กว่าจะได้เสื้อสามารถ

5 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ พฤศจิกายน 1, 2009 เวลา 14:03 ในหมวดหมู่ ความรักที่เป็นธรรมชาติ, นักกีฬา, สังคม ครอบครัว #
อ่าน: 3689

เมื่อมาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากเป็นนักเรียนที่ต้องจัดตารางสอนเรียนวันละ แปด วิชา มาเป็นระบบหน่วยกิต วิชาละ สามหน่วยกิต ภาคการศึกษาละไม่ต่ำกว่า สิบแปดหน่วยกิต ตลอดหลักสูตร ไม่ต่ำกว่า หนึ่งร้อยสีสิบสี่หน่วยกิต สบายมากๆ จากที่เคยเรียนหนัก มาเรียนสบาย จันทร์ พุธ ศุกร์ เรียน สี่วิชา อังคาร พฤหัสเรียนสองวิชา มีช่วงว่างทุกวัน ถ้าอยากว่างบ่ายตลอด ก็จัดตารางสอนอังคาร พฤหัส เป็นช่วงเช้าสองวิชาแค่นั้นเราก็ว่างช่วงบ่ายเต็มๆ ไปเลย มีเวลว่างมาก ก็เล่นกีฬาซิค่ะ เพราะชอบอยู่แล้ว หัดเล่นแบดมินตั้น ปิงปอง เล่นได้ดีพอสมควร จึงได้เข้าทีมกับรุ่นพี่ เล่นที่สวนเจ็ดรินเป็นประจำ ส่วนบาสเก็ตบอลนั้นไม่ต้องพูดถึงเป็นตัวนักกีฬาของคณะที่เดียวค่ะ  แข่งชิงแช่มป์บาสเก็ตบอลหญิงของมหาวิทยาลัยทุกปี ตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ พูดง่า่่ยๆว่า แข่งบาสฯ ตั้งแต่เข้าเรียนจนจบ มช. เป็นการแข่งขันพบกันทุกคณะ ทีมที่มีคะแนนสูงสุดสองอันดับ จะเป็นคู่ชิงแชมป์บาสหญิง ซึ่งได้เข้าชิงทุกปี แต่ก็ได้ตำแหน่งรองแชมป์สามปี เพราะแชมป์ก็เป็นคณะแพทย์ทั้งสามปี นักบาสฯหญิงคณะแพทย์เป็นทีมพยาบาลที่เป็นรุ่นเดียวกันทั้งทีม มีรูปร่างสูงใหญ่สมส่วนสมกับเป็นนักกีฬา ต่างกับนักกีฬาบาสเก็ตบอลของคณะสังคมศาสตร์ ซึ่งตัวเล็กกระทัดลัด น่าตาจุ๋มจิ๋มเรียกเสียงเชียร์จากขอบสนามได้เป็นอย่างดี จนถึงปีสุดท้ายได้ครองตำแหน่งแชมป์บาสเก็ตบอลหญิงเป็นครั้งแรก จนทางคณะฯ ตัดเสื้อสามารถให้ทีมบาสเก็ตบอลหญิง ให้เป็นเกียรติประวัติ แต่สาเหตุที่ทำให้ได้แชมป์ หลายคนคงพอเดาออกนะค่ะ เพราะแชมป์เก่าเขาจบไปทั้งทีม ทีมใหม่ไม่แกร่งเท่าทีมเก่า จึงสามารถเอาชนะได้ค่ะ กว่าจะได้แชมป์ ต้องใช้เวลาถึงสี่ปีค่ะ

ลองทายดูซิว่าคนไหนคืออาม่า คราวนี้ห้ามหมียักษ์ทายเด็ดขาด เพราะเขาไปเชียรอาม่าทุกนัดค่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรเพราะมีแฟนกีฬาเต็มขอบสนาม แต่มาแปลกใจตอนที่เป็นอาจารย์กันแล้ว ขยันมาที่ภาควิชาเหลือเกิน ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรอีก เพราะเป็นเพื่อนสนิทของ อ.เสน่ห์ หมียักษ์ตามาเรียนรู้เรื่องภาพถ่ายทางอากาศ และแผนที่ ยิงเนียนใหญ่ ไม่สงสัยสักนิดเลยค่ะ จนไปเรียนต่างประเทศกลับมา มาอยู่แฟลตปิ่นโตแฟลตเดียวกันอีก อาม่าอยู่ชั้นสาม หมียักษ์อยู่ชั้นสอง จำได้ว่าวันแรกที่กลับมาจากอังกฤษ มารายงานตัวที่มหาวิทยาลัย มายืมเตารีดจากอาม่าค่ะ นี่แหละน่า คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน


แข่งบาสเก็ตบอลกับทีมชาติ

9 ความคิดเห็น โดย Lin Hui เมื่อ ตุลาคม 31, 2009 เวลา 21:18 ในหมวดหมู่ นักกีฬา, สังคม ครอบครัว #
อ่าน: 3004

นับตั้งแต่เล็กจนโตชอบเล่นกีฬาทุกชนิด เป็นเพราะเป็นกฏระเบียบของทางบ้าน ที่ทุกคนจะต้องเล่นคนตรี หรือเล่นกีฬา โดยคุณพ่อจ้างครูมาสอนคนตรีที่บ้าน มีกีร์ต้า ออร์แกน แอคคอร์เดี้ยน ไวโอลิน และกลอง ตั้งวงได้สบายๆ คุณพ่อเล่นทั้งกีร์ต้า ออร์แกน และแอคคอร์เดี้ยน น้องชายคนโตเล่นกลองคนหนึ่ง ส่วนน้องชายอีกคนเล่นไวโอลิน สำหรับ Lin Hui ชอบฟังเพลง เล่นออร์แกนได้นิดหน่อย พวกน้องๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็จะคอยเต้นระบำ ส่ายฮาวาย แล้วจะได้รางวัลเป็นเงิน Lin Hu ไม่ถนัดดนตรี แต่ชอบกีฬามากกว่า และเล่นได้ดีพอต้วเกือบทุกชนิด สำหรับบาสเก็ตบอลชอบเป็นพิเศษ ด้วยเหตุที่ชอบตามพี่สาวตนโตไปซ้อมบาสเก็ดบอลที่สนามบาสฯ ประจำจังหวัดสตูลตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ ตอนแรกก็ช่วยเก็บลูกบอลส่งให้นักกีฬาเวลาลูกบอลออกนอกสนาม  ชนิดครูพักลักจำ ชูดลูกไม่ถึงแป้นเสียด้วยซ้ำ ส่วนเรื่อง เทคนิคแครีบอล รับส่งบอลเป็นเรื่องถนัด เพราะแอบไปเรียนรู้ดูนักกีฬาผู้ชายซ้อม พอเขาหยุดพัก ก็เล่นสนุกไปเลยมีพี่ๆ ผู้ชายช่วยสอนพื้นฐานให้ อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันแข่งจริงนักกีฬาตัวจริงเกิดปวดท้องลงแข่งไม่ได้ เขาก็เลยจับลงแข่งบาสเก็ตบอลแทน จำได้ว่าใส่ชุดกีฬาตัวโตลุ้มล่ามมาก เพราะLin Hui ตัวเล็กที่สุด อายุแปดขวบเอง ใจนั้นเต็มร้อยเลย เรียกเสียงตบมือลั่นสนาม ตอนนั้นฮึกเหิมมาก ไม่กลัวอะไรเลย สามารถเล่นกับเขาได้ นับตั้งแต่นั้นมาได้เป็นนักบาสฯ สมใจตั้งแต่อยู่จังหวัดสตูล พอย้ายมาอยู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ก็เป็นนักกีฬาบาสฯ ระดับโรงเรียน และได้ผ่านการคัดตัวเป็นนักบาสฯ ของสโมสรเอี๋ยวอิง ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี(บ้านดอน) ที่อายุน้อยที่สุด และเคยแข่งกับทีมชาติขณะนั้นมาแล้ว

ผลปรากฏว่าแพ้ แต่ชนะใจกองเชียรทั้งสนามค่ะ แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แข่งบาสกับทีมชาติไทยค่ะ



Main: 0.048048973083496 sec
Sidebar: 0.069674015045166 sec