เมื่อมาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากเป็นนักเรียนที่ต้องจัดตารางสอนเรียนวันละ แปด วิชา มาเป็นระบบหน่วยกิต วิชาละ สามหน่วยกิต ภาคการศึกษาละไม่ต่ำกว่า สิบแปดหน่วยกิต ตลอดหลักสูตร ไม่ต่ำกว่า หนึ่งร้อยสีสิบสี่หน่วยกิต สบายมากๆ จากที่เคยเรียนหนัก มาเรียนสบาย จันทร์ พุธ ศุกร์ เรียน สี่วิชา อังคาร พฤหัสเรียนสองวิชา มีช่วงว่างทุกวัน ถ้าอยากว่างบ่ายตลอด ก็จัดตารางสอนอังคาร พฤหัส เป็นช่วงเช้าสองวิชาแค่นั้นเราก็ว่างช่วงบ่ายเต็มๆ ไปเลย มีเวลว่างมาก ก็เล่นกีฬาซิค่ะ เพราะชอบอยู่แล้ว หัดเล่นแบดมินตั้น ปิงปอง เล่นได้ดีพอสมควร จึงได้เข้าทีมกับรุ่นพี่ เล่นที่สวนเจ็ดรินเป็นประจำ ส่วนบาสเก็ตบอลนั้นไม่ต้องพูดถึงเป็นตัวนักกีฬาของคณะที่เดียวค่ะ แข่งชิงแช่มป์บาสเก็ตบอลหญิงของมหาวิทยาลัยทุกปี ตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ พูดง่า่่ยๆว่า แข่งบาสฯ ตั้งแต่เข้าเรียนจนจบ มช. เป็นการแข่งขันพบกันทุกคณะ ทีมที่มีคะแนนสูงสุดสองอันดับ จะเป็นคู่ชิงแชมป์บาสหญิง ซึ่งได้เข้าชิงทุกปี แต่ก็ได้ตำแหน่งรองแชมป์สามปี เพราะแชมป์ก็เป็นคณะแพทย์ทั้งสามปี นักบาสฯหญิงคณะแพทย์เป็นทีมพยาบาลที่เป็นรุ่นเดียวกันทั้งทีม มีรูปร่างสูงใหญ่สมส่วนสมกับเป็นนักกีฬา ต่างกับนักกีฬาบาสเก็ตบอลของคณะสังคมศาสตร์ ซึ่งตัวเล็กกระทัดลัด น่าตาจุ๋มจิ๋มเรียกเสียงเชียร์จากขอบสนามได้เป็นอย่างดี จนถึงปีสุดท้ายได้ครองตำแหน่งแชมป์บาสเก็ตบอลหญิงเป็นครั้งแรก จนทางคณะฯ ตัดเสื้อสามารถให้ทีมบาสเก็ตบอลหญิง ให้เป็นเกียรติประวัติ แต่สาเหตุที่ทำให้ได้แชมป์ หลายคนคงพอเดาออกนะค่ะ เพราะแชมป์เก่าเขาจบไปทั้งทีม ทีมใหม่ไม่แกร่งเท่าทีมเก่า จึงสามารถเอาชนะได้ค่ะ กว่าจะได้แชมป์ ต้องใช้เวลาถึงสี่ปีค่ะ
ลองทายดูซิว่าคนไหนคืออาม่า คราวนี้ห้ามหมียักษ์ทายเด็ดขาด เพราะเขาไปเชียรอาม่าทุกนัดค่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะมีแฟนกีฬาเต็มขอบสนาม แต่มาแปลกใจตอนที่เป็นอาจารย์กันแล้ว ขยันมาที่ภาควิชาเหลือเกิน ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรอีก เพราะเป็นเพื่อนสนิทของ อ.เสน่ห์ หมียักษ์ตามาเรียนรู้เรื่องภาพถ่ายทางอากาศ และแผนที่ ยิงเนียนใหญ่ ไม่สงสัยสักนิดเลยค่ะ จนไปเรียนต่างประเทศกลับมา มาอยู่แฟลตปิ่นโตแฟลตเดียวกันอีก อาม่าอยู่ชั้นสาม หมียักษ์อยู่ชั้นสอง จำได้ว่าวันแรกที่กลับมาจากอังกฤษ มารายงานตัวที่มหาวิทยาลัย มายืมเตารีดจากอาม่าค่ะ นี่แหละน่า คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน