2 กก. สรุปได้ข้าวจริงๆ เกินหนึ่งตัน ต่อไร่ค่ะ



Main: 0.04637598991394 sec
Sidebar: 9.4259960651398 sec